Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ธรรมะ คืออะไร ในศาสนาพุทธ ตอนที่ 2 อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 9:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในตอนที่ 1 นั้น ข้าพเจ้าได้สร้างบรรทัดฐาน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือแบบเดียวกัน ให้กับการพิจารณา ข้อธรรม และทำความเข้าใจในธรรมะ แห่งศาสนาพุทธ ไปพอสังเขปแล้ว
มาถึงตอนนี้ ท่านทั้งหลาย ก็ต้องมาพิจารณาทำความเข้าใจต่อไปอีกว่า
หลักการ หรือธรรมะ แห่งพุทธศาสนานั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับ คนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง หรือบุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่หลักการหรือธรรมะ เป็นธรรมชาติ แห่ง สิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็น
แต่หากจะเขี่ยวเข็น ให้ท่านทั้งหลายมานั่งคิดนั่งพิจารณาในทุกรูปแบบ ก็คงเป็นการอยาก อาจจะเป็นภาระหนักในการใช้สมอง ท่านทั้งหลายอาจรับไม่ไหว ดังนั้น ท่านทั้งหลายควรได้คิดพิจารณาในตัวท่านเอง ออกไปหาผู้อยู่รอบข้าง และปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเป็นอยู่ เกี่ยวข้องกับสภาพนิเวศวิทยา ของมนุษย์ ที่อย่าง ทีละขั้นตอน อย่างช้า ก็ย่อมทำให้ท่านทั้งหลายได้ปรับสภาพสมอง และร่างกายจนสามารถคิดพิจารณาได้ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างสบาย สบาย

เมื่อข้าพเจ้ากล่าวไปในตอนแรก ดังที่ท่านทั้งหลายได้อ่าน ไปแล้วนั้น ท่านทั้งหลายก็ควรได้รู้จัก คำว่า "ทุกข์" ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนว่า
คำว่า "ทุกข์" นั้น มันคืออะไรกันแน่ มันหมายถึงอะไรกันแน่สำหรับ มนุษย์ (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์ เพราะท่านทั้งหลายสามารถพิสุจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง)
ทุกข์ แท้ที่จริงแล้ว ก็คือ สภาพสภาวะจิตใจ ที่ท่านทั้งหลาย รู้จักกันในนามของ กิเลส อันได้แก่ "ความโลภ" "ความโกรธ" "ความหลง" นั่นเอง
หลายๆท่าน เมื่อได้อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีข้อคัดค้าน หรือรู้สึกขัดกับความเข้าใจในตัวของท่านที่มีอยู่เดิม แต่ท่านทั้งหลายต้องพิจารณาต่อไปว่า อัน ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้น จะก่อให้เกิดความคิด จะก่อให้เกิดการ ระลึกนึกถึงสิ่งต่างๆ เอามาปรุงแต่ง บ้างก็กลายเป็นพฤติกรรมหรือการกระทำ ต่อตนเอง และผู้อื่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้น แท้จริงก็ย่อมเกิดจากการได้สัมผัส ทางอายตนะทั้งหลาย แล้วก่อให้เกิด "ระลึก และ ดำริ" ต่อจากนั้น ก็จะเกิดพฤติกรรม หรือการกระทำ หรือเกิดสภาพสภาวะจิตใจ ในรูปแบบต่างๆกัน สภาพสภาวะจิตใจที่เกิดขึ้นนั้น บ้าง ก็เรียกว่า ธรรมะ บ้างก็เรียกว่า ความอาฆาต แค้น ,ความอิจฉา ริษยา ฯลฯ ซึ่งต้นต่อแห่งสภาพสภาวะจิตใจทั้งหลายเหล่านั้น ก็ล้วนเกิดตัวเรา และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ที่เราได้ปฏิสัมพันธ์ นั่นย่อมหมายถึง การครองเรือน ของท่านทั้งหลาย และสิ่งทั้งหลายนั่นเอง
ความทุกข์ นั้น จะแบ่งเป็น ความทุกข์ทางกาย และ ความทุกข์ทางใจ
ความทุกข์ ทางกายนั้น ย่อมเกิดจากการได้สัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย อันเกิดจากการกระทำของตนเอง หรือการกระทำของผู้อื่น หรือเกิดจากการกระทำของสรรพสิ่งทั้งหลาย อันเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของเรา เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ สภาพภูมิประเทศ และอื่นๆ
ความทุกข์ ทางกาย และความทุกข์ทางใจนั้น จะสัมพันธ์กัน เช่นถ้าเกิดความทุกข์ทางกาย ความทุกข์ทางใจ ก็จะเกิดขึ้นตามมา
ความทุกข์ทางใจนั้น ย่อมเกิดจากการ ระลึก และดำริ เป็นหลัก ถ้าระลึก และดำริไม่มีที่สิ้นสุดหาที่ลง หรือไม่มีที่จบ ความทุกข์ทางใจก็ย่อมหนักหนาสาหัส สากรรจ์ อันนี้ไม่ยกตัวอย่าง เพราะเพียงท่านทั้งหลายได้พิจารณาตาม ก็จะเกิดความรู้ ความเข้าใจ ด้วยตัวของท่านเองอยู่แล้ว
เมื่อท่านทั้งหลายได้รู้ ได้เข้าใจแล้วว่า ความทุกข์ คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร พอสังเขป ไปแล้ว
ท่านทั้งหลาย ก็จะเกิดความเข้าใจ ในบรรทัดฐาน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือแบบเดียวกัน ของ "ธรรมะ" ในศาสนาพุทธ เพิ่มขึ้น
(หมายเหตุ)
อ่านและพิจารณาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างช้าๆ ที่ละอย่าง ความเข้าใจก็เกิดขึ้น ขอรับ
(จบตอน2)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 9:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 22 ก.ย. 2008, 10:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 8:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพิ่มเติม....เกี่ยวกับคำว่า "ทุกข์"

หลายๆท่าน หรือ ส่วนใหญ่ที่รู้เท่าไม่ถึงกาล มักมีความเข้าใจว่า "ทุกข์" ในทางพุทธศาสนา มีความหมายแตกต่างจาก "ทุกข์"ที่ทุกคนประสบอยู่หรือเกิดมีอยู่
ถ้าแบบนั้น เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง ขอรับ

เพราะ ทุกข์ ในทางพุทธศาสนา กับทุกข์ ในบุคคล ประชากรโลก ทั้งหลาย ก็ย่อมมีความหมายแบบเดียวกัน
เพราะ ทุกข์ ย่อมหมายถึง ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
ซึ่งในทางทีเป็นจริง หลายๆคน อาจไม่รู้ว่า สิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ เกิดความรู้สึกภายในใจ อันได้แก่ความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น แท้จริงแล้วคือทุกข์ ซึ่งทุกคนล้วนย่อมมีด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 8:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เจริญในธรรมนะจ๊ะ ท่าน Buddha
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 3:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บัวหิมะ พิมพ์ว่า:
เจริญในธรรมนะจ๊ะ ท่าน Buddha


เจริญในธรรมเช่นกันขอรับ ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "บัวหิมะ"
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ย. 2008, 3:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุครับอาจารย์ ผมเคยได้ยินคำว่าทุกข์ประจำและทุกข์จร
มันอยู่ในทุกข์ที่เกิดจากกิเลสไหมครับ สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2008, 9:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฌาณ พิมพ์ว่า:
สาธุ สาธุครับอาจารย์ ผมเคยได้ยินคำว่าทุกข์ประจำและทุกข์จร
มันอยู่ในทุกข์ที่เกิดจากกิเลสไหมครับ สาธุ



ทุกข์ ทุกชนิด เกิดจากกิเลส คือ ความความโลภ ความโกรธ ความหลง และ
ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้น ย่อมมีต้นกำเนิดมาจากการครองเรือน ของสรรพสิ่ง หรือถ้าจะกล่าวให้แคบหรือสั้นลง ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ย่อมเกิดมาจาก
รูป
สัญญา
เวทนา
สังขาร
แห่งสรรพสิ่งนั่นแล
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง