การทำความดี กับ การสวดมนต์ภาวนา

ตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2008, 4:08 pm

อ่านเรื่องเกี่ยวคำสอน ทางศาสนา และ บทสวดต่าง ๆ ที่พิมพ์แจกทั่วไป พบเรื่องไม่เข้าใจ ว่ามันขัดแย้งกันหรือไม่ ที่ว่า เวลาศาสนาพุทธสอนให้เราต้องมีความเพียรในการทำความดี ด้วยตนเอง แต่ในบนสวดที่พิมพ์แจก มักให้เรา สวดมนต์บนต่าง ๆ แล้วบอกว่า บทสวดเรื่องนั้น เรื่องนี้ จะช่วยให้เราสมหวัง เรื่องนั้น เรื่องนี้ หากเราสวดมนต์ภาวนาเป็นประจำ เลยสงสัยว่าหากการทำความดี แต่ไม่สวดมนต์ภาวนา จะบรรลุสิ่งที่หวัง หรือไม่

ตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2008, 4:32 pm

ความเข้าใจเรื่องบทสวดมนต์
ว่าสวดบทนั้นแล้วได้อย่างนั้น อย่างนี้
เป็นเรื่องโกหก

แต่ถ้าใช้คำว่าโกหก ........มันไม่ถูก... แรงไป
ต้องใช้คำว่า อุบาย ...
... ถ้าให้ถูกที่สุด ต้องใช้คำว่า กุศล+อุบาย
หรือ กุศโลบาย

อุบายอะไร เพื่ออะไร ?

สำหรับบัวเหล่าที่อยู่ล่างๆ
ไม่ค่อยอยากจะนั่งสมาธิ เดินจงกรม
ไม่เข้าใจว่านั่งสมาธิให้ได้อะไร
มีนิสัยร้อนรน ชอบทางลัด ชอบด่วนๆ เห็นผลไวๆ ชอบอะไรที่หวือหวา

การสวดมนต์ไปเรื่อยๆ ช่วยให้เขาเกิดความสงบทางใจขึ้นมา
การสวดมนต์ทำให้มีใจจดจ่อ ไม่ฟุ้งซ่าน
ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิและสติประเภทหนึ่ง
แต่อยากจะเรียกว่าสมาธิและสติขั้นก่อนอนุบาล
ถ้าเขามีการพัฒนาขึ้นก็จะนำไปสู่สติแบบปริญญาเอกได้

คนบางพวก บอกว่าให้สวดมนต์ให้ใจสงบ เขาไม่ทำ
แต่พอบอกว่าสวด 100 จบ ได้ขึ้นสวรรค์
เขาจะรีบทิ้งทุกอย่างมาทำทันที ที่ว่าไม่ว่างๆ จะว่างขึ้นมา
คนประเภทนี้มีเยอะ
จึงเรียกว่าอุบายอันเป็นกุศล

ถ้าคุณเองตระหนักแล้วว่าเรื่องพวกนี้ไร้สาระ ก็ยินดีด้วย
คนฉลาด เหมาะกับการนั่งสมาธิ

อย่าไปดูแคลนเขาเด้อ
เขามีปัญญาน้อย เวลาน้อย ต้นทุนน้อย
เขาสวดมนต์นั่นดีแล้ว

ดีกว่าตะลอนๆไปขูดหวยเด้อ เพราะเขาถูกหลอกไปไร้สาระอยู่
เราต้องแย่งเขากลับมา .... หลอกให้ทำดี
คนบางพวกต้องหลอก ต้องล่อ ให้ไปทางดี
เดี๋ยวเขาก้จะดีขึ้นเอง

เหมือนสอนลูกหลานตัวเล็กๆ ถ้าบอกมันว่าอย่าแกล้งน้อง มันไม่ฟังหรอก
ต้องบอกว่ารักน้องได้ขึ้นสวรรค์ แกล้งน้องตกนรกแช่กระทะทองแดง
เด้กมันจะกลัว แล้วเลิกแกล้งน้อง
นี่คือหลอกให้ทำดี

แต่ถ้าจะไปสอนมันเรื่องสามัคคีธรรม ผิดชอบชั่วดี
ต้องรอให้มันโตขึ้นอีกหน่อย

เจอใครสวดมนต์ หลอกไปเลยว่าสวดนั่น สวดนี้ ได้นั่น ได้นี่
เมื่อไหร่เริ่มพยศ ไม่เชื่อขึ้นมา ก็ค่อยพูดกับเขาเรื่องสมาธิเด้อ

นี่ความเห็นเฉยๆ นะ
ได้หลักคิดนี้จากท่านพุทธทาส แล้วมาเรียบเรียงเป็นความเห็น

เจริญในธรรมเด้อ พี่น้อง

ตอบเมื่อ: 23 ส.ค. 2008, 4:33 pm

คำถามตอบยากจริง ก็เคยอ่านเจอเหมือนกันเช่น สวดบทนี้จะไม่ต้องไป อบายภูมิเลย หรือสวดขนาดนี้แล้ว จะเลื่อนกำหนดการใช้กรรม ไป 90 แสนกัลป์ ฟังดูแล้วเหลือเชื่อ อีกอย่างคุณทำความดีเพื่อบรรลุสิ่งที่หวังเหรอ กรรมเป็นสิ่งที่ทำได้แต่ควบคุมไม่ได้ว่าจะให้ผลเมื่อไหร่

ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 12:01 am

เรื่องทำกรรมดี เพื่อหวังผล ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกหรือ แต่ก็ยอมรับตรงที่ มันไม่อาจคาดเวลาเกิดผลได้

ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 6:03 am

การสวดมนต์คงต้องประกอบด้วยปัญญา คือพิจารณาเนื้อความ แลทำให้ได้สติ สัมปชัญญะ ในเวลาสวดมนต์

ทำให้นำไปใช้ประกอบการงานได้ไม่ผิดพลาดคือมีสติมากขึ้นนั่นเอง อันนี้เป็นเหตุและเป็นผลของการสวดมนต์ที่แท้จริงต่างหาก

ส่วนการจะสมหวังหรือไม่ ต้องอาศัย สติ ปัญญา ความพากเพียร

---
การสวดมนต์ เป็นพื้นฐานสามารถกำจัดกิเลสอย่างหยาบได้ คือความเกียจคร้าน

--
เลยสงสัยว่าหากการทำความดี แต่ไม่สวดมนต์ภาวนา จะบรรลุสิ่งที่หวัง หรือไม่

ความคิดของผมก็ว่าได้เหมือนกันแต่ สู้คนที่สวดมนต์ อยู่เป็นประจำไม่ได้ เพราะสติ ปัญญาเริ่มที่จะมีความแตกต่างกันออกไปแล้ว

รายละเอียดมีมากต้องลองพิจารณาแล้วเปรียบเทียบ ตามความเป็นจริง ตามเหตุแลผลที่เกิดจากการสวด และไม่ได้สวด

ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 8:53 pm

การสวดมนต์คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง

เป็นการฝึกสติ

เมือร่วมกับการทำสมาธิภาวนาจะเจริญกรรมฐานได้เร็วขึ้น

ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 4:31 pm

การสวดมนต์เป็นการทำในให้สงบ

ตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 9:19 am

สวดมนต์เป็นสิ่งดีทำให้เกิดสมาธิ แต่ความสำเร็จ สมหวัง ต้องมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาประกอบ สวดมนต์แล้วนำพระธรรมคำสอนมาปฏิบัติ การงานสำเร็จแน่นอนค่ะ

ตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 10:57 am

สวดมนต์เหมือนยาทา วิปัสสนาเหมือนยากิน

ดิฉันเจ็บ ปวด เป็นทุกข์ใจแสนสาหัส

ได้สวดมนต์ก็พอบรรเทาได้บ้าง จิตใจมันจดจ่อที่บทสวดมนต์นั้นร่วมชั่วโมง
พาใจตัวเองออกจากเรื่องที่ทำให้ทุกข์ได้บ้าง แม้วันละชั่วโมง
ทำทุกวัน ทุกวัน แม้จะเป็นแค่ยาทา ไม่สามารถรักษาบาดแผลที่ลึกได้ แต่ก็ดีกว่าให้แผลในใจนั้นเน่าเปื่อยและไม่สามารถรักษาได้

ตอบเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 12:17 am