Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แม่ผู้เสียสละ (ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 12:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



1.jpg


แม่ผู้เสียสละ... ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์

ใครเลยจะรู้ว่าในชีวิตของราชนิกุลผู้สูงศักดิ์อย่าง คุณหญิงน้อง-ม.ร.ว.เบญจาภา (จักรพันธุ์) ไกรฤกษ์ ที่เกิดมาเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทั้งฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา เมื่อเติบใหญ่ขึ้นก็มีชีวิตครอบครัวที่พรั่งพร้อมด้วยสามีที่ดี และลูกๆ ที่น่าเอ็นดูทั้ง 3 คน

หลายคนอาจรู้จัก “คุณหญิงน้อง” ในฐานะสตรีที่ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษากลุ่มมูลนิธิปรารถนาดี เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือการเป็นกรรมการบริหารมูลนิธิแสงสว่าง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก และอีกหลายโครงการเพื่อประโยชน์ของสังคมที่เธอไปนั่งเป็นกรรมการบริหาร

ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอจะโรยด้วยกลีบกุหลาบจนน่าอิจฉา กระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาก็มาทดสอบบทบาทของความเป็นแม่ จากคุณหญิงน้องอย่างแสนสาหัสและอย่างไม่คาดฝัน เพราะแทนที่จะได้เห็น ”แดงน้อย-พงษจักร ไกรฤกษ์” ลูกชายคนสุดท้องวัย 21 ปี มีอนาคตยาวไกล แต่กลับต้องมาเป็นอัมพาต อันเนื่องมาจากความกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรงเมื่อตอนอายุ 17 ปี

คุณหญิงน้องเริ่มย้อนถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ ในฐานะของหัวอกคนเป็นแม่ให้ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ก่อนที่แดงน้อยจะประสบอุบัติเหตุได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองนั้น เคยเกิดอุบัติเหตุรุนแรงมาแล้วครั้งหนึ่ง “ตอนอายุ 12 ปีแดงน้อยเล่นฮ็อกกี้ที่หน้าบ้าน แล้วเขาก็ล้มหงายหลังลงไปเราก็พาไปหาหมอ แต่หมอบอกว่าไม่เป็นไรเราก็พาลูกกลับบ้าน หลังจากนั้นอีก 6 เดือน แดงน้อยก็เป็นไข้เลือดออก และเราก็ให้เขาอ่านหนังสือมากเกินไป พอสอบเสร็จเพื่อคลายเครียด เขาจึงหันไปเล่นเกมจนค่ำมืดไม่พักผ่อน ปรากฏว่าเกิดอาการชัก และหมอบอกว่าแดงน้อยเครียดมาก แล้วเขาก็แพ้แสงที่มันกระพริบ หมอก็เลยจัดยาให้ทาน 2 ปี และพอพาไปตรวจอาการก็ดีขึ้นจึงหยุดทานยา และคิดว่าลูกคงไม่เป็นอะไรแล้วจึงวางใจ” คุณหญิงแจกแจง

หากแต่ในช่วงสายๆ ของเช้าวันหนึ่ง ที่หน้าสถานทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางแสดแดดอุ่น ๆ ที่ดึงให้ผู้คนออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นเดียวกับแดงน้อยที่กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นตะกร้อ

“ตอนนั้นแดงน้อยเล่นตะกร้ออยู่ที่ในสถานทูตที่สหรัฐอเมริกา เพราะขณะนั้นคุณพ่อ (ศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์) เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำอยู่ที่นั่น ช่วงที่เขาเตะตะกร้อดวงตาก็ไปกระทบกับแสงแดดเข้าอย่างจัง จึงทำให้ล้มหงายหลังศีรษะไปฟาดกับอิฐแข็งๆ ก็เลยรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่หมอบอกว่า ถึงแม้ว่าแดงน้อยจะมีชีวิตรอดก็ต้องนอนอยู่เฉยๆ ดังนั้น ปล่อยให้เขาไปเถอะ”

วินาทีแรกที่คุณหญิงน้องได้ฟังคำนี้จากปากของคุณหมอ น้ำใสๆ จากสองตาก็เอ่อล้นออกมาในทันที แต่จิตวิญญาณในความเป็นแม่ของคุณหญิงและความเชื่อมั่นที่มีต่อลูกชายคนเล็กว่า เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ในแบบใดก็ตาม เธอก็จะประคับประคองชีวิตของลูกไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้

เมื่อสายใยรักที่แม่มีต่อลูกและความเชื่อมั่นในพลังรักของลูกที่มีให้แม่ วันนั้นจึงเป็นเพียงวันเดียวที่ทุกคนได้เห็นน้ำตาของเธอ เพราะหลังจากนั้นคุณหญิงลุกขึ้นมาสู้อย่างเข้มแข็ง และทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตของลูกชายคนนี้ไว้ให้ได้ แม้ว่าเธอเองจะต้องทนดูความเจ็บปวดของลูกที่ได้รับจากการผ่าตัดใหญ่ถึง 3 ครั้งก็ตาม

“แต่ละครั้งของการผ่าตัดสมองล้วนหวาดเสียวทุกครั้ง เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ และทุกครั้งของการผ่าตัดจะต้องมีเรื่องให้ลุ้นระทึกเสมอ เพราะแดงน้อยต้องตกอยู่ในความเป็นความตายอยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นเราเห็นเขาอยู่ในห้องไอซียู มีสายต่างๆระโยงระยางเต็มตัวไปหมด เราก็ไม่ได้รู้สึกท้อใจเลยแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าเราต้องสู้ เราต้องใจแข็งเพื่อให้ลูกมีชีวิตรอดให้ได้ ลูกจะมีสักกี่สายมาพันอยู่ที่ตัวเราก็ไม่หวั่น

เราเชื่อในตัวแดงน้อยว่าเขาเป็นคนแกร่ง เขามีธรรมะอยู่ในใจเสมอ เราเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีเราก็รู้สึกเสียใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้าแต่เราต้องเชื่อมั่นในตัวเขาและตัวเราเองด้วย ว่าเขาจะต้องมีชีวิตอยู่และเราก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาดีขึ้น”

ในขณะที่แดงน้อยพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูนั้น คุณหญิงน้องมีโอกาสได้นอนเฝ้าไข้ลูกชายทุกวัน เพื่อคอยสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด และมีเรื่องราวเฉียดตายเกิดขึ้นกับเขาวินาทีต่อวินาที จนแพทย์หลายคนต่างส่ายหน้ากับอาการที่เกิดขึ้น แต่สำหรับคุณหญิงแล้วเธอกลับมีพลังจิตที่เข้มแข็ง ด้วยการใช้หลักสัญชาติญาณของความเป็นแม่ที่ว่า

“เมื่อเราเป็นผู้สร้างเขาขึ้นมาเราก็ต้องรักษาเขาให้ดีที่สุด แต่ถ้าเขาจะต้องจากเราไปก็ต้องให้เขาไปให้ดีที่สุด”

ดังนั้น ทุกครั้งที่ลูกชายเข้าใกล้ความเป็นความตาย คุณหญิงน้องจะใช้มืออันอบอุ่นทั้งสองข้างกุมมือลูกชายและท่องคำว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ ติดๆ กัน เพื่อหวังให้ลูกได้อยู่ใกล้ธรรมะ และมีแรงใจสู้อีกครั้ง

“มีอยู่วันหนึ่งแดงน้อยมีชีพจรเต้นประมาณ 270 ซึ่งมากกว่าคนปกติเป็นเวลานานถึง 40 นาที คุณหมอบอกว่าแดงน้อยอาจจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว เราก็เลยเข้าไปนั่งข้างเตียงของลูกแล้วท่อง พุทโธ พุทโธ พุทโธ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจลูกตลอดจนครบ 40 นาที”

เสมือนแดงน้อยจะรับรู้ถึงพลังความรักของแม่ที่มีให้กับเขา และแล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นกับครอบครัวไกรฤกษ์อีกครั้ง เมื่อชีพจรการเต้นหัวใจของแดงน้อยกลับมาเป็นปกติในที่สุด

จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ที่คุณหญิงน้องได้ทุ่มเทเวลาแทบทั้งหมดในชีวิต เพื่อดูแลลูกชายคนนี้ให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุขที่สุดเพราะนั่นคือความสุขอันเกิดมาจากจิตใจของผู้เป็นแม่

เมื่อถามถึงสิ่งที่คุณหญิงปรารถนาที่จะเห็นอนาคตของลูกทุกคนเดินไปอย่างไร เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องการและคาดหวังจากลูกนอกจากการให้เขามีชีวิตที่ดีงามแล้ว ก็อยากให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้

ดังเช่นทุกวันนี้ ก่อนนอนทุกคืนเธอจะสวดมนต์ไหว้พระเพื่อขอพรให้แดงน้อยมีอาการดีขึ้น ถึงแม้ว่าไม่ต้องหายขาด แต่ภายภาคหน้าก็ขอให้เขาสามารถพยุงตัวและช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง เพียงเท่านี้แม่ก็เป็นสุขใจแล้ว และขอพรให้คุณพระคุ้มครองลูกๆทุกคน

“มีเหตุการณ์หนึ่งที่เราดีใจมากก็คือ วันนั้นเราพูดอยู่คำหนึ่งว่า ตายแล้วแม่ลืมสีฟันให้น้องจะทำอย่าไงดี หรือว่าจะยกยอดไปดี ช่วงนั้นเขาไข้ขึ้นสูงมาก และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นไม่ค่อยชัดว่า สีๆๆๆๆ ก็ดี”

จากการรอคอยมาแสนนาน คำพูดแรกที่คุณหญิงได้ฟังจากปากของแดงน้อยถึงกับทำให้น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลออกมาอีกคราว เพราะอย่างน้อยที่สุดคำพูดนี้ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่คุณหญิงจะมีพลังกายที่จะต่อสู้และอยู่อย่างเข้มแข็งต่อไป

ทุกวันนี้กิจกรรมที่สองแม่ลูกมักจะทำร่วมกันอยู่เสมอก็คือ การร้องเพลงเล่นกีตาร์ โดยแม่จะเป็นคนถือกีตาร์และแดงน้อยจะเป็นคนใช้มืออีกข้างที่พอมีแรง เคาะไปที่กีตาร์ตัวนั้น หรือในบางโอกาสจะไปนั่งเล่นเปียโนกันสองคนแม่ลูก โดยมีครูสอนเปียโนนั่งคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

อีกหนึ่งกิจกรรมที่คุณหญิงและแดงน้อยทำร่วมกันเป็นประจำทุกวันก็คือ ทุกคืนก่อนนอนทั้งสองจะไหว้พระสวดมนต์ด้วยกัน โดยทั้งคู่จะพนมมือด้วยกัน คือมือขวาของแม่และมือซ้ายของลูก เนื่องจากแดงน้อยสามารถใช้มือได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น ขณะที่คุณหญิงก็จะเป็นคนพาลูกชายสวดมนต์ตามบทสวดมนต์ที่เธอท่องจนคุ้นชิน

“คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราและของแดงน้อยมันเป็นเรื่องของกรรม ทุกคนจะมีกรรมติดตัวมาและเราก็ยอมรับกรรมอันนั้น และยินดีที่จะรับกรรมนั้นต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะการที่เรามีลูกที่มีสภาพเป็นแบบนี้ก็ยังดีเสียกว่าที่มีลูกร่างกายที่ปกติแต่กลับไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น อย่างน้อยแดงน้อยก็ไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อนและเขาก็บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ และเราในฐานะที่เป็นแม่ก็จะดูแลเขาให้ดีที่สุดจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความรักของแม่ที่มีให้กับลูกโดยปราศจากเงื่อนไข ขอเพียงแค่ให้ลูกมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยเท่านั้น ทั้งโลกนี้คนเป็นแม่คงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว



โดย ผู้จัดการรายวัน 11 สิงหาคม 2551 09:58 น.
 


แก้ไขล่าสุดโดย บัวหิมะ เมื่อ 31 ส.ค. 2008, 2:42 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 6:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความรักของแม่ที่มีให้กับลูกโดยปราศจากเงื่อนไข

ไปเจอในเว็ปหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน จึงนำมาให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้อ่านด้วย แม่ผู้เสียสละ มีและเกิดได้ทั้งนั้น ไม่ว่ายากดีมีจน ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ สมแล้วที่เรียกเธอว่าแม่ผู้เสียสละ สาธุ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง