Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ...สมการความสุข... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2008, 4:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

สมการความสุข

.. ความสุข คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนใฝ่หา แต่ใช่ว่าทุกคนจะค้นพบได้ ...

วรัตดา ภัทโรดม คือ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
และมีชื่อเสียงในแวดวงการตลาดตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่า
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสุขในความหมายของการเป็นมนุษย์
เธอจึงพาชีวิตเดินทางไปพบ "การเกิดครั้งที่สอง"
จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เธอได้กลายเป็นคนใหม่ที่มีความสุขกับโลก
ผู้คน และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
สัมผัสเรื่องการเดินทางของผู้หญิงคนนี้ได้
ในหนังสือเปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
แล้วคุณจะรู้ว่า การพาตัวเองไปสู่ความสุขที่แท้ไม่ใช่เรื่องยาก

ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะใจไปโรงเรียน
เหมียว เดินออกมาจากห้องปฏิบัติธรรม ที่ธรรมอาภา
ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดหลังจากการแผ่เมตตา
วันนั้นเป็นวันแรกใน 10 วันของการปฏิบัติที่เราพูดได้
พอเดินลงบันได เจอหน้าพี่ต้อย พี่ปิ๋มปุ๊บ
คำแรกที่พูดออกไปคือ "เหมียวเกิดใหม่แล้วพี่ เกิดใหม่แล้ว"
น้ำตาไหลไม่หยุด

เหมียวคนใหม่ค่อยๆ เปลี่ยนไป เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
มีความสุขที่แท้จริงมากขึ้น โกรธน้อยลง ทุกข์น้อยลง
ยิ้มมากขึ้น ฟังมากขึ้น
หน้าไม่แก่เหมือนตอนเป็น "meow, the bitch"

พวกเราส่วนมากส่ง แต่สมองไปโรงเรียน (12 ปี+4 ปี+2 ปี)
ไม่ค่อยเคยส่งจิตไปโรงเรียน เหมียวก็เหมือนกัน
เรียนหนังสือเยอะ แต่ศึกษาตัวเองและธรรมชาติของชีวิตน้อย
ตอนโตขึ้นเลยหลุด หลงไปนึกว่า
ถ้าตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน หาเงิน มีบ้าน มีรถ
เป็นคนดี ไม่โกง ไม่ฆ่า ทำบุญวันเกิด ทำสังฆทาน ทำทาน
ช่วยคน ช่วยสัตว์ แล้วจะมีแต่ความสุขไม่มีความทุกข์
นึกว่าพอค่ะ หารู้ไม่ว่า มีอะไร อะไรอีกมากมายมหาศาลที่ไม่รู้
ไม่เคยฝึกหัด และสิ่งเหล่านี้สำคัญเหลือเกินสำหรับเรา
ที่จะมีความสุข ความสงบมากขึ้น และทุกข์ให้น้อยลงอีกนิด
โมโหให้น้อยลงอีกหน่อย

ความรู้ที่ได้จาก การเรียนวิชาต่างๆ ไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าเราไม่มีความสุข แถมยังสาดความทุกข์ใส่คนรอบตัว
ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักอีก
เรื่องราวต่างๆที่เหมียวนำมาเขียนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ก่อนและหลังที่ได้พบกับธรรมะ

ถ้าไม่ได้พบกับ ธรรมะที่บริสุทธิ์ ไม่ได้ฝึกหัดดูตัวเอง
ไม่มีสัมมาสมาธิ ไม่มีปัญญา
ป่านนี้คงมีแต่ความทุกข์ที่สะสมใส่ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
นิสัยคงแย่ หน้าแก่เหี่ยวเพราะขี้โมโห

... ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข มีความสงบ
และได้พบกับธรรมะที่บริสุทธิ์ ...

ในวันที่เปลี่ยนแปลงของผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนเด็กเป็นลูกคนโตที่ซน และไฮเปอร์ฯที่สุด
และจะไม่ยอมทำตามกฎที่มองไม่เห็นเหตุผล

จบปริญญาโท ด้านไดเรกมาร์เกตติ้งจากอเมริกา
คนแรกของประเทศไทย อายุ 25 ปี ได้เงินเดือนเป็นแสน
เงินเดือนหลัก 3 แสน ตอนอายุน้อยกว่า 30 ปี
เป็นกูรูทางด้าน CRM (Customer Relationship Management)
เป็นซีอีโอของบริษัท... แต่อีโก้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน
จนถึงจุดที่ทำร้ายตนเอง
จนเมื่อปฏิบัติธรรม ก็พบทางออกของชีวิต

มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนต้องการความสุขในชีวิต
ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
เด็กทุกคนควรได้สัมผัส และเข้าใจตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาออกมาดูโลก

แต่เราหลายคนยังเข้าใจว่า เวลาที่เหมาะในการเข้าหาธรรมะ
คือเวลาที่เราเข้าสู่วัยสูงอายุ.. หรือ เมื่อเรามีความทุกข์*

ซึ่งหลายครั้งมันก็สายเกินไปเสียแล้ว
เพราะมันทุกข์เกินหรือแก่เกินที่จะเข้าใจ
และยอมรับในความจริงของกฎธรรมชาติเหล่านี้ได้

หัวข้อที่เธอเขียน

สิ่งที่ได้จากการเดินทาง (บางส่วน)
พระพุทธเจ้าบอกว่า การเกิด การเลือกชีวิต
เราเป็น Master ของ Future
เราอาจไม่ได้เป็น Master ของอดีต เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว
แต่เราเป็น Master ของปัจจุบัน
และเราเป็น Master ของอนาคตแน่ๆ

ให้ (บางส่วน) การให้นั้น เราต้องทำตัวเหมือนเมฆ
ซึ่งให้ฝนกับแผ่นดิน โดยไม่เคยถามแผ่นดินเลยว่า... ได้ฝนไปกี่เม็ด

การให้เป็น One Way Street เป็นการเดินทางทางเดียว
คือ ให้ออกไปอย่างเดียว ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์จริงๆ

คนขี้โมโห (บางส่วน)
เหมียวเป็นคนขี้โมโห หงุดหงิดง่ายมาตั้งแต่วัยรุ่น
เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
ทั้ง พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนๆ ต่างก็บอกว่า เราโมโหแรงขึ้นทุกวันๆ
แต่เราก็ไม่เข้าใจ... คิดแต่ว่าเรายังเหมือนเดิม

จนวันหนึ่ง ไปซื้อนาฬิกาที่ห้าง
บอกคนขายว่า "ขอดูนาฬิกาสีฟ้าหน่อยค่ะ"
คนขายไม่ฟัง เพราะมัวแต่คุยกัน
"ขอดูนาฬิกาสีฟ้าหน่อยค่ะ" ก็ยังไม่ฟังอีก
ทีนี้เหมียวเลยขึ้นเสียงแบบดังมากๆ ว่า ขอดูนาฬิกาสีฟ้าหน่อยค่ะ

คนขายมองหน้า แล้วก็หยิบนาฬิกาสีเขียวมาให้
คราวนี้โกรธมากเลย เพราะพูด 3 ครั้งไม่ฟัง ...
พอหยิบแล้วยังหยิบผิดอีก ก็ว่าเลย "คุณตาบอดสีหรือยังไง
บอกให้หยิบสีฟ้า หยิบสีเขียวมาทำไม"ดุเค้าเสียงดังเพราะว่า โกรธ!

แต่วันนั้น เป็นวันที่โชคดีมาก...
เพราะพอทำอย่างนั้นไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงตัวเอง
นึกในใจว่า.. เขาแค่หยิบนาฬิกามาผิดสี
ทำไมต้องว่า ต้องโกรธเขาขนาดนั้นด้วย
พอคิดได้อย่างนั้นก็ยกมือไหว้เขาแล้วขอโทษ ขึ้นรถได้ก็ร้องไห้เลย..

แล้วคำพูดของคนที่ เคยเตือนเราก็ประดังเข้ามา
มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วถามว่า.. คนที่เห็นในกระจกเป็นใคร ?
เราไม่รู้จัก เหมียวคนเดิมไม่ใช่เป็นอย่างนี้

เพราะฉะนั้นปัญหาใหญ่ที่สุดของเหมียว คือ เรื่องของความโกรธ
จนกระทั่งได้ปฏิบัติธรรมครั้งหนึ่ง ครั้งสอง
เหมียวจึงเข้าใจได้ว่า เพราะการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
ช่วยให้เราถอนรากถอนโคนโทสะ กิเลสต่างๆ ออกไปได้

เชื้อความ โกรธมันน้อยลง
พอเชื้อความโกรธ โทสะกิเลส มันน้อยลงๆ
กว่าคนจะทำให้เราโกรธได้นี่ ก็ต้องทำเยอะหน่อย
ต้องเอาน้ำมันสัก 3 ตัน ราดแล้วจุดไฟเผา จึงจะเริ่มโกรธ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนสะกิดนิดเดียวเราก็โกรธแล้ว

เพราะฉะนั้นจากที่เคยโกรธวันละ 9 ครั้ง ก็เหลือ 8 ครั้ง
จากโกรธทีละชั่วโมงก็เหลือห้าสิบนาที ก็ยังดี
ตอนนี้เดือนหนึ่งอาจโกรธสักครั้ง อาจจะโกรธอยู่ 2-3 นาที
และพอเลิกขี้โมโห อาการเหนื่อยโทรม ก็ไม่มีแล้วค่ะ
เลยได้รู้ว่าอารมณ์โกรธ มันรีดพลังจากร่างกายไปหมด
เลยทำให้เราเหนื่อยง่าย

เครื่องดับโมโห (บางส่วน)
การดับความโกรธมีหลายอย่างด้วยกัน
คือ ต้องมีทั้งความอดทน ความเมตตา ความเข้าใจเรื่องอัตตา
มีหลายๆ มุมมอง มีปัญญา และก็มีสัมมาสติ

อีกอย่างที่ต้องมี คือ การให้อภัย
เขาทำให้เราโกรธนาทีเดียว
แต่เราโกรธไป 3 ชั่วโมง เราก็ทุกข์ไป 3 ชั่วโมง

ให้อภัย ทำไมทำได้ยากเย็น (บางส่วน)
ประโยชน์ ของการให้อภัยอย่างเบาะๆ
เอาแค่ว่าเราสามารถตัดสินใจในการเดินไปข้างหน้า
ใช้ชีวิตต่อไป และละทิ้งความเสียใจหรือความเจ็บปวดไว้ข้างหลังได้

...แค่นี้เหมียวว่าเจ๋งแล้ว...

สิ่งที่เราน่าจะทำมากกว่านั้นคือ
ให้โอกาสตัวเองในการปลดปล่อยความรู้สึกทางลบออกจากใจ
ให้อิสระกับตัวเอง การให้อภัยไม่เสียอะไรเลย
แถมได้สิ่งมีค่ามากกว่า คือ อิสระ

อิสระจากความขี้โมโหทั้งปวง
อิสระจากความเครียด
อิสระจากความทุกข์
อิสระจากความแค้น
อิสระจากไฟที่ไหม้ตัวเองอยู่ข้างใน
อิสระจากความทุกข์ที่เราก่อขึ้นมาเอง

พบความสุขที่แท้จริง
และใจที่มีความเมตตามากขึ้นเรื่อยๆ

คัดลอกจาก...
http://pooyingnaka.com/story/story.php?Category=forwordmail&No=1800

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 11:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อีกแล้วครับท่าน ลูกโป่ง สาธุ สู้ สู้
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 11 ก.ย. 2008, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง