Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สูตรสันติภาพโลก อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ratanamanee
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ต.ค. 2008
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 09 ต.ค.2008, 9:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สูตรสันติภาพโลก
(จากหนังสือชุดพาตัวใจกลับบ้าน ตอนที่ ๕ ศาสนาและการเมือง ผู้เขียน ศุภวรรณ พิพัฒพรรณวงศ์ กรีน )
ดิฉันมักพูดเสมอในงานอบรมธรรมว่า จะบอกให้พระไม่ยุ่งการเมืองนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะการเมืองกับเรื่องศาสนาจำเป็นต้องเดินเคียงข้างกันเสมอเหมือนพ่อแม่จูงลูก หรือ พี่จูงน้อง ถ้าผู้ใหญ่ไม่จูงผู้น้อยแล้ว การหลงทางย่อมเกิดได้ง่ายมาก ดิฉันจึงเห็นสมควรที่จะให้หนังสือชุดพาตัวใจกลับบ้าน ตอนที่ ๕ นี้เป็นเรื่องที่นำศาสนาและการเมืองมาเกี่ยวโยงกัน

ผู้ใหญ่ท่านแรกที่หยิบยื่นมืออันแข็งแกร่งเพื่อจูงผู้น้อยทั้งหลายคือ พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราชาวพุทธนั่นเอง การตรัสรู้ของท่านหมายถึง การเข้าไปรู้ข้อเท็จจริงเรื่องการติดคุกชีวิต (สังสารวัฏ) ของมวลมนุษย์ ท่านจึงสามารถเป็นไก๊ดนำทางพามนุษย์ทั้งหลายให้ออกจากคุกชีวิตหรือถึงนิพพาน นี่คือเป้าหมายอันสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดในประเทศใด นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ไม่สำคัญ เป้าหมายของมนุษย์ในทุกชาติ ทุกศาสนา ล้วนเหมือนกันหมด คือ ทุกคนต้องรู้ข่าวดีเรื่องการออกจากคุกชีวิตทั้งสิ้น ใครที่เกิดในเมืองพุทธอย่างเมืองไทยเรา ก็จะโชคดีมากหน่อยในแง่จะสามารถรู้ข่าวดีเรื่องการออกจากคุกชีวิตได้เร็วกว่าผู้ที่เกิดในวัฒนธรรมที่ไม่ได้เอื้ออำนวยให้รู้ข่าวดีนี้

การเมืองจะเข้ามาเกี่ยวโยงกับเรื่องการออกจากคุกชีวิตในจุดที่สามารถวางแผน งานในระดับใหญ่เพื่อช่วยให้คนรู้ข่าวเรื่องการออกจากคุกชีวิต พร้อมทั้งเตรียมตัวคนหมู่มากให้เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางนั้น หากเปรียบพระนิพพานคือ ภูกระดึงแล้ว หน้าที่ของรัฐบาลไทยคือ การกวาดต้อนชาวไทยที่ยังหลงทางกระจัดกระจายอยู่ในทิศต่าง ๆ ให้มารวมตัวกันที่สระบุรี และชี้ทางต่อให้ไปโคราช หากใครเดินทางถึงโคราชแล้ว การไปเมืองเลย และภูกระดึงย่อมเป็นเรื่องง่ายแล้ว การกวาดต้อนผู้คนที่กำลังหลงทิศชีวิตนั้น หมายความว่า รัฐบาลจะต้องมอบหมายให้กระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ทำงานอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงศึกษาธิการ นอกจากตั้งเป้าให้เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ บวกลบคูณหารได้ ให้เขามีความรู้ทางโลก มีทักษะในการทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตได้แล้ว กระทรวงศึกษาธิการยังต้องรับผิดชอบต่อการสอนให้เด็กไทยทุกคนรู้วิธีการเดินทางออกจากคุกชีวิตนี้ด้วย ซึ่งพระพุทธเจ้าได้บอกทางไว้ชัดเจนแล้วว่า ให้ทำเรื่องเดียวเท่านั้น คือ ฝึกฝนเรื่องสติปัฏฐานสี่ ซึ่งได้รวมเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ไว้แล้วอย่างพร้อมสรรพ

เพื่อให้สอดคล้องกับคนที่กำลังหลงทิศชีวิตเพราะกลับบ้านไม่ถูก ดิฉันจึงนำคำพระนั้นมาแปลงให้เป็นวลีร่วมสมัยว่า “พาตัวใจกลับบ้าน” ฉะนั้น เป้าหมายหลักที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องเน้นมากที่สุด คือ ให้แน่ใจว่าเด็กไทยทุกคนมีโอกาสได้ฝึกฝนเรื่องพาตัวใจกลับบ้าน โดยทำเรื่องนี้เป็นหลักสูตรบังคับที่เด็กทุกคนจะต้องฝึกฝนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัย แม้ในหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็ยังต้องส่งเสริมให้คนปฏิบัติเรื่องนี้เป็นอาจิณ

หากกระทรวงศึกษาธิการสามารถทำได้เช่นนี้แล้ว เท่ากับเป็นการสร้างประชาชนไทยให้มีคุณภาพดีในส่วนของจิตใจอันเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน คุณภาพที่แท้จริงของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดปราดเปรื่อง (ไอคิว) ในความรู้ทางโลกถ่ายเดียว เพราะความรู้ทางโลกเป็นความรู้ที่เกิดในคุกชีวิต ที่ช่วยให้คนรู้สภาพแวดล้อมของคุกเท่านั้น ยังไม่มีประโยชน์อย่างสูงสุด ในขณะที่ความรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นความรู้ที่จะพาคนออกจากคุก ฉะนั้น คุณภาพที่แท้จริงของมนุษย์จึงอยู่ที่รู้เรื่องการออกจากคุกชีวิต และสามารถพาตัวใจกลับบ้านได้ คนที่พาตัวใจกลับบ้านได้นั้น จิตใจของเขาจะมีความดีงามอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อมีประชากรที่พาตัวใจกลับบ้านมากขึ้น สังคมก็จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ สุข และสันติ

หากระบบการศึกษาไทยสามารถทำได้เช่นนี้แล้ว ถนนในเมืองไทยก็จะเกลื่อนไปด้วยคนไทยที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าคนเหล่านี้จะเข้าไปรับใช้ประชาชน (รับราชการ) ในกระทรวงทบวงกรมไหนก็ตาม เขาย่อมรับใช้ประชาชนไทยได้อย่างเต็มที่โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว การฉ้อราษฎ์บังหลวง และการขายชาติย่อมไม่เกิด คนดีเหล่านี้จะสามารถจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและบุคคลให้พอดิบพอดีกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงเพื่อให้คนไทยอยู่กินอย่างพอประมาณในขณะที่กำลังฝึกฝนการพาตัวใจกลับบ้านเพื่อการออกจากคุกชีวิตอย่างถาวร หากรัฐบาลไม่มีเป้าหมายเรื่องการออกจากคุกชีวิตอย่างชัดเจนแล้วไซร้ ย่อมมีแต่เรื่องการเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินเลยเพื่อตอบสนองความโลภของมนุษย์เพียงถ่ายเดียว เหมือนถังที่มีรูรั่ว ถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม ท่านมหาตมะ คานธี ได้กล่าวว่า “ทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพียงพอที่จะเลี้ยงมนุษย์ในโลกทุกคน แต่จะไม่พอเลี้ยงความโลภของคนเพียงคนเดียว”

ฉะนั้น ศาสนาและการเมืองจึงเป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้อย่างเด็ดขาด ผู้นำทางการเมืองจำเป็นต้องรับคำแนะนำจาก “ผู้รู้จริง” ของฝ่ายศาสนจักร สังคมมนุษย์จึงจะอยู่รอดได้อย่างแท้จริง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเบื้องต้น ดิฉันจึงได้นำเสนอสูตรการสร้างสันติภาพของโลกให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณา นี่เป็นความคิดใหม่ของดิฉันที่เพิ่งเกิดหลังจากที่ดิฉันกลับจากการอบรมธรรมซึ่งได้จัดในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑ ที่เมืองพอรต์แลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ดิฉันกำลังเขียนบทสรุปให้แก่ลูกศิษย์ชาวอเมริกันหลังการอบรมในเดือนมิถุนายนนั้น สูตรการสร้างสันติภาพโลกนี้ก็ได้เข้ามาในหัวของดิฉันอย่างฉับพลันทันใด ซึ่งเป็นสมการที่ดิฉันลอกเลียนมาจากสูตรการสร้างความสำเร็จของชีวิตโดยอัลเบิรต์ ไอน์สไตน์ ซึ่งดิฉันเห็นว่า ยังไม่มีความลึกซึ้งเพียงพอเพราะเป็นความรู้ที่เกิดในคุกชีวิต ดิฉันจึงนำสูตรนั้นมาปรับตัวแปรของมันใหม่ให้เป็นสูตรการสร้างสันติภาพแก่ชาวโลกแทน นั่นคือ หากให้
A = สันติภาพของโลก (มนุษยชาติอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข)
X = ความสงบสุขของหญิงทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน
Y = ความสงบสุขของชายทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน
Z = ความมีศีลของหญิงชายทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน

เราจะได้สูตรการสร้างสันติภาพของโลกเช่นนี้ คือ A = X+Y+Z ดิฉันเห็นว่า สูตรการสร้างสันติภาพให้แก่ชาวโลกนี้มิใช่เป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวแต่อย่างใด เป็นเรื่องของการบวกเลขธรรมดาที่แม้เด็ก ๆ ก็ยังเข้าใจได้ง่าย ๆ เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ซับซ้อนและยุ่งยาก เหมือนการมอบหมายหน้าที่ให้มนุษย์แต่ละคนไปผลิตน้ำเย็น ๆ หยดหนึ่ง (สร้างความสงบสุขในจิตใจตนเอง) แล้วแต่ละคนก็เอาน้ำเย็นแต่ละหยดของตนมาเทรวมกันในอ่างน้ำเย็นขนาดใหญ่ ก็จะบรรลุเป้าหมายของการสร้างสันติภาพโลกแล้ว ซึ่งต่างจากการแก้ปัญหาของนักการเมืองระดับโลกที่ทำกันอยู่ในขณะนี้

ในขณะที่ดิฉันกำลังเขียนคำนำนี้ เป็นเวลาเดียวกับการประชุมกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ๘ ประเทศ G8 Summit ที่ประเทศญี่ปุ่น ดิฉันได้ฟังผู้นำประเทศเหล่านั้นพูดเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของโลกอย่างตั้งใจ เพราะต้องการรู้ว่าในกลุ่มคนที่เป็นผู้นำของชาวโลกนั้น มีใครที่มีภูมิปัญญาอย่างแท้จริงหรือไม่ จึงนั่งถ่างหูฟังปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องการขาดแคลนน้ำมัน อาหารแพงขึ้น แก้ปัญหาโลกร้อน ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศก็ล้วนอ่านคำเขียนที่สวยหรู เพื่อเสนอข้อแนะนำที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าว ฟังแล้ว ล้วนเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน และ ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้อย่างแท้จริง เมื่อประชุมเสร็จ คนรวยก็ยังคงรวยต่อไป เผาผลาญทรัพยากรต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเหมือนที่ทำมาแล้ว และคนจนก็จนต่อไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลย ปีแล้วปีเล่า ทั้ง ๆ ที่ประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจล้วนแสดงเจตจำนงที่จะช่วยเหลือคนจนในประเทศด้อยพัฒนา ส่วนผู้นำของประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายทั้งในเอเชีย อาฟริกา และอเมริกาใต้เล่า ก็ยังคงทำตัวเป็นนักเผด็จการเหมือนเดิม ถูกประชาชนไล่แล้วไล่อีก ก็ยังไม่ยอมถอนตัว ทู่ซี้ครองอำนาจต่อไปอย่างไม่มียางอายเหมือนนายมูกาบี้ของประเทศซิมบาบเว่ และรัฐบาลทหารของประเทศพม่า ประเทศยากจนเหล่านี้ แม้ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากประเทศร่ำรวยแล้วก็ตาม แต่เงินเหล่านั้นก็ไม่ได้ตกถึงมือคนจนเลย ไปกองอยู่ในมือของผู้นำเผด็จการทั้งนั้น สถานการณ์ของโลกมนุษย์จึงไม่มีอะไรดีขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ยากจนมีแต่จะจนลง ความทุกข์ในหมู่มนุษย์แผ่กว้างไปทั่วทุกมุมโลก

ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นผลของตัวแปรสำคัญที่ผู้นำทางการเมืองของโลกมองข้ามคือ จิตใจของมนุษย์ที่ถูกอวิชชา (หนูเจอรี่) ครอบงำอยู่ หนูดำในจิตใจของมนุษย์แต่ละคนจึงเหมือนเป็นผู้กำกับหนังที่สามารถสร้างโลกให้สวยสดงดงามหรือให้แปดเปื้อนไปด้วยเลือดของมนุษย์กันเอง ไม่ว่าคนเก่ง (ผู้นำประเทศ) เหล่านี้จะมีอุดมการณ์และคำพูดที่สวยหรูอย่างไร ตราบใดที่พวกเขายังไม่มีภูมิปัญญาในการสร้างมนุษย์ให้เป็นคนดีมีศีลธรรม สามารถใช้ชีวิตอย่างมีรากแก้วซึ่งเป็นคุณภาพที่แท้จริงแล้วละก็ คำพูดที่สวยหรูเหล่านั้นย่อมไม่มีผลในภาคปฏิบัติเลย เป็นเพียงลมหอม ๆ ที่พัดมาแล้ว ก็ผ่านเลยไป

ดิฉันจึงเห็นว่า สูตรแห่งการสร้างสันติภาพโลกที่เรียบง่ายและชัดเจนนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวโลกในขณะนี้ ความยุ่งเหยิง ซับซ้อน ตลอดจนความทุกข์ที่กำลังเกิดในหมู่มนุษย์นั้นล้วนเป็นสัญญาณที่ชี้ชัดว่า ชาวโลกกำลังหลงทิศชีวิตอย่างสุดกู่ ไม่สามารถหาทางออกจากคุกชีวิตได้ ฉะนั้น สูตรสันติภาพโลกนี้แหละจะเป็นประกายเหมือนแสงที่อยู่ปลายถ้ำที่จะช่วยนำทางให้ชาวโลกรู้เป้าหมายปลายทางของชีวิต และเป็นสูตรที่มนุษย์ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างทันทีทันใด

ในภาคปฏิบัตินั้น จะต้องเริ่มต้นที่คนไทยก่อน โดยให้การสนับสนุนช่วยเหลือดิฉันจัดตั้งสถาบันพาตัวใจกลับบ้านให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว เพื่อสถาบันนี้จะได้เป็นแหล่งแจกจ่ายความรู้เรื่องพาตัวใจกลับบ้านหรือปฏิบัติการไล่หนูออกจากบ้านให้แก่ชาวไทยและชาวต่างชาติที่สนใจก่อน พระบรมศาสดาตรัสว่า “กลิ่นหอมของสัจธรรมย่อมโชยไปได้ไกลมาก” ใครที่ปฏิบัติจนเข้าบ้านที่ ๔ สามารถรับผัสสะอย่างบริสุทธิ์ได้แล้ว เขาก็จะพบสัจธรรมนั้นด้วยตนเอง ดิฉันจึงอยากเชื่อว่าชื่อเสียงของสถาบันพาตัวใจกลับบ้านนี้จะต้องโชยออกไปสู่ชาวโลกในที่สุดเพราะกลิ่นหอมของสัจธรรมที่ผู้ปฏิบัติได้ลิ้มชิมรสนั่นเอง

เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว (ต้องหวังว่าดิฉันยังไม่ตายเสียก่อน) ดิฉันจะนำเสนอให้องค์การสหประชาชาติยอมรับเรื่องอายตนะที่ ๖ (The 6th sense) ของพระพุทธเจ้าอย่างเป็นทางการ ดิฉันเห็นเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวพุทธที่จะต้องช่วยกันทำงานใหญ่ชิ้นนี้ให้แก่พระบรมศาสดาของเราเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ท่านได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่า มนุษย์มีการรับรู้ทางผัสสะได้ ๖ ทาง ไม่ใช่ ๕ ทาง ซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นมาถึง ๒๕๙๖ ปีแล้วนับแต่คืนที่ท่านได้ตรัสรู้ ความรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของมนุษยชาตินี้ก็ยังถูกเมินเฉย ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากชาวโลกเลย จนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โลกวุ่นวายถึงปานนี้ ดิฉันจึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเราชาวพุทธจะต้องเริ่มตะโกนให้เสียงดังมากเพียงพอที่ชาวโลกจะได้ยิน และทำให้องค์การสหประชาชาติ The United Nations ยอมรับความรู้เรื่องอายตนะที่ ๖ ของพระพุทธเจ้าให้ได้

เราต้องทำให้ได้ถึงจุดนั้น การสร้างวัฒนธรรมสติปัฏฐานที่เอื้ออำนวยให้มนุษย์เดินทางออกจากคุกชีวิตจึงจะเริ่มต้นได้อย่างแท้จริง การยอมรับอายตนะที่ ๖ หรือ ตาใจ นั้น ย่อมเปรียบเหมือนการกระชากผ้าผูกตาใจออก เพื่อชาวโลกจะสามารถใช้ตาใจหาทางเดินออกจากคุกชีวิตได้ด้วยตนเอง นอกจากนั้น ท่าออกกำลังกายไท้เก็กชี่กง ๑๘ ท่าที่ดิฉันได้สอนนั้น จะเป็นวัฒนธรรมสติปัฏฐานสากลที่ไม่อิงชาติ ศาสนา และลัทธิทางการเมือง จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยประสานให้ชาวโลกมารวมกันภายใต้ป้ายชื่อเดียวเท่านั้นคือ ความเป็นชาวมนุษย์ของโลกกลมใบนี้ โดยปราศจากการแบ่งแยก ทุกคนสามารถเดินทางออกจากคุกชีวิตได้โดยการพาตัวใจกลับบ้านกับการรำไท้เก็กชี่กงที่ช่วยเสิรมสร้างสุขภาพกายและใจไปพร้อม ๆ กัน

คุณอาจจะคิดว่า นี่เป็นอุดมคติส่วนตัวของดิฉันที่เพ้อฝันและไกลความจริง แต่ที่จริงแล้ว อุดมการณ์นี้ทำได้ทันที ที่นี่ เดี๋ยวนี้ โดยเริ่มที่ตัวคุณผู้กำลังอ่านประโยคนี้อยู่ หากคุณเห็นด้วยกับดิฉันและสามารถพาตัวใจกลับบ้านได้ตามที่ดิฉันสอนแล้ว คุณก็ได้เป็นผู้หนึ่งที่กำลังมีส่วนในการสร้างสันติภาพ (น้ำเย็นหยดหนึ่ง) ให้แก่โลกกลมใบนี้แล้วทันที หากคุณต้องการทำให้ได้มากกว่านี้ คุณก็ช่วยดิฉันป่าวประกาศข่าวดีเรื่องการออกจากคุกชีวิต โดยการแนะนำหนังสือ เว็บไซต์ ซีดีต่าง ๆ ให้แก่บุคคลที่คุณรัก ให้เขามีโอกาสรู้ข่าวดีเรื่องการออกจากคุกชีวิตเหมือนคุณ และช่วยดิฉันจัดตั้งสถาบันพาตัวใจกลับบ้านเพื่อดิฉันจะได้กวาดคนที่หลงทิศชีวิตได้ทีละมาก ๆ เมื่อคุณทำได้เช่นนี้แล้ว ดิฉันเชื่อว่า เราอาจจะมีโอกาสได้เห็นสังคมโลก เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แม้คุณจะไม่เห็นผลรวมในช่วงชีวิตของคุณ ก็ยังอุ่นใจว่าลูก หลาน เหลน โหลน ของคุณจะมีโอกาสได้อยู่เย็นเป็นสุขบ้าง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ แม้คุณจะไม่ได้เห็นสันติภาพของโลกก็ตาม แต่ในขณะที่คุณกำลังหยิบยื่นน้ำเย็นหยดเล็ก ๆ ของคุณเพื่อสร้างสันติภาพให้แก่โลกนี้โดยหลับหูหลับตาพาตัวใจกลับบ้านนั้น น้ำเย็นหยดนั้นจะลูบไล้จิตใจของคุณให้สงบ สุข เย็น และสันติก่อนทันที ใครทำเดี๋ยวนี้ ก็จะได้ผลเดี๋ยวนี้ ฉะนั้น ทำเรื่องนี้เรื่องเดียว คุณจะได้รับแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น

ดิฉันเห็นว่า การสร้างวัฒนธรรมสติปัฏฐานเพื่อกวาดต้อนให้มนุษย์ออกจากคุกชีวิตยังคงเป็นไปได้อยู่ หากมีการนำโดย “ผู้รู้จริง” ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าของเราเป็นบุคคลแรกที่สร้างวัฒนธรรมสติปัฏฐานให้สังคมอินเดีย แม้ท่านได้เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานเป็นเวลา ๒๐๐๐ ปีเศษแล้ว วัฒนธรรมสติปัฏฐานก็ยังคงมีอยู่ในสังคมอินเดีย ดังที่ชาวปาฏลีบุตรได้ทักทายกันในสังคมของเขาว่า “ขณะนี้เธอกำลังปฏิบัติฐานไหนอยู่หรือ?” ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำถามว่า “ขณะนี้ตัวใจของเธออยู่บ้านไหนล่ะ”

ดิฉันเห็นว่า โลกมนุษย์กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และมนุษย์เหลือทางเลือกอยู่เพียง ๒ ทางเท่านั้น คือ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมและรอวันแห่งการทำลายล้างจนสิ้นอารยธรรมของมนุษย์ หรือ ทุกคนให้ความร่วมมือเร่งรีบสร้างวัฒนธรรมสติปัฏฐานโดยทำตามสูตรการสร้างสันติภาพของโลก A = X+Y+Z ดิฉันเห็นว่ายังไม่สายเกินไปที่พวกเราชาวมนุษย์จะมาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมสติปัฏฐานอีกโดยนำเอาปัญหาที่สร้างความทุกข์ในระดับโลกทั้งหลายมาเป็นอุทาหรณ์เพื่อเตือนใจตนเองให้สร้างสิ่งดีงามขึ้นมาแทน ความรู้เรื่องออกจากคุกชีวิตนี้แหละจะเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่ทำให้ปัญหาอื่น ๆ ล้มหายตายจากไปเองโดยอัตโนมัติ

ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพให้แก่ชาวโลก จึงกล้าประกาศสูตรการสร้างสันติภาพโลกออกมาอย่างเปิดเผยโดยไม่เกรงว่า คนจะมองดิฉันเหมือนคนบ้า
แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะช่วยดิฉันลุยเรื่องนี้แล้วหรือยัง?
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 3:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ค่อนข้าง -งง
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 8:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอภาคสรุปหน่อยครับ

แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะลุยไหม

ตอนนี้

x = งง

y = ไม่เข้าใจ

z = สับสน

สรุป

x = y = z
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 8:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บทความของท่านอ.ศุภวรรณ กรีน
ท่านเขียนเรื่อง พาตัวใจกลับบ้าน กระผมได้อ่านเล่มแรกๆที่อาจารย์เขียนมาพอสรุปว่า.....

บ้านคือ นิพพาน
พาตัวใจ หรือใจ กลับบ้านคือ เข้าสู่นิพพาน
โดยวิธีสติปัฏฐาน 4 ท่านเปรียบเป็นบ้าน 4 หลัง(บ้านกาย เวทนา จิต ธรรม)

เมื่อใจเข้าสู่บ้านคือนิพพานทุกคนจะมีความสุข....

อ้างอิงจาก:
A = สันติภาพของโลก (มนุษยชาติอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข)
X = ความสงบสุขของหญิงทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน
Y = ความสงบสุขของชายทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน
Z = ความมีศีลของหญิงชายทุกคนเนื่องจากได้พาตัวใจกลับบ้าน

เราจะได้สูตรการสร้างสันติภาพของโลกเช่นนี้ คือ A = X+Y+Z


นั่นคือสันติภาพของโลกเกิดขึ้นได้จากทุกคนเดินตามสติปัฏฐาน 4 เพื่อไปนิพพาน.....

(ผิดถูกอย่างไร จขกท.ช่วยชี้แนะด้วยครับ) ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกวันนี้เราเหมือนติดคุก .... คุกคือสังสารวัฏนะครับ
เมื่อสลัดโซ่ตรวนคือสังโยชน์ทั้ง 10...ที่ร้อยรัดเราให้ตรึงอยู่ในคุก
ก็จะพบอิสระ หลุดพ้นจากคุก.....กลับบ้านคือนิพพาน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 12:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณฌาน สาธุ ๆ ๆ
ตัวจริง ชัดเจน
สู้ สู้
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 3:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายหน้าแดง อายหน้าแดง อายหน้าแดง ยิ้มแก้มปริ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2008, 9:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม ยิ้ม
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 5:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ

สันติภาพจงมีแด่โลก
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง