Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กฎแห่งแรงดึงดูด โดย บัณฑิต อึ้งรังษี (ไวทยากรระดับโลก) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กิตติพันธ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 2:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาทั่วโลก คำตอบเดียวกัน

โดย บัณฑิต อึ้งรังษี
กระผมอยากทราบว่า พี่น้องชาวไทย (รวมตัวกระผมด้วย) ผู้ด้อยโอกาส ไร้การศึกษา ยากจน แร้นแค้น ขัดสนไปทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเงินสนับสนุน ในการลงทุนประกอบอาชีพ ฯลฯ

ถ้าเขากล้าคิดใหญ่และเดินตามความคิดนั้น จะทำให้เกิดศักยภาพยิ่งใหญ่และความฝันของเขาเป็นจริงได้อย่างไร

สุดท้ายนี้หวังว่าคงได้รับคำแนะนำดีๆ จากคุณอีก

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า และขอให้มีความสุขความเจริญ

ขอแสดงความนับถือยิ่ง

นาย ไพศาล ว.


เรียนคุณ ไพศาล ว.

ก่อนอื่นผมขอขอบคุณสำหรับจดหมายที่เขียนจากใจจริง และขอบคุณแทนมติชนด้วยครับ

ผมคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่มีคนไทยต้องเผชิญอยู่มาก และผมก็เข้าใจความรู้สึก และพยายามคิดกลับไปเมื่อตนเองเริ่มต้นพยายามทำตามความฝัน

เวลา 18 ปีก่อน ก็มืดแปดด้านเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าตนเองกำลังจะไปสู้กับชาวต่างชาติ ซึ่งมีข้อได้เปรียบอยู่มากมาย

ทั้งระบบของรัฐเขา การสนับสนุนคนของเขาเอง เรื่องการเงิน การเป็นคนผิวเหลืองที่พยายามจะไปสู้กับอคติเรื่องสีผิว ฯลฯ และตนเองก็อยากเป็นในสิ่งที่คนไทยไม่มีใครเคยทำจริงๆ จังๆ กัน

ผมจะสรุปข้อคิด ที่คิดว่าจะ ซึ่งได้กลั่นกรองจาก หนึ่ง ประสบการณ์ การลองผิดลองถูกของผม (ซึ่งหวังว่าจะทำให้ผู้อ่านได้ "ประหยัดเวลา" เพราะจะได้ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเอง) จนรู้กฎความจริง และได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ

สอง การอ่านหนังสือปรัชญาความสำเร็จ เพื่อเพิ่มพูนความรู้จะได้มองปัญหาในมุมกว้างขึ้น และสาม การนำปรัชญาต่างๆ เหล่านั้นไปใช้จนเกิดผล

1.ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนโลกของคุณ ทุกอย่างเริ่มที่ตัวคุณเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหูสองข้างของคุณเอง (นั่นคือ มันสมอง และการคิด )

ต้องยอมรับข้อนี้ได้ก่อน เพราะคนส่วนใหญ่ จะโทษสิ่งนอกตัวเรา (เช่น พ่อแม่ไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่น ประเทศชาติ สังคม โชค คนอื่นๆ สิ่งอื่นๆ) ทำไม?

เพราะเขาไม่เข้าใจศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของตนเองที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ตราบใดที่เรายังไม่ยอมรับความผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

และไม่ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่แห่งศักยภาพของเราเอง เราจะเสียเวลา และเสียพลังงานไปคิดเรื่องไม่สำคัญต่อการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น (เช่น โทษคนอื่น ทำให้มีความรู้สึกไม่ดี)

2.กฎเหล็กข้อนี้จำไว้ให้แม่นนะครับ "สิ่งใดที่คุณให้ความคิดกับมันมาก คุณจะได้สิ่งนั้นเพิ่มขึ้น" (What you focus on, you will get more of.)

เพราะฉะนั้น คิดแต่ในเรื่องสิ่งที่คุณอยากได้ และอย่าคิดในสิ่งที่คุณไม่อยากได้

กฎข้อนี้ข้อเดียว เป็นหัวใจของความสำเร็จ และการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตคุณทั้งหมด

ถ้าคุณสามารถพิชิตกฎนี้และทำเป็นนิสัย ไม่มีอะไรที่คุณเปลี่ยนแปลงไม่ได้

กฎนี้เป็นกฎตายตัวของโลก เหมือนกับ Law of Gravity กฎแห่งแรงโน้มถ่วง มีผลกับคนทุกคน ไม่ว่ารวย จน ฉลาดมาก ฉลาดน้อย หล่อไม่หล่อ สวยไม่สวย

ตามกฎแห่งแรงโน้มถ่วง คนเราทุกคน ไม่ว่ารวยหรือจน ถ้ากระโดดจากตึก 20 ชั้น ก็ต้องดิ่งลงแน่นอน ไม่มีใครลอยขึ้น ไม่มีการยกเว้นให้เศรษฐีร้อยล้าน หรือดาราดัง

เช่นเดียวกัน ตามกฎแห่งความคิด ถ้าคุณ focus หรือให้ความคิดกับความขาดแคลน ความไม่มี ความยากจน คุณก็จะมีสิ่งนั้นมากขึ้น แต่ถ้าคุณเจาะจงความคิดและเห็นค่ากับสิ่งที่ดีๆ ที่คุณมีอยู่แล้ว หรือสิ่งที่คุณอยากได้

"คุณก็จะมีสิ่งเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้น"

ผมรับประกันได้ว่ากฎนี้ทำงานอย่างนี้จริงๆ และมีคนรู้น้อยมาก และคนน้อยคนที่ปฏิบัติจนแตกฉานจริง ๆ

"คนส่วนใหญ่ เมื่อมีปัญหาก็จะคิดถึงแต่ปัญหานั้น หมกมุ่นอยู่กับมัน และก็มองไม่เห็นค่าสิ่งที่ตนเองมีอยู่"

นี่เป็นเหตุผลที่แม้คนที่ร่ำรวยมีเงิน มีชื่อเสียง มีคนรักชื่นชมทั่วโลก อย่าง เอลวิส เพรสลีย์ และมารีลีน มอนโร ถึงได้เป็นทุกข์ถึงขนาดทำลายชีวิตตนเอง

กฎข้อนี้ดูเหมือนง่าย แต่ต้องใช้การฝึกฝนพอสมควร เพราะเราต้องควบคุมการคิดของเราเอง

มีบางช่วง เมื่อทุกอย่างเหมือนมืดมนมากในการต่อสู้ของผม เหมือนกับว่า "โชคร้าย" มาเยือนตลอด ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปฏิปักษ์กับเราไปซะหมด ทั้งสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ และผู้คน

ผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มจะดิ่งลงเหวทุกๆ วัน

ความคิดผมก็มีแต่ทางลบ หมกมุ่นอยู่กับปัญหา และมองไม่เห็นทางแก้ไข บางครั้งถึงกับไม่อยากจะตื่นขึ้นมาสู้วันใหม่

จนผมอ่านเจอวิธีดีอันหนึ่ง ในการควบคุมความคิด คือ "ใช้หนังยาง" (หรือหนังสติ๊ก) ผูกไว้ที่ข้อมือ เมื่อไรก็ตามที่เราคิดทางลบ ซึ่งทำให้ความรู้สึกไม่ดี ให้ดีดหนังยางนั้นอย่างรุนแรง (จนรู้สึกเจ็บ) เป็นการเตือนใจ

"และให้ทดแทนความคิดทางลบด้วยความคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เราต้องการทันที"

จิตใต้สำนึกจะเชื่อมความคิดในทางลบกับความเจ็บทางร่างกาย ทำให้เมื่อไหร่ที่คิดในทางลบ มันก็จะหลีกเลี่ยง

เป็นการฝึกฝน ทำให้จิตใต้สำนึกของเราเชื่อง ทำตามที่เราสั่ง

ทำอย่างนี้ 30 วัน จนสร้างเป็นนิสัยได้

ผลหลังจากที่ผมทำอย่างนี้ ยังไม่ถึง 30 วันด้วยซ้ำ ปัญหาเริ่มคลี่คลาย สบายใจ และมีความสุขมากขึ้น ทำให้เห็นวิธีการแก้ปัญหา

ในตอนนี้ ผมขอแนะนำคุณสามข้อ

1.ยอมรับว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ และเราเป็นผู้กุมบังเหียนทั้งหมด

2.ฝึกฝนคุมความคิด (อาจใช้วิธีหนังสติ๊กก็ได้) เพราะความคิดเราเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ทั้งหมด คุณอยากจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ได้ ถ้าคุณเรียนรู้ในการเป็นเจ้านายของความคิดของคุณเอง

3.เห็นค่าสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน สุขภาพที่ดี ครอบครัวที่อบอุ่น แขนขาที่ครบสมประกอบ

ข้อนี้สำคัญมาก และทุกคนต้องเรียนรู้การเห็นคุณค่าตลอดชีวิต เพราะเมื่อไรที่ลืมข้อนี้

มีมากเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์

===================================================================
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ย. 2008, 1:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขามีอิทธิบาท 4

1. มีความรักในสิ่งที่ทำ

2. แล้วเขาก็ลงมือทำ เพียรทำในสิ่งนั้น

3. ใครมาบอกให้เลิก บอกตัดกำลังใจ หรือแม้แต่เกิดอุปสรรคใดๆ
เขาก็ยังมีจิตใจจดจ่อในสิ่งนั้น ไม่เสื่อมกำลังตั้งใจลงไป

4. นอกจากนั้น เขายังหมั่นพัฒนาความรู้ความเห้นของตนให้ถูกต้องอยู่เสมอ
ทั้งทางหลักวิชา และหลักศีลธรรมจรรยา


เมื่อวงล้อแห่งอิทธิบาทหมุนไป บุคคลคนนั้นย่อมประสบแต่ความสำเร็จ
ยิ่งมากรอบ ยิ่งประสบความสำเร็จ


ผมท้าให้เอาหลัก 4 ประการนี้ไปทาบลงบนชีวิตใครก้ตามที่ประสบความสำเร้จ
คุณจะพบว่าความจริง 4 ประการนี้มหัศจรรย์มากๆ
ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับแนวคิดอ้อมภูเขาเหล่านั้นเลย
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 9:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฟังดูแล้วคล้ายๆกับการสร้างตัญหาอย่างไรไม่รู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง