Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ใช่บัณฑิต อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 3:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมฐาน จิ้มขี้มาดม

นี่ล่ะธรรมะชั้นยอด

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 7:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
กะแล้วไม่มีผิดว่า " โซดาขัน " จะต้องพูด เพราะมานะกิเลสมันท่วมท้น มิจฉาทิฏฐิมันเลยเพียบ โดนกิเลสมันหลอกยังไม่รู้ตัวอีก บอกวิธีการไปแล้ว แทนที่จะไปเจริญสติ สัมปชัญญะให้มากขึ้น เปล่าเลย ยังมาทำซ่าอยู่เรื่อยไป

ดีแต่ทำตัวซ่าไปวันๆ น้ำลายแตกฟองฟ้อดๆทษคนอื่นน่ะขุนเขา โทษตัวเองกลับมองไม่เห็น เอ้า ... ตั้งใจอ่านข้อความต่อไปนี้ให้ดีๆนะ " โซดาขัน "

รู้จักใช้ประโยชน์จากขี้ไหม " โซดาขัน " หรือเวลาขี้ เยี่ยว ก็แค่ปล่อยมันออกมาโดยหายใจทิ้งไปวันๆ แบบนั้นใช่ไหม " โซดาขัน "


อาการของคนสติแตกครับ ด่ากราด ตัวสีแดงผมเน้นให้

คนเราถ้าไม่โมโหโกรธา ก็ต้องพิจารณาสิ่งที่คนอื่นพูด ว่าจิ้มขี้มาดมนั้นมันทุเรส และไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม มันเป็นการอุตริ แต่นี่ ไม่พอใจ โมโห ด่ากราดอย่างสติแตก แล้วนึกว่า ตัวเองฉลาด

ส่วนกองเชียร์ ก็เข้าข่าย รักเพราะเกลียด คือ รักกัน เห็นชอบกันเพราะเกลียดคนๆ เดียวกัน โดยไม่ลืมหูลืมตา นี่แหละเขาเรียกว่า อวิชชามันปิด มันไม่ตื่น มันตามเรื่องตามราว อย่าโง่เขลาที่สุด




" โซดาขัน "

" โซดาขัน " ผู้อยากเป็น " โสดาบัน " ผู้มีความอยากเป็น " อริยะ " แต่เที่ยวสร้างความเป็น " อริแยะ " เธอช่างเป็นผู้น่าสงสารเสียจริง ตอนแรกก็เที่ยวกล่าวอ้างว่าต้องพูดกระทุ้งกิเลส ไม่งั้นกิเลสไม่ออกมา แต่โซดาขันผู้ที่ยังไม่เข้าใจ พอผู้อื่นมากระทุ้งกิเลสตัวเองบ้าง กลับโมโหฉุนเฉียว ขี้หนอขี้ เจ้าขี้ที่เป็นรูปตัวนี้ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ทั้งๆที่ขี้น่ะมันอยู่เฉยๆ มันไม่ได้มีโทษกับใครเลย พิจรณาสิ " โซดาขัน " ขี้กับเรามันก็ไม่แตกต่างกันหรอก ขี้มันคงทนไหม ขี้ออกมาแล้วมันอยู่ค้ำฟ้าไหม เหมือนกายเรา มันคงทนไหม มันอยู่ค้ำฟ้าได้ไหม มันไม่เที่ยง เวลานั่งขี้ บอกแล้วให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ แทนที่จะไปลองทำ กลับมาโวยวายเรื่องขี้ๆ เพราะเธอยังไม่พบของจริง เรื่องที่เธอนำมากล่าวเรื่องเกิดดับที่เธอเห็น มันก็แค่สติ สัมปชัญญะเธอมากพอเท่านั้นเอง เพราะความอยากแท้ๆ ความอยากมี อยากได้ อยากเป็น " อริยะ " อยากเป็น " โสดาบัน " ก็เลยทำให้เธอได้เป็นแค่ " โซดาขัน " กิเลส ตัณหา ความทะยานอยากของตัวเธอเอง มันกำลังทำลายเธอ ด้วยการกระทำของตัวเธอเอง โซดาขันผู้หลงสภาวะ ผู้หลงในสมมติบัญญัติที่เขาให้ค่าให้ความหมาย

บอกตามตรงไม่ได้คิดโมโหโกรธาแบบที่เธอพูดเลย เห็นเธอชอบพูดนักเรื่องกระทุ้งกิเลส กระแทกกิเลส พอพูดแบบสไตล์ที่เธอชอบพูดบ้าง เธอโดนกระแทกไม่กี่ทีออกมาเรื่อยๆเลยกิเลสของเธอ คำว่า สติแตก น่าจะเป็นเธอนะโซดาขัน สติแตกเพราะยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ตัวเธอทำลายตัวเธอเอง หาใช่คนอื่นทำลายไม่ แต่เพราะสติ สัมปชัญญะเธอยังด้อย เลยทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงได้


ท่านทั้งหลาย โปรดจงเมตตาต่อโซดาขัน คนนี้เถอะ เขาอยากจะเป็นอะไรก็ปล่อยให้เขาเป็น เขาอยากจะพูดอะไร จงปล่อยให้เขาพูด ให้เขาได้ระบายออกมา เพราะผลของการกระทำทั้งหมด เขาเป็นผู้รับเอง หาใช่เราไม่ จงอย่าไปสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นกับเขา อย่าไปมีวิบากร่วมกับเขา แล้วจงดูเขาเป็นตัวอย่างว่า คนที่เห็นสภาวะแล้วไปตีความผิดๆ คิดว่าใช่แล้ว เลยเกิดความยึดมั่นถือมั่นในสมติบัญญัติที่ใช้เรียก นี่จะเป็นคนที่มีลักษณะเช่นนี้ ใช้คำพูดต่อผู้อื่นแบบนี้ จงดูเขาไว้เป็นตัวอย่าง ส่วนมากคนเหล่านี้จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน คำพูดก็คล้ายคลึงกัน การกระทำก็คล้ายคลึงกัน

โซดาขันผู้น่าสงสาร เธอจะเห็นทางที่เราเคยชี้ให้ไหมหนอ ... ว่าทางที่เธอกำลังเดินย่ำๆอยู่นี้ ควรจะทำอย่างไรถึงจะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ วันใดเธอพบของจริง เธอจะไม่มาแบ่งเขา แบ่งเรา แบ่งว่านี่คือขี้แบบนี้หรอก แล้วก็ไม่ใช่แบบตำราที่ท่องๆจำเอามาพูดนะโซดาขัน ของจริงมันแจ้งออกมาจากจิตขณะที่เป็นสมาธิ วันไหนพละ 5 พร้อมก็จะเกิดเอง ไม่ใช่การคิดเอาน้อมเอานะโซดาขัน ของจริงรู้แล้วจบ จบที่ตัวเองน่ะโซดาขัน มันไม่ต้องมาอธิบายอะไรยืดยาว อย่าอยากนะโซดาขัน ตราบใดที่เธอมีความอยาก เธอไม่มีทางได้เห็นของจริงหรอก แต่เธอจะถูกกิเลสมันหลอกไปเรื่อยๆ อ้อ .. ของจริง นิ่งเป็นใบ้ ไม่ต้องมาโพทนาบอกกับใครเขาหรอก

กรรมอันใดที่เธอได้กระทำแล้ว ได้ละเมิด ได้ติติงเราแล้ว กรรมนั้นเราอโหสิกรรมให้แก่ผู้ใช้นามแฝงว่า " ขันธ์ " สาธุ สาธุ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พูดเจื้อยเเจ้วเป็นนกเเก้วนกขุนทอง

ขันธ์ อย่างนั้นอย่ๅงนี้ สรุปว่าผมไม่ดีอย่างไรช่วยเรียบเรียงหน่อย

มันวกวน
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 9:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะคุณ walaiporn สาธุ

สำหรับการยกเรื่องปฏิกูลมาให้เราท่านได้พิจารณาเป็นธรรมทาน

โดยแท้จริงแล้ว
การเจริญอสุภกรรมฐาน และ พิจารณาธาตุ ๔
เป็นได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา


หากผู้ปฏิบัติมองเห็นแต่เพียงกายนี้เป็นที่ประชุมของธาตุ ๔
ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ยังคงเป็นเพียงสมถกรรมฐาน

แต่หากมี "การปฏิวัติความรู้" (ครูบาอาจารย์ท่านใช้คำนี้)
โนมจิตไปพิจาณาให้เห็น "ไตรลักษณ์"
ที่มี อนิจจสัญญา ความสำคัญมั่นหมายว่าไม่เที่ยง
ทุกขสัญญา ความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นทุกข์
อนัตตสัญญา ความสำคัญมั่นหมายว่าไม่ตัวตนที่แท้จริง
ภูมิจิตของผู้ปฏิบัตินั้นก็จะก้าวเข้าสู่ "ภูมิแห่งวิปัสสนา" ในที่สุด


สาธุ สาธุ สาธุ

โปรดติดตามรายละเอียดใน :

แนวปฏิบัติของท่านพระอาจารย์เสาร์ สาธุ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17679
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 10:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:
"การปฏิวัติความรู้"


เท่าที่ผมทราบ อ่านมา ฟังมา นะ
คำนี้คือการบรรลุธรรม
จิตเกิดปฏิรูป มีปัญญาขึ้น โดยอัตโนมัติ
มีตัวรู้เกิดขึ้น และตัวร้มีสติตื่นรู้อย่างมีคูณภาพมากขึ้น
คอยช่วยเราไม่ให้หลงไปกับสิ่งที่ถูกรู้

ครั้งที่เกิดหลังๆ มันก้จะ upgrade จากครั้งแรก ขึ้นไปอีก

การที่จิตมีควมรู้แบบที่ปฏิวัตินี้ ปัญญามันมีความรู้ของมันเอง
ปัญญาที่เกิดจากวิปัสนาที่แท้

ส่วนการคิด ความคิด ทั้งปวง คือการทำสมถะ เป้นปัญญาแบบความคิด
ซึ่งเป้นพื้นฐานของปัญญาแบบจิตปฏิวัติ



การที่มีจิตปฏิวัติ/ปฏิรูป มีได้ทั้งหมด 4 ครั้ง (โดยประมาณ/หรือสัมพัทธ์ ผมก็ไม่แน่ใจ)

สติ และ ตัวรู้ ยังจะพัฒนาต่อไปได้อีกจนถึงครั้งที่ 4

ครั้งสุดท้ายนี้ คือการปฏิวัติสู่อรหัตถผล แจ้งในนิพพาน
ที่หลวงปู่ดุลย์เรียกว่า "เจอผู้รู้ ทำลายผู้รู้"
เห็นแจ้งว่าจิตก็ไม่ใช่ของเรา


ไม่ทราบถูกไหมคับ พี่นางฟ้า

--------------------------

ส่วนเรื่องกรรมฐาน 40 กอง

ถามว่า ถ้าผมเกลียดงู กลัวงู.. มันจะอยู่กองไหน
ถามว่า ถ้าผมเจอน้ำหอม ที่ตัวเองไม่ชอบเอามากๆ.... มันจะอยู่กองไหน
ถามว่าผมเล่นเครื่องตกตึกในสวนสยาม..ตอนหล่นลงมา ... มันจะอยู่กองไหน

คนบางประเภทที่ หา-กอง-ให้มันไม่ได้
เพราะว่าหาภาษาให้มันลงไม่ได้
เลยไม่ทำ...เพราะคิดว่าไม่ใช่กรรมฐาน

ความจริงแล้ว ประเด้นอยู่ที่คำว่า กรรมฐาน ไม่ใช่คำว่ากองต่างๆ

แค่คนที่เข้าใจคำว่า สถมะ-กรรมฐาน
เขาไม่สนหรอกว่ากองไหน
เขารู้แต่ว่ามันกระทบผัสสะแล้วเกิดสภาพธรรมขึ้นให้วิปัสนาหรือเปล่า
ถ้ามันเกิดเขาก้วิปัสนาต่อไป

ถ้าไม่เกิด เขาก้ยังวิปัสนาความสงบนั้นต่อไป

ไม่มีความเพียรจะจำให้ได้ หมายอยากจะรู้ลงไป ว่าเป้นกองไหนๆ
เป้นกรรมฐานหรือเปล่า
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 12:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่น้องคามินกล่าวมานั้น
โดยภาพรวมเข้าใจถูกต้องแล้ว

การคิดหมาย การเข้าใจว่านี่นั่นว่า
สภาวะอย่างนั้น อย่างนี้คือไตรลักษณ์
ก็ยังเป็นการใช้สัญญาความจำได้หมายรู้มาพิจารณา
ยังไม่ใช่เป็นวิปัสสนา

(เช่นเดียวกันกับการอธิบายเรื่องวิปัสสนาอยู่ในขณะนี้
ก็เป็นการใช้ความจำได้หมายรู้จากการอ่าน ฟังคำครูบาอาจารย์
และประสบการณ์การปฏิบัติบางส่วนซึ่งก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมาอธิบาย)


เพราะวิปัสสนาคือการรู้เห็น การแจ้งด้วยปัญญา
ในสภาวะแห่งไตรลักษณ์ของรูปนามขันธ์ ๕
ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอย่างแท้จริง

เป็นปัญญาระดับโลกุตตรปัญญาที่เกิดขึ้นใน
โสดาปัตติมรรค สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรค
และอรหันตมรรค ๔ ครั้ง (ดังที่คุณน้องว่ามา)
จะว่าไปแล้วนี่คือความรู้เห็นที่เป็นปัญญาที่จิตจะค่อยๆพัฒนาในธรรมเรื่องปฏิจสมุปบาท
ที่ได้จาก การเจริญสติปํฏฐาน ๔ (กาย เวทนา จิต ธรรม)
และ/หรือการยกจิตจากสมถะเข้าสู่วิปัสสนาโดยการพิจารณาไตรลักษณ์นั่นเอง

นอกจากนี้แล้วความรู้เห็นในเรื่องอริยสัจ ๔
คือทุกข์แล้วเข้าไปกำหนดรู้ทุกข์
รู้และเข้าใจว่านี่คือเหตุในเกิดทุกข์
เป็นตัณหาที่ทำให้เกิดทุกข์ และพยายามละให้ได้

และเมื่อเราเข้าใจเหตุเกิดทุกข์ (สมุทัย)
ไม่ว่าจะเป็นอกุศลกรรมต่างๆ
เช่น ความฟุ้งซ่าน โทสะ ราคะ โมหะ ความพยาบาท
ความถือตัวถือตนว่าฉันดีกว่าเก่งกว่าคนอื่น
ความเห็นผิด อิจฉาริษยา ความตระหนี่
ที่ขยายจากมโนกรรม จนกลายเป็นวจีทุจริต และกายทุจริต

แล้วเราสามารถละได้อย่างเด็ดขาดตามลำดับทีละตัว (สังโยชน์ ๑๐)
เพื่อเดินทางสู่อริยมรรค
โดยเรารู้และใช้ข้อฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์ (มรรค)
แล้วเจริญให้เต็มรอบขึ้นมา
นี่ก็นับเป็นปัญญาที่ได้จากเจริญวิปัสสนาอย่างแท้จริงเช่นกันค่ะ



อย่างไรก็ตาม...

ในความเป็นจริงของการปฏิบัติกรรมฐานแล้ว
ทั้งสมถะและวิปัสสนาย่อมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
เสมือนเหรียญที่ต้องมี ๒ ด้าน


ผู้เจริญวิปัสสนาเองก็จำเป็นต้องพื้นฐานของกำลังสมาธิในระดับหนึ่งเช่นกัน
แม้จะไม่ถึงขึ้นแนบแน่นเป็นอัปนาสมาธิก็ตาม
เพราะจำเป็นต้องใช้ทั้งสติและสัมปชัญญะ
ในการพิจารณาสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง

มีผู้รู้ท่านได้เคยกล่าวไว้ค่ะว่า
บางทีการศึกษาอ่านมาก ฟังมาก
แล้วนำไปปฏิบัติเองโดยขาดการชี้แนะ
ก็อาจเสี่ยงต่อโอกาสในการเกิดอาการ mood making
(ขอเรียกว่าวิปัสสนึก) ได้มากเช่นกัน

จงควรมีผู้รู้จริง เช่นพระวิปัสสนาจารย์
ท่านคอยสอบอารมณ์ และให้คำแนะนำ
เพื่อความก้าวหน้า และไม่หลงในการปฏิบัติอยู่เสมอน่ะค่ะ สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 12:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนเรื่องคนกลัวเกลียดงูควรใช้กรรมฐานกองไหน อืมม์

อันนี้พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าควรจะใช้กองไหน ขำ ยิ้มเห็นฟัน

มนุษย์ส่วนใหญ่ก็คงไม่ค่อยมีจริตที่พิสมัยงูกันสักเท่าไหร่
แต่ดีกรีในความกลัวและเกลียดคงแตกต่างกัน
ยกเว้นผู้ที่อาจมีกรรมสัมพันธ์กับเผ่าพงศ์วงศ์นาค
(คงต้องรบกวนถามผู้รู้ท่านอื่นๆด้วยนะคะ)

แต่ในความเห็นส่วนตัวแล้ว
พิจารณาจากการตอบกระทู้
คิดว่าจริตอย่างคุณน้องน่าจะเป็นพวกพุทธจริต
(แต่คงไม่ใช่โทสะจริต...ใช่มั้ยคะ) ยิ้มเห็นฟัน
น่าจะที่จะใช้มรณานุสสติกรรมฐาน อุปสมานุสสติกรรมฐาน
อาหาเรปฏิกูลสัญญา หรือจตุธาตุววัฏฐาน รวม ๔ อย่างด้วยกัน

หรือมิฉะนั้นก็เจริญวิปัสสนาด้วยสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกไปเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิจารณาโดยใช้ "จิต" และ "ธรรม" เป็นฐานน่าจะเหมาะสม
(ทำอยู่มิใช่หรือคะ) ยิ้มแก้มปริ

เราควรพึงทราบว่า

กรรมฐานที่พระพุทธองค์ทรงแบ่งไว้ก็เพื่อเอาไว้แก้กิเลส
ให้เหมาะกับคนที่ที่มีจริตที่โดดเด่นต่างกัน
เช่น พวกรักสวยรักงามมากๆ นั่นคือราคะจริตโดดเด่น
ก็ต้องเจริญ อสุภกรรมฐาน กายคตานุสสติกรรมฐาน
หรือพวก คนมักโกรธ โทสะจริต ก็ควรเจริญ พรหมวิหาร ๔
หรือเพ่งวัณณกสิณ ๔ (เพ่งสี ๔ สี)
ถ้าเป็นพวกโมหะจริต ก็ควรเจริญกรรมฐาน อานาปนสติ
ส่วนพวกศรัทธาจริต ก็ควรเจริญ อนุสติ ๖ ประการ เป็นต้น

เพราะกรรมฐานเหล่านี้เป็นอุบายในการโน้มใจเราให้เข้าถึงธรรมชาติ
เกิดความเบื่อหน่ายในสภาพร่างกายที่เป็นอยู่
และเห็นธรรม เกิดปัญญารู้แจ้ง
เห็นตามความเป็นจริงตามสภาพของวัตถุธาตุและกระบวนของขันธ์ ๕ นั่นเอง

ที่สำคัญหากใช้กรรมฐานในการปฏิบัติได้ถูกต้อง
ก็สามารถลด ละ ถ่ายถอนกิเลสได้เร็ว และตรงกับอัธยาศัยนั่นเองค่ะ
สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 9:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาสาธุการคุณพี่นางฟ้าด้วยนะคับ
ละเมียดละไม-เย็นใส-ได้ปัญญาจริงๆ

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิ้มขี้มาดม แล้วปฏิบัตกรรมฐาน สาธุ

กรรมฐานมีร้อยแปด อานาปานสติ มีไม่ทำ
พุทธานุสติมียังทำไม่ได้
พรหมวิหารสี่ยังไม่รู้จัก เกลียดคนนั้นเกลียดคนนี้ อภัยไม่เป็น
ธรรมานุสติไม่เคยฝึก
สังฆานุสติ แทบจะไม่มี แถมด่าพระกันด้วย

แต่ ไปอนุโมทนาสรรเสริญกับ การจิ้มขี้มาดม 55

นี่แหละ คนไม่รู้จักพิจารณา
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 6:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ ขันธ์

คุณเอากิเลสในใจคุณ
มาแปดเปื้อนคนอื่นเค้าไปหมด

คุณคิดดูให้ดีนะ
เหมาะกับการที่เป็นที่เคารพของคนในเวปพลังจิตหรือไม่
คิดดูให้ดีนะ

ถ้าคุณเป็นอย่างนี้นะ
คุณไม่มีอิทธิบาท ๔ หรอก
แล้วจะทำอิทธิบาท ๔ ให้เป็นดั่งยานได้ยังไง
ใครฟังดูก็รู้ว่า
คนนี้ขี้โม้แน่ ๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 7:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

walaiporn พิมพ์ว่า:
ขันธ์ พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
กะแล้วไม่มีผิดว่า " โซดาขัน " จะต้องพูด เพราะมานะกิเลสมันท่วมท้น มิจฉาทิฏฐิมันเลยเพียบ โดนกิเลสมันหลอกยังไม่รู้ตัวอีก บอกวิธีการไปแล้ว แทนที่จะไปเจริญสติ สัมปชัญญะให้มากขึ้น เปล่าเลย ยังมาทำซ่าอยู่เรื่อยไป

ดีแต่ทำตัวซ่าไปวันๆ น้ำลายแตกฟองฟ้อดๆทษคนอื่นน่ะขุนเขา โทษตัวเองกลับมองไม่เห็น เอ้า ... ตั้งใจอ่านข้อความต่อไปนี้ให้ดีๆนะ " โซดาขัน "

รู้จักใช้ประโยชน์จากขี้ไหม " โซดาขัน " หรือเวลาขี้ เยี่ยว ก็แค่ปล่อยมันออกมาโดยหายใจทิ้งไปวันๆ แบบนั้นใช่ไหม " โซดาขัน "


อาการของคนสติแตกครับ ด่ากราด ตัวสีแดงผมเน้นให้

คนเราถ้าไม่โมโหโกรธา ก็ต้องพิจารณาสิ่งที่คนอื่นพูด ว่าจิ้มขี้มาดมนั้นมันทุเรส และไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม มันเป็นการอุตริ แต่นี่ ไม่พอใจ โมโห ด่ากราดอย่างสติแตก แล้วนึกว่า ตัวเองฉลาด

ส่วนกองเชียร์ ก็เข้าข่าย รักเพราะเกลียด คือ รักกัน เห็นชอบกันเพราะเกลียดคนๆ เดียวกัน โดยไม่ลืมหูลืมตา นี่แหละเขาเรียกว่า อวิชชามันปิด มันไม่ตื่น มันตามเรื่องตามราว อย่าโง่เขลาที่สุด




" โซดาขัน "

" โซดาขัน " ผู้อยากเป็น " โสดาบัน " ผู้มีความอยากเป็น " อริยะ " แต่เที่ยวสร้างความเป็น " อริแยะ " เธอช่างเป็นผู้น่าสงสารเสียจริง ตอนแรกก็เที่ยวกล่าวอ้างว่าต้องพูดกระทุ้งกิเลส ไม่งั้นกิเลสไม่ออกมา แต่โซดาขันผู้ที่ยังไม่เข้าใจ พอผู้อื่นมากระทุ้งกิเลสตัวเองบ้าง กลับโมโหฉุนเฉียว ขี้หนอขี้ เจ้าขี้ที่เป็นรูปตัวนี้ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ทั้งๆที่ขี้น่ะมันอยู่เฉยๆ มันไม่ได้มีโทษกับใครเลย พิจรณาสิ " โซดาขัน " ขี้กับเรามันก็ไม่แตกต่างกันหรอก ขี้มันคงทนไหม ขี้ออกมาแล้วมันอยู่ค้ำฟ้าไหม เหมือนกายเรา มันคงทนไหม มันอยู่ค้ำฟ้าได้ไหม มันไม่เที่ยง เวลานั่งขี้ บอกแล้วให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ แทนที่จะไปลองทำ กลับมาโวยวายเรื่องขี้ๆ เพราะเธอยังไม่พบของจริง เรื่องที่เธอนำมากล่าวเรื่องเกิดดับที่เธอเห็น มันก็แค่สติ สัมปชัญญะเธอมากพอเท่านั้นเอง เพราะความอยากแท้ๆ ความอยากมี อยากได้ อยากเป็น " อริยะ " อยากเป็น " โสดาบัน " ก็เลยทำให้เธอได้เป็นแค่ " โซดาขัน " กิเลส ตัณหา ความทะยานอยากของตัวเธอเอง มันกำลังทำลายเธอ ด้วยการกระทำของตัวเธอเอง โซดาขันผู้หลงสภาวะ ผู้หลงในสมมติบัญญัติที่เขาให้ค่าให้ความหมาย

บอกตามตรงไม่ได้คิดโมโหโกรธาแบบที่เธอพูดเลย เห็นเธอชอบพูดนักเรื่องกระทุ้งกิเลส กระแทกกิเลส พอพูดแบบสไตล์ที่เธอชอบพูดบ้าง เธอโดนกระแทกไม่กี่ทีออกมาเรื่อยๆเลยกิเลสของเธอ คำว่า สติแตก น่าจะเป็นเธอนะโซดาขัน สติแตกเพราะยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ตัวเธอทำลายตัวเธอเอง หาใช่คนอื่นทำลายไม่ แต่เพราะสติ สัมปชัญญะเธอยังด้อย เลยทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงได้


ท่านทั้งหลาย โปรดจงเมตตาต่อโซดาขัน คนนี้เถอะ เขาอยากจะเป็นอะไรก็ปล่อยให้เขาเป็น เขาอยากจะพูดอะไร จงปล่อยให้เขาพูด ให้เขาได้ระบายออกมา เพราะผลของการกระทำทั้งหมด เขาเป็นผู้รับเอง หาใช่เราไม่ จงอย่าไปสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นกับเขา อย่าไปมีวิบากร่วมกับเขา แล้วจงดูเขาเป็นตัวอย่างว่า คนที่เห็นสภาวะแล้วไปตีความผิดๆ คิดว่าใช่แล้ว เลยเกิดความยึดมั่นถือมั่นในสมติบัญญัติที่ใช้เรียก นี่จะเป็นคนที่มีลักษณะเช่นนี้ ใช้คำพูดต่อผู้อื่นแบบนี้ จงดูเขาไว้เป็นตัวอย่าง ส่วนมากคนเหล่านี้จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน คำพูดก็คล้ายคลึงกัน การกระทำก็คล้ายคลึงกัน

โซดาขันผู้น่าสงสาร เธอจะเห็นทางที่เราเคยชี้ให้ไหมหนอ ... ว่าทางที่เธอกำลังเดินย่ำๆอยู่นี้ ควรจะทำอย่างไรถึงจะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ วันใดเธอพบของจริง เธอจะไม่มาแบ่งเขา แบ่งเรา แบ่งว่านี่คือขี้แบบนี้หรอก แล้วก็ไม่ใช่แบบตำราที่ท่องๆจำเอามาพูดนะโซดาขัน ของจริงมันแจ้งออกมาจากจิตขณะที่เป็นสมาธิ วันไหนพละ 5 พร้อมก็จะเกิดเอง ไม่ใช่การคิดเอาน้อมเอานะโซดาขัน ของจริงรู้แล้วจบ จบที่ตัวเองน่ะโซดาขัน มันไม่ต้องมาอธิบายอะไรยืดยาว อย่าอยากนะโซดาขัน ตราบใดที่เธอมีความอยาก เธอไม่มีทางได้เห็นของจริงหรอก แต่เธอจะถูกกิเลสมันหลอกไปเรื่อยๆ อ้อ .. ของจริง นิ่งเป็นใบ้ ไม่ต้องมาโพทนาบอกกับใครเขาหรอก

กรรมอันใดที่เธอได้กระทำแล้ว ได้ละเมิด ได้ติติงเราแล้ว กรรมนั้นเราอโหสิกรรมให้แก่ผู้ใช้นามแฝงว่า " ขันธ์ " สาธุ สาธุ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 10:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ ขันธ์

คุณเอากิเลสในใจคุณ
มาแปดเปื้อนคนอื่นเค้าไปหมด

คุณคิดดูให้ดีนะ
เหมาะกับการที่เป็นที่เคารพของคนในเวปพลังจิตหรือไม่
คิดดูให้ดีนะ

ถ้าคุณเป็นอย่างนี้นะ
คุณไม่มีอิทธิบาท ๔ หรอก
แล้วจะทำอิทธิบาท ๔ ให้เป็นดั่งยานได้ยังไง
ใครฟังดูก็รู้ว่า
คนนี้ขี้โม้แน่ ๆ


คุณ guest ผมเชิญให้คุณ ไปเรียกคนในเว็บพลังจิตมาอ่านของผมที่นี่ได้ ผมไม่ได้ต้องการให้ใครเคารพ อยู่ที่เว็บพลังจิตผมด่ามากกว่านี้เสียอีก
และกิเลส ของผมเปื้อนเปรอะ หรือ จะมีอิทธิบาท 4 หรือไม่
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ในเว็บพลังจิต

เอาเรื่องของตัวคุณดีกว่า ว่า คุณรู้จักกิเลสดีแค่ไหน จึงบอกว่า ผมเอากิเลสมาเปื้อนเปรอะ

คุณจะบอกว่า ผมเสียรูปมวย จะบอกว่า ผมเอากิเลสไปเปื้อนเปรอะ
ผมอยากจะให้คุณ ค้นหาใจตัวเองให้ดีว่า ลึกๆ แล้วคุณต้องการอะไรและมีจุดประสงค์อะไร นั่นแหละให้ดูที่ใจคุณ

คุณหมั่นไส้ผม หรือ ว่าคุณเวทนา สงสาร หรือว่า คุณกำลังพูดตามธรรม

สำหรับผม ทุกอย่าง พูดไปตามธรรม
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 11:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ ขันธ์

ใช่ ผมตั้งใจตัดกำลังคุณ
เพื่อให้กำลังในการระรานคนอื่นของคุณ
ลดกำลังลงไป

ผมพิจารณาดูแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
คุณเป็นคนระรานคนอื่น
คนอื่นเค้าอยู่เฉย ๆ ก่อน
คุณทำผิด

ผมจะเฉลยให้คุณฟัง
แล้วคุณเอาไปตอบคนอื่นได้เลย

คุณจะต้องเจริญอิทธิบาท ๔
จนเกิดองค์แห่งอิทธิบาท
ย้ำองค์แห่งอิทธิบาท(ไม่เคยเป็นรู้ไม่ได้)
แล้วคุณถึงจะสามารถ
ทำอิทธิบาทให้เป็นดุจยาน(เคลื่อนไปในธรรม)
ให้คล่องแคล่วได้

ย้ำให้เกิดเป็นองค์แห่งอิทธิบาทก่อน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 9:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ ขันธ์

ใช่ ผมตั้งใจตัดกำลังคุณ
เพื่อให้กำลังในการระรานคนอื่นของคุณ
ลดกำลังลงไป

ผมพิจารณาดูแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
คุณเป็นคนระรานคนอื่น
คนอื่นเค้าอยู่เฉย ๆ ก่อน
คุณทำผิด


คุณ guest คุณยอมรับว่า คุณตั้งใจจะตัดกำลังผม
เพื่อให้ลดกำลังในการไประรานคนอื่นลดกำลังลงไป

คุณ ช่วยไปหยิบ สิ่งที่ผมระรานคนอื่นมาหน่อย
ที่คุณ กำลังระรานผมอยู่นี่ คุณจะว่าอย่างไร
ที่มีคนมาด่าผม โซดาขัน ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ คุณจะว่าอย่างไร
ที่คุณเคยว่า ผมต่างๆนาๆ คุณจะว่าอย่างไร
ที่มีคนตั้งกระทู้ด่าผมต่างๆนาๆ คุณจะว่าอย่างไร

คุณจะว่าคนอื่นเค้าอยู่เฉยๆ ผมก็อยู่เฉยๆ ผมโต้แย้งเฉพาะธรรมที่ผิดแปลกรูป

และ การที่ผมออกมาบอกว่า กรรมฐานจิ้มขี้ นี้มันไม่ถูกต้อง คนก็ออกมาเถียงข้างๆคูๆ ว่า นี่แหละดี นี่แหละสุดยอด กรรมฐาน
ผมเกรงว่า พระพุทธองค์ไม่เคยสอนให้จิ้มขี้มาดมแล้วปลง
และไม่มีครูบาอาจารย์ท่านใดท่านสอนให้จิ้มขี้มาดม

แล้วที่คอยปกป้อง ออกมาเชิดชูกรรมฐานจิ้มขี้ นี่มันไม่ใช่อคติกันหรือ

คุณจะตัดกำลังผมก็เชิญนะ แต่มันไม่มีประโยชน์ และคุณก็คงไม่สามารถตัดได้หรอก เพราะมันคือความจริงที่ผมพูด

เริ่มต้นให้คุณไปดูว่า แต่ละคน ตั้งใจเหน็บแนมผม กี่ครั้ง และ แม้ว่าการที่ ทำเป็นแสร้งพูดธรรมแต่ตั้งใจกระทบกระทั่ง ผมก็พูดกลับไปบ้าง ใครกันแน่เป็นฝ่ายเริ่ม

ยิ่งวลัยพร มาด่าผมกี่ครั้ง ทั้งๆที่ผมไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเขา อ้างว่า กระแทกกิเลสกลับ อ้างสารพัด นี่ใครเป็นคนเริ่ม ส่วนผม ผมพูดว่า บอกให้คนจิ้มขี้มาดม คุณว่า มันทุเรส หรือ มันน่าสรรเสริญ ผมถามตรงๆ แล้วกรุณาซื่อสัตย์กับใจตนเองตอนตอบด้วย

คุณ guest คุณเสียหายใหญ่หลวงแล้ว คุณควรละอายบ้าง
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 9:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนเรื่อง อิทธิบาท 4 คุณอย่ามาพูดกับผมเลย คุณยังเด็กมาก คุณควรเข้าไปคุยกับคนในเว็บพลังจิต และ มีธรรม ออกมาพูดให้คนอื่นฟังให้ได้ก่อน นั่นแหละ จึงเรียกว่า ใจคุณมีธรรม แต่ถ้าออกมาพูดจาเรื่อยเปื่อย
แบบนี้ คุณยังไปไม่ถึงไหน และ กรุณาแสดงตนด้วยว่า คุณใช้ชื่ออะไรในพลังจิต ผมจะได้ทราบว่า ใครกันที่มัน ไม่ซื่อสัตย์ต่อใจตน และ ไม่ซื่อสัตย์ต่อธรรม
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 9:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ ขันธ์

ผมไม่ มีได้ มีเสีย อะไรกับใคร
แล้วผมจะไปเสียหายอะไรใหญ่หลวงที่ตรงไหน

ผมยังด่าว่าตำหนิคุณ หรือ คนอื่นได้
แล้วทำไมคุณ และ คนอื่นจะด่าว่าหรือตำหนิผมไม่ได้

ผมบอกแล้วผมไม่ มีได้ มีเสีย
ผมมีแต่เมตตาคุณเท่านั้น

โลกธรรมก็อย่างนี้
แล้วผมจะไปตื่นเต้นดีใจเสียใจอะไร
กับเรื่องโลกธรรม
ในเมื่อผมเป็นผู้ฝึกตนอยู่

ในเวปพลังจิตผมไม่เคยไปโพสต์ข้อความอะไร
และไม่ได้เป็น member
ผมเห็นคุณมาซ่าที่นี่
ผมก็เลยเข้าไปลองอ่านสิ่งที่คุณโพสต์ไว้เท่านั้นเอง

ผมบอกคุณเลยนะเรื่องอิทธิบาท ๔
ถ้าไม่รู้จริงอย่าเที่ยวพูดไปเรื่อย
เดี๋ยวคนรู้จริงเค้าจะหัวเราะเอา

คุณนี่เป็นคนประเภท ไม่ลืมอดีตซะที
คนอื่นด่าว่าคุณมาแล้ว ไม่รู้กี่กัปป์กี่กัลป์
คุณก็เก็บเอามาคิดมาปรุง
เอาความคิดความเคียดแค้น มาอุ่นกินอยู่อย่างนั้น
ทั้งที่มันเป็นอดีตล่วงไปแล้ว
ทำไมไม่ถอดไม่ถอนตนออกมา
ทำตัวจมปลักอยู่อย่างนั้น

อย่างนี้จะเรียกว่าผู้ฝึกตนได้อย่างไร

น่าละอายนะเที่ยวยกตัวเป็นอาจารย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 1:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ guest คุณเสียหายใหญ่หลวงเพราะ คุณไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และ ไม่ซื่อสัตย์ต่อธรรม
เพราะอะไร

เพราะว่า คุณเอาความไม่พอใจส่วนตัว มาตามล้างผมโดยอ้างความชอบธรรมที่ว่า เมตตาผมและ อ้างว่าผมไปทำกิเลสเปรอะเปื้อนคนอื่น

อ้างว่า ผมแค้นไม่ลืม

คำถามที่ผมถามไปก่อนหน้านี้ให้คุณตอบมา คุณอย่าเลี่ยงประเด็น

ใครเป็นคนสานเรื่องให้ไม่จบ

ผมถามว่า คุณต้องการอะไร คุณบอกว่า ต้องการตัดกำลัง
ผมบอกให้คุณ ยกมาในสิ่งที่ผมระราน คุณก็ไม่ยก
ผมถามว่า ทำไมมีคนมากมาย ที่ระรานผม คุณไม่ไปพูด
เหล่านี้คุณยังไม่มีคำตอบเลย

ส่วนเรื่องอิทธิบาท 4 ที่กระทู้ที่อื่น ผมจะรู้หรือไม่รู้มันไม่ใช่ประเด็น ที่คุณจะเอามาโจมตี อย่างไม่มีเหตุผล
และ การยกตัวว่าเป็นอาจารย์ ผมก็ไม่เคยยกตัว มีแต่คนเรียกผมเอง คุณเอาเรื่องนี้มาโจมตีทำไม นี่ส่อให้เห็นว่า คุณไม่พอใจ คุณก็หยิบนั่นผสมนี่ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผมเป็นคนที่ไม่ดี

และการที่ผมนั่งโต้แย้งกับคุณ และ กับคนอื่นอยู่ ก็เพราะว่า มีการเหน็บแนม นั้นแหละเกิดขึ้น บังเอิญผมก็ชอบ ให้คนมาเหน็บแนม ผมจะได้ตอบกลับ ให้มันเห็นกิเลสกันนั่นแหละ

และประการสุดท้าย ในเรื่องที่ผมอธิบายไป ในเหตุผลต่างๆ ที่มีการด่าทอผม เหน็บแนมผม แล้วผมสวนกลับไป ก็ไม่เห็นมีใครออกมา แสดงความรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง ที่ ขาดในความเมตตา เอาอคติและกิเลสเป็นที่ตั้ง

เหล่านี้ กรุณา ตอบให้ชัดเจนด้วย
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 8:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ ขันธ์

คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ
ประสาลมปาก
หาสาระแก่นสารไม่ได้

แล้วที่คุณมาคาดคั้นเอาคำตอบ
เรื่องต่าง ๆ นั้น
ผมขี้เกียจไป copy แล้ว paste มา
เสียเวลาหาประโยชน์ไม่ได้
เรื่องหยุมหยิม ๆ

คุณนั่งสมาธิเดินจงกรมบ้างนะ
ดูจิตอย่างเดียวตามกิเลสไม่ทันหลอก
กิเลสมันเป็นเจ้าอำนาจเรามาแล้วไม่รู้กี่กัปป์กี่กัลป์
จะมาดูจิตอย่างเดียวกิเลสเอาไปกินหมด
อย่างที่คุณเป็นอยู่เดี๋ยวนี้นี่ล่ะ

กิเลสจูงจมูกยังไม่รู้ตัว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 10:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันหยุดบอร์ดเงียบๆนะครับ หรอว่ายังไม่ตื่นกันครับ ยิ้ม

ติดตามกรรมฐานกองที่ 41 อยู่ว่า จะไปทิศทางใด ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 9:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ ขันธ์

คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ
ประสาลมปาก
หาสาระแก่นสารไม่ได้

แล้วที่คุณมาคาดคั้นเอาคำตอบ
เรื่องต่าง ๆ นั้น
ผมขี้เกียจไป copy แล้ว paste มา
เสียเวลาหาประโยชน์ไม่ได้
เรื่องหยุมหยิม ๆ


ดูกิเลสมันทำงานสิ ทีตอนผมออกมาพูด ให้เหตุผล มันไม่ฟังกัน
พอผมบอกให้ยกเหตุผลมา กลับบอกว่า ไร้สาระหยุมหยิม
พูดจากลับไปกลับมา
ผมแนะนำให้นะครับ ไม่ต้อง copy แล้ว paste หรอก ถ้าไม่มีอะไรจะตำหนิ ก็เงียบๆไป อย่าเอาแต่ด่าว่า เหนือกว่าผม เมตตาผม ให้ผมไปเดินจงกรม นี่ผมถามจริงๆเถอะ ธรรมคุณมีแค่นี้เองหรือ แค่แนะนำให้ผมเดินจงกรมเท่านั้นหรือ หยิบธรรมมาก็ไม่ถูก แล้วยังจะอยากเหนือกว่าคนอื่น
กลับบ้านไป ทำสมาธิให้เป็นก่อนดีกว่ามั้ง คุณ guest
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง