Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การระลึกชาติของ ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2006, 9:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

การระลึกชาติของ
ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์


หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับที่ 7423 วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 ได้ลงข่าวว่า ได้พบเด็กระลึกชาติรายใหม่ อายุเพียง 3 ขวบ หนียายออกจากบ้านไปหาครอบครัวเมื่อชาติก่อน เผยความหลังชาติก่อนเป็นครู ถูกคนร้ายยิงตาย มีลูก 4 คน เมียเก่าและลูกได้ยินเรื่องราวถึงกับตะลึง เพราะรู้เรื่องชาติก่อนได้ถูกต้อง เพื่อนเก่าเป็นตำรวจก็อัศจรรย์ใจ เมื่อเด็ก 3 ขวบทักทายว่า จำได้ไหม ? แล้วเล่าความหลังให้ฟัง

เด็กระลึกชาติรายใหม่ที่จำความชาติปางก่อนได้ถูกต้อง คือ ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์ เดี๋ยวนี้อายุ 10 ขวบ (พ.ศ. 2521) บุตรของนายเบิ้ม หรือคำรณ - นางสมคิด อยู่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 1 กิ่งอำเภอวังทรายพูน จ.พิจิตร นายเบิ้มผู้เป็นพ่อมีอาชีพเป็นช่างตัดผม แม่ตัดเย็บเสื้อผ้า ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ พักอยู่ที่ บ้านเลขที่ 20 ซ.โลหิตสุข ถ.ดินแดง แขวงห้วยขวาง เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร แต่ ด.ช.ชนัย อาศัยอยู่กับยายที่พิจิตร ชื่อนางพรม เบ็ญทอง อายุ 79 ปี พักอยู่ที่ 608 หมู่ 1 ต.พับคล้อ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 ร.ร. วัดเขาทราย อ.ตะทานหิน จ.พิจิตร

นางพรม เบ็ญทอง ผู้เป็นยาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า มารู้ว่า ด.ช.ระลึกชาติได้ ก็เพราะ ด.ช.ชนัย ได้เล่าเรื่องแต่ชาติปางก่อนให้ยายฟังว่า เมื่อชาติก่อนตัวเองเป็นครู ชื่อ บัวไข หล่อนาค สอนประจำอยู่ที่โรงเรียนท่าบ่อ ต.บางหว้า อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร จากนั้น ด.ช. ชนัย ยังได้เล่าว่า แต่เดิมตนมีพ่อชื่อนายเขียน แม่ชื่อนางยวง แล้วยังมีภรรยาชื่อนางสวน มีลูกกับนางสวน 5 คนด้วยกันเป็นหญิง 3 ชาย 2 คนโตชื่อ น.ส. บรรจง หรือติ่ม คนที่สอง ชื่อ น.ส. เบญจา หรือต๋อย ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝด คนที่สามชื่อ นายณรงค์ คนที่สี่ชื่อ นายบุญเทียม และคนสุดท้องชื่อ น.ส. น้ำค้าง

ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์ หรือนายบัวไข หล่อนาค เมื่อชาติก่อน ได้เล่าเหตุการณ์ณ์ที่ตนต้องตายว่า ขณะนั้นภรรยาในชาติก่อน คือนางสวนได้ตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก คือ น.ส. น้ำค้าง ได้ 3 เดือน นายบัวไขได้ขี่รถจักรยานจะไปสอนหนังสือที่โรงเรียน ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครลอบยิงจากท้ายทอยทะลุหน้าผาก

ฝ่ายผู้เป็นยายคือนางพรม เมื่อรับฟังเรื่องราวจากหลานชายวัย 3 ขวบ ในตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง ด.ช.ชนัย ได้พยายามหนีออกจากบ้านขึ้นรถประจำทางจาก ต.ทับคล้อ อ.ตะพานหิน ไปที่อ.เมือง จ.พิจิตร เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนางสวน ภรรยาในชาติก่อน นางพรมจึงต้องตามไปด้วย เมื่อพบกันและเล่าความหลังให้ฟัง ก็ปรากฏว่าฝ่ายครอบครัวของนางสวนเขื่อสนิทว่า ด.ช.ชนัย คือนายบัวไขในชาติก่อน นอกจากนี้ ด.ช.ชนัย ยังสอบถามนางสวนว่า ของมีค่าที่ให้เก็บไว้ในชาติก่อนนั้นยังอยู่ดีหรือ ซึ่ง ด.ช.ชนัยหมายถึงปืนสองกระบอกพรือมกับบอกที่ซ่อนของ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวเมื่อได้รับคำบอกเล่าถึงกับตะลึง

เมื่อ ด.ช.ชนัย ได้พบหน้ากับ จ.ส.ต. สนาน เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่ง ส.ภ.อ. เมืองพิจิตร ซึ่งเดิม จ.ส.อ. สนานเป็นเพื่อนสนิทของนายบัวไข ทันทีที่พบหน้า ด.ช.ชนัย ก็เอ่ยปากทักว่า เฮ้ย หนาน ยังอยู่สบายดีหรือ จำเราได้ไหม ? เราบัวไขเพื่อนเก่าของนายไงล่ะ

จ.ส.อ. สนานถึงกับตะลึงงันไปเช่นกัน นึกไม่ถึงว่า เด็กอายุ 3 ขวบ จะเป็นเพื่อนของตน เมื่อสอบถามเรื่องความหลังซึ่งกันและกัน ด.ช.ชนัย ก็เล่าความหลังได้ถูกต้องทุกอย่าง และเมื่อถามถึงอาหารการกินที่ชอบ ด.ช.ชนัย ก็บอกว่า ชอบไข่ดาวกับข้าวหลาม

ซึ่งทุกคนยอมรับว่า นายบัวไขเมื่อชาติก่อนชอบอาหารเช่นนั้นจริงๆ และแม้แต่ในชาตินี้ ด.ช. ชนัย ก็ยังชอบอาหารชนิดนี้ นอกจากนี้ จ.ส.อ. สนาน รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของนางสวนทุกคน รวมทั้งลูกๆ ทุกคนของนายบัวไขในชาติก่อน ต่างก็ยอมรับว่า ด.ช.ชนัย ผู้นี้คือพ่อของตนในชาติก่อนจริง และปัจจุบัน ด.ช.ชนัย ยังไปมาหาสู่กับครอบครัวนี้โดยสนิทสนม

ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ถาม ด.ช.ชนัย ซึ่งปัจจุบัน อายุ 10 ขวบ ในทำนองกระเซ้าว่า ถ้ามีคนมาสู่ขอนางสวนภรรยาเก่าในชาติก่อนของ ด.ช.ชนัย จะว่าอย่างไร ด.ช.ชนัย ไม่ตอบ แต่แสดงอาการหึงหวงเห็นได้ชัด และไม่พอใจต่อคำถามนี้มาก แต่ได้หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกไว้

ต่อจากนี้จะขอนำข้อความที่น่าสนใจที่คุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ไปสัมภาษณ์ ยาย พ่อ แม่ และภรรยาในชาติก่อน มาเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ตอนที่นางพรม เบ็ญทอง - ยาย ได้พา ด.ช.ชนัย ไปพบ พ่อ - แม่ ในชาติก่อน ด.ช.ชนัยเป็นผู้บอกนำทาง เมื่อไปทางถนนใหญ่แล้ว ก็ชี้ให้เข้าตรอกซอยจากถนนใหญ่อีกไกลกว่าจะถึงบ้านพ่อแม่เขา เมื่อไปถึงเขาก็เดินนำเข้าไปในบ้านซึ่งมีคนมานั่งอยู่หลายคน ทั้งคนอายุมากและเด็กๆ ด.ช.ชนัย ก็ตรงเข้าไปกราบชายอายุมากคนหนึ่ง และหญิงอีกคนหนึ่งแล้วก็ร้องไห้ พูดว่า

“พ่อจ๋า แม่จ๋า ลูกมาหา ลูกคิดถึงพ่อคิดถึงแม่มาก”

ชายหญิงมีอายุทั้งสองที่เด็กอ้างว่าเป็นพ่อแม่ในชาติก่อน ก็ตะลึงงงและสงสัย เพราะจู่ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มีเด็กเข้ามากราบ แล้วร้องไห้เรียก พ่อ แม่ ทั้งที่ไม่เคยเห็นเด็กและยายมาก่อน ส่วนยายเองก็ตื่นเต้น เพราะว่าที่นั่นมีผู้ใหญ่อยู่บนเรือนหลายคน ทำไมเด็กอายุแค่นั้น (สามขวบ) จึงไปเจาะจงว่าคนนั้นคนนี้เป็นพ่อ เป็นแม่มาแต่ชาติก่อน เด็กบอกว่าเป็นครูบัวไขมาเกิด ผู้ใหญ่ทั้งสองยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นครูบัวไข ลูกของตัวมาเกิด แต่เมื่อเห็นแผลเป็นเหมือนครูบัวไข ลูกชาย ที่ถูกยิงจากท้ายทอยทะลุออกหน้าผาก ก็ชักจะมีน้ำหนักพอที่จะเชื่อ

ตอนที่ยายได้พา ด.ช.ชนัย ไปพบพ่อแม่อีกครั้งหนึ่งตามนัด มีผู้คนทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ คนเฒ่า คนแก่ พ่อแม่ นั่งคอยอยู่ในบ้านก่อนแล้ว เพื่อเป็นพยานช่วยกันพิสูจน์เรื่องครูบัวไขกลับชาติมาเกิดจริงหรือไม่ ญาติผู้หนึ่งได้ถามขึ้นว่า เราอ้างว่าเป็นครูบัวไขน่ะ จำเมียของเราได้ไหมว่า ชื่ออะไร ด.ช.ชนัยก็หันไปมองเมียแล้วตอบทันทีว่า ชื่อสวนนะซิ เสียงพึมพำเกิดขึ้น ต่างก็แปลกใจที่เด็กบอกได้ถูกต้อง ต่อมาแม่เขาก็นำของใช้ของธรรมดาหลายอย่างปนกันมาให้ดูแล้วบอกว่า

อะไรเป็นของลูกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ยังจำได้ไหม ? หยิบให้แม่ดูซิ เด็กก็หยิบดูแล้วว่า นี่ก็เป็นของผม นี้ไม่ใช่ของผม โน่นก็เป็นของผม เสร็จแล้วเขาก็จูงมือแม่เขาเดินดูในบ้านแล้วก็ชี้ว่า อ้ายตรงนี้ของๆ ผมตั้งอยู่ที่นี่มันหายไปไหน ? ตรงโน้นของผมตั้งอยู่หายไปไหน ? หนังสือของผมอยู่ในตู้มันหายไปไหนหมด เมียในชาติก่อนเขาก็บอกว่า เมื่อเจ้าของไม่อยู่ฉันก็ให้เขาไปซิ จะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นต่อไป เมื่อ ด.ช. ชนัยได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า

เมื่อให้ไปแล้วก็แล้วไปนะ ต่อมาแม่เขาก็ถามขึ้นอีกว่า แล้วอะไรของลูกนี่นึกออกว่ายังมีอะไรบ้าง เด็กก็บอกว่า พระของผมยังมีอยูพวงหนึ่ง แม่ถามว่า พระของลูกมีอยู่กี่องค์ เด็กบอกว่า พระของผมมีอยู่ สาม องค์ เป็นพระเครื่องนางพญา คราวนี้พวกที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนแอบกระซิบถามเมียเมื่อชาติก่อน ว่าจริงไหมที่เขาพูดเมียเขาก็บอกว่าเป็นความจริงทุกอย่าง

คราวนี้มีผู้ถามว่าก่อนที่ครูจะถูกยิงตายวันนั้น ครูทำอะไรบ้าง พอจะนึกออกไหม ? ด.ช. ชนัยบอกว่า เช้าขึ้นวันนั้นผมก็ซักผ้าก่อน และผมก็ถอดพระที่ห้อยคอไว้ที่โต๊ะ แล้วก็ไปอาบน้ำเสร็จแล้วก็มากินข้าวแล้วก็แต่งตัวถีบจักรยานไปโรงเรียน วันนั้นผมลืมพระไว้ ไม่ได้ห้อยคอติดตัวไปเลย ถ้าผมไม่ลืมเอาไปด้วย เมื่อถูกยิงตายก็คงไม่มีอะไรเหลือ

พ่อในชาติก่อนของเด็กได้ถามขึ้นว่า ปืนอะไรที่ลูกมี เด็กก็ตอบว่า ก็ปืนสั้น ปืนยาวอย่างละกระบอก พ่อแม่และเมียต่างก็รับจริง ตอนนั้นทั้งพ่อแม่และเมียและญาติต่างก็เช็ดน้ำตาบางคนก็ก้มหน้าสะอึกสะอื้น ญาติที่สนใจถามว่า ที่หนูอ้างว่าเป็นครูบัวไขถูกยิงตายกลับชาติมาเกิดคงจะรู้เรื่องวันที่ถูกยิงได้ดี ถูกยิงเวลาเช้าไปโรงเรียน หรือบ่ายกลับจากโรงเรียน เด็กตอบว่า เขายิงเงลาที่ฉันถีบจักรยานที่จะไปโรงเรียน

แล้วมีผู้ถามต่อไปว่า เมื่อครูตายแล้วเขาเอาศพครูไปเผาที่วัดไหน ? เด็กตอบว่า เขาก็เอาไปเผาที่วัดตะพานหินนะซิ ต่อจากนั้นแม่เขาก็ไปหยิบเข็มขัดที่เป็นช่องสำหรับใส่ลูกกระสุนปืนคาดเอว 5 - 6 สาย ทำเหมือนจะเสี่ยงทายแล้วพูดว่า เข็มขัดกระสุนเหล่านี้ หากลูกจำได้ว่าอันไหนเป็นของลูกก็หยิบขึ้นมา ถ้าหยิบไม่ถูกจำไม่ได้ก็เป็นอันว่าไม่ใช่ลูกของแม่

ตอนนั้นยายของเด็กรู้สึกตื่นเต้นใจคอไม่สบาย เพราะกลัวว่าหลานชายจะหยิบผิดจำไม่ได้ และกลัวเขาจะว่ายายพาหลานมาหลอกลวงเขา ทำให้คิดวุ่นวาย ใจเต้น คอยจ้องตาดูว่าเด็กจะหยิบถูกหรือผิด เป็นการตัดสินครั้งใหญ่ แต่เมื่อเด็กมองดูแล้วก็ไม่ได้ชักช้าเสียเวลาหยิบเข็มชัดสายหนึ่งยังมีลูกกระสุนปืนเสียบอยู่ 3 ลูก ออกมาชูขึ้นบอกว่า

แม่ เข็มขัดลูกปืนเส้นนี้เป็นของฉัน เมื่อผู้เป็นแม่ในชาติก่อนเห็นเช่นนั้นก็ร้องไห้โฮ และพวกญาติที่นั่นก็ร้องไห้ตามไปด้วยหลายคน ส่วนยายที่ใจกำลังเต้นกุกกักอยู่นั้นก็ค่อยโล่งอกหายใจทั้วท้อง เมื่อพ่อแม่เขารับว่าถูกต้องแล้ว เป็นครูบัวไขมาเกิดแน่ แล้วแม่เขาก็คร่ำครวญว่า

พุทโธ่เอ๋ย ลูกของแม่ ญาติของเราก็มีถมเถไป ทำไมลูกจึงไม่มาเกิดในสายญาติของเราละลูก ทำไมต้องไปเกิดทางโลกไกลอย่างนี้ ด.ช. ชนัย ได้ตอบว่า เราจะเลือกเกิดไม่ได้หรอกแม่ แล้วแต่ผู้จัดการบันดาลให้เราเกิด เราขัดคำสั่งเขาไม่ได้ เขาสั่งให้เราเกิดที่ไหน เราก็ต้องเกิดที่นั่น ถ้าหลบไปเกิดที่อื่น ไม่ช้าเขาก็เอาตัวกลับไปอีก เราก็ต้องรับโทษ

ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงเมียในชาติก่อนเขาพูดอย่างเยาะๆ ว่า เกิดมาชาตินี้จะเจ้าชู้มีเมียมากอีกไหม ? เด็กได้ตอบว่า ฉันเข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้วเล่าให้เมียฟังว่า เขาบังคับทำโทษให้ฉันแก้ผ้าหมดเหลือแต่ตัวเปล่าส่อนจ้อน เขาพาไปที่สระบัวกว้างใหญ่ เขาให้ฉันเดินลัดบุกฝ่าป่าดงบัวเหมือนทำโทษที่ฉันเจ้าชู้มีเมียมาก ฉันได้รับความลำบากมาก กว่าจะเดินฝ่าดงบัวออกมาได้ เมื่อพ้นแล้วเขาก็ให้ใส่เสื้อผ้า มีคนมาประกบคุมตัวอยู่สองข้าง พาฉันให้เดินมาพักหนึ่งแล้ว เขาก็บอกว่า ให้ไปเกิดได้ เขาส่งได้แค่นี้ ฉันก็มาเกิด แล้วฉันก็หมดความรู้สึก

อีกตอนหนึ่งที่นับว่าสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง วิญญาณ คือการที่ คุณประสิทธิ์ การุณยวณิช ได้สัมภาษณ์ ด.ช.ชนัย ข้อความบางตอนเป็นดังนี้

ประสิทธิ์ : วันที่หนูก่อนจะถูกยิงนั้น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ที่ผิดปกติกว่าวันธรรดา

ชนัย : วันที่ผมตาย ผมลืมไม่ได้แขวนพระติดตัวไปด้วย ธรรมดาผมไม่เคยลืม ปืนสั้นที่ผมเคยพกไม่ได้พก เมื่ออาบน้ำกินข้าวเสร็จก็รีบแต่งตัว คว้าจักรยานถีบออกจากบ้าน เคราะห์ดีครับที่ผมไม่ได้ห้อยพระและพกปืนไปไม่เช่นนั้นเมื่อผมถูกยิงตาย มันคงเก็บเอาไปหมด

ประสิทธิ์ : แล้วหนูรู้จักชื่อเสียงตัวคนร้ายที่ยิงหนูไหม ? แล้วเวลาตายรู้สึกอย่างไรบ้าง ? ใจวูบไปเลยหรือเจ็บปวดสาหัสก่อนจะตาย หรือเหมือนหลับไปเฉยๆ

ชนัย : ไม่หรอกครับ คนยิงไม่รู้จักว่าเป็นใคร เพราะเขายิงผมข้างหลัง ไม่รู้ตัวเวลาตาย รู้สึกวิญญาณผมออกจากร่างแล้ว ผมยังมองเห็นตัวเองนอนอยู่บนถนน ขายังสั่นกระดิกๆ เลือดออกทางแผลที่ถูกยิงตรงหัวไหลนองถนน

ประสิทธิ์ : เมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้วล่องลอยไปอยู่ที่ไหน ? พบปะอะไรบ้าง ? หนูยังจำได้ไหม ? ก่อนจะกลับมาเกิดใหม่ มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง

ชนัย : วิญญาณผมเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ วนเวียนไปหลายแห่ง จะไปไหนบ้างเวลานี้ผมจำไม่ได้ ผมลืมไปหมดแล้วครับ



......................................................
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
ไลลารินทร์
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2006
ตอบ: 64

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2006, 4:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หนูเคยอ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนกันค่ะ ยิ้ม
 

_________________
เชื่อ ศรัทธา และเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยหัวใจอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวYahoo Messenger
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2006, 8:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
kanalove
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2007
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ค.2007, 5:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ระลึกชาติได้นี่ดีจริงๆ นะ เหมือนได้กำไรไปชีวิตหนึ่ง
 

_________________
kanalovero@hotmail.com
ธรรมะสวัสดีคะ แอดเมล์ได้นะคะ
เรามักจะออนเอ็มเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นะ

เรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย จงตายจริงก่อนที่เราจะตายลวง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
คมสันต์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2008
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 10 มี.ค.2008, 9:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชอบมากครับเรื่องของการระลึกชาติใด้ประโยชน์มาก สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 4:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ น่าทึ่งมากครับเรื่องนี้
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 2:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากเจอตัวจริง จัง สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ภัคนันท์ คำเปล่ง
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2008
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): ลำพูน

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 6:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องนี้มาจากหนังสือระลึกชาติใช่ป่าวคะเพราะเคยอ่านแล้วรวมเรื่องระลึกชาติไว้หลายคนน่าอ่านและน่าสนใจมากเพราะเกิดจากมีชาวต่างชาติได้ทำการวิจัยว่าการตายแล้วเกิดใหม่มีจริงมั้ยน่าสนใจมากเลยมีทั้งเกิดเป็นวัวผีเสื้อช้างงูเหลือมสนุกมากคะ
 

_________________
อยู่อย่างพอเพียง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailตำแหน่ง AIMหมายเลข ICQ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง