Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เราได้อะไรจากกรรมฐาน (พลเอกหญิงวาสุณี อนันตร์พีระ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 24 ม.ค. 2006, 9:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราได้อะไรจากกรรมฐาน
โดย พลเอกหญิงวาสุณี อนันตร์พีระ



ฉันเคยถามคำถามนี้อยู่กับตัวเองอยู่เสมอ นับตั้งแต่เริ่มเข้าปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔o เวลาที่ยาวนานถึง ๗ วัน สำหรับคนที่ไม่เคยทนปัญหาใดๆ เลย แถมมีแต่ความเจ้าอารมณ์เป็นเจ้าเรือนนั้น บอกตรงๆ ว่าเป็นความทรมานอย่างเหลือเกิน ร่ำๆ จะหิ้วกระเป๋ากลับตั้งแต่วันที่สองแล้ว

ไหนจะแปลกที่และต้องนอนกับคนแปลกหน้า ทำให้นอนไม่หลับ ไหนจะต้องนอนกับพื้นกระดานที่กระด้าง ปราศจากฟูกนิ่มที่เคยนอน แล้วยังต้องรีบตื่นตี ๒ เพื่อเข้าห้องน้ำก่อนคนอื่น มิฉะนั้นจะไม่ทันทำวัตรตอนตี ๓ ครึ่งอีก ล้วนแต่ทำให้เกิดความท้อถอยทั้งสิ้น หากไม่คิดสักนิดว่าต้องเป็นคนเสียสัจจะ ฉันก็คงเลิกล้มความคิดที่จะอยู่ให้ครบ ๗ วัน และคงไม่มีวันนี้ วันที่ฉันโชคดีได้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ผู้ซึ่งเมตตาช่วยต่ออายุฉันได้มีชีวิตยืนยาวเพื่อตอบแทนบุญคุณหลวงพ่อ และรับใช้พระพุทธศาสนาจนทุกวันนี้

ก่อนจะพูดว่าฉันได้อะไรจากกรรมฐาน คงต้องเท้าความถึงภูมิหลังกันสักนิด ฉันเป็นลูกทหาร เกิดและเติบโตในค่ายทหาร ถูกปลูกฝังในเรื่องระเบียบวินัยมาตั้งแต่เป็นเด็ก อายุ ๑๖ ปี เข้าศึกษาในโรงเรียนผดุงครรภ์และอนามัยกองทัพบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นโรงเรียนทางทหารอีก ยิ่งทำให้ยึดมั่นในระเบียบวินัยมากขึ้น

เมื่อเรียนจบในปี ๒๕๑๔ ทำงานในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ๑ ปี จึงย้ายมาอยู่ที่ค่ายภาณุรังษีราชบุรีเมื่อปลายปี ๒๕๑๕ การทำงานมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงต้องมีความมั่นใจสูงมาก จากบุคลิกที่ถูกหล่อหลอมมาให้มีความมั่นใจในตัวเองสูงขนาดนี้ เมื่อต้องทำหน้าที่ผู้อำนวยการถึง ๒ สมัย ก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจตัวเองสูงขึ้น จนเกือบเรียกว่าเผด็จการเลยทีเดียว

แม้ว่าฉันจะเป็นคนเจ้าระเบียบและเข้มงวดมาก จนกลายเป็นคนดุในสายตาคนอื่น แต่คนที่รู้จักฉันลึกซึ้งจะรู้ว่าแท้จริงฉันเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร ฉันอยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ มีระเบียบวินัย รู้จักเห็นอกเห็นใจกัน โดยที่ฉันไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไช เมื่อไรที่ฉันต้องตำหนิหรือลงโทษใครสักคน ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจมาก

วาระที่ต้องใช้หนี้กรรม เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี ๒๕๓๑ มีการส่งแพทย์มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยมารับหน้าที่ต่อจากฉัน ฉันเป็นหัวหน้าแผนกที่อาวุโสสูงมาก เป็นรองก็เพียงผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ฉันถูกตำหนิต่อหน้าที่ประชุมทุกวัน และเรื่องที่ถูกตำหนิมิใช่ความบกพร่องในเรื่องของงานเลย เป็นเพียงการพูดจากระทบกระแทก อันมิใช่วิสัยของผู้บังคับบัญชาจะกระทำต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

สุดท้ายฉันก็รู้สึกขึ้นมาเองว่า เพราะสิ่งที่เรียกว่า "กรรม" นั่นเองคือตัวกำหนด ฉันเริ่มท้อว่าเมื่อไรจะหมดกรรมเสียที จนกระทั่งปลายปี ๒๕๔๐ ที่ฉันได้นำคณะมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน นับตั้งแต่ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน บุคคลในครอบครัว รวมถึงสภาวะจิตใจ และอารมณ์ของฉัน

เรื่องของยศและตำแหน่งการงาน ตัวฉันและสามีได้รับยศพระราชทานสูงขึ้นในปลายปี ๒๕๔๑ หลังจากที่ไม่เคยมีการขยับเขยื้อนนับสิบปี ฉันได้ย้ายที่ทำงานไปยังหน่วยใหม่ที่มีความสุขทั้งกายและใจ ได้ทำงานที่ฉันรัก คือการเขียนบทความและเรื่องสั้นลงนิตยสารทหารช่าง ได้ทำโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด มีอิสระในการสร้างสรรค์งาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเขม่น ไม่มีการอิจฉาริษยา และฉันมีโอกาสได้ ๒ ขั้น

ในส่วนของอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการฝึกปฏิบัติ วันแรกที่ฉันได้ฝึกนั่งสมาธิ แค่เพียงยกขาขวาขึ้นวางทับขาซ้าย ฉันก็ปวดแทบขาดใจแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปฉันเริ่มอดทนได้มากขึ้น ความเจ็บปวดทรมานยังคงอยู่ แต่จิตใจที่ดิ้นรนกระวนกระวายกลับน้อยลง ความสงบและเบาสบายเริ่มเข้าแทนที่

ยิ่งปฏิบัติต่อเนื่องกัน ฉันเริ่มมองเห็นตัวเองมากขึ้น ฉันมองเห็นกรรมที่เคยทำจากการเบียดเบียนสัตว์อื่น แล้วฉันต้องมารับกรรมโดยถูกผู้อื่นเบียดเบียนบ้าง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเอง ฉันเริ่มใช้สติที่ฝึกมาให้เกิดประโยชน์ พยายามหาเหตุผลในเรื่องต่างๆ และพยายามไม่หงุดหงิด อดทน และอภัยในความผิดพลาดของคนอื่นได้มากขึ้น ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์เกิดทึ่งและศรัทธาต่อการฝึกกรรมฐานมาก เพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

ด้านสุขภาพนั้น ฉันได้รับผลกระทบที่เลวร้ายจากการสะสมความเครียดในการทำงานมานานนับสิบปี ความคับข้องใจที่เกิดจากความบีบคั้นของผู้บังคับบัญชาที่หาเรื่องตำหนิรายวัน และผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไร้ระเบียบวินัย ทำให้ป่วยเป็นมะเร็งที่ไต จนต้องตัดทิ้งไปข้างหนึ่ง และถูกตัดเนื้อปอดส่วนที่เป็นมะเร็งออกอีกเล็กน้อย โชคดีที่ฉันได้ฝึกกรรมฐานจากวัดอัมพวันมาล่วงหน้า ๒ ปี จึงทำให้ฉัน "ปลง" ทำใจได้เร็วกว่าปกติ

นอกจากนั้นพลังจิตที่ปรารถนาให้ฉันหายป่ายจากคนที่รัก เช่น แม่ สามี ญาติพี่น้อง รวมถึงมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะพลังแห่งความเมตตาจากหลวงพ่อจรัญนั้น เป็นส่วนที่ทำให้ฉันผ่านพ้นจากวิกฤตแห่งสุขภาพมาได้ ฉันใช้การเดินจงกรม การนั่งกรรมฐาน เป็นเครื่องมือของจิตมาควบคุมกาย ให้ต่อสู้กับความอ่อนเพลียจากการใช้ยาเคมีบำบัด ต่อสู้กับอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว และที่สำคัญต่อสู้กับความกลัวตาย ที่แฝงอยู่ในจิตใจของฉันตลอดเวลา

ยามใดที่จิตตกและเกิดความกลัวขึ้นมา คำพูดที่หลวงพ่อปลอบฉันให้สวดมนต์ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล และนั่งกรรมฐานนั้น ก้องอยู่ในหู ฉันจะเกิดความแข็งแกร่งขึ้นในจิตใจ จนเอาชนะความกลัวนั้นได้ ฉันได้พบสัจธรรมอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดที่เรากลัวจนถึงที่สุด เราจะเลิกกลัวทันที การทำกรรมฐานก็เช่นกัน หลวงพ่อบอกว่าเมื่อใดก็ตามที่เวทนามันถึงที่สุด เราสามารถผ่านห้วงเวลานั้นมาได้ เราก็จะอยู่เหนือเวทนาคืออดทน

เวลานี้สุขภาพฉันดีขึ้นมาก เรียกได้ว่าหายแล้ว แต่ต้องไม่ประมาท ฉันต้องดูแลภาวะร่างกายและจิตใจให้สมดุล ต้องไม่เครียด ไม่สะสมความโกรธข้ามวัน ที่จำเป็นที่สุดคือต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และกังวลกับอนาคตเพราะยังมาไม่ถึง หลวงพ่อใช้คำว่า "อย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย" แน่ละมันเป็นเพียงแค่เงา เราจะไขว่ขว้ามันได้อย่างไร

สำหรับคนรอบข้าง อันประกอบด้วย แม่ น้อง สามี และหลานๆ ก็ได้รับอานิสงส์จากการปฏิบัติของฉันโดยทั่วหน้า ทุกคนจะวู่วามน้อยลง ใส่ใจที่จะสวดมนต์ไหว้พระ และทำบุญสุนทาน จากการที่เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของฉัน ทั้งสุขภาพและอารมณ์ ทำให้เขาเกิดความศรัทธาต่อการปฏิบัติกรรมฐานและองค์หลวงพ่อ

ยิ่งได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อด้วยตัวเองก็ยิ่งเชื่อมั่นในความดีงาม เชื่ออานิสงส์ของการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งกรรมฐานมากขึ้น ที่เห็นชัดเจนคือแม่มีอารมณ์ดีขึ้น ปล่อยวางปัญหาต่างๆ ได้มาก และศรัทธาต่อหลวงพ่อสูงสุด ท่านจะอ่านหนังสือของหลวงพ่อ และปฏิบัติตามทุกอย่าง ฉันภูมิใจมาก เพราะหลวงพ่อสอนว่า การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ที่ได้อานิสงส์สูงสุด คือการชักจูงให้ท่านเข้าหาธรรมะ อย่างน้อยฉันก็ได้ตอบแทนคุณของพ่อ-แม่เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากส่งเสียเลี้ยงดูตามปกติ

เมื่อก่อนฉันคิดว่าอะไรดีและถูกต้อง ฉันก็จะพูดและทำทันที เมื่อผ่านการปฏิบัติมานานหลายปี ฉันรู้จักไตร่ตรองและรอช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนจึงจะพูดหรือทำ และถ้าคำพูดนั้นฉันรู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด ฉันจะไม่พูดเลย บอกตรงๆ ว่าฉันกลัวบาป ลำพังพยายามละความชั่วสร้างความดี ยังรับผลความเป็นทุกข์ขนาดนี้ ถ้ายังขืนสร้างแต่ความชั่วจะมีอะไรหรือ

ทุกวันนี้ฉันไถ่โทษให้กับตัวเอง ด้วยการทำบุญสร้างความดีตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ทำงานหนักเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดินที่ได้อยู่อาศัย ให้งานทำจนมีกินมีใช้ไม่อดอยาก และตอบแทนบุญคุณของพุทธศาสนาที่มีคำสอนขององค์พระศาสดา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทำให้ใจฉันไม่ต้องว้าเหว่เดียวดาย ฉันพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า แม้จุดหมายปลายทางจะมองไม่เห็น ฉันก็เชื่อแน่ว่าได้ก้าวมาถูกทางแล้ว

ตลอดระยะเวลา ๖ ปี ที่ผ่านมา ฉันได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อมากมาย จนเกินกว่าจะบรรยายได้หมด และคงมิใช่เพียงฉันคนเดียวที่ได้รับ ลูกศิษย์ทุกคนก็รู้ดีว่าต่างก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อทั้งสิ้น ต่างกันแต่รูปแบบเท่านั้น นั่นย่อมแล้วแต่กรรมของแต่ละคนที่มีร่วมกับหลวงพ่อในต่างชาติต่างภพ

ฉันเคยภูมิใจว่าฉันเก่ง ฉันดี ที่ได้มีโอกาสทำงานให้หลวงพ่อ แม้แต่การที่ท่านปรารภเรื่องงานที่ศูนย์เวฬุวัน ฉันก็ยังนึกว่าหลวงพ่อไว้ใจให้มาช่วยทำงาน แท้ที่จริงหลวงพ่อกรุณาชี้ทางให้ฉันได้มาชดใช้หนี้ "กรรม" ต่างหาก ลำพังความรู้ที่ฉันมี ไม่เพียงพอที่จะเห็นกรรมของตัวเองได้ ฉะนั้นที่ฉันเดินทางมาไกลถึงขอนแก่นทุกวันนี้ ก็เพื่อจะได้ร่นระยะทางแห่งการใช้หนี้กรรมให้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นคงจะยาวนานไปอีกไม่รู้จะกี่ชาติภพ

ความเกี่ยวข้องที่ฉันมีต่อหลวงพ่อและกัลยาณมิตรทั้งหลายที่ได้มาร่วมสุขร่วมทุกข์ในภารกิจที่รับใช้หลวงพ่อนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของหนี้ "กรรม" ที่เคยทำร่วมกันมา เรามาพบกันเพื่อใช้หนี้ หมดหนี้เราก็ต้องจากกัน

เหมือนที่หลวงพ่อเคยพูดเสมอว่า "เราพบกันเพื่อรอเวลาจาก"

พวกเราคงสังเกตเห็นว่าช่วง ๒ ปีหลังนี้ หลวงพ่อมักจะไม่พูดคุยสนุกเหมือนอย่างเคย ทั้งแววตาท่าทางของท่านดูอ่อนล้า หลายครั้งที่ฉันเห็นท่านกวาดตามองลูกศิษย์ที่มากราบท่านด้วยแววตาครุ่นคิด ท่านคงจะห่วงและกังวลกับพวกเรามาก เราลองย้อนถามตัวเองกันดูซิว่า ได้ทำอะไรให้หลวงพ่อได้ชื่นอกชื่นใจกันบ้าง เรายังมีอิจฉาริษยากัน ทะเลาะกัน แล้วนำเรื่องหนักใจมาให้หลวงพ่อหรือเปล่า ถ้าเราทำให้ท่านหนักใจ เราบาปเพียงไหน ลองคิดดูเถิด เร่งรีบทำความดีถวายหลวงพ่อเสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะถึงวันที่ไม่มีหลวงพ่อ

ฉันขอฝากถึงญาติธรรมทุกคน เรามักจะบอกว่าเรารักหลวงพ่อ จึงมาปฏิบัติกรรมฐานถวายหลวงพ่อทุกปีในวันเกิด ที่จริงแล้วหลวงพ่อคงอยากให้เราเป็นคนดี มีความรักสามัคคีกัน และที่สำคัญที่สุดคืออย่าอิจฉาริษยากันมากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ต้องเตือนตัวเองและกระทำทุกๆ วัน จึงจะตอบแทนบุญคุณของหลวงพ่อได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด

อานิสงส์ใดที่เกิดจากความตั้งใจรับราชการแทนคุณแผ่นดิน และงานรับใช้พระศาสนา ลูกขอถวายเป็นเครื่องบูชาพระคุณของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม เนื่องในวาระครบรอบวันเกิด ๗๖ ปี ขอให้หลวงพ่อมีอายุยืนยาว อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเหล่าศิษย์ตราบนานเท่านาน


คัดลอกจาก: หนังสือกฎแห่งกรรมเล่มที่ ๑๘
วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี
http://www.jarun.org/v5/th/lrule18r05.html

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 24 ม.ค. 2006, 4:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ สาธุครับคุณลูกโป่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
momogo
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 25 ม.ค. 2006
ตอบ: 5

ตอบตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2006, 12:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2007, 1:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนา สาธุ
 

_________________
Image
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Pimonsilp
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 27 ต.ค. 2005
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2007, 10:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียน คุณลูกโป่ง ที่เคารพอย่างสูง

ขออนุโมทนา สาธุ ครับ
ขอให้มีความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ

พิมนศิลป์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 27 พ.ค.2008, 12:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณครับ ที่ทำให้ได้อ่านบทความดีๆ ร้องไห้
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 1:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เจริญในธรรม ท่านลูกโป่ง สาธุ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง