Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ตีแผ่ความจริง ที่คนไทย ส่วนใหญ่ไม่รู้ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
muntana
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2008, 4:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



meat.jpg


ตีแผ่ความจริง ที่คนไทย ส่วนใหญ่ไม่รู้

ต้องอ่านข้อมูลข้างล่างนี้ แปลจาก วารสารสุขภาพ Health Today- USA

โดย ศ.นพ.ดร. วิจิตร บุณยะโหตระ


บันทึกโรคแทรกซ้อน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ

นับตั้งแต่สัตว์ถูกฆ่า ตัดชำแหละเป็นชิ้นๆ ยกประเภทนำบรรจุเข้าตู้แช่ แล้วขนส่งไปยังตลาดจำหน่ายกว่าจะผ่านแต่ละกระบวนการจนถึงผู้บริโภค เนื้อสัตว์ต้องตกค้างอยู่เป็นเวลาหลายวัน เพื่อรอผู้บริโภคมาซื้อไป กว่าจะถูกปรุงเสร็จเป็นอาหาร ก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
ตามธรรมดา เนื้อสัตว์จะคงความสดอยู่ได้ไม่นานก็จะแปรสภาพ สีจะกลายเป็นสีเทาอมเขียว ดังนั้น ในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จึงมีการใช้สารเคมีช่วยยืดอายุการเน่าเสีย และเจือสารรักษาสีให้เนื้อมีสีแดงดูสดนาน สารเคมีเหล่านี้ทางการแพทย์พบว่า.. เป็นตัวการทำให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้
ปัจจุบันในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ใช้สารเคมีและฮอร์โมนผสมลงในอาหารสัตว์เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ทำให้สัตว์อ้วนท้วนโตเร็ว เนื้อสัตว์ที่ได้จะมีสีสรรน่าซื้อ
แต่การกระทำดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคได้รับสารพิษต่างๆ มากมาย เมื่อบริโภคเนื้อนั้นเข้าไปเป็นประจำ มีการฉีดเซรุ่มและยาปฏิชีวนะต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์เป็นประจำ ร่างกายมักมีการด้านยา เมื่อเจ็บป่วย ยาที่กินจึงไม่ค่อยได้ผล
เช่นเดียวกับการใช้ยาฆ่าแมลงศัตรูพืชมากๆ แมลงเหล่านี้ก็จะมีความต้านทานยามากขึ้นเรื่อยๆ ยาที่มีความรุนแรงในขนาดเดิมจะใช้ไม่ได้ผล แมลงกลับจะทวีจำนวนมาขึ้นๆ


ผู้ทีนิยมรับประทานเนื้อวัวเป็นประจำ คุณทราบไหมว่าเนื้อวัวที่คุณกินเข้าไปนั้น ไม่ได้ผ่านการรับรองใดๆ จากกรมอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมาสู่คนเลย


ปี 1997 มีรายงานจาก หน่วยบริการสุขลักษณะเนื้อสัตว์ว่า การรักษาความสะอาดในโรงฆ่าสัตว์ไม่ได้มาตรฐาน เนื้อที่ชำแหละแยกลำไส้จะปนเปื้อนและติดเชื้อมาจากโรงฆ่า อาจมีเชื้อ อี.โค.ไล ซึ่งทำให้ท้องเสีย เป็นตะคริวอย่างแรง อาเจียนและอาจถึงตายได้ เชื้อนี้อยู่ในมูลสัตว์ได้นานเป็นเดือนๆ


กองควบคุมและครวจสอบ โรคติดต่อในเนื้อสัตว์ของอเมริการายงานว่ามีเชื้อ ชาลโมเนลล่า อยู่ในเนื้อสัตว์ซึ่งทำให้อาหารเป็นพิษและมีคนตายด้วยเชื้อดังกล่าวไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคนต่อปี มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ในโรงพยาบาลกว่าสิบล้านคน ทำให้อเมริกาต้องสูญเสียเงินกว่าร้อยล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการรักษา


ที่อเมริกาตรวจพบว่า วัวที่ติดเชื้อมะเร็งในเลือด (BLV) มากถึง 20 % ในปี 1991 กระทรวงเกษตรฯ ของอเมริการายงานว่า เชื้อโรคเอดส์ได้แพร่กระจายไปสู่ฝูงวัวแต่ก็ยังไม่มีการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรค


นักวิชาการชาวอังกฤษ กล่าวอย่างมั่นใจว่า.. “การรับประทานเนื้อวัวมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับการติดเชื้อสูงถึง 60 %” อาการของผู้ติดเชื้อโรควัวบ้าจะปรากฏออกมาในช่วงเวลาอีก 10-40 ปีข้างหน้า


ปัจจุบันมีการนำเนื้อวัว มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กทารก เด็กวัยเจริญเติบโต หรือผู้ป่วยในโรงพยาบาล คนจำนวนนั้นที่กินเข้าไปเพียงไม่กีสัปดาห์ต้องป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ หนึ่งในนั้นคือโรควัวบ้า (BSE)


โรควัวบ้า มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ..(BSE) (Bovine Spongioform Encephalopathy) ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ก่อให้เกิดการเสื่อมสลายทางระบบประสาทส่วนกลางในคนและสัตว์ได้

บันทึกโรคแทรกซ้อน รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์

ปรากฏว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ยังมีโรคร้ายชานิดใหม่อีกชนิดหนึ่งสู่ผู้บริโภคเนื้อสัตว์ รักษาไม่หาย ตายหรือพิกลพิการลูกเดียว โรคนั้นคือ โรควัวบ้า
โรควัวบ้าที่เกิดขึ้นมีสาเหตุแท้จริงมาจากคนเลี้ยงวัว ในยามปกติวัวกินหญ้า ข้าวโพด และเมล็ดพืช แต่เจ้าของฟาร์มหลายแห่งหัวใสขึ้นมา เพื่อให้วัวได้อาหารโปรตีนสูง จึงหลอกวัวให้กินอาหารป่นที่เสริมด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นเศษซากเนื้อสัตว์ และอวัยวะภายในจากแกะที่ตายแล้ว โดยนำเอากระดูก และเครื่องในแกะมาป่นเป็นอาหารเสริมให้กับลูกวัวที่แม่วัวไม่มีน้ำนมให้ลูก
ปรากฎว่าหลังจากที่วัวได้รับอาหารเสริมจากแกะแล้ว ต่อมาวัวเหล่านั้นจำนวนมากเกิดเป็นโรควัวบ้า เดินโซซัดโซเซ มีอาการทางด้านระบบประสาท และเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก


มีข่าวออกมาว่า..ผู้ที่กินเนื้อวัวที่เป็นโรควัวบ้าอาจมีโอกาสล้มป่วย เป็นโรคสมองฝ่อ หรือโรค CJD ได้มีอาการทางระบบประสาท คือ ความจำเสื่อมสติปัญญาถดถอยน้อยลงอย่ารวดเร็ว มีอาการเดินซวนเซคล้ายอาการในวัวบ้า กระตุกทั้งตัว ในที่สุดอาจเสียชีวิตได้ภายในไม่เกิน 2 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าเวทนามาก

บันทึกโรคแทรกซ้อน รองศาสตราจารย์ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์

โรคสมองพรุนสมองฝ่อนี้ เป็นชื่อโรคที่ได้ยินก็ทำให้จิตใจหดหู่ห่อเหี่ยวแล้ว เพราะโรคนี้เกิดที่สมองซึ่งเป็นแหล่งสติปัญญา หรือความสามารถสูงสุดของมนุษย์ ใครเป็นโรคนี้ลัวนต้องสูญเสียศักยภาพไปอย่างไม่มีวันกลับคืนดีได้อย่างเดิม โรคสมองฝ่อที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ (Alzheimer)
สัตว์ชนิดแรกที่เป็นโรคนี้คือ แกะ แล้วมีการระบาดในอาหารต่อไปในแพะ วัว หมู และสัตว์อื่น จนในที่สุดก็มาถึงคน
สารพิษตัวนี้มันค่อนข้างถาวร ไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆทนทานต่อความร้อนถึง 300 0 F
ดังนั้น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในอาหาร มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคสมองฝ่อ CJD ในคนได้มากที่สุด


โรคสมองฝ่อ CJD สามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้จากผู้ป่วย CJD คนหนึ่งได้บริจาคเยื่อการจกตาแก่คนไข้รายหนึ่ง จากนั้นไม่นานปรากฏว่าคนไข้รายนั้นก็ได้รับเชื้อ CJD ด้วยเช่นกัน

บันทึกโรคแทรกซ้อน รองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย โตวิวิชญ์

การกินอาหารมังสวิรัติ คนทั้งหลายมักเข้าใจว่ากินอาหารมังสวิรัติแล้วจะขาดโปรตีน หรือ อมิโนแอซิดตัวนั้นตัวนี้ นั่นคือ อิทธิพลของนักการค้า เราเกิดเป็นคนหรือเป็นวัวเป็นควายกันแน่ จึงต้องการอะมิโนแอซิดที่มีอยู่ในวัว ควายมาใช้ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย
ในอเมริกาโฆษณาป้ายใหญ่โตว่า “เนื้อวัวเป็นอาหาร เย็นที่ดีที่สุด” นี่เป็นความเข้าใจผิดของประชากรโลกหรือผู้บริโภค โดยอิทธิพลของพ่อค้าที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ และยัดเยียดความคิดนั้นให้แก่ประชาชนอย่างไม่ถูกต้อง




จึงไม่ประหลาดใจเลย ว่าทำไม ชาวยุโรป และ ชาวอเมริกัน ได้หันมาทานอาหาร
ปลอดเนื้อสัตว์ เพิ่ม มากขึ้น จาก อัตราการเติบโตและการขยายตัวของ ร้านอาหาร
จำหน่าย อาหารปลอดเนื้อสัตว์ สูงกว่า 500 เปอรเซนต์ จากจำนวน 200 แห่ง
เป็น กว่า 1000 แห่ง ในปัจจุบัน
หลังพบว่า มีจำนวนผู้ป่วยได้ล้มป่วยด้วยโรคร้าย สารพัดชนิด เช่น มะเร็ง หัวใจ
ไขมันอุดตัน สมองฝ่อ ปีละนับ ร้อย ล้านคน และสารพัดโรคร้าย กำลังคุกคามมา
ทางประเทศในแถบเอเซียมากขึ้น



-------------------------------------------------------------------------------



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 11:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อืมม์ ร้องไห้ ซึ้ง ร้องไห้ ตกใจ ร้องไห้
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 8:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง