Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หมอชีวกโกมารภัจจ์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ฤทธิ์ ศรีดวง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 08 ต.ค. 2008
ตอบ: 10
ที่อยู่ (จังหวัด): Bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2008, 6:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หมอชีวกโกมารภัจจ์

๑. อธิษฐาน.....

๑.ย้อนแสนกัปพุทธกาลที่ผ่านพ้น
พระทศพลผู้ประกาศศาสนา
พระปทุมุตระศาสดา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคราวนั้น

๒.นอกอารามงามล้วนด้วยมวลไม้
แผ่ดอกใบเขียวขจีต่างสีสัน
บุรุษหนึ่งพักกายใต้พฤกษ์พรรณ
มองกุฏิภควันต์ที่ชั้นใน

๓.เห็นชายผู้งามสง่ามาอาราม
เป็นประจำจึงตามมาถามไถ่
ว่า “ตัวท่านนี่หรือคือผู้ใด
น่าเลื่อมใสศรัทธาในท่าที”

๔.ท่านตอบอย่างสุภาพให้ทราบว่า
“เราคือหมอผู้รักษาพระชินสีห์
หนึ่งพุทธกาละจึงจะมี
หนึ่งแพทย์ที่รักษาตถาคต”

๕.บุรุษฟังคำท่านจึงมั่นหมาย
อยากเป็นหมอถวายพระโอสถ
“ทำไฉนชาติหน้าอนาคต
หากกำหนดได้ขอเป็นหมอยา”

๖.“อธิษฐานจิตเถิดจะเกิดผล
บุญกุศลจะประสาทปรารถนา
ได้เป็นแพทย์ประจำพระสัมมา
เหมือนตัวข้าเมื่อครั้งเคยตั้งใจ”

๗.บุรุษตอบขอบคุณ…ยังครุ่นคิด
กำลังจิตส่งผลถึงหนไหน
จึงเข้าเฝ้าสักการะพระจอมไตร
ทรงตอบให้ทุกคำจนสำราญ

๘.เกิดปิติชุ่มเย็นเป็นกุศล
จึงนิมนต์คณะท่านฉันอาหาร
ชุลีก้มประนมหัตถ์นมัสการ
อธิษฐานกราบพระบาทศาสดา

๙.“ข้าแต่องค์สมณะพุทธเจ้า
ลูกคุกเข่าหมายมาดในชาติหน้า
เกิดเป็นแพทย์เชี่ยวชาญในด้านยา
ได้รักษาพระบพิตรพิชิตมาร”

๑๐.“เอวํ โหตุ บรรลุผล
ดังกมลท่านคิดพิษฐาน
อีกแสนกัปนับจากวันท่านวายปราณ
เกิดในกาลสมณะพระโคดม”

๑๑.ผ่านวัฏฏ์เวียนว่ายเกิดตายดับ
แต่ละกัปวาระบุญสะสม
ปฏิบัติศรัทธาเป็นอารมณ์
บุญจึงบ่มเต็มครบในภพนี้

๒. กำเนิด.....

๑๒.ไพศาลีเมืองใหญ่สมัยก่อน
เป็นนครร่ำรวยด้วยเศรษฐี
มั่งคั่งมากจากเสน่ห์โสเภณี
อาชีพที่ผู้คนต่างสนใจ

๑๓.สตรีใดรูปสวยสำรวยล้ำ
ทั้งร้องรำเพลงกลอนได้อ่อนไหว
กษัตริย์จะแต่งตั้งวางพระทัย
ตำแหน่งใหญ่ยศโตโสเภณี

๑๔.หญิงเลอโฉมบำเรอชายโดยขายร่าง
ต่างเมืองต่างมุ่งสู่กรุงศรี
ผลาญเงินทองกองให้ไพศาลี
คือเหตุที่บ้านเมืองนั้นเฟื่องฟู

๑๕.ราชคฤห์นครามีวาณิช
มาเพลินพิศธานีที่งามหรู
เห็นเมืองสวยรวยทองอยากลองดู
จึงกลับสู่เมืองเข้าเฝ้าราชา

๑๖.ทูลเรื่องเมืองโสเภณีมากมีทรัพย์
พิมพิสารทรงสดับคำพ่อค้า
จึงคัดสรรสาวรุ่นหุ่นโสภา
ชื่อนาง..สาลวดี สตรีงาม

๑๗.ตำแหน่งหญิงงามเมืองลือเลื่องลั่น
จนตั้งครรภ์มีท้องจึงต้องห้าม
แจ้งบ่าวให้ฟังคำแล้วทำตาม
ตอบคนถาม..ป่วยหนักขอพักยาว

๑๘.จนวันคลอดบุตราผู้อาภัพ
ปิดห้องหับเกรงผู้คนรู้ข่าว
จนตกฟากราตรีฟ้ามีดาว
แอบให้บ่าวเอาลูกออกไปนอกกรุง

๑๙.อภัยกุมารเสด็จจรในตอนสาง
เลาะริมทางกองขยะกลิ่นคละคลุ้ง
เห็นกากลุ้มรุมแย่งฝูงแร้งมุง
บ้างโผพุ่งดังหวั่นอันตราย

๒๐.ทอดพระเนตรเบื้องหน้าเป็นทารก
เลือดในอกของใครช่างใจร้าย
มหาดเล็กแจ้งเหตุว่าเพศชาย
“ถ้าไม่ตายอุ้มไปยังในวังเวียง”

๒๑.ให้ชื่อชีวกโกมารภัจจ์
คือ..ชีพหยัดด้วยว่าเจ้าฟ้าเลี้ยง
ฉลาดเกินใครเปรียบมาเทียบเคียง
ยินแต่เสียงล้อประจำว่ากำพร้า

๒๒.ใครเล่นด้วยแพ้พ่ายผูกใจเจ็บ
มาพูดเหน็บมึนตึงซึ่งซึ่งหน้า
จึงทูลถามอภัยกุมารผู้ผ่านมา
“พ่อแม่ข้าเป็นใครอยู่ไหนกัน”

๒๓.เจ้าฟ้าทรงอึดอัดจึงตรัสว่า
“โน่นมารดาเจ้าคงอยู่ตรงนั้น”
ไหนล่ะแม่?..เห็นแต่ร่างนางกำนัล
ฤาตัวฉันเปล่าเปลี่ยวแต่เดียวดาย

๒๔.อภัยกุมารตรัสเตือนเหมือนให้คิด
“อย่ายึดติดคำพล่ามไร้ความหมาย
เป็นคนดีไว้เถิดเมื่อเกิดกาย
อย่าอับอายใครหมิ่นหรือนินทา”

๒๕.นั่งในห้องคนเดียวอย่างเดี่ยวโดด
มิได้โกรธคำลือหรือถือสา
เป็นปมด้อยน้อยใจในชะตา
ให้เวลากินกลืนหรือฝืนมัน

๒๖.“ข้าจะกลับมาอยู่อย่างผู้ชนะ
ชีวกจะสู้มิรู้หวั่น
แม้ความรู้แห่งมนุษย์ไกลสุดจันทร์
จะฝ่าฟันมาครองด้วยสองมือ

๒๗.ท่านเจ้าฟ้าอภัยอย่าได้โกรธ
ที่ทรงโปรดเมตตาข้าคนซื่อ
จะแอบจรตอนดึกไปฝึกปรือ
เมื่อมีชื่อลือกระฉ่อนจะย้อนมา”

๒๘.ชีวกหนีหายมิได้บอก
โดยลอบออกไปรอพวกพ่อค้า
ที่เดินทางกลับสำนักตักศิลา
ให้ช่วยพาเข้าสู่ประตูเมือง…

๓. ตักศิลา.....

๒๙.ชีวกวัยสิบหกเหนื่อยอกอ่อน
ถึงนครตักศิลาเมื่อฟ้าเหลือง
คนมากมายหมายมุ่งความรุ่งเรือง
หวังปราดเปรื่องเป็นปราชญ์ฉลาดนัก

๓๐.แล้วเดินดุ่มเรื่อยไปอ่อนไอแดด
ย่ำถึงสำนักแพทย์จึงหยุดพัก
เมื่อตรองตรึกลึกซึ้งจึงตระหนัก
เป็นแพทย์รักษาไข้คงได้ดี

๓๑.จึงเข้าหาคณาจารย์ให้ท่านรับ
แต่ว่าทรัพย์ของเรามีเท่านี้
อาจารย์มองเจตนาอย่างปราณี
เงินไม่มีก็ได้ต้องใช้แรง

๓๒.ฟืนต้องผ่า หุงอาหาร ล้างจานข้าว
เป็นไพร่บ่าวไปจนทุกหนแห่ง
เพื่อแลกค่าวิชาราคาแพง
เพราะใจแกร่งเกินคนจึงทนทาน

๓๓.ไม่มีพ่อ แม่ มิตร ให้คิดถึง
ชีวิตหนึ่งเกิดมาปาฏิหาริย์
ความรู้ลึกศึกษากับอาจารย์
อีกไม่นานคงจบในเจ็ดปี

๓๔.ด้วยอ่อนน้อมถ่อมตนจึงคนชอบ
งานที่มอบอาสาเต็มหน้าที่
ล้ำหน้ากว่าบรรดาศิษย์ทั้งทฤษฎี
จนบัดนี้คำนึงถึงนคร

๓๕.จึงเอ่ยถามอาจารย์ว่า“นานเหลือ
หากนับเมื่อจากบ้านแต่กาลก่อน
อยากคืนกลับย้อนเยือนยังเรือนนอน
ศิษย์เรียนอ่อนหรือเขลาไม่เท่าทัน

๓๖.จึงไม่จบสักทีจวบปีเจ็ด
จะสำเร็จปีไหนยังไหวหวั่น
อาจารย์โปรดเมตตาอย่าว่ากัน
โปรดตอบฉันผู้เยาว์ที่เฝ้ารอ”

๓๗.“วิชาแพทย์เหมือนบันไดหลายหลายขั้น
เขาเรียนกันสิบหกปีว่าที่หมอ
เจ้าเรียนอีกสองปีจะดีพอ
ลูกศิษย์หนอห่วงบ้านด้วยการใด

๓๘.ถ้าหากเจ้ามีจิตคิดถึงบ้าน
ทดสอบผ่านวิชาจึงลาได้
ต้องเข้าป่าเสาะหาสมุนไพร
พืชมิใช่ตัวยาเอามาพลัน”

๓๙.ชีวกเดินทั่วทั้งสี่ทิศ
เพ่งพินิจพืชในพฤกษ์ไพรสัณฑ์
ทั้งเปลือกผลดอกรากหลายหลากพรรณ
จนเจ็ดวันสี่ร้อยเส้นที่เน้นดู

๔๐.ครบเวลาจึงย่ำกลับสำนัก
หน้าทุกข์หนักเศร้าสลดแสนอดสู
เดินเข้าหาอาจารย์กราบกรานครู
“ศิษย์ไม่รู้ไม้ใดมิใช่ยา

๔๑.ทั่วพงไพรพฤกษาดูมาหมด
เปลือก ใบสด ดอก ผล และต้นหญ้า
เป็นโอสถสอดคล้องต้องตำรา
มิอาจหาพืชใดให้อาจารย์”

๔๒.อาจารย์ยิ้มชอบใจในคำตอบ
หยิบเงินมอบใส่พับพอกลับบ้าน
“เธอเรียนจบตำราวิชาการ
ทั้งในด้านปฏิบัติและจัดยา

๔๓.เป็นหมอแล้วดังใจรู้ไหมศิษย์
เธอลิขิตทั้งหมดใช่กฎฟ้า
อย่าทิ้งวางหนังสือหรือตำรา
อย่ายึดติดเงินกว่ารักษาคน

๔๔.คนที่ไร้แม่พ่อย่อมท้อแท้
เธอกลับแปรเป็นพลังอย่างเห็นผล
หากวิญญูรู้สำนึกคอยฝึกตน
จะหลุดพ้นโชคชะตาอย่างถาวร”

๔๕.ชีวกวันทาอำลาแล้ว
ทั้งเพื่อนแก้วพ่อครูทุกผู้สอน
เพื่อน อาจารย์ ขานช่วยอำนวยพร
กลับนครราชคฤห์ในครานั้น...
๔.รักษาโรคปวดศีรษะ...

๔๖.เดินทางถึงพาราเมืองสาเกต
ก่อนถึงเขตราชคฤห์นครขัณฑ์
เสบียงหมดกลางทางตอนกลางวัน
ยินโจษจันเสียงชนน่าสนใจ

๔๗.พูดถึงเมียเศรษฐีปวดศีรษะ
ไม่ลดละบรรเทาทุเลาไข้
เสาะหาหมอทั่วแคว้นสุดแดนไกล
รักษาไม่ได้ผลจนปัญญา

๔๘.หมอหนุ่มเผยให้เห็นว่าเป็นหมอ
“ข้าจะขอช่วยท่านขันอาสา
โรคแบบนี้..พอดีข้ามียา
โปรดนำข้าไปสู่ดูอาการ”

๔๙.ถึงเคหาสถ์เศรษฐีตามที่หวัง
เศรษฐีฟังคำบ่าวมากล่าวขาน
เมียประเมินถ้อยคำอย่างชำนาญ
“ข้ารำคาญจริงเชียวพวกเดียวกัน

๕๐.หมอที่พบประสบการณ์ก็นานช้า
มารักษาค่ำเช้าก็เท่านั้น
เกือบเจ็ดปีอึดอัดข้ากัดฟัน
บอกอย่าฝันมาพล่ามเสียน้ำลาย”

๕๑.ชีวกฟังบ่าวจึงกล่าวว่า
“จะไม่คิดค่ายาถ้าไม่หาย
ไปเถิดไปบอกเล่าแก่เจ้านาย
ไม่ต้องจ่ายเงินถังอย่ากังวล”

๕๒.บ่าวมาบอกโดยจำจากคำเล่า
“ลองให้เขารักษาข้าชักสน”
จึงนำหมอเดินอ้อมมาพร้อมตน
หลีกไพร่วนเข้ามาอยู่หน้านาง

๕๓.ตรวจอาการเดี๋ยวเดียวหมอเหลียวหน้า
“ช่วยจัดหาสิ่งของสองสามอย่าง
ถ้วยตะไลเนยใสใส่จางจาง”
บ่าวข้างข้างวางพัดแล้วจัดมา

๕๔.หมอหนุ่มนำสมุนไพรมาใส่เคล้า
ต้องสูดเข้าในร่างทางนาสา
ให้นางหงายนอนถนัดแล้วนัตถุ์ยา
เนยไหลพร่าออกปากจึงขากลง

๕๕.ในกระโถนเนยเยิ้มและเริ่มไหล
นางบอกไพร่ข้างเตียงจนเสียงหลง
“เอาสำลีซับกั้นอย่างบรรจง
เก็บไว้คงทำยาคราจำเป็น”

๕๖.หมอหนุ่มมองความที่ตระหนี่เหนียว
นางก็เหลียวมาดูรู้ความเห็น
“ข้าจ่ายมาเจ็ดปีเหมือนมีเวร
ทิ้งเงินเล่นเท่าไรก็ไม่พอ”

๕๗.ปวดศีรษะค่อยคลายหายสนิท
คืนชีวิตคืนสุขจากทุกข์ท้อ
มอบรางวัลทันทีไม่รีรอ
ชื่อเสียงหมอโด่งดังทั้งนคร

๕๘.คนต่างตามหมอมารักษาไข้
พอรายได้เริ่มดีมีเงินก้อน
จึงลาเหล่าชาวกรุงแล้วมุ่งจร
สู่เมืองนอนบ้านเกิดกำเนิดกาย...

๕. รักษาพระเจ้าพิมพิสาร.....

๕๙.ถึงราชคฤห์ธานียินดีนัก
ได้พบพักตร์พระอภัยเหมือนใจหมาย
พระบิดาพิโรธสุดเรื่องบุตรชาย
แต่ค่อยคลายเมื่อถามได้ความจริง

๖๐.“ลูกหนีไปเพื่อเพียรเล่าเรียนหมอ
มิได้ขออภัยสิทธิ์ความผิดยิ่ง
กลับมาวังยังรักที่พักพิง
เป็นขวัญมิ่งที่ลูกนั้นผูกพัน”

๖๑…เล่าเรื่องเมืองสาเกต เมียเศรษฐี
เรื่องเจ็ดปีผ่านมาตามหาฝัน
“ขอทดแทนคุณบ้างจากรางวัล
ที่เคยเลี้ยงหม่อมฉันจนวันนี้”

๖๒.พระบิดาคราสดับมองทรัพย์สิน
ก็สุดสิ้นโกรธเคืองเรื่องหลบหนี
จึงเชื่อคำราชบุตรโดยดุษฎี
ส่งทรัพย์ที่ได้รับคืนกลับไป

๖๓.พิมพิสารกษัตริย์ทรงขัดจิต
ด้วยโลหิตจากทวารซึมซ่านไหล
เปื้อนภูษาเป็นจ้ำรำคาญพระทัย
หมอจนใจรักษาดับอาการ

๖๔.เมื่อหมอหลวงหมดปัญญารักษาไหว
พระอภัยทูลบิดา“ด้วยว่าหลาน
จบแพทย์จากตักศิลามาไม่นาน
อาจเชี่ยงชาญโรคพระองค์ควรทรงลอง”

๖๕.แล้วเบิกตัว ชีวกโกมารภัจจ์
จอมกษัตริย์เห็นบุรุษผู้ผุดผ่อง
“โอ้หลานข้างามสง่าและน่ามอง
เคยหนีล่องเลยลับแล้วกลับวัง

๖๖.เข้ามาเถิดหลานชายใกล้ใกล้ปู่
เมื่อมองดูนึกหวนถึงหนหลัง
เจ้าศึกษาวิชาแพทย์เพียงลำพัง
คงสมหวังงดงามด้วยความรู้”

๖๗.ชีวกถวายบังคมและก้มกราบ
ด้วยซึ้งซาบบุญคุณเป็นทุนอยู่
จะทดแทนคุณท่านกตัญญู
ดังคำครูเคยสอนแต่ก่อนกาล

๖๘.ชีวกตรวจดูสักครู่ใหญ่
ปรุงยาให้เหมาะสมทั้งขมหวาน
คอยรับใช้รักษาพยาบาล
จนองค์ท่านหายสนิทด้วยฤทธิ์ยา

๖๙.เมื่อทรงฟื้นวรกายได้อีกครั้ง
จึงแต่งตั้งเป็นหมอมิรอช้า
ประจำราชสำนักมีศักดินา
กินเงินตราเบี้ยหวัดในบัดดล….

๖. ผ่าตัดลำไส้.....

๗๐.ณ ต่างเมืองต่างบ้านพาราณสี
คหบดีมีสุขกลับทุกข์ล้น
ด้วยบุตรชายผู้ซึ่งมีหนึ่งคน
ต้องทุกข์ทนปวดท้องจนร้องคลาน

๗๑.ทนจุกเสียดเวทนาแสนสาหัส
ไส้บีบรัดทุกครากินอาหาร
สิ้นปัญญาหาหมอทรมาน
นอนซมซานผอมแห้งหมดแรงเดิน

๗๒.ราชคฤห์ต่างเมืองหมอเลื่องชื่อ
เสียงร่ำลือโจษจันเขาสรรเสริญ
เมื่อมองบุตรสุดสงสารยิ่งนานเกิน
มาอัญเชิญหมอประจำราชสำนัก

๗๓.เมื่อราชาอนุญาตสมคาดหมาย
มุ่งหน้าบ่ายเร่งรุดมิหยุดพัก
ถึงร่างบุตรบนบ้านอาการหนัก
ให้หมอรักษาเจ้าอย่าเศร้าใจ

๗๔.ตรวจคนไข้สักครู่ก็ดูออก
เป็นเนื้องอกเมื่อคลำถึงลำไส้
ถ้าผ่าตัดจะรอดและปลอดภัย
ถ้าปล่อยไว้คงตายวายชีวา

๗๕.“ท่านรักบุตรสุดใจใช่ไหมท่าน”
“สุดดวงมานข้ารักลูกหนักหนา”
“แต่ครั้งนี้เกินคำธรรมดา
เพราะต้องผ่าตัดไส้ที่ในท้อง”

๗๖.เศรษฐีฟังยังสะอึกพลอยนึกว่า
ยอมให้ผ่าไส้ลูกมิถูกต้อง
“เชื่อใจข้าหรือไม่โปรดไตร่ตรอง
จงปิดห้องข้าจะทำตามลำพัง”

๗๗.ยอมทำใจไม่มีวิธีอื่น
ลูกคงฟื้นลืมตามาอีกครั้ง
ชีวกจิตนิ่งและจริงจัง
ของผ่าตัดจัดตั้งแล้ววางยา
๗๘.แล้วผ่าท้องตัดไส้ข้างในออก
ตัดเนื้องอกเก็บสอยเย็บรอยผ่า
อย่างแคล่วคล่องถูกต้องตามตำรา
ใช้เวลาไม่นานในการนี้

๗๙...เริ่มอรุณแดดใสคนไข้ตื่น
น้ำตาชื้นชุ่มเนตรท่านเศรษฐี
ลูกแข็งแรงร่างกายเริ่มหายดี
ตบรางวัลทันทีอย่างปรีดา

๘๐.เกียรติคุณเซ็งแซ่แพร่สะพัด
หมอผ่าตัดอัศจรรย์จากชั้นฟ้า
พิมพิสารทรงปลื้มในปรีชา
มีหมอยาเลิศคนในมณเฑียร...

๗. ผ่าตัดสมอง.....

๘๑.ราชคฤห์ครานั้นในวันก่อน
เศรษฐีนอนร้าวรวดเพราะปวดเศียร
แทบสิ้นชีพชีวาทั้งอาเจียน
หมอแวะเวียนบอกให้ว่าใกล้ตาย

๘๒.อัญเชิญหมอชีวกวาระนั้น
กี่หมื่นพันกหาปณะจะถวาย
ช่วยเศรษฐีหนีห่างจากวางวาย
เป็นที่พึ่งที่สุดท้ายอย่าหน่ายจร

๘๓.ชีวกตรวจคลำแล้วย้ำว่า
“ท่านต้องให้สัญญากับข้าก่อน”
“ว่ามาหมอ..ขอตามท่านทุกขั้นตอน
ช่วยผันผ่อนความตายให้หายวับ”

๘๔.“หลังผ่าตัดต้องทำดังจำแนก
เจ็ดเดือนแรกตะแคงขวาเมื่อคราหลับ
อีกเจ็ดเดือนตะแคงซ้ายอย่าหน่ายนับ
แล้วพลิกกลับนอนหงายให้เจ็ดเดือน”

๘๕.เศรษฐีท่านสัญญาอย่างว่าง่าย
ปล่อยร่างกายหลับตาให้ผ่าเฉือน
ยาสลบออกฤทธิ์ไม่บิดเบือน
ตาเริ่มเลือนหูไม่รับแล้วหลับไป

๘๖.ในห้องมีเมียเศรษฐีกับมีหมอ
ญาติให้รอนอกห้องไม่ต้องใกล้
เมื่อวางยาผ่ากระโหลกดูโรคภัย
พยาธิในหัวสมองเห็นสองตัว

๘๗.คีบพยาธิที่ก่อต้นตอโรค
ปิดกระโหลกตามตะเข็บเย็บหนังหัว
เอายาทาเอาผ้าพันเกรงท่านกลัว
จึงพันทั่วหัวหูให้ดูดี

๘๘.นำพยาธิออกมาต่อหน้าญาติ
ต่างประหลาดถึงเหตุโรคเศรษฐี
“อัศจรรย์หมอเอ๋ยไม่เคยมี
สมคำที่สรรเสริญเก่งเกินคน”

๘๙.ครบวันเจ็ดที่เศรษฐีตะแคงขวา
ขอเปลี่ยนมาตะแคงซ้ายไม่วายบ่น
พอนอนหงายเจ็ดวันกัดฟันทน
ก็ร้องก่นร่ำร่ำอย่างคร่ำครวญ

๙๐.ชีวกคอยแลเห็นแผลหาย
ตรวจร่างกายเศรษฐีอย่างถี่ถ้วน
“ท่านหายแล้วข้าขอหลบไม่รบกวน”
เศรษฐีหวนประหวั่นถึงสัญญา
๙๑.“ข้าจับร่องรอยเย็บมิเจ็บแผล
นี่เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นหนา
ได้พักผ่อนนอนหลับสามสัปดาห์
ไหนบอกข้าคงต้องเกือบสองปี”

๙๒.ชีวกยิ้มชอบแล้วตอบว่า
“ถ้าบอกเรื่องเวลาน้อยกว่านี้
คงตะแคงไม่สำเร็จเจ็ดราตรี
กลวิธีที่คิดข้าปิดบัง”

๙๓.ท่านเศรษฐีชื่นชอบคำตอบนั้น
มอบรางวัลก้อนใหญ่เกินใครหวัง
เหมือนเกิดใหม่กำยำมีกำลัง
เป็นอีกครั้งหมอชื่อระบือไกล...

๘. ถวายพระโอสถพระพุทธองค์.....

๙๔. เวฬุวันสถานในกาลก่อน
พระชินวรจำพรรษาวัดป่าไผ่
พิมพิสารราชามาสร้างไว้
ถวายให้เป็นวัดโดยศรัทธา

๙๕.พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ
เป็นเนืองนิจทุกวันหลายพรรษา
ประทับนั่งนานเนิ่นเกินเวลา
จนกายาพระชินวรเริ่มอ่อนแอ

๙๖.ทรงท้องผูกไม่ถ่ายมาหลายหน
พระอานนท์ตามหมอมาหาทางแก้
ชีวกรับเป็นผู้มาดูแล
รับใช้แด่เบื้องบทพระทศพล

๙๗.ตรวจพระองค์เพียงครู่ก็รู้ว่า
ต้องจัดยาอย่างไรจึงได้ผล
รีบจัดการหาสามก้านอุบล
ใส่ยาปนปรุงอบครบกระบวน

๙๘.ให้พระองค์สูดยาทีละก้าน
ยาแผ่ซ่านเข้าบำบัดทุกสัดส่วน
บังคนหนักเริ่มถ่ายคลายประชวร
ของเสียล้วนถูกขับกายกลับคืน

๙๙.ให้ทรงสรงน้ำอุ่นกระตุ้นผล
เลือดลมทุกขุมขนไหลวนลื่น
ทรงแข็งแรงมีกำลังทั้งนั่งยืน
หมอยิ้มรื่นแจ้งเหตุเจตจำนง

๑๐๐.“ลูกเลื่อมใสพระธรรมสามิต
ขอตั้งจิตทำตามความประสงค์
ขอเป็นแพทย์ประจำพระพุทธองค์
และพระสงฆ์สาวกดังยกมา”...

๙. รักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชต.....

๑๐๑.อุชเชนนีเมืองไกลสุดปลายเขต
เป็นประเทศทางประจิมริมขอบฟ้า
ชีวกยังชื่อเลื่องลือชา
ทั้งเรื่องยาผ่าตัดคนให้พ้นตาย

๑๐๒.เมืองอุชเชนนีมีราชันย์
พระเจ้าจัณฑปัชโชตผู้โหดร้าย
ทรงประชวรนานปีไม่คลี่คลาย
พระวรกายเหลืองผอมจึงตรอมตรม

๑๐๓.ทรงอาพาธจึงส่งราชสาส์น
ด้วยสังขารป่วยหนักโรคหมักหมม
ขอยืมตัวหมอยาผู้กล้าคม
ขอกราบก้มน้อมนอบขอบพระทัย

๑๐๔.พิมพิสารไม่ทรงขัดแต่ตรัสว่า
“หมอของข้าจงฟังระวังไว้
เพราะปัชโชตโหดเถื่อนไม่เหมือนใคร
เอาแต่ใจหงุดหงิดไม่คิดตรอง”

๑๐๕.ชีวกสดับคำทรงกำชับ
น้อมคำนับจำไว้ใส่สมอง
แล้วเดินทางจากเมืองที่เรืองรอง
สู่เมืองทองไกลเร้น..อุชเชนนี

๑๐๖.ถึงเมืองหมาย..แรมรอนจนอ่อนล้า
กราบราชาผู้หงอยด้อยราศี
ร่างผอมหลืองเห็นพลันรู้ทันที
โรคแบบนี้..ดีซ่านต้องการยา

๑๐๗.จึงกล่าวแก่กษัตริย์อย่างชัดถ้อย
“ข้าผู้น้อยรู้จักการรักษา
จัดโอสถถวายท่านตามบัญชา
แต่เกรงว่ารสชาติไม่บาดใจ”

๑๐๘.“ข้ากินง่ายถ่ายคล่องไม่ต้องถาม
แต่ที่ห้ามไว้เลยคือเนยใส
ข้าเกลียดกลิ่นของมันเหม็นบรรลัย
ถ้าเจ้าใส่ลงมาเตรียมลาตาย”

๑๐๙.หมอหนุ่มฟังวาจามิกล้าเผย
เพราะใช้เนยผสมเป็นกระสาย
เมื่อจนตรอกจึงออกกลอุบาย
อย่างแยบคายเร่งรีบเพื่อชีพยัง

๑๑๐.“ขอเดชะข้าน้อยมีข้อแม้
ทรงเห็นแก่เจตนาข้าสักครั้ง
หนึ่ง..ขอห้องปรุงยาอยู่ลำพัง
สอง..เปิดประตูวังทั้งราตรี

๑๑๑.สาม..ขอช้างม้าหนุ่มเน้าฝีเท้าจัด
ราวลมพัดวิ่งไกลได้หลายลี้
เผื่อยาหมดหม่อมฉันไปทันที
เก็บยาที่ไพรวัลย์ทันเวลา”

๑๑๒.ทรงสดับคำจบครบทุกข้อ
“เฮ้ย..ไอ้หมอคนยากฝีปากกล้า
ข้าตกลงห้องหุงเพื่อปรุงยา
เรื่องช้างม้าเหตุผลพิกลจริง

๑๑๓.เอาเถิดหมอกล้าขอก็กล้าให้
เจ้าจะได้สมใจในทุกสิ่ง
จงรีบหุงปรุงยาอย่าประวิง
เป็นหมอที่ยุ่งยิ่งจริงจริงเลย”

๑๑๔.เมื่อได้ของครบครันลั่นดานห้อง
อุดรูช่องป้องกันควันระเหย
ในหม้ออุ่นสมุนไพรและใส่เนย
เกรงจะเผยส่วนผสมคอยดมดู

๑๑๕.สมุนไพรดับกลิ่นเนยสิ้นซาก
ซึ่งยากมากดมไปก็ไม่รู้
เจ็ดวันเคี่ยวยาตามตำราครู
ได้ยาอยู่ถ้วยใหญ่ดังใจนึก

๑๑๖.นำถวายเสร็จสรรพสำทับแทรก
“ในวันแรกจะแน่นอกเหมือนตกตึก
วันที่สองเริ่มเรอจนโล่งลึก
ค่อยรู้สึกร่างกายเริ่มหายดี”

๑๑๗.พอทูลเสร็จกราบลามาด้านหลัง
รีบไปยังโรงช้างจะย่างหนี
ได้ช้างพังขึ้นห้อมิรอรี
หลอกคนที่คอยเฝ้า..“ไปเอายา”

๑๑๘.ด้วยช้างดีฝีเท้าจัดวิ่งลัดทุ่ง
วิ่งจากกรุงป่าราบตายดาบหน้า
หลายสิบโยชน์ถึงชายแดนแสนโรยรา
พักกายาช้างและคนโคนต้นไม้

๑๑๙.ฝ่ายกษัตริย์แน่นอกเพราะโอสถ
ไม่ปรากฏปวดเหน็บหรือเจ็บไข้
วันที่สองเรอออกอย่าบอกใคร
กลิ่นเนยใสระเหยมาจนอาเจียน

๑๒๐.พิโรธโกรธอาฆาตตวาดลั่น
“เอาหมอยาคนนั้นไปบั่นเศียร
หลอกกูกินเนยใสได้แนบเนียน
สอนบทเรียนให้มันจำนอกตำรา”

๑๒๑.เรียก..กากะ..เข้ามารับหน้าที่
“ภาระนี้ให้เอ็งไปเร่งหา
จับตัวมาตัดคอหมอมารยา
เตือนเอ็งอย่าหลงคมคารมมัน”

๑๒๒.มหาดเล็กสดับคำรับสั่ง
ออกจากวังตามติดกระชิดชั้น
ชีวกสุดที่จะหนีทัน
จึงรีบหันหน้ามาเอ่ยปรารมภ์

๑๒๓.“เรายอมแพ้แก่ท่านทหารกล้า
ยอมรับการถูกฆ่าอย่างสาสม
ขอกินข้าวก่อนตายให้หายตรม
มีขนมอร่อยลิ้นมากินกัน”

๑๒๔.กากะปฏิเสธกลัวเลศหมอ
แต่นั่งรอข้างข้างไม่ห่างหัน
โคนมะขามป้อมใหญ่ใต้ตะวัน
หมอหนุ่มนั้นนึกค้นกลอุบาย

๑๒๕.มะขามป้อมผลพวงเริ่มร่วงหล่น
“ทานสักผลดีแท้แก้กระหาย
เกรงท่านเหนื่อยคอแห้งหมดแรงตาย
เราเช็ดทรายและดินคงกินลง”

๑๒๖.ฝ่ายกากะมองเหลียวอย่างเปรี้ยวปาก
ด้วยความอยากน้ำเย็นคอเป็นผง
มะขามตกเห็นกะตาอย่าพะวง
เขานั้นคงไม่ได้แอบป้ายยา

๑๒๗.รับมะขามมาชิมได้ลิ้มรส
แสนชื่นสดดั่งลิ้นกินน้ำท่า
หมอจิกเล็บเหน็บป้ายยาถ่ายทา
ชั่วพริบตาเท่านั้นขวัญกระเจิง

๑๒๘.อุจจาระเรี่ยราดไม่อาจหยุด
ทิ้งร่างทรุดลงแดงหมดแรงเหลิง
เขาเสียท่าแต่ว่าหมอร่าเริง
เหงื่อไหลเจิ่งนองหน้าน้ำตาคลอ

๑๒๙.ยกมือไหว้คล้ายเพลียเสียจริต
“ไว้ชีวิตเอาบุญเถิดคุณหมอ”
หมอตอบ..“แค่ย่อมย่อมพอหอมคอ
ประเดี๋ยวก็จะฟื้นกลับคืนแรง

๑๓๐.ฝากคืนช้างภัททวดีที่ขี่หลัง
ให้เจ้านั่งกลับบุรินทร์ก่อนสิ้นแสง
ข้าจะกลับนคราก่อนฟ้าแดง”
จึงจัดแจงเก็บของแล้วท่องไป

๑๓๑.พอกากะแรงมีจึงขี่ช้าง
ด้นเดินทางถึงพาราที่ฟ้าใส
กษัตริย์ทรงทอดพระเนตรเห็นเหตุภัย
ทรงเดาได้ทันทีด้วยปรีชา

๑๓๒.“อย่าเอาอะไรใส่ปากจากมือหมอ
นี่คงล่อเต็มที่เข้าซิท่า
โรคเดิมเดิมข้าเริ่มหายเพราะได้ยา
ที่โกรธาเพราะไม่เข้าใจความ”

๑๓๓.เมื่อโรคหายกายฟื้นคืนชีวิต
ทรงเลือกพิศผ้าผ่องทองอร่าม
จากสีพีพาราสุดฟ้าคราม
ภูษางามเพียงราชันย์สันต์ติวงศ์

๑๓๔.จึงรับสั่งอำมาตย์ไปราชคฤห์
“จากดวงฤทัยข้านำผ้าส่ง
แด่หมอผู้วิเศษตามเจตจำนง
และกราบองค์ราชาคราเดียวกัน”

๑๐. ชีวกถวายผ้า.....

๑๓๕.ชีวกเมื่อมองสีทองผ้า
ดูสูงค่าราวพรากจากสวรรค์
จึงเร่งรัดสู่วัดเวฬุวัน
ด้วยหมายมั่นถวายพระเพื่อบูชา

๑๓๖.จีวรพระสมัยนั้นผ้าพันศพ
ที่ไปพบทิ้งขว้างกลางป่าช้า
ผ้าชั้นในกันน้ำเหลืองจะเคืองตา
ผ้านอกหนาสะอาดดีทำจีวร

๑๓๗.พระพุทธองค์มิทรงให้สงฆ์รับ
ทุกผืนพับผ้าไตรสมัยก่อน
ชีวกรู้พอจึงขอพร
“พระชินวร ข้าพระองค์ประสงค์ดี

๑๓๘.ขอพรพระพุทธองค์ทรงรับผ้า
ด้วยภูษาสีทองทั้งสองนี้
ขอถวายสักการะพระมุนี
เพื่อเป็นศรีศรัทธาข้าพระองค์

๑๓๙.นับแต่นี้ต่อไปถึงภายหน้า
หากประชาชนที่มีประสงค์
ถวายไตรก็ถวายได้โดยตรง
แด่พระสงฆ์ และกุศลของคนทำ”

๑๔๐.พระศาสดาอนุญาตดังคาดหมาย
ชนทั้งหลายเริงรื่นอย่างชื่นฉ่ำ
จึงจัดผ้าถวายพระเป็นประจำ
ต่างดื่มด่ำในอารมณ์อย่างร่มเย็น

๑๔๑.สงฆ์ปุจฉาผ้าใดควรให้รับ
จึงสดับพระพุทธองค์ลงความเห็น
ทรงอนุญาตโดยตรัสอย่างชัดเจน
“ผ้าที่เป็นเปลือกไม้ ผ้าฝ้ายทอ

๑๔๒.ผ้าขนสัตว์ ผ้าไหมและด้ายป่าน
หรือผสานใยผ้าทั้งห้าข้อ
หกชนิดครบถ้วนจึงควรพอ
จงกล่าวต่อฆราวาสทุกชาติชน”

๑๑. โรค ๕ ชนิด.....

๑๔๓.ชีวกรักษาสงฆ์อาพาธ
แต่ยังอาจช่วยชาวบ้านนานนานหน
จนหรือรวยเจ็บป่วยช่วยทุกคน
แต่คนจนมากนักจึงหนักงาน

๑๔๔.แต่ส่วนใหญ่สงเคราะห์เฉพาะสงฆ์
วันหนึ่งงงผู้คนหัวโล้นล้าน
มีมากขึ้นผิดสังเกตถึงเหตุการณ์
ที่ชาวบ้านโกนหัวอยู่ทั่วไป

๑๔๕.รู้ความจริงยิ่งเก็บความเจ็บปวด
คนแอบบวชเพื่อมารักษาไข้
หายสนิทสมนึกก็สึกไว
ซึ่งมิใช่วิถีที่ดีงาม

๑๔๖.จึงขอพรพระศาสดาอีกวาระ
“ใครบวชพระให้มีโรคที่ห้าม
ลมบ้าหมูโรคมองคร่อ จะขอปราม
ฝี กลาก เรื้อน ก็ตามห้ามทุกคน”

๑๑. สนทนาธรรม.....

๑๔๗.ชีวกเจริญธรรมตามอายุ
จนบรรลุโสดาปัตติผล
กษัตริย์ทรงให้สวนเป็นส่วนตน
ทางถนนไกลมากห่างจากวัด

๑๔๘.ปรารถนาฟังธรรมพระสัมมา
วิสัชนาข้อคิดที่ติดขัด
แต่ไกลเกินเหินห่างไร้ทางลัด
อยากปฏิบัติรับใช้อย่างใกล้ชิด

๑๔๙.จึงสร้างวัดในส่วนสวนมะม่วง
สำเร็จล่วงดังดำริที่ลิขิต
อาราธนาพระธรรมสามิต
บรรดาสงฆ์สานุศิษย์ตามติดมา

๑๕๐.วันหนึ่งกราบพระมุนินชินสีห์
“ด้วยวันนี้หม่อมฉันมีปัญหา
ได้ยินถ้อยคำหมิ่นคนนินทา
โดยกล่าวหาพระองค์อย่างจงใจ

๑๕๑.เพราะทรงสอนงดฆ่านานาสัตว์
แต่แกงตัดเนื้อหั่นกลับฉันได้
ขอองค์พระโลกเชษฐ์แจงเหตุนัย
ชนใกล้ไกลคอยสดับจับประเด็น”

๑๕๒.จึงดำรัสมหาบุรษพระพุทธเจ้า
“สัตว์ที่เรายินเสียงหรือเพียงเห็น
หรือสงสัยฆ่าไว้ถวายเพล
เราละเว้นการเสวยมิเคยกิน

๑๕๓.ภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา
มีเมตตาไปยังสัตว์ทั้งสิ้น
ดิรัจฉานตลอดจนคนเดินดิน
ทุกชีวินเวียนว่ายตายเหมือนกัน

๑๕๔.สมณะมีระเบียบอย่างเรียบง่าย
ใครถวายภัตตาหารท่านก็ฉัน
ประณีต เลว ดีบ้างก็ช่างมัน
ไม่ยึดมั่นยึดติดผิดวินัย”

๑๕๕.ทรงตอบตรัสชัดก่อนจึงย้อนถาม
“เป็นความเบียดเบียนกันอย่างนั้นไหม”
หมอคิดอย่างรอบคอบแล้วตอบไป
ว่า “มิใช่แน่ชัดดังตรัสมา”

๑๕๖.ทรงสดับคำหมอจึงต่อขาน
“ใครจับสัตว์ทรมานโดยการฆ่า
ถวายสงฆ์หรือองค์ศาสดา
ซึ่งถือว่าก่อกรรมย่อมลำเค็ญ

๑๕๗.นำสัตว์มาโดยตนหรือคนอื่น
บาปจะกลืนทั้งหมดมิงดเว้น
คนและสัตว์ต่างก็จะก่อเวร
พระมิได้รู้เห็นหรือเป็นใจ”

๑๕๘.ชีวกกราบงามงามมิถามต่อ
ด้วยหมดข้องุนงงเคยสงสัย
วิสัชนาของพระองค์ตรงหทัย
ยิ่งเลื่อมใสยิ่งล้นพ้นทวี

๑๒. เทวทัตลอบปลงพระชนม์พระศาสดา.....

๑๕๙.ณ หุบเขาคิชฌกูฏมีภูตร้าย
ที่ใจหมายปลิดชีวินพระชินสีห์
เทวทัตผู้ชำนาญฌานโลกีย์
แต่ตอนนี้หมดเดชเป็นเศษคน

๑๖๐.ด้วยละโมบโลภลาภสักการะ
อยากเป็นพระศาสดาดูสักหน
พระโลกนาถขัดขวางเส้นทางตน
จะกลิ้งหินให้หล่นใส่จนตาย

๑๖๑.ตรงช่องเขาพระประทับรับลมพร่าง
มองเบื้องล่างทางฟากคนหลากหลาย
มีความทุกข์สู่สิงทั้งหญิงชาย
หาอุบายใดหนอพอช่วยทัน

๑๖๒.เทวทัตแอบซ่อนหลังก้อนหิน
พระมุนินทราบดีมิได้หวั่น
แล้วกลิ้งหินให้ทับโดยฉับพลัน
เทวดาช่วยกั้นให้บรรเทา

๑๖๓.หินกระทบกันแตกแหลกละเอียด
ฉิวเฉียดปลิวว่อนชะง่อนเขา
เศษกระทบพระบาทสุดคาดเดา
โลหิตเท้าห้อช้ำเป็นจ้ำแดง

๑๖๔.สงฆ์สาวกตกใจวิ่งไปหา
อุ้มพระศาสดามาที่แจ้ง
ด้วยหวาดหวั่นอันตรายขั้นร้ายแรง
เร่งจัดแจงตามหมอมิรอนาน

๑๖๕.ชีวกรักษาไข้อยู่ในเมือง
เมื่อรู้เรื่องทราบข่าวจากชาวบ้าน
หยิบหยูกยาวิ่งมาดูอาการ
อธิษฐานให้พระองค์ทรงปลอดภัย

๑๖๖.ถึงอาราม..ชีวกชำระแผล
ทายาแก้ป้องกันพันผ้าไว้
พยาบาลพระองค์จนโล่งใจ
แต่ห่วงไข้ที่นู่นจึงทูลลา

๑๖๗.ด้วยหมกหมุ่นวุ่นวายคนไข้มาก
ใครลำบาก ป่วยหนักก็รักษา
จนลืมองค์โลกนาถพระศาสดา
อนิจจาลืมท่านได้ฉันใด

๑๖๘.ถึงเวลาผ้าพันแผลต้องแก้ออก
รีบไปบอกไม่ทันจึงหวั่นไหว
ห่วงถวิลพระชินวรจะร้อนใน
ด้วยเมืองใหญ่มืดมิดปิดประตู

๑๖๙.กลุ้มและทุกข์ลุกลามเหมือนความผิด
แต่ความคิด..พระพุทธองค์ท่านทรงรู้
เรียกอานนท์..“อยู่ไหนหนาให้มาดู
ผ้าพันอยู่ที่แผลช่วยแก้ที”……..

๑๗๐.ชีวกรีบมาเวลาเช้า
แล้วเข้าเฝ้าพระมุนินชินสีห์
กล่าวอย่างห่วงหดหู่ไม่สู้ดี
“เมื่อคืนนี้พระองค์คงร้อนใน”

๑๗๑.พระทรงแจ้งแฝงธรรมในคำตอบ
“เราขอขอบใจคำที่ถามไถ่
เราดับแล้วร้อนเร่าที่เผาใจ
ตั้งแต่ได้โพธิญาณเมื่อนานมา”

๑๗๒.ทรงยื่นพระบาทให้หมอผู้ท้อแท้
เห็นรอยแผลชัดเจนไม่เห็นผ้า
“ให้อานนท์แก้ตอนก่อนนิทรา”
หมอเห็นว่าแผลหาย..คลายกังวล

๑๓. พระพุทธองค์มิรับยา.....

๑๗๓.เลยล่วงกาลนานทีหลายปีผ่าน
วัยสังขารมวลมนุษย์มิหลุดพ้น
จอมกษัตริย์ไพร่ฟ้าสาธุชน
พระทศพลแปดสิบใกล้นิพพาน

๑๗๔.ยังเทศน์เรื่องศีล ปัญญา สมาธิ
ปรกติทรงจำแนกจนแตกฉาน
แม้วรกายหลายโรครุมรุกราน
จนผอมกร้านคล้ำลงมิทรงเกรง

๑๗๕.ด้วยเวลาตถาคตจะหมดแล้ว
ดวงจิตแก้วพระประทีบทรงรีบเร่ง
แสดงธรรมตามจำนงพระองค์เอง
หมอคนเก่งหายไปอยู่ไหนกัน

๑๗๖.หมอกลับวัดเพื่อจะจัดพระโอสถ
ตถาคตตรัสกับหมอ..มิขอฉัน
ถามอาการทุกสิ่งทรงนิ่งงัน
แม้น้อยใจหมอยังมั่นกตัญญู

๑๗๗.จึงปรุงยาขึ้นถึงหนึ่งขนาน
ทุกอาการเมื่อเสวยจะเผยรู้
มีเม็ดเดียวแด่ท่านสัพพัญญู
บรมครูทรงกลับมิรับไว้

๑๗๘.โดยพระองค์กระทำคว่ำพระหัตถ์
โกมารภัจจ์หม่นหมองแทบร้องไห้
เหตุเพราะพระมุนินตัดสินพระทัย
นิพพานในเดือนหกเป็นศกทอง

๑๗๙.จะยกยาให้ใครย่อมไม่เหมาะ
ทำเฉพาะพระวิสุทธิ์ผู้ผุดผ่อง
จึงทิ้งลงบ่อลึกดังตรึกตรอง
เกิดฟองฟ่องฟูชัดอัศจรรย์

๑๘๐.ฟองที่ฟูลอยล้นเกือบพ้นบ่อ
แล้วค่อยฝ่อละลายลับเหมือนดับขันธ์
พสกชนยลอึ้งตะลึงงัน
แต่ยามนั้นหนึ่งหมอกลับท้อใจ

๑๘๑.ด้วยตัวยาทุกชนิดหมอคิดค้น
เฉพาะคนเท่านั้นมิปันได้
ธาตุมนุษย์สุดต่างที่ข้างใน
รักษาให้หายขาดตามธาตุคน

๑๘๒.กษัตริย์ปโตเลมีแห่งอียิปต์
อยู่ไกลลิบทะเลทรายห่างสายฝน
ประชวรหนักเหลือเกินเคยเชิญตน
รักษาจนหายสนิทชีวิตคืน

๑๘๓.อชาตศัตรูราชาผู้ฆ่าพ่อ
เคยตามหมอด้วยอารมณ์ที่ขมขื่น
มาเข้าเฝ้าฟังธรรมยามค่ำคืน
จนทรงตื่นรู้ตัวรู้ชั่วดี

๑๘๔.เคยขอพรให้สงฆ์จงกรมเพื่อ
ให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวโรคภัยหนี
เคยช่วยเหลือผู้คนจนหรือมี
แต่ตอนนี้จนปัญญาเหมือนอาภัพ...

๑๔. พระศาสดาดับขันธ์.....

๑๘๕.พระจอมไตรเสด็จเมืองที่เบื้องหน้า
กุสินารานครคนต้อนรับ
การเดินทางครั้งสุดท้ายมิกรายกลับ
ใครสดับหลั่งน้ำตาอย่างอาวรณ์

๑๘๖.นายจุนทะเตรียมจัดภัตตาหาร
ส่วนใหญ่จานจัดเนื้อสุกรอ่อน
อัญเชิญพระศาสดาผู้อาทร
เสวยตอนร้อนดีมีกำลัง

๑๘๗.เทวดาโปรยประดับระยับระยิบ
อาหารทิพย์แทรกเนื้อเข้าเจือหนัง
ทรงเห็นรูปยินเสียงเพียงลำพัง
จึงตรัสสั่งจุนทะด้วยพระองค์

๑๘๘.“เนื้อสุกรอ่อนสุกที่คลุกเคล้า
ถวายเราทั้งหมดโดยงดสงฆ์
เราฉันแล้ว..จุนทะอย่าพะวง
ฝังเนื้อลงให้มิดแล้วปิดดิน”

๑๘๙.เนื้อเจือทิพย์อาหารลงถ้าสงฆ์ฉัน
สูญชีวันแน่แท้ดับแดดิ้น
มีเพียงธาตุศากยะพระมุนิน
ที่ย่อยสิ้นทิพย์อาหารสำราญกาย

๑๙๐.ต่อมาทรงอาพาธคนคาดผิด
หาว่าพิษสุกรอ่อนย้อนทำร้าย
บังคนปนโลหิตหลั่งไม่สร่างคลาย
ยามขับถ่ายแดงเดือดมีเลือดนอง

๑๙๑.หมอชราพยายามจะห้ามโรค
แต่ทรงโบกพระหัตถ์ไว้ว่า..“ไม่ต้อง”
มีเพียงสงฆ์คอยจับประคับประคอง
ใครได้มองพระโลกนาถอนาถใจ

๑๙๒.ด้วยทรงฤทธานุภาพย่อมทราบอยู่
พระสัพพัญญูมิทรงประสงค์ใช้
จะดับพิษง่ายระงับกว่าดับไฟ
แต่ไฉนยอมขอทรมาน

๑๙๓.ประสงค์สอนพสกชนหนสุดท้าย
ด้วยอุบายการพังของสังขาร
จะศาสดาราชันย์หรือจัณฑาล
ย่อมถึงกาลปลิดปลงลงสักวัน

๑๙๔.จนนาทีที่โลกโศกสลด
ตถาคตไสยาสน์หลับแล้วดับขันธ์
หมอชราน้ำตาฉ่ำร้องรำพัน
“ต่อนี้ฉันคงอยู่แต่ผู้เดียว

๑๙๕.เคยพบพระพุทธเจ้าทุกเช้าค่ำ
ทรงแนะนำความประพฤติได้ยึดเหนี่ยว
จึงมีสุขทุกอารมณ์อย่างกลมเกลียว
สุดจะเหลียวหาใครต่อไปนี้”

๑๕. วาระสุดท้าย.....

๑๙๖.ตะวันเลยล่วงลับมิกลับบ้าน
เดินซมซานใครพบ..ท่านหลบหนี
เข้าถ้ำลึกกลางป่าขอลาที
คนรู้ดีตามง้อเพื่อขอยา

๑๙๗.จนต้องหนีต่อไปใจสลด
พอแรงหมดลงนอนอย่างอ่อนล้า
อดข้าวน้ำสามวันผ่านผันมา
มีแสงจ้าเสียงกังวานสะท้านไพร

๑๙๘.“ชีวกจงฟังอย่างตั้งจิต
เจ้าเป็นศิษย์พระศาสดาหรือว่าไม่”
“ข้าพระองค์ศิษย์แท้ข้าแน่ใจ”
เสียงถามใหม่สามรอบ..ตอบ“แน่นอน”

๑๙๙.โกมารภัจจ์บัดนี้มีสติ
จึงดำริน้อมนำถึงคำสอน
ชังสังขารหมดอาลัยไม่อาวรณ์
หลับตานอนสงบยิ่งนิ่งสบาย

๒๐๐.เห็นพระองค์รัศมีไร้ที่สุด
พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์ขวาและซ้าย
ปราสาทแก้วทองเคียงอยู่เรียงราย
มองร่างกายเป็นทิพย์...ท่านนิพพาน.....

๓ - ๒๒ ม.ค.๒๕๕๑
โรคมองคร่อ คือ โรคหลอดลมโป่งพอง มีเสมหะอยู่ในช่องหลอดลม ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง

ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6286
http://www.geocities.com/siammedherb/pravatmoshivokkomanpaj.htm
http://www.pornudomherbs.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=377166

หนังสือ เรื่องจริงนิทาน (พิเศษ)
โดย พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)

ได้ไปที่โรงพยาบาลสงฆ์เมื่อตอนสิ้นปี พบรูปหล่อของหมอชีวกโกมารภัจจ์ประดิษฐานอยู่ที่นั่น
และเคยได้อ่านเรื่องของท่าน ที่สำคัญคือได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งบอกเรื่องมรณกรรมของท่านไว้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีตำราเล่มใดเอ่ยถึง จึงอยากนำมาเผยแพร่
ตั้งใจที่จะเขียนบูชาคุณงามความดีของท่าน...เท่านั้นจริงๆ
 

_________________
สุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailYahoo Messenger
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2008, 2:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฤทธิ์ ศรีดวง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 08 ต.ค. 2008
ตอบ: 10
ที่อยู่ (จังหวัด): Bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2008, 10:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฌาณ พิมพ์ว่า:
สาธุ สาธุ


ยิ้มเห็นฟัน ขอบคุณครับคุณ ฌาณ ที่แวะมาทักทาย
ว่าแต่ว่า"ฌาณ" แปลว่าอะไรครับ ปรกติผมจะเห็นแต่คำว่า "ฌาน"
แต่ดีครับ เป็นเอกลักษณ์ดี
ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ สาธุ
 

_________________
สุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailYahoo Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง