โรงเรียนแห่งชีวิต...บ่มเพาะต้นกล้าแห่งสติให้กับเยาวชน

ตอบเมื่อ: 02 ส.ค. 2007, 10:15 pm

โรงเรียนแห่งชีวิต...บ่มเพาะต้นกล้าแห่งสติให้กับเยาวชน

“เพราะชีวิตดุจดังกระแสน้ำที่ไหลเชื่อมโยงถึงกันหมด การจะมีอนาคตที่ดีได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำปัจจุบันให้ดีด้วย เพราะผลของปัจจุบันจะกลายเป็นตราบาป หรือเป็นหนทางเกียรติยศของอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ทุกวันเช่นไร...จงเลือกที่จะอยู่ในแบบที่ควรค่าแก่การได้มีชีวิตอยู่เถิด”

ถ้อยความสั้นๆ หากลึกซึ้งของ อัจฉราวดี วงศ์สกล นักธุรกิจในแวดวงเครื่องประดับเพชรที่ให้ความสนใจการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ทั้งยังได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในจิตใจตัวเอง เมื่อมีพระธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทั้งยังอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ อันเกิดจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างลึกซึ้งสู่สังคมวงกว้างโดยเฉพาะเยาวชน เช่นนั้นเรือนไทยเด่นตระหง่าน ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 300 ตารางวา บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 67 ที่ให้ชื่อว่าโรงเรียนแห่งชีวิต จึงถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549

อัจฉราวดี เริ่มต้นเล่าว่า แม้การสอนธรรมะกับการทำธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ตอบสนองความอยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งโลกที่สวนทางกันสิ้นเชิง กระนั้นเธอจึงอยากให้มองว่า การอยู่ในสังคม การทำงานก็เหมือนการสวมเครื่องแบบเป็นการทำหน้าที่อันสุจริต ในขณะที่ตัวเองมีความพร้อมทั้งทรัพย์สิน และความรู้ และเมื่อพร้อมแล้วยังไม่ทำความดีทิ้งไว้ให้แผ่นดินก็เรียกว่า “เสียชาติเกิด”

ทุกวันนี้จึงต้องสวมเครื่องแบบหลายชุดทั้ง แม่, ภรรยา, นักธุรกิจ และครู ทว่าเครื่องแบบที่ปรารถนามากที่สุด คือ เครื่องแบบสีขาวของธรรมะ ซึ่งสักวันหนึ่งเมื่อทำหน้าที่ทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์ แล้วก็คงเลือกใส่แต่เครื่องแบบสีขาวเท่านั้น

ครูอ้อยของเด็กๆ บอกหลักการสอนว่า “การสอนมีหลักง่ายๆ คือ ใช้หลักในการปฏิบัติธรรมไม่ได้สอนตามในหนังสือ ต้องสอนเข้าถึงหัวใจเด็ก เช่น เขียนหนังสือตัว บ.ใบไม้ บนกระดาน แล้วเขียนให้กลายเป็นคำว่า บุญ หรือ บัดซบ อารมณ์จะเปลี่ยนเลย ซึ่งการเริ่มต้นจาก บ. ใบไม้ตัวเดียวกัน แต่ความหมายของคำทั้งสองตรงกันข้ามกันเลย

ใช้หลักการเหมือนสอนคนว่ายน้ำ อ่านตำราอย่างเดียวคงว่ายน้ำไม่เป็น แต่ต้องสอนให้เขากระโจนลงไปในน้ำ เขาจะได้รู้ว่าปรุงแต่งเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เราต้องรู้จักเป็นอย่างไร การเรียนธรรมะ 3 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นต้องแบ่งกิจกรรมให้เขาได้ทำ ได้มีส่วนร่วม ที่สำคัญที่สุดเขาจะได้รู้จักตัวเอง

ในวันแรกที่เรียนจะทำความรู้จักกับเด็กทุกคน เพื่อดูพื้นฐานของเขาว่ามีชีวิตเป็นมาอย่างไร โดยการเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังก่อนว่าตัวเองเคยผิดพลาดมาอย่างไรในชีวิต เคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาอย่างไรบ้าง ด้วยวิธีการเล่าที่มีวาทศิลป์หน่อย จากนั้นก็ให้เด็กๆ ทุกคนย้อนคิดว่า อำนาจมืดในจิตใจของตัวเองมีอะไรบ้าง เคยทำสิ่งที่ไม่ดีอะไรไว้บ้าง เรื่องที่คิดเมื่อไหร่ก็ลืมไม่ได้สักทีให้เขาเขียนลงไปในกระดาษ ซึ่งการเล่าความไม่ดีของตัวเองได้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะว่าเราทำผิดโดยที่เราไม่เคยย้อนกลับไปคิดก็เท่ากับว่าตัวเราเองจมอยู่ในสภาพนั้น แต่ถ้าเราย้อนคิดแล้วสำนึกได้ และหาทางแก้ไขซึ่งเรื่องที่ดีที่สุด”

สำหรับรายละเอียดของโรงเรียนแห่งชีวิต ใน 1 คอร์สเรียน 3 ครั้งๆ ละ 3 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ช่วงวัย คือ อายุ 9-13 ปี และ 14-20 ปี ที่สำคัญเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

โดยใน สัปดาห์แรก เป็นการสอนตั้งแต่ศึกษาศีล 5 อย่างลึกซึ้ง รวมถึงสอนให้รู้จักตัวเองด้วยหลักสัจธรรมของชีวิต นอกจากนี้ยังสอนวิธีควบคุมอารมณ์ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว เน้นความกตัญญูต่อพ่อแม่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และผู้มีพระคุณ ปิดท้ายด้วยการฝึกนั่งสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติ 30 นาที และปลูกต้นไม้ตอบแทนคุณแผ่นดิน

ส่วน สัปดาห์ที่สอง เข้าสู่การสอนหลักชีวิตศาสตร์ซึ่งเป็นการวางเป้าหมาย และการสร้างจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อการตอบสนองต่อกระแสยั่วยุทางสังคม พร้อมฝึกการมองชีวิตหลายแง่มุม และฝึกการตัดสินใจด้วยโจทย์แห่งชีวิต เพื่อช่วยแก้ปัญหาความก้าวร้าว การฆ่าตัวตาย จบด้วยการนั่งสมาธิ

สุดท้าย สัปดาห์ที่สาม สอนเรื่องหลักกรรม การแก้ไขวิบากกรรม ไปจนถึงหลักการทำบุญให้ถูกวิธี รวมถึงการสร้างบุญบารมี ปิดด้วยการนั่งสมาธิ แผ่เมตตา และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมทั้งหลาย

นอกจากนี้ศิษย์เก่ายังสามารถกลับมาเรียนซ้ำตามตารางของศิษย์ใหม่ได้ หรือสามารถเรียนต่อเนื่องซึ่งเปิดสอนประมาณเดือนละครั้ง ในหลักธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง และร่วมนั่งสมาธิเพื่อสร้างบุญบารมี

“สิ่งที่คาดหวังจากนักเรียนคงเพียงแค่ให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้เขาจะดำเนินชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร ให้เขารู้ว่าชีวิตนี้ถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองลอยไปโดยไม่หลักแล้วโดนกระแสของการปรุงแต่ง และกระแสของโลกพัดพาไป ชีวิตของเขาก็อาจจะหลงทาง แล้วก็อาจจะหาทางกลับมาไม่เจอเลย

สำหรับช่วงอายุของนักเรียนจะรับอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะถือว่าตัวเองก็อายุเป็นแม่คนได้แล้ว เหมือนแม่สอนลูก อยากที่จะสอนวัยรุ่น สอนหลักการใช้ชีวิตจริงๆ พอเด็กมาเรียนจะบอกกันว่าคิดไม่ถึงว่าธรรมะเป็นแบบนี้เหรอ จริงๆ แล้วเด็กวัยรุ่นถ้าเราเข้าถึงก็สอนไม่อยาก เช่น การเปิดเพลงให้เขาเข้าถึงเรื่องการปรุงแต่ง เขาจะรู้ว่าครูเข้าใจเขา เข้าใจว่ายุคสมัยของเขาเป็นอย่างไร เราต้องไปนั่งในหัวใจเขา แล้วตีความออกมา” ครูธรรมะร่วมสมัยบอกความคาดหวัง

สุดท้ายเธอบอกว่า อยากให้พ่อแม่ที่กำลังทุกข์ใจในความก้าวร้าวของลูกๆ หรือลูกติดเกมส์ ให้ส่งพวกเขามาลองเรียนธรรมะซึ่งเป็นวิชาที่สอนคนให้เป็นคน ทำให้เขามีหลักในชีวิต ไม่ตกไปในหนทางที่ผิดพลาดอันเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนมักจะละเลย ที่สำคัญการทำดีแม้ว่าต้องพยายามฝืน กับความรู้สึก โลภ โกรธ หลง แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ปุถุชนทุกคนย่อมต้องมี แต่ตัวเราเองก็ต้องมีหลักยึดในใจไว้เช่นกัน

หากผู้ปกครองท่านใด อยากฉีดวัคซีนคุณธรรมให้กับลูกหลาน ติดต่อโรงเรียนแห่งชีวิต ได้ที่โทรศัพท์ 02-634-7461-3, 02-391-2409 หรือเว็บไซต์ http://www.schooloflifethailand.org

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2550 14:27 น.

................................................................

แผนที่โรงเรียนแห่งชีวิต ซ.สุขุมวิท 67
................................................................

ตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2008, 8:43 am

ขออนุโมทนากับคุณอัจฉราวดี วงศ์สกล อย่างมากครับ สาธุ...

ตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 8:03 pm

ตอบเมื่อ: 24 ก.ย. 2008, 10:30 am

“อัจฉราวดี วงศ์สกล” อำลาแล้ว St.Topez
ชีวิตนี้พบเพชรแท้ในทางธรรม

เป็นประจำทุกปีที่บรรดาคนรักเพชรต่างตั้งตาคอยโชว์สุดอลังการ! และหนึ่งในนั้นคือการแสดงคอลเลคชั่นเพชรแบรนด์ St.Topez Diamond ของ อ้อย-อัจฉราวดี วงศ์สกุล ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ทุกครั้งที่เธอดีไซน์เครื่องเพชรและทำแฟชั่นโชว์ขึ้นมานั้น ความเปรี้ยวของงานจะต้องกลายเป็น Talk of the Town ลือกันสนั่นเมือง และงานล่าสุด Memoris of a Million Stars ครั้งนี้ก็สร้างเซอร์ไพร้ซ์อีกเช่นกัน เพราะถือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของอ้อย-อัจฉราวดี ผู้คร่ำหวอดในวงการเพชรมากว่า 20 ปี จากนี้ไปเธอจะขอปิดฉากนักธุรกิจเพชรมาสู่ถนนสายธรรมะตามที่ต้งใจ

เพราะหลังจากสิ้นปี 2008 นี้ไป เธอจะไม่จับดินสอขึ้นมาขีดเขียนออกแบบเครื่องประดับให้ใครอีกเลย (ยกเว้นลูกสาวทั้ง 3 คน) นั่นคือ สัจจะแห่งธรรมะ ซึ่งเคยให้ไว้ต่อครูบาอาจารย์ และในทันทีที่เปิด โรงเรียนแห่งชีวิต (http://www.schooloflifethailand.org) เริ่มอยู่ในบทบาทครูผู้สอนเด็กๆ ให้ใกล้ชิดในรสพระธรรม การปวารณาตัวครั้งนี้ก็ไม่อาจทำให้เจ้าตัวประวิงเวลาหลีกเลี่ยงการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้

“กว่า 8 ปี ที่ผ่านมา ขณะที่เป็นนักธุรกิจอีกด้านของชีวิตก็หาโอกาสไปปฏิบัติธรรมคู่กันไป เพื่อหาแสงสว่างและเรียนรู้ใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง การตัดสินใจในวันนี้จึงมีจุดเริ่มจากการนั่งวิปัสสนา พอเข้าปีที่ 4 ก็เห็นความสงบ เริ่มอยากทำงานด้านธรรมะ แต่ก็ยังเลิกทันทีไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนธุรกิจเพชรเราก็เริ่มลดขนาดลง สมัยก่อนเคยจัดแฟชั่นโชว์ถี่ๆ ก็ลดระดับลงเรื่อยๆ โดยที่คนไม่รู้สึก

แต่สำหรับส่วนตัวเราชัดเจนมาสักระยะหนึ่ง ถ้าสังเกตชีวิตในช่วงหลังจะทำงานธรรมะมากขึ้น นอกจากสอนที่ ‘โรงเรียนแห่งชีวิต’ ย่านสุขุมวิท ที่เราเปิดสอนธรรมะเชิงชีวิตในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ให้กับเยาวชนแล้ว ก็ยังรับงานเชิญไปสอนธรรมะตามที่ต่างๆ จึงเริ่มคิดว่าเอ้อ! แล้วจะทำยังไงกับอาชีพของเรา แม้การขายเพชรจะสุจริตก็เถอะ มันจึงแย้งอยู่ในใจเพราะเรามีคำว่าครูธรรมะอยู่ในตัวของเรา”

เมื่อแรกเริ่มลงมือที่จะทำอย่างใจคิด เธอบอกว่ามีบ้างที่ก็ยังรู้สึกเสียดาย เพราะกว่า St.Topez จะมาถึงวันนี้ เหนื่อยกันมากและทุ่มเทสร้างมากับมือ แต่ ณ วันนี้เธอมองว่า ชีวิตคนเราไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา นี่คือทางเลือก แล้วเมื่อทางเลือกมันมาถึงตรงหน้า เราต้องฟังเสียงในใจของเราว่าแท้จริงแล้ว เราต้องการอะไร

“ชีวิตเราผ่านอะไรมาเยอะ ซึ่งหลายคนมองว่าน่าอภิรมย์ แต่เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ในความสวยงามมันมีอะไรซ่อนอยู่ เรารู้จักมันทุกซอกทุกมุมว่ามันเป็นอย่างไร ผ่านมาเยอะ และอยากจะมายืนตรงจุดใหม่ ซึ่งมีคุณค่ามากกว่า และจำเป็นที่จะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นเราเองก็อาจจะต้องติดกับดักบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จริงๆ มันคือ ภาพของความทุกข์ในรูปแบบของความสุข”

ต่อจากนี้ แบรนด์ St.Topez คงไม่มีการทำตลาดในเมืองไทยอีก ส่วนใครที่ตั้งท่าจะรอแกรนด์ เซล ก็คงต้องผิดหวัง เพราะมีลูกค้าเศรษฐีชาวกรีก ติดต่อเข้ามาซื้อแบรนด์ไปทำที่นิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อย ถึงอย่างนั้นวิถีนักธุรกิจกับความเป็นคนไฮเปอร์ ประกอบกับในฐานะภรรยาและคุณแม่ของลูกๆ เธอก็ยังมีธุรกิจครอบครัว อย่างการเปิดบ้านเช่าระดับสูงให้ชาวต่างชาติในย่านสุขุมวิทให้ต้องดูแล

และย้ำว่าคงไม่หนีหายไปจากแวดวงสังคมไปซะทีเดียว ซึ่งหลังจากนี้ใช่ว่าชีวิตจะหลบไปนุ่งขาวห่มขาว ไม่เขียนคิ้วทาตาแต่ประการใด แต่จะขออุทิศตนให้กับธรรมะในฐานะอุบาสิกา และยังจะออกงานสังคมบ้าง เพื่อติดตามข่าวสารและนำไปถ่ายทอดให้นักเรียนได้

ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่า แง่ดีของการเป็นคนที่ไม่หลุดออกไปจากวงสังคม มีส่วนช่วยลดช่องว่างทำให้เด็กๆ รู้ว่า ครูธรรมะก็ยังเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่ในชีวิตของพวกเขา ขณะที่เพื่อนฝูงในแวดวงสังคม ทันทีที่รู้ว่าเธอตัดสินใจแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็รู้สึกใจหาย แต่ครั้นพอหายตกใจกันแล้วก็จะอนุโมทนา แสดงความยินดีด้วย... ที่ได้เลือกทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเป็นกุศลต่อตัวเอง “จีน่า-สนิทพิมพ์ สวงนสัตย์ พอรู้ว่าจะเลิกทำ ก็บอกว่า ดีจังเลยนะ สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้”

และแล้วงาน Memoris of a Million Stars ที่ได้รับน้ำใจจากนางแบบกิตติมศักดิ์ ร่วมปิดฉากเส้นทางสายเครื่องเพชรอย่างเป็นทางการก็มาถึง บรรยากาศของงานครั้งนี้บอกได้เลยว่าไม่เวอร์! แต่อลังการไปด้วยสิ่งที่ตั้งใจอยากให้ทุกคนร่วมเก็บไว้ในความทรงจำกับคอลเลกชันส่งท้ายโดยฝีมือการออกแบบของเจ้าตัว ซึ่งเธอบอกว่าคอลเลกชันนี้ยังคงสไตล์ที่โดดเด่น เน้นดีไซน์ที่กำไลข้อมือเป็นพิเศษ เพื่อแทนค่าคำว่า “กำไรชีวิต” ที่ได้เดินมาถึงจุดที่ได้พบเจอทางเลือกใหม่ เมื่อเห็นผลงานก็ทำให้นึกได้ว่า มันเป็นกำไรของชีวิต จึงใช้วันที่ 19 เดือน 9 ให้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของการก้าวต่อไปสู่ทางเลือกอีกสายหนึ่งที่เธอเลือกแล้ว และคิดว่าดีที่สุดสำหรับทุกคน

ในค่ำคืนแห่งการอำลา นอกจากเซอร์ไพรส์! สุดขั้วที่แม่งานหยิบใช้เพลงเพื่อชีวิตจากวงคาราวาน ขึ้นมาขับกล่อมแขกเหรื่อให้เคลิบเคลิ้มแล้ว คำกล่าวส่งท้ายที่กลั่นออกมาจากใจก็ทำให้ทุกคนประจักษ์ด้วยสายตาและรับรู้ได้ด้วยใจว่า เธอพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่มิติของชีวิตอันสง่างามอีกรูปแบบหนึ่ง เปลี่ยนมาอยู่ในฐานะของคนดูแทนที่จะเป็นผู้เล่นเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา

“สำหรับ 9 ปีของแบรนด์ จนถึงวันที่เราตั้งใจที่จะยุติบทบาทลง ก็อยากให้จดจำในความเป็นยูนีคของแบรนด์ในแง่การดีไซน์ ส่วนตัวเองนั้นไม่ต้องถึงกับดีเลิศ แต่ขอให้จดจำเราในฐานะของคนที่ด่างพร้อยน้อยที่สุดเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะคงไม่มีใครที่จะรักเราได้ทุกคน ขอแค่ว่าคนที่ไม่เคยชอบเพียงแบ่งใจให้เราบ้าง ส่วนคนที่มีใจให้อยู่แล้ว ก็ขอให้เขาร่วมยินดีกับสิ่งที่เราเลือกเดิน”

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2551 08:57 น.

โรงเรียนแห่งชีวิต...บ่มเพาะต้นกล้าแห่งสติให้กับเยาวชน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=35923

“อัจฉราวดี วงศ์สกล”
อำลาแล้ว St.Topez ชีวิตนี้พบเพชรแท้ในทางธรรม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=35924