Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ละความโกรธ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 4:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไมค์ไป 500 ชาติหรือเปล่า นึกแล้วก็ชักสงสารขึ้นมาตงิด ๆ





เลยขำ และหายโกรธ หายทุกข์ใจไปเลย ตั้งแต่คืนนั้นมาก็ไม่รู้สึกหนวกหูอีกต่อไป หลวงพ่อชาสอนว่า “ เสียงไม่ได้มากวนเราหรอก เราต่างหากที่ไปกวนเสียง เสียงมันลอยอยู่ในอากาศเฉย ๆ “





ชะรอยบุญกรรมท่านคงจะมาสอนเรา เพราะคิดได้ไม่นานร้านนั้นก็เจ๊งไป





คำใส เป็นคนชอบโกรธสามีแบบไม่ลืม จำอยู่ได้เป็นสิบ ๆ ปี คิดแล้วคิดอีกเรื่องดี ๆ ไม่ค่อยจำ จำแต่เรื่องโกรธ โกรธแล้วเป็นทุกข์มากมาย หาทางออกไม่ได้ เพราะไม่ได้หา มันวนเวียนคิดอยู่แต่เนื้อเรื่องนั้น และกับคำถามว่า ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมเขาไม่เหมือนคนอื่น ไม่เห็นคนอื่นเขาเป็นอย่างนี้กันเลย





ฉันได้แต่นั่งหัวเราะ ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะคำใสไม่อยากให้ช่วย อยากให้ช่วยฟังบ่น และเห็นใจว่าคำใสเผชิญทุกข์ใจจริง





นานเข้าฉันจึงค่อย ๆ พูดบ้าง



“ คำใสโกรธที่เขาทำอะไรไม่ถูกใจหรือ “



“ แล้วคำใสเคยบอกเขาไหมว่า ทำอย่างไรถึงจะถูกใจ “



“ คำใสทำอะไรถูกใจตัวเองทุกอย่างหรือเปล่า “



“ แล้วคำใสทำอะไรถูกใจเขาไหม “



ไม่มีใครทำอะไรถูกใจคนอื่นหรือตัวเองไปเสียหมดหรอก









 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 4:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอให้เมตตากัน นึกว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในสังสารวัฏอันยาวนานนี้เถอะ แล้วเราจะมาสงสารกันและกัน จนไม่อยากโกรธกันอีก โกรธกันแล้วได้อะไรขึ้นมาหรือ นอกจากได้โกรธ ได้คับแค้นใจ ร้อนรุ่มไปทั้งสองฝ่าย เรามีเวลานานนักหรือที่จะมาโกรธกัน อีกไม่นานก็จะตายจากกันไปแล้ว อยู่ไม่เห็นถึงร้อยปีสักคน แผ่เมตตากัน ให้ความสุขแก่กันและกันดีกว่าชีวิตจะชื่นใจและสงบลุข เหมือนสายน้ำยามลมโชยมาเพียงเบา ๆ





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 4:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หยุดความโกรธที่กลับมาใหม่






ความกรุณาของธรรมชาติที่มีต่อคนเรานั้น น่ามหัศจรรย์นักข้อหนึ่งในหลาย ๆ ข้อนั้นก็คือ คนเราคิดได้ทีละเรื่อง





ในขณะที่เราใจจดใจจ่อคิดเรื่องใดอยู่นั้น เราจะคิดเรื่องที่สองพร้อมกันไม่ได้ บางคนอาจจะเถียงว่าไม่จริง เขาคิดพร้อมกันสองเรื่องได้ แต่ถ้าสังเกตอย่างละเอียดลงไป ในทุกขณะจิต เราจะพบว่าที่คิดว่ากำลังคิดสองเรื่องพร้อมกันนั้น ก็ยังเป็นการคิดสลับกันเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที เหมือนที่เราจะพูดออกมาครั้งเดียวสองคำไม่ได้นั่นเอง เพียงแต่คำว่าคิดพร้อมกันนั้น เราหมายถึงช่วงหนึ่งของเวลานั้น เราคิดสองเรื่อง





คุณประโยชน์ของข้อนี้ เรานำมาช่วยเบียงเบนความสนใจของเราได้ เช่น เมื่อเราโกรธเรื่องของนายคำรณ เราไม่อยากจมอยู่ในความโกรธ เราก็รู้ทันและหยุดตัวเอง หันไปคิดถึงนางสาวพลอยสีแทน ใจก็จะต่อความยาวไปเรื่อย ๆ เราก็จะทิ้งนายคำรณไว้เบื้องหลัง เป็นการเดินออกมาจากความโกรธวิธีหนึ่ง





บางคนเดินไม่ออก ใจบอกว่าหยุดคิดแล้ว แต่สมองยังกลับดื้อ คิดต่อ “ เนี่ย มาทำอย่างนี้ได้ไง ไม่รู้จักมีเหตุผลซะมั่งเลยแล้ว…” อย่างนี้ก็ต้องออกกำลังกายใน ขย่มความคิดใหม่ว่าให้หยุดได้แล้วอีกที แล้วบอกกับตัวเองว่า





“ เรื่องมันเก่าไปแล้ว เราไม่คิดเรื่องนี้ไม่สมควรแก่เรา “ นั่น ยกตนข่มท่านไปเลย ความจริงการยกตนข่มท่านเป็นเรื่องไม่ดี แต่อย่างที่ท่านพุทธทาสสอน “ ในที่ดีมีเสีย ในที่เสียมีดี “ เรายก





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 4:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตนข่มท่านครั้งนี้ เราไม่ได้ไปบอกใคร ไม่ได้ไปก้าวร้าวใครที่ไหน เรานึกอยู่แต่ในใจของเรา เพื่อจะสลัดเรื่องนั้นในความคิดให้หลุดไปให้จงได้ในขณะนั้น





เท่าที่ใช้มาก็ได้ผล แต่ก็ไม่รับรองผลเป็นสากล คนอื่นอาจจะไม่ได้ผล ก็แล้วแต่เหตุปัจจัยไป





บางทีเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แต่ยังกลับมาคิดอีก โกรธใหม่เหมือนกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า พิจารณาดูก็เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ตัวเราแท้ ๆ แพ้ความคิดตัวเอง ใจสั่งใจไม่ได้อย่างที่เพลงเขาบอก ทำให้ทุกข์หวนกลับมาเป็นลมหวนอยู่เสมอ





เมื่อเจอแบบนี้ ฉันจะใช้วิธีจินตภาพ ตามแบบของนักจิตวิทยาที่เคยเขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับการใช้พลังแห่งการนึกภาพให้เหมือนเกิดขึ้นจริงกับเรา เพื่อเยียวยาจิตใจให้เปลี่ยนไปสู่สภาพจิตที่ต้องการ





ฉันจะนึกภาพจักรวาลมีกล่องเสี่เหลี่ยมวางเรียงกันเป็นสายยาวเหมือนรถไฟ แต่ละกล่องนั้นเป็นเหมือนช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ กล่องที่เรียงกันอยู่นี้ ก็เคลื่อนห่างออกไปในจักรวาล มันเป็นกล่องเวลาที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีก ดังนั้น เมื่อความคิดจากวันเวลาเก่า ๆ ดีดตัวมายืนตรงหน้า มาพาให้น้ำตาให้ไหล มาระบมความคิดให้เจ็บให้โกรธ ฉันก็จะโยนมันกลับเข้าไปในกล่องที่ไกล ๆ แล้วนึกให้ฝากล่องมันปิดลง และใส่กุญแจ นึกว่าให้เรื่องนั้นอยู่ในกล่องของเวลาของมันเอง เช่น ใส่ลงไปในกล่องที่เขียนว่า 10 ปีที่แล้ว เรื่องของ 10 ปีที่แล้ว ก็ให้มันอยู่ในกาลเวลาของ 10 ปีที่แล้วนั่นแหละ และก็เลื่อนไกลไปเรื่อยบนสายพาน





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กาลเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พาเรื่องนั้นไกลออกจากเราไปเรื่อย ๆ และไม่ยอมให้มาอยู่ในความคิดของวันนี้ และเสริมด้วยการหันเหไปหาเรื่องที่ต้องคิดต่อไป เพื่อดึงความสนใจ





เรื่องที่ดึงความคิดได้ดีที่สุดก็คือเรื่องงาน พอคิดถึงงานปัญหาต่าง ๆ ของงานก็จะตามมา ทำให้เรามีเรื่องต้องคิดเยอะเลย สมกับคำท่าพุทธทาสที่ว่า “ งานคือชีวิต ทำงานให้เป็นสุข สนุกกับการทำงาน “ ฉันได้ข้อคิดมาจากรายการโทรทัศน์ว่า “ การมีปัญหาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะแก้ปัญหายังไง “ การหาทางแก้ปัญหานี่เอง คือ ความสนุกของงาน





ความจริง ความโกรธนี่ก็เป็นของไม่เที่ยง ตามสัจธรรมของธรรมชาติ โกรธแล้วก็ตั้งอยู่แล้วก็หายไป แต่ที่มันโกรธนาน ก็เพราะเราดังไว้เอง มันจะเลิกโกรธแล้ว แต่เราก็ไม่ยอมหยุดคิด คิดต่อไปเรื่อย ๆ ก็โกรธไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าเราอยากจะเลิกนิสัยโกรธนี้ ก็เพียงแต่อย่าดื้อไปดึงไว้ ละความสนใจเสีย ความโกรธก็ต้องหายไปตามธรรมชาติ ยิ่งฝึกปรือนาน ๆ ความเย็นที่ได้รับแต่ละครั้งมันจะสะสมไว้ เราจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฝึกจนได้ระยะ ได้ปริมาณและคุณภาพแล้ว มันจะเริ่มแผ่รังสีมาคลุมตัวเรา ทำให้เราหายโกรธเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จะกลายเป็นโกรธง่ายหายเร็ว และพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนโกรธยากหายเร็ว และในที่สุดก็ไม่โกรธ





ความเย็นนี้จะสัมผัสได้ด้วยใจจนน่าแปลกใจ และเป็นความสุขอย่างยิ่ง ต้องขอโ”ษณาเหมือนการท่องเที่ยวเลยว่า ไม่ลองไม่รู้นะ







 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สรุป








ถึงแม้ว่าxxxจะขุดยาก ตามที่โบราณท่านกล่าว แต่xxxก็เหมือนสันดอนนั่นแหละ คือ ขุดได้ เพราะขุดยากไม่ได้ แปลว่าขุดไม่ได้ มันเพียงแต่แปลว่าขุดไม่ง่าย เท่านั้นเอง



ในบทนี้ขอรวบรวมอุปกรณ์การขุดเอาไว้ในที่เดียวกัน อีกครั้ง เพื่อให้เห็นภาพรวมได้ง่าย ๆ คือ



1. ยอมรับในตัวเองว่าเป็นคนมักโกรธ



2. มีความตั้งใจมากที่จะเลิกโกรธ



3. เป็นตุ๊กตาล้มลุกที่ลุกขึ้นมาใหม่เสมอ



4. มีสติให้ทันความโกรธที่กำลังเกิดขึ้น



5. พิจารณา แห่งอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนของชีวิต



6. หยุดด้วยความคิด เปลี่ยนมุมมองใหม่ คิดใหม่ แผ่เมตตา



7. หยุดความโกรธที่กลับมาใหม่ ด้วยการเปลี่ยนควมสนใจไปสู่สิ่งอื่น





เมื่อตั้งอกตั้งใจดีแล้ว ก็เดินเครื่องได้ ความโกรธก็อารมณ์ของเราเอง อย่าไปกลัวมันมาก ทำใจแข็งเข้าไว้ พระท่านสอนว่าไม่ได้วันนี้ก็พรุ่งนี้ ไม่ได้พรุ่งนี้ก็เดือนนี้ ไม่ได้เดือนนี้ก็เดือนหน้า ไม่ได้เดือนหน้าก็ปีหน้า ไม่ได้ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่เป็นไรยังต้องเกิดอีกหลายชาติ มีเวลาถมไป ไม่ต้องกังวล ทำดีให้กับคนอื่นออกถมไป ทำดีให้ตัวเองบ้าง จะท้อไปไยนะ









 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในกกจูปมสูตร พระพุทธเจ้าทรงเตือนภิกษุทั้งหลายว่า

คำที่ผู้อื่นจะพึงกล่าวต่อเธอ 5 ประการ ต่อไปนี้ คือ



1. กล่าวในกาลอันสมควรหรือไม่สมควร



2. กล่าวเรื่องจริงหรือไม่จริง



3. กล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์



4. กล่าวคำอ่อนหวานหรือหยาบคาย



5. กล่าวด้วยจิตเมตตาหรือกล่าวด้วยโทสะ





เขาจะกล่าวอย่างไรก็ตาม ภิกษุจะต้องทำในใจไว้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวนคือ ทำจิตให้มั่นคงไว้ เราจักไม่เปล่งวาจาชั่ว เราจักอนุเคราะห์เขาด้วยวาจาและสิ่งที่เป็นประโยชน์ จักมีเมตตาต่อบุคคลนั้น เราจักแผ่เมตตาจิตไปทั่วทั้งโลก ทำจิตให้เหมือน



1. แผ่นดินซึ่งใคร ๆ จะขุดให้หมดไม่ได้



2. อากาศซึ่งใคร ๆ จะเขียนหรือระบายด้วยสีใด ๆ ให้ติดไม่ได้



3. แม่น้ำคงคาที่ใคร ๆ จะเอาคบเพลิงใด ๆ ไปจุดให้ติดไม่ได้ คบเพลิงนั่น

ย่อมดับไปเอง



4. ถุงหนังแมวที่นายช่างฟอกดีแล้ว อ่อนนุ่มดังปุยนุ่นและสำลี ซึ่งใคร ๆ จะตีให้ดังไม่ได้





ทรงเตือนภิกษุทั้งหลายเป็นประการสุดท้ายว่า หากพวกโจรใจxxxมเอาเลื่อยซึ่งมีที่จับ ( ด้าม ) ทั้งสองข้างมาเลื่อยเธอทั้งหลายแม้กระนั้นถ้าเธอจะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม มีใจคิดร้ายต่อโจรนั้น ภิกษุหรือภิกษุณีนั้น ไม่ชื่อว่าทำตามคำสั่งสอนเรา พวกเธอพึงใส่ใจโอวาทอันเปรียบด้วยเลื่อยนี้เป็นนิตย์เถิด จะทำให้มอง





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เห็นถ้อยคำใด ๆ ของผู้อื่นที่จะอดทนไม่ได้ ข้อนั้นจะเป็นประโยชน์และความสุขแก่พวกเธอตลอดกาลนาน





มีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง ฤาษีได้อธิษฐานจิตว่าไม่โกรธ ได้ถูกพระราชาทดสอบ โดยตัดแขน แต่ฤาษีก็ไม่โกรธ พระราชาโกรธให้ตัดขาอีก ฤาษีก็ไม่โกรธ ในที่สุดฤาษีก็ตาย





ฉันเคยเรียนถามอาจารย์วศิน อินทสระ ว่าเรื่องนี้สอนไม่ให้โกรธ แต่ดูราวกับว่าเราให้ความอดทนของคนหนึ่งไปสนองความโกรธของอีกคนหนึ่ง ถามว่าจุดนี้ต้องการแสดงอะไร





ท่านอาจารย์ได้อธิบายว่า ท่านสอนภิกษุ เพื่อไม่ให้คิดประทุษร้ายผู้อื่น สมณะมีอดทนเป็นกำลัง ฤาษีท่านบำเพ็ญธรรมโดยอธิษฐานจิตให้ไม่โกรธ ท่านจึงยอมให้ทำโดยไม่โกรธพระราชา





มองในมุมกลับคือ ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ สังคมจะสงบมากขึ้น เพราะถ้ามีการไม่ยอม มีการสนองตอบ เหตุร้ายก็จะลุกลามคนอาจจะกลัวการสนองตอบ ก็อาจจะไม่ค่อยทำร้ายผู้อื่น เพราะกลัวได้รับโทษมาก คือมองในแง่ว่า ถ้าคนอื่นมองอย่างเราสังคมจะสงบ เป็นการเสียสละ





ที่อยากเน้นหน่อยก็คือ เมตตา การรู้สึกเมตตาทำให้จิตใจอ่อนลงได้เร็ว นึกถึงภาพชีวิตทุกข์ยากที่ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏแล้ว ทำให้เกิดเมตตาได้ง่ายขึ้น พระพุทธเจ้าสอนว่า “ ให้ทำจิตให้เหมือนกับแผ่นดินที่ใครมาขุดให้หมดไม่ได้ “ ครั้งแรกที่อ่านเจอประโยคนี้แทบร้องไห้เลย มองดูเถิด ถ้าเรามีเมตตาให้กับทุกคนได้มากเหมือนกับแผ่นดินที่ขุดไม่มีวันหมด เราจะยังโกรธใครได้อีกหรือ ในเมื่อพวกเราทุกคนลึก ๆ แล้วก็ควรเมตตาต่อกันช่วย









 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหลือกัน เพราะเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏนี้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด





ขอลงท้ายด้วยบทกลอนที่ท่านสอนให้ชาวเราพวกใจร้อนทั้งหลายหัดดูแลหัวใจตัวเองบ้าง ดังนี้





ปากเหมือนปู หูเหมือนตะกร้า ตาเหมือนตะแกรง



ปากไม่แพร่ง หูไม่อ้า ตาไม่เห็น



เป็นหลักธรรม นำให้ หัวใจเย็น



คนควรเป็น เช่นนั้นบ้าง ในบางคราว









 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2004, 5:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





จากหนังสือธรรมะรอบกองไฟ



โดย ขวัญ เพียงหทัย








 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 1:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัย สาธุ ซึ้ง สาธุ ซึ้ง สาธุ สู้ สู้
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง