Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร : พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
ตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 8:48 am
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า
พระเดชพระคุณพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ หรือท่านพ่อลี ธมฺมธโร พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ถึงพร้อมด้วยอำนาจแห่งบารมีและบุญที่สั่งสมไว้แต่ปางบรรพ์ เป็นพระสุปฏิปันโนปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่มีภูมิธรรมและพลังจิตสูงยิ่ง มีจริยวัตรที่งดงาม มีศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในการเผยแพร่สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านเป็นศิษย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต โปรดเป็นที่สุด ในยามที่ท่านเดินทางไปคารวะท่านพระอาจารย์มั่นสำนักวัดบ้านหนองผือ จังหวัดสกลนคร ท่านได้รับการต้อนรับจากท่านพระอาจารย์มั่นเป็นกรณีพิเศษ ว่ากันว่า....
“ท่านเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิดเพื่อบรรลุธรรม และเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่นเพียงรูปเดียวที่ไม่เคยถูกพระอาจารย์มั่นต้องติ เมื่อออกจากสำนักไป ท่านเป็นผู้ที่ทำให้ชาวพระนครได้รู้จักพระกรรมฐาน และทำให้วงศ์กรรมฐานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน
ท่านได้บรรลุภูมิธรรมขั้นสูงที่ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และบรรลุธรรมสูงสุดที่ถ้ำเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว
นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้ที่สามารถจัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลได้อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา"
ท่านจึงเป็นผู้ที่ท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาและให้การยกย่องว่า
“มีพลังจิตสูง เป็นผู้เด็ดเดี่ยวอาจหาญ เฉียบขาด ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยธรรม”
สมศักดิ์ศรีที่ได้รับความไว้วางใจ จากท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ให้เป็น
“อัศวินแห่งกองทัพธรรมกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต”
ที่มีธรรมะเป็นอาวุธ
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
ท่านเป็นพระผู้ล้ำเลิศด้วยคุณธรรม เป็นที่เคารพบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทุกผู้ทุกนาม อีกทั้งบรรดาสานุศิษย์ของท่านก็มีมากมาย ท่านเป็นพุทธทายาทที่องอาจในศีลบารมี สมาธิบารมี และปัญญาบารมี อีกทั้งยังเป็นพระนักปฏิบัติที่องอาจในการเผยแพร่ธรรมะโดยแท้
ปฏิปทาอันละมุนละไมของท่านพ่อลี ทำให้บรรดาสาธุชนเลื่อมใสทั้งกาย วาจา และใจ ขันติธรรมและเมตตาธรรมของท่านเป็นที่ซาบซึ่งแก่พุทธบริษัททั้งปวง สั่งสอนอบรมพุทธบริษัทให้เป็นบุคคลพลเมืองดีในชาติ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่บูชา แสงแห่งพุทธธรรมส่องสว่างโดยพุทธสาวกผู้บริสุทธิ์ ให้ความอบอุ่นสงบสุขแก่ผู้คนทั้งปวง
ชื่อเดิมของท่าน คือ
ชาลี
นามสกุล
นารีวงศ์
เกิดที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลยางโยภาพ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันพฤหัสบดี วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เวลา ๒๑.๐๐ น. เดือนยี่ แรม ๒ ค่ำ ปีมะเมีย
เป็นบุตรของ
นายปาว
และ
นางพ่วย นารีวงศ์
มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๙ คน เป็นชาย ๕ คน เป็นหญิง ๔ คน
ท่านเล่าว่า “...เมื่อเกิดมาได้ ๙ วัน เกิดมีอาการรบกวนพ่อแม่เป็นการใหญ่ ไม่มีใครสามารถเลี้ยงให้ถูกใจได้ เป็นเกิดที่เลี้ยงยากที่สุด มักร้องไห้เอาแต่ใจเสมอ เมื่อโยมแม่ออกไฟได้ ๓ วัน เราเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคบนศีรษะไม่ยอมกินไม่ยอมนอนเป็นเวลาหลายวัน
พออายุได้ ๑๑ ปี จิตคิดขึ้นเองว่า
“ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ ในเรื่องที่จะตอบแทนบุญคุณข้าวป้อนของพ่อแม่”
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำไม่ได้จึงพูดกับแม่ว่า
“แม่...มีอยู่เรื่องเดียวที่ลูกจนใจที่สุดก็แต่เลือดในอกที่ดื่มเข้าไปเท่านั้นที่หามาตอบแทนพ่อแม่ไม่ได้”ฯ
อายุ ๑๒ ปี ได้เรียนหนังสือไทยพออ่านออกเขียนได้ เรียนก็ไม่เก่ง สอบชั้นประถมก็ตกเสียอีกคิดว่า “ช่างหัวมันปะไร” ถึงจะสอบตกแต่จะไปเรียนจนครูให้ออก
อายุ ๑๕ ปี ท่านมีคติธรรมฝังแน่นในหวัใจ ๓ อย่างคือ
๑. ในจำนวนคน ๘๐ หลังคาเรือน ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ ท่านจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหัวแม่ตีนเป็นอันขาด
๒. ในบรรดาคนที่เกิดปีเดียวกัน ท่านจะไม่ยอมแพ้ใครในเชิงหาเงิน
๓. ถ้าอายุไม่ถึง ๓๐ ปี ท่านจะไม่ยอมมีเมีย จะต้องมีเงินอยู่ในกระเป๋าของตัวเองให้พอเสียก่อน จะไม่ยอมแบมือขอใครกิน ถ้าจะมีเมียต้องเป็นผู้เลือกเอง ใครจะมาข่มเหงคลุมถุงชนไม่ได้ และผู้ที่จะเป็นเมียจะต้องมีพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และสกุลสมบัติ
ปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ อายุครบ ๒๐ ปี
ท่านได้ออกบวชเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันวิสาขบูชา ณ พัทธสีมาวัดบ้านหนองสองห้องโดยมี หลวงปู่อ้ม เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองสองห้องเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อท่านออกบวชได้ ๒ พรรษาจึงตั้งใจอธิษฐานให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมว่า
“เวลานี้ข้าพเจ้ามุ่งหวังเอาดีทางพระศาสนาขอจงให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบภายใน ๓ เดือน”
ด้วยแรงอธิษฐานของท่าน ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สมความตั้งใจ ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านได้สอนให้บริกรรมภาวนา
“พุธโธ”
เพียงคำเดียวเท่านั้น ขณะนั้นท่านกำลังอาพาธ ท่านจึงแนะนำให้ไปพักอยู่เสนาสนะป่าบ้านท่าวังหิน ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงัดวิเวกดี มี
พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล
เป็นพระพี่เลี้ยง
ท่านขอญัตติใหม่ในคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตที่วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ โดยมี
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
เป็นผู้ให้ไตรสรณคมน์ และศีล
พระปัญญาพิศาลเถร (หนู จิตปญฺโญ)
เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการเพ็ง
เป็นพระกรรมวาจารย์
ได้รับนามฉายาว่า
“ธมฺมธโร”
แปลว่า
“พระผู้ทรงไว้ซึ่งศีลธรรม”
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๐
จำพรรษาที่เสนาสนะป่าช้าบ้านหัวงัว ตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร มี
พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์สาม อกิญฺจโน
ร่วมจำพรรษา
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๑-๒๔๗๓
จำพรรษาที่ วัดปทุมวนาราม อำเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๔
จำพรรษาที่วัเจดีย์หลวง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ในคราวที่จำพรรษวัดเจดีย์หลวงนั้น ท่านพระอาจารย์มั่น ได้สั่งให้ท่านพ่อลี ไปปฏิบัติกรรมฐาน ในที่อันมงคลสถาน ๓ แห่ง คือ
๑. ดอยขะม้อ จังหวัดลำพูน
๒. ถ้ำบวบทอง จังหวัดเชียงใหม่
๓. ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๕-๒๔๗๖
จำพรรษาที่ เสนาสนะป่าช้าบ้องชี (ปัจจุบัน วัดป่าธรรมิการาม) อำเภอกระโทก (โชคชัย) จังหวัดนครราชสีมา
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๗
จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านตะกร้อ อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๘-๒๔๙๒
จำพรรษาที่เสนาะป่าช้าผีดิบคลองกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓
จำพรรษา ที่ป่าอิสิตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔
จำพรรษาที่วัดควนมีด อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๕
จำพรรษา ที่เสนาะป่าบ้านผาแด่น ตำบลป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๖-๒๔๙๘
จำพรรษาที่วัดบรมนิวาส อำเภอปทุมวัน กรุงเทพ
ปีพุทธศักราช ๒๔๙๙-๒๕๐๔
จำพรรษาที่วัดอโศการาม ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดอโศการาม ในวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๔ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. สิริอายุรวมได้ ๕๕ ปี พรรษา ๓๓
หลังจากท่านมรณภาพ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์
วัดมกุฏกษัตริยาราม มีบัญชาให้เก็บศพท่านไว้ยังไม่ถวายเพลิง
เอาอย่างพระมหากัสสปะเถระ ที่ในวันหนึ่งในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตรย มาเผาศพพระมหากัสสปะอย่างสมศักดิ์ศรี
นัยของท่านพ่อลีก็ขอให้เอาเยี่ยงอย่างนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า
“ผู้มีบุญกรรมที่เกี่ยวข้องกับท่านในวันข้างหน้า จะได้มาถวายเพลิงสรีระร่างของท่านอย่างสมศักดิ์ศรี”
และสมเด็จฯ ท่านยังมีบัญชาอีกว่า ให้บำเพ็ญกุศลและสวดมนต์อุทิศถวายท่านพ่อลีทุกคืน บรรดาบรรพชิตและคฤหัสถ์ ซึ่งเป็นคณะศิษยานุศิษย์ของท่านพ่อลีก็ได้ปฏิบัติตามมาโดยตลอด
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า
จากหนังสือ พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์
วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 5:20 pm
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 11:22 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th