Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ใช่บัณฑิต อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
มิตรตัวน้อย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 9:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเพ่งโทษตนเอง เป็นการฝึกตนที่ได้ผลจริง

บัณฑิตไม่มีความเพ่งโทษผู้อื่น
บัณฑิตจะเพ่งโทษตนเอง
การเพ่งโทษตนเองนั้น
เป็นการฝึกตนเองอย่างหนึ่ง
ที่จักเกิดผลจริง

การเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวิสัยของผู้ไม่ใช่บัณฑิต
ผู้ที่เพ่งแต่โทษผู้อื่น ไม่เพ่งโทษตนเอง ย่อมไม่เห็นโทษของตนเอง
ย่อมไม่เห็นความบกพร่องที่จะต้องแก้ไขให้ดีขึ้น

ย่อมไม่รู้ว่ามีโทษเพียงไร ในแง่ใด
ไม่มีโอกาสจะแก้ไขตนเอง แต่จะมุ่งไปแก้ผู้อื่น
ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่ตนอย่างใด


ผู้อื่นนั้นไม่ใช่ว่าจะยอมให้แก้
เพราะถ้าเป็นผู้อื่นที่เป็นบัณฑิต
ก็ย่อมแก้ตนเองอยู่แล้ว ฝึกตนเองอยู่แล้ว
ส่วนผู้ที่ไม่เป็นบัณฑิตก็ย่อมไม่สนใจที่จะแก้ตนเองฝึกตนเองอยู่แล้ว
ผู้อื่นจะไปแก้จึงเป็นไปได้ยาก

ทุกคนจะดีหรือชั่ว...สำคัญที่ตนเอง ตนเองมีความดีพอจะยอมรับความไม่ถูกต้องไม่ดีงามของตน ย่อมยินดีฝึกตน ย่อมยินดีแก้ไขตน ย่อมมีโอกาสเป็นคนดียิ่งขึ้น

>>โดย สมเด็จพระญาณสังวรฯ

ยากนะแก้กิเลสนี่..ยากจริง ๆ ทำเพื่อตัวเองแท้ ๆ ไม่ได้ทำเพื่อผู้ใดอื่น ก็ไม่ยอมทำ มุ่งแต่ว่าผู้อื่น ตำหนิผู้อื่น พยายามแก้กิเลสผู้อื่นตลอด..

สาธุ เจ๋ง ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 11:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่ผมเคยได้ยิน พระพุทธองค์ กล่าวว่า

เมื่อฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ได้ชื่อว่าทำตามเราตถาคต

ข้อนี้ ไม่ทราบว่า มีใครจะอธิบาย ว่าอย่างไร
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 11:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็ถูกต้องที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นะไม่ผิดหรอก เพราะพระองค์เองก็ฝึกพระองค์เองแล้ว จึงได้เอาการที่พระองค์ฝึกจนเห็นผลแล้วนำมาสั่งสอน แต่สำหรับประชาชนอย่างเราๆ นี้ เรียนรู้ฝึกหัดตัวเองพอรู้บ้างว่าพระพุทธเจ้าสั่งสอนเรื่องอะไรเป็นที่สำคัญ นำมาบอกกล่าวต่อ ก็น่าจะพอเพียง แต่ไม่ใช่ว่ารู้แล้วก็พอไม่หาต่อก็ไม่ถูกเหมือนกัน ต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนในเบื้องต้นอย่างไร สอนในเบื้องกลาง และในที่สุด หมายความว่าอย่างไร และปฏิบัติตามที่ได้เรียนรู้มา จนได้ผลในที่สุด

พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มาแล้วในโลกธาตุนี้ มีมาแล้ว 28 พระองค์ แต่ละพระองค์ก็ตรัสสั่งสอนแบบเดียวกัน ๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ๒. การยังกุศลให้ถึงพร้อม ๓. การทำจิตใจให้ขาวรอบ

สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธา น สาสนํ คำสั่งสอนทั้งสามประการนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์

ไม่มีศาสนาใดที่มีความเป็นมาอย่างศาสนาพุทธ เพราะสามารถหาเหตุผลมาหักล้างกันได้ มีที่ไปที่มาชัดเจน ผู้ปฏิบัติตามสามารถรู้ได้ตามที่ท่านสั่งสอนไว้ทุกประการ
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 3:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สอนคนชอบยุ่งกับเรื่องของคนอื่น
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก



อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ภาวนามากๆ ดูตัวเองมากๆ
หลวงพ่อ (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า "ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %"
คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น

กลับเสียใหม่นะ
ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 % ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ
ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่

ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง
โบราณพูดว่า "เรามักจะเห็นความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม"
มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ

เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10 เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย 10 จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม
เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ
แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ

พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ

ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่า ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่..... ไม่แน่
อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้ สักแต่ว่า..... สักแต่ว่า..... ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด

ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความเห็น
พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา
ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง
ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป

เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน ก็สงบๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ
ดูแต่ตัวเรา ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ
พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา..... นั่นแหละ

เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ
หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน
อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง

ระวังนะ
พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา..... ก็เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา

ดูใจเรานั่นแหละ พัฒนาตัวเองนั่นแหละ ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ
หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง ไม่มีอะไรหรอก

"ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข" ยิ้ม
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธองค์ กล่าวว่า ผู้ใดฝึกตนดีแล้ว ฝึกผู้อื่น จึงชื่อว่าได้ทำตามพระพุทธองค์ ท่านจะบอกว่า เฉพาะพระพุทธองค์หรือ นี่ท่านกล่าวสำหรับ บุคคลทั่วไป ไม่ได้จำกัดว่า เราๆ ท่านๆ

นี่ท่านสอนและบอกเอาไว้แล้วว่า เมื่อฝึกตนดีก็ควรต้องช่วย ต้องชี้ผู้อื่น ไม่ใช่ก๊อบปี้จากกูเกิ้ลมาแปะกันให้เต็มเว็บ มีแต่ตัวหนังสือ นี่คนพุทธจึงดักดานอยู่อย่างนี้ มีแต่อนุโมทนาสาธุ ดับกิเลสกันไม่เป็น

สมาธิ ปัญญา ไม่เป็น มันก็ต้องฝึก ต้องชี้ ทีนี้ อยู่ดีๆ ใครจะไปชี้ได้ มันก็ต้องเปิดโอกาสให้ลอง ให้โต้กัน แล้วจึงจะชี้

ผมยืนกรานว่า เอามาให้อ่านอย่างเดียวไม่พอ มันเป็นแค่ตัวหนังสือ
กรุณา พิจารณากันใหม่
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 6:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิง ตัดเอาตอนท้ายนะ สาธุ

"ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข"

สาธุ ด้วยนะดีมาก ขอรับ โดยมากก็มักจะเป็นอย่างว่านั้นจริงๆ

โทษคนอื่นมองเห็นเป็นขุนเขา โทษของเรามองไม่เห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อจนเหลือทน ตดของตนถึงจะเหม็นก็ไม่เป็นไร แฮะ
มองเห็นแต่ภูเขา มองไม่เห็นภูเรา มองเห็นแต่คิ้วเขา มองไม่เห็นคิ้วตัวเอง มองเห็นแต่สันหลังของคนอื่น มองไม่เห็นสันหลังของตัวเอง ฮิฮิฮิ

จิตฺตํ ทนฺตํ สุขฺขาวหํ จิตรที่ฝึกดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้ แม่นบ่อ ขอรับ
หัวเราะวันละนิดจิตรแจ่มใส จัญไรวันละนิดจิตรเศร้าหมองเด้อสิบอกให้
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 7:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะ คุณtanaphomcinta

นำมากล่าวได้ถูกใจ ถูกใจตัวเอง แต่จะถูกใจผู้อื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตราบใดที่จิตของเราคนธรรมดา ยังไม่ใช่พระอรหันต์ จิตย่อมอยู่เหนือกิเลสยังไม่ได้ ย่อมชอบคิดเอนเอียงเข้าข้างความคิดของตนเอง ไอ้นั่นถูกไอ้นี่ผิดก็ล้วนเกิดจากความคิดของตัวเอง มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง

มีลูกแมวมันถูกแม่แมวคาบมาทิ้งที่หลังบ้านทั้งหมด 3 ตัวก็สามหลัง ดิฉันได้ให้ลูกชายไปเก็บเอามาเลี้ยงเองเพราะสงสารลูกแมว บ้านหนึ่งจับลูกแมวมาปล่อยทิ้งไว้หน้าบ้าน หมามันรุมกัด ก็เลยต่อว่าเขาไปว่า ไม่น่าทำแบบนี้เลย ทีหลังเรียกที่บ้านได้ จะมาช่วยจับเอาไปเอง คือเขาไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ ที่บ้านก็ไม่ชอบเลี้ยงเหมือนกัน แต่เพราะสงสารเลยต้องเลี้ยง เจ้าตัวนี้มันโดนหมากัดจนหลังหักก็พาไปหาหมอ ตอนนี้มันหายแล้ว เวลาเดินมันจะเดินเอาก้นนำหน้า มันเป๋ๆ เลยชื่อจากเป๋ๆ มาเป็นเปเล่ย์ ส่วนอีก 2 ตัว เขาปิดหลังบ้านขังไว้ให้มันร้องอยู่อย่างนั้น สรุปแล้ว เลยเอามาเลี้ยงเองหมด เล็กๆยังไม่เท่าไหร่ พอโตแล้วปัญหาเกิด แมวมันก็กินอาหารเหมือนคน ทีนี้เวลามันอึก็ต้องเหม็น น้องที่บ้านที่อยู่ด้วยกันเขาทนไม่ได้ ทั้งๆที่เราน่ะเป็นทั้งคนเก็บดูแลความสะอาดเรื่องฉี่และอึแมว เหมือนที่คุณtan กล่าวว่า ตดคนอื่นว่าเหม็น แต่ของตัวเองเหม็นไม่เป็นไร อึแมวหรืออึเรามันก็เหม็นไม่ต่างกันหรอก เพียงแต่เป็นอุปทานเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองจิ้มอึตัวเองมาดมดู ดิฉันน่ะลองดูแล้ว มันก็เหม็นเหมือนๆกัน ... เฮ้อ ... เล่าให้ฟังเฉยๆ สงสารลูกแมวก็สงสาร แต่ก็ต้องเห็นใจน้องเขา เขาบอกว่าให้นำไปปล่อยบนหลังคา แล้วปีนเอาอาหารไปให้เหมือนเมื่อก่อนที่เคยให้แมวอื่นๆ แต่แมวอื่นๆน่ะตายหมดแล้ว โดนงูกินหมด บางตัวก็ตกหลังคาลงมาแล้วหมากัดตาย
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 10:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิง
เพียงแต่เป็นอุปทานเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองจิ้มอึตัวเองมาดมดู ดิฉันน่ะลองดูแล้ว มันก็เหม็นเหมือนๆกัน ... เฮ้อ ... เล่าให้ฟังเฉยๆ สงสารลูกแมวก็สงสาร แต่ก็ต้องเห็นใจน้องเขา เขาบอกว่าให้นำไปปล่อยบนหลังคา แล้วปีนเอาอาหารไป

ฮึฮึฮึ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั่ง เอาเพียงรู้ว่ามันเหม็นก็พอแย้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่าทำอะไรให้เป็นบาปแก่ตัวเองนะ
เพราะเรื่องแมวนี้เป็นบุญมากและบาปมากด้วย
แนะนำให้สร้างกรงให้มันอยู่ต่างหากก็ได้

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเหมือนก้น เมี่อปี 2532 ได้ไปอยู่ที่วัดศาลาลอยอำเภอเมืองนครราชสีมา มีเณรชื่อว่า เณรหวิ่ง มันไม่ชอบแมวมันรังเกียจแมวเป็นชีวิตจิตรใจ เจอแมวที่ไหนมันจะเตะทุกทีเลย ไม่ก็จับโยนลงน้ำ เพราะข้างศาลาหอฉันมีคลองน้ำอยู่ติดเลย ก็พูดว่าเณรไปทำมันทำไม มันไปทำอะไรให้เณรเดือดร้อนหรือ มันก็บอกว่าผมไม่ชอบแมว ผมเกียจแมวมาก
ถ้าเณรเกียจเณรก็อย่าไปใกล้มันสิ และก็ไม่ต้องไปรังแกมัน ต่างคนต่างอยู่จะได้ไม่มีเวรกัน อย่าทำมันเลยเณร เพราะเขาเกิดมาเป็นแมวเขาก็เป็นทุกอยู่แล้วเขามีเวรกรรมของเขาอยู่แล้วเราอย่าไปสร้างเวรอีกเลย คอยดูนะเองจะได้รับเวรกรรมที่เณรทำไว้กับแมว .ผมไม่เชื่อหรอก. เณรบอก ได้บอกเณรทุกทีที่เห็นเณรทำกับแมวอย่างนั้น เณรก็บอกว่าไม่เชื่อทุกที
ก็จากกันไป เณรก็ได้บวชเป็นพระหนึ่งพรรษาก็ติดทหารแล้วสึกออกไปรับการฝึกในค่ายสุระนารี ก็บังเอิญ ในปี 2540 ได้มีธุระที่วัดสาลาลอยก็เข้าไปหาเจ้าอาวาสเสร็จธุระแล้วก็เข้าไปหาพระที่รู้จักมักคุ้นกัน ก็ได้เห็น ไอ้หวิ่ง ที่เป็นเณรตอนนั้น นอนอยู่ในห้องนั้น ก็ได้ไต่ถามสาระทุกข์สุขกันว่าไปอย่างไรมาอย่างไร ก็เห็นว่าขาข้างขวาที่มันเตะแมวนั้นนะเข้าเผือกอยู่ที่เท้าของมัน ก็ถามว่า อ้าว ขาเองไปโดนอะไรมา มันบอกว่า ฝึกมากไปหน่อยมั่งมันเลยหักตรงหลังเท้า หมายความว่า ตีนหัก ก็แล้วกัน เพราะมัน หักตรง กลางหลังเท้ามัน เราก็เลยพูดว่า นั้นนะเองเห็นหรือยังว่าเวรกรรมมีจริง เองจำได้ไหมตอนที่เองเตะแมวตกน้ำกี่ตัว ไม่เชื่อผมไม่เชื่อมันเป็นอุบัติเหตุเอง แนะขนาดนี้เองยังไม่เชื่อีกหรือ ถ้าอย่างนั้นเองคอยดูก็แล้วกัน และก็บังเอิญอีกนั้นแหละ ในปี 2541 ก็ได้เข้าไปที่ว้ดศาลาลอยอีก ก็เจอมันอีก ที่นี้ขาหน้าแข้งมันห้กอีกต้องใช้เหล็กดามไว้ ที่นี้พอม้นเห็นเรามันรีบพูดขึ้นว่า ไม่มีอะไรอาจารย์มันเป็นอุบัติเหตุอีกแล้วอาจารย์ มันยังไม่เชื่อเรื่องเวรกรรมอยู่ดีมันยังบอกว่าเป็นอุบัติเหตุอยู่ดี มันก็ชั่งบังเอิญจริงๆนะปี 2543ก็ได้เข้าไปที่วัดศาลาลอยอีกก็ไปเจอมันมานอนอยู่ที่ห้องพระนั้นอีก ที่นี้ไม่ต้องถามมันแล้วมันเล่าให้ฟังเป็นฉาดๆตั้งแต่ที่แรกเลยเพราะตอนนี้มันหักบนหัวเข่าขึ้นมา เรียกว่าขาโต้นก็แล้วกัน ผมเชื่อแล้วอาจารย์ครับ เพราะผมคิดดูแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมไม่น่าจะเป็นถึงเพียงนี้เพราะเขาก็ฝึกกันเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมคนอื่นเขาไม่เป็นไร ทำไมจะต้องมาเจาะจงแต่ผม มันเชื่ออย่างสนิดใจเลยที่นี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ใครหรอก ถึงละเมิดก็เข้าใจว่านายหวิ่งที่อยู่บ้านแหลมลวด อำเภอปักธงชัย ถ้าใครอ่านเจอก็ช่วยบอกให้มันติดต่อมาเล่าเรื่องราวให้ฟังด้วย เพราะที่เล่ามานี้ก็เป็นการอนุมาณเอาวันเดือนปีก็จำไม่แน่นอน แต่เรื่องมันเกิดขึ้นจริงๆและก็ได้เห็นทั้งสามครั้งจริงๆ ตอนนั้นไม่คิดว่าจะได้นำมาบอกกล่าวให้เป็นธรรมทานแบบนี้ก็เลยไม่ได้จดจำวันเดือนปีให้แน่นอนกว่านี้ ถ้านายสะหวิ่ง หรือเพื่อนรู้ก็บอกให้โทรหาด้วย
087.771.6364 บอกว่าผมชื่อ เณรหวิ่ง แล้วจะรู้จักกันเองนะ ฮิฮิฮิ
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 6:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
แต่ผมเคยได้ยิน พระพุทธองค์ กล่าวว่า

เมื่อฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ได้ชื่อว่าทำตามเราตถาคต

ข้อนี้ ไม่ทราบว่า มีใครจะอธิบาย ว่าอย่างไร


เมื่อฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ได้ชื่อว่าทำตามเราตถาคต
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 6:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

tanaphomcinta พิมพ์ว่า:


โทษคนอื่นมองเห็นเป็นขุนเขา โทษของเรามองไม่เห็นเท่าเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อจนเหลือทน ตดของตนถึงจะเหม็นก็ไม่เป็นไร แฮะ
มองเห็นแต่ภูเขา มองไม่เห็นภูเรา มองเห็นแต่คิ้วเขา มองไม่เห็นคิ้วตัวเอง มองเห็นแต่สันหลังของคนอื่น มองไม่เห็นสันหลังของตัวเอง ฮิฮิฮิ



แถมให้อีกอันครับ

ผมหงอกของคนอื่นเต็มหัว ผมหงอกของตัวนั้นไม่มี.... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 6:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ natdanai เน้นตัวสีแดงๆ ทำไม

เรื่องนี้ไม่ต้องบอกผมหรอกครับ เพราะว่า ผมฝึกตนดีแล้วจึงมาฝึกผู้อื่น
และ หากคุณยังไม่ดี ก็ควรฝึกตนเองก่อน ไม่ใช่อ่านข้อความของผม แล้วทำเป็นเน้น

แต่ผมชอบข้อความนี้มากกว่า เอาขี้มาจิ้มดม ทุเรสซะไม่มี
ดีนะนี่มีพยาน เห็นความทุเรสเหมือนกันผมเลยเอามาเสริม

อ้างอิงจาก:
อ้างอิง
เพียงแต่เป็นอุปทานเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองจิ้มอึตัวเองมาดมดู ดิฉันน่ะลองดูแล้ว มันก็เหม็นเหมือนๆกัน ... เฮ้อ ... เล่าให้ฟังเฉยๆ สงสารลูกแมวก็สงสาร แต่ก็ต้องเห็นใจน้องเขา เขาบอกว่าให้นำไปปล่อยบนหลังคา แล้วปีนเอาอาหารไป

ฮึฮึฮึ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั่ง เอาเพียงรู้ว่ามันเหม็นก็พอแย้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่าทำอะไรให้เป็นบาปแก่ตัวเองนะ
เพราะเรื่องแมวนี้เป็นบุญมากและบาปมากด้วย
แนะนำให้สร้างกรงให้มันอยู่ต่างหากก็ได้
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 6:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
แต่ผมเคยได้ยิน พระพุทธองค์ กล่าวว่า

เมื่อฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ได้ชื่อว่าทำตามเราตถาคต

ข้อนี้ ไม่ทราบว่า มีใครจะอธิบาย ว่าอย่างไร


ก็เห็นว่าเป็นคำถาม...... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 6:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ natdanai คุณบอกว่า เป็นคำถามคุณ ก็ตอบสิ
ไม่ใช่ ทำเป็นพูดเหน็บแนม นี่คุณ มีปัญญาหรือไม่ คนที่เหน็บแนมเป็นอย่างเดียว เป็นพวกชอบ เพ่งโทษผู้อื่น
แต่คนที่ เอามาพูดด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่เพ่งโทษผู้อื่น

คุณรู้จักแยกมันหน่อย เหน็บแนม คือ ไม่มีเหตุผล เป็นพวกชอบเพ่งโทษผู้อื่น ได้อกุศล

แต่คน เห็นเหตุผล แล้วบอกผู้อื่น ไม่ใช่เพ่งโทษ และได้กุศล

ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกอย่างไร
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 9:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
คุณ natdanai เน้นตัวสีแดงๆ ทำไม

เรื่องนี้ไม่ต้องบอกผมหรอกครับ เพราะว่า ผมฝึกตนดีแล้วจึงมาฝึกผู้อื่น
และ หากคุณยังไม่ดี ก็ควรฝึกตนเองก่อน ไม่ใช่อ่านข้อความของผม แล้วทำเป็นเน้น

แต่ผมชอบข้อความนี้มากกว่า เอาขี้มาจิ้มดม ทุเรสซะไม่มี
ดีนะนี่มีพยาน เห็นความทุเรสเหมือนกันผมเลยเอามาเสริม

อ้างอิงจาก:
อ้างอิง
เพียงแต่เป็นอุปทานเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองจิ้มอึตัวเองมาดมดู ดิฉันน่ะลองดูแล้ว มันก็เหม็นเหมือนๆกัน ... เฮ้อ ... เล่าให้ฟังเฉยๆ สงสารลูกแมวก็สงสาร แต่ก็ต้องเห็นใจน้องเขา เขาบอกว่าให้นำไปปล่อยบนหลังคา แล้วปีนเอาอาหารไป

ฮึฮึฮึ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั่ง เอาเพียงรู้ว่ามันเหม็นก็พอแย้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่าทำอะไรให้เป็นบาปแก่ตัวเองนะ
เพราะเรื่องแมวนี้เป็นบุญมากและบาปมากด้วย
แนะนำให้สร้างกรงให้มันอยู่ต่างหากก็ได้



ทุเรศมากไหม ถ้ามีลูกมีหลาน อย่าให้เป็นหมอ เป็นพยาบาลหรืออยู่แล็บนะ เพราะเรื่องขี้ๆ เยี่ยวๆ เป็นเรื่องธรรมดาของอาชีพนี้ ไม่งั้นลูกหลานจะมานั่งพูดให้ฟังเรื่องขี้ๆว่าแต่ละโรคน่ะกลิ่นขี้มันไม่เหมือนกัน ทุกคนที่อ่านข้อความของดิฉันถ้าทำให้รู้สึกทุเรศก็ฝึกเอาไว้ เพราะสักวันถ้ามีลูกมีหลานอย่าให้ทำอาชีพแบบที่บอก ไม่งั้นจะได้ฟังเรื่องขี้ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของอาชีพเหล่านี้ สงสัยถ้าให้มาเก็บศพที่ตายใหม่ๆ ไฟธาตุทั้งหลายมันจะแตกออกมาหมด ลองนึกสภาพดูว่าเป็นยังไง แต่สำหรับดิฉันเองแล้วเป็นเรื่องธรรมดา เก็บๆแล้วล้างมือ นั่งกินข้าวต่อได้
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 9:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันธ์ พิมพ์ว่า:
คุณ natdanai คุณบอกว่า เป็นคำถามคุณ ก็ตอบสิ
ไม่ใช่ ทำเป็นพูดเหน็บแนม นี่คุณ มีปัญญาหรือไม่ คนที่เหน็บแนมเป็นอย่างเดียว เป็นพวกชอบ เพ่งโทษผู้อื่น
แต่คนที่ เอามาพูดด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่เพ่งโทษผู้อื่น

คุณรู้จักแยกมันหน่อย เหน็บแนม คือ ไม่มีเหตุผล เป็นพวกชอบเพ่งโทษผู้อื่น ได้อกุศล

แต่คน เห็นเหตุผล แล้วบอกผู้อื่น ไม่ใช่เพ่งโทษ และได้กุศล

ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกอย่างไร



นี่ตัวอย่างที่เห็นชัด ชอบว่าแต่คนอื่น แต่ไม่ยอมดูตัวเอง ทำเป็นพวกกินปูนร้อนท้อง ก่อนจะโพสอะไร ตั้งสติเสียก่อนว่าควรหรือไม่ควร ดิฉันน่ะไม่สนใจคุณตั้งนานแล้ว ครั้งนี้หวังว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายนะ ไม่ต้องมาตอบข้อความที่พาดพิงถึงดิฉันอีก บอกให้รู้ล่วงหน้าเลย ดิฉันอโหสิกรรมให้ที่คุณได้ละเมิดดิฉันมาตลอด จบเพียงเท่านี้ อย่ามาต่อความยาวสาวความยืดอีก
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 10:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

55 คุณ วลัยพร เรื่องของหมอ พยาบาล นี่เขาก็ทำงานปกติ แต่ เรื่องที่คุณพูดนี่ มันเพี้ยน มันไม่ควรเอามาเล่า คนอะไรจิ้มขี้มาดม 555 แล้วยังจะมาเล่าให้คนอื่นเขาฟังอีก มันตลก ผมก็บอกว่ามันทุเรส นี่หวังดีหรอกนะครับ
ถึงเตือน ก็ผมก็มีพยานที่เห็นเหมือนกันกับผม ว่า มันไม่ต้องปลงขนาดเอาขี้ตัวเองมาดมแล้วปลงหรอกครับ แบบนั้นมันเรียกว่า สุดโต่งและ อุตริครับ

ส่วนเรื่องผมไปยุ่งเรื่องคนอื่น มันก็คนละเรื่องกันอีก เพราะว่า ผมชี้แจงเหตุผล ผมก็อุตส่าห์ เอาวิธีแยกมาให้คุณดูแล้วครับว่า แยกด้วยการดูที่เหตุผล ถ้าหากว่า ด่าหรือว่าเขาโดยไม่มีเหตุผล ก็เรียกว่า เพ่งโทษ
แต่หากว่า มีเหตุผล และ เมื่อถึงคราวควรกล่าวก็กล่าว แบบนี้ไม่ได้เรียกว่า เพ่งโทษครับ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 10:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้าวๆๆๆ ไหงเป็นหงั้นไปละจะ เรามาหาความรู้หาเหตุและผลมาแล้งกันไม่ใช้หรือ ทำไมจะต้องจริงจังกันขนาดนั้นนะมันไม่ใช้วิสัยของคนที่มีการศึกษานะจะสิบอกให้ ฮิฮิฮิ
ไม่มีอะไรมากหรอกจ้าทุกคนมีกันทั้งนั้แหละ ขี้ นะ ขี้เล็บ ขี้ฟัน ขี้หู ขี้ตา
ขี้ไคล ขี้เต่า สาระพัดขี้มีอยู่ในตัวคนนะ ยิ่งในท้องยิ่งมากเลย สุดท้ายยังมีขี้เหนียวอีกเด้อสิบอกให้ ฮิฮิฮิฮิ

ปล. อย่าเน้ออย่าเอาเราไปอ้างด้วยเน้อ เราไม่ได้พูดให้เขาเสียหายเด้อ
เพียงแค่หยิกเล่นเพื่อความนุกเท่านั้นนะ ไม่ได้ว่าถึงทุเรสทุแรดอะไรเด้อที่เข้ามาเล่นนี้ก็เพื่อหาความรู้ให้ธรรมเป็นทานเท่านั้นเด้อ อย่าเอาไปเกี่ยวเด้อ สิบอกให้ อยากรู้ว่าใผเป็นใผก็ไปดูเด้อไม่ปิดบังหรอกเพราะไม่มีประโยชน์อันใด www.supasok.com เด้อสิบอกให้ ฮิฮิฮิฮิ
จะคุยกันส่วนตัวก็ tanaphom.supashok99@gmail.com ว่ากันด้วยเหตุผลจึงค่อยส่งไปนะถ้าไม่มีเหตุผลไม่ประโยชน์ไม่ตอบด้วยนะสิบอกให้ ฮิฮิฮิ
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 10:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
นี่ตัวอย่างที่เห็นชัด ชอบว่าแต่คนอื่น แต่ไม่ยอมดูตัวเอง ทำเป็นพวกกินปูนร้อนท้อง ก่อนจะโพสอะไร ตั้งสติเสียก่อนว่าควรหรือไม่ควร ดิฉันน่ะไม่สนใจคุณตั้งนานแล้ว ครั้งนี้หวังว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายนะ ไม่ต้องมาตอบข้อความที่พาดพิงถึงดิฉันอีก


คุณ โดนพาดพิงไม่ได้ เหมือน คามินเลย การกินปูนร้อนท้องของผม นี่ผมอยากจะให้คุณ natdanai และ คุณพูดคำนี้มานานแล้วครับ เพราะผมมีหลักฐานว่า ผมไม่ได้กินปูนร้อนท้องเลย แต่ขี้เกียจพูดครับ

ส่วนพาดพิง คุณ tanaphomcinta ต่างหากที่พาดพิง เพราะเขายกความของคุณมา บอกว่ามันไม่ต้องขนาดนั้น และผมก็ยกข้อความเขามาอีกทีนะครับ ว่า มันตลกจริงๆ และทุเรสด้วย เหมือนเด็กเล่นขี้อะ ดีนะไม่กินเข้าไปด้วย แล้วเอามาบอก หรือว่า ทำไปแล้วไม่ได้บอกกก็ไม่รู้

ก็อยากจะบอกว่า คุณ tanaphomcinta เขาพาดพิงครับ ผมสนับสนุน แต่บังเอิญว่า คุณเกลียดผมเอง คุณก็ พูดไปต่างๆ นาๆ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 3:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนากับคุณ walaiporn ด้วยนะคับที่ทำได้ขนาดนั้น

ถ้าเป้นของคนรัก เช่นคุณแม่ อันนี้ไม่รังเกียจ
(พอดีมีช่วงแกป่วย ต้องดูแลทุกอย่าง)

ถ้าเป้นของเสียของคนอื่น ผมยังแหยงๆอยู่เลย

ทำให้นึกถึงพระอรหันต์รูปหนึ่งในประวัติหลวงปู่มั่น(หรือหลวงปู่ดุลย์ ไม่แน่ใจ ผมจำไม่ชัด)
ไปนั่งอึในส้วมหลุมแล้วพลาดตกลงไป หนอนตัวเท่านิ้ว
ท่านสังเกตุว่าตัวเองขยะแขยงรังเกียจ
จึงคว้ามาทำกรรมฐาน โดยที่จมอยู่ในอึส้วมหลุม
จนบรรลุเสร็จกิจในที่สุด

พอครู่ต่อมา เช้าแล้วต้องออกบิณฑบาตร
แต่ท่านไม่ไป มานั่งซักล้างจีวรอยู่
พระรูปอื่นจึงถามว่าทำไมม่รู้จักกิจ เวลาบิณฑบาตรมามัวนั่งซักล้างอยู่

คนผู้จมอึท่านนั้น เลยบอกท่าน "เสร็จกิจแล้ว ไม่มีอะไรทำแล้ว"
คนถามก้ตำหนอพูดอย่างนี้ผิดศีล

เลยพากันไปหาหลวงปู่มั่น (หรือหลวงปู่ดุลย์ ไม่แน่ใจ ผมจำไม่ชัด)
พอไปเจอหน้าท่าน ท่านก็ไล่กลับทันที บอกประมาณว่าท่านเสร็จกิจแล้ว
ไม่มีอะไรที่หลวงปู่ทำให้ได้แล้ว ไล่กลับไป เป็นการรับรองอรหัตถผลที่เกิดขึ้นจากการตกส้วม

กับคนที่มีปัญญา ...ขี้มีคุณประโยชน์...มากจนสามารถทำให้เข้านิพพาน
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 9:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คนที่มีปัญญา ...ขี้มีคุณประโยชน์...มากจนสามารถทำให้เข้านิพพาน


นี่แสดงว่า ไม่เข้าใจ ในการวิปัสสนา พระพุทธองค์ไม่เคยสอนนะครับว่าให้พิจารณาขี้แล้วจะ เข้าถึงธรรมจนถึงนิพพาน นี่มันคิดเองเออเอง

สมถะ ก็มีแต่ อสุภะกรรมฐาน และ อาหาเรปฏิกูลสัญญา อันลงเพียงแต่สมถะ

ส่วนพระอรหันต์ที่กล่าวอ้างมา ซึ่งผมก็ยังไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ หากว่า ถ้าจริงแล้ว การพิจารณาตัดกระแสโลกเข้าสู่นิพพานนั้น ท่านต้องลงที่ใจท่าน คือ พิจารณา ความรังเกียจเดียดฉัน ในใจ ไม่ใช่พิจารณาขี้

และอีกประการคือ ประเด็น ที่คุณ วลัยพรพูดมา พูดจาเรื่อยเปื่อย จากเรื่องเพ่งโทษคนอื่น กลายมาเป็นเล่าเรื่องแมว โยงใยมาเป็นเรื่องขี้เรื่องตด เล่าไปว่า ลองไปจิ้มขี้ดมดู

ขอโทษนะครับ นี่ผมเตือนหรอกว่า จิตใจแบบนี้ ไม่ปกติ สงสารสัตว์ แต่เอาความเดือดร้อนมาเข้าตัว ไปไกลจนถึงจิ้มขี้ แล้วมันก็ไม่ได้ นำไปสู่การปฏิบัตอย่างจริงจัง
จนถึงกับ เข้าถึงนิพพานตามที่ คามึนกล่าวมา ได้

ทีนี้ หากจะเล่าเป็นสัพเพเหระ เล่าไปเรื่อยๆ เล่าแบบไม่ได้คิดอะไร ก็พอฟังได้อยู่ แต่อย่างไร ก็เรียกได้ว่า ขาดสติสตังค์ เพราะความที่เล่ามานั้น ไม่ประติดประต่อ จับนั่นโยงนี่

จะเอาเป็นธรรม ไม่ได้

ส่วนที่ผมพูดไป คำว่า ทุเรส นี่มันก็ทุเรสจริงๆ เอาเรื่องจิ้มขี้มาดม แล้วจะให้ผมบอกว่า ดีแล้ว อนุโมทนาด้วยกับการจิ้มขี้ นี่ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมตรงไปตรงมา ถ้าจะพูดกันจริงๆ ต้องบอกว่า ผมมีสัมมาวาจาเสียด้วยที่ผมพูดตรงความรู้สึกที่สุด จิ้มขี้แล้วจะมาสรรเสริญ แบบนี้เป็นไปไม่ได้

ใครไม่เชื่อว่าผมพูดตรง ลองนึกถึงอาการจิ้มขี้ แล้วเอามาดมสิ มันทุเรสไหม แล้วจะรู้เองว่าผมพูดตรงหรืออ้อม
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง