Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
หมูเจ้าสำราญ (ธรรมสภา)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2004, 5:26 pm
หมูเจ้าสำราญ
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
กาลครั้งหนึ่ง สมัยก่อนพุทธกาล ณ เมืองพาราณสีแคว้นกาสี ตรงกับรัชกาลของพระเจ้าพรหมทัต ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายเศรษฐีคนหนึ่ง เลี้ยงวัวไว้ใช้งานสองตัว กับหมูเจ้าสำราญตัวหนึ่งชื่อ มุณิกะ
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นวัวชื่อ มหาโลหิตะ พระอานนท์เกิดเป็นวัวชื่อ จูฬโลหิต
วัวมหาโลหิตะกับวัวจูฬโลหิต ต่างก็เป็นพี่น้องกัน วัวมหาโลหิตะเป็นพี่ วัวจูฬโลหิตะเป็นน้อง วัวทั้งสองมีเจ้าของเป็นคนเดียวกันกับหมูมุณิกะ
วัวกับหมูแม้จะอยู่กับเจ้าของคนเดียวกัน แต่ความเป็นอยู่นั้นแตกต่างกันมาก วัวมหาโลหิตะกับวัวจูฬโลหิตะถูกใช้ให้ทำงานหนักกลางแดดฝนเกือบทั้งวัน เวลาถึงคราวกินก็ได้กินแต่ข้าวลีบ ส่วน หมูมุณิกะ ไม่ต้องทำงานหนักนอนพลิกไปพลิกมาอยู่ตามใต้ถุนบ้าน หรือไม่ก็ออกไปหากินนอกบ้านตามสบาย ถึงเวลากินอาหารที่บ้านก็ได้กินอาหารดีๆ
ในวันหนึ่ง ขณะวัวทั้งสองกำลังพักอยู่ วัวจูฬโลหิตะผู้เป็นน้อง พูดขึ้นว่า
พี่มหาโลหิตะ น่าอิจฉาเพื่อนมุณิกะนะ ขณะที่เราทั้งสองต้องทำงานหนัก แต่เขากลับสบาย
อย่าอิจฉาเขาเลยน้องจูฬโลหิตะ เรากับเขาเกิดต่างเผ่าพันธุ์กัน เราเกิดมาเพื่อทำงานหนัก แต่เขาเกิดมาเพื่อกินแล้วก็นอน อย่าคิดอะไรเลย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดดีกว่า
วัวสองพี่น้องมักคุยกันอย่างนี้อยู่เสมอ ซึ่งฝ่ายที่เริ่มต้นคุยก่อนมักเป็นวัวจูฬโลหิตะ ทั้งนี้เป็นเพราะเห็นหมูมุณิกะแล้วอดนำมาคิดเปรียบเทียบไม่ได้ วัวมหาโลหิตเข้าใจความรู้สึกของวัวน้องชายได้ดีจึงคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา
เจ้าของวัวกับหมูมีฐานะความเป็นอยู่ถึงขั้นเศรษฐี ส่วนภรรยาของเขาได้คอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี
สองสามีภรรยามีลูกสาวอยู่คนหนึ่งรูปร่างสวยงามอายุเพิ่งรุ่นสาว ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ขยันขันแข็งช่วยทำงานบ้านงานเรือนมิได้ขาด เป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่มาก แม้แต่คนในหมู่บ้านที่ได้รู้เห็น ยังกล่าวสรรเสริญถึงความดีงามของลูกสาวเศรษฐีอยู่เสมอๆ
อยู่มาวันหนึ่งมีเศรษฐีอีกตระกูลหนึ่ง ได้ยินข่าวร่ำลือของนาง ต้องการอยากได้นางมาเป็นลูกสะใภ้ จึงเดินทางมาสู่ขอนางให้กับลูกชายของตน
เพื่อน ตระกูลของเราก็ทัดเทียมกัน ท่านเป็นเศรษฐี ข้าพเจ้าก็เป็นเศรษฐี ท่านมีลูกสาว ข้าพเจ้ามีลูกชาย หากตระกูลของเราทั้งสองได้เกี่ยวดองกันเราจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครนะ เศรษฐีจากต่างตระกูลเปิดฉากเจรจา
เราสองคนเป็นผู้ใหญ่อาจจะมองว่าดีแต่ในแง่ของเรา แต่ไม่รู้ว่าเด็กๆ เขาจะคิดกันยังไง
เศรษฐีลูกสาวสวยแบ่งรับแบ่งสู่
ลูกสาวท่านคิดยังไงไม่รู้ แต่ลูกชายข้าพเจ้าแอบรักลูกสาวท่านมานานแล้ว ที่มาวันนี้ก็จะมาขอลูกสาวท่านให้ลูกชายข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะให้เด็กได้รู้จักกันให้มากไปกว่านี้ไม่ดีหรือ
(มีต่อ)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2004, 5:32 pm
โฮ่ย...เขารู้จักกันมามากพอแล้ว เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก เราเองก็ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน ถึงจะได้มาดูใจกันอีก
เศรษฐีลูกสาวสวย เมื่อเห็นเศรษฐีจากต่างตระกูลรุกหนัก และไม่ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงบอกให้คนรับใช้เรียกลูกสาวมาหา
ลูกพ่อ ลุงเศรษฐีมาขอลูกให้แต่งงานกับลูกชายเขา ลูกจะว่ายังไง เศรษฐีบอกลูกสาวพลางมองดูหน้าหล่อน
คุณพ่อ ลูกสาวเศรษฐีพูดกับบิดา หนูเป็นสมบัติของคุณพ่อ แล้วแต่คุณพ่อจะตัดสินใจ หนูทำตามคุณพ่อได้ทุกอย่าง
เศรษฐีลูกสาวสวยยิ้มที่มุมปาก หลังจากได้ยินลูกสาวให้โอกาสตนเช่นนั้น เขามองหน้าลูกสาวแล้วหันมาทางเศรษฐีจากต่างตระกูลพร้อมกับพูดว่า
ท่านเศรษฐี เมื่อลูกสาวให้ข้าพเจ้าตัดสินใจ ข้าพเจ้าก็ยินดียกเธอให้แก่ลูกชายท่าน ตามที่ท่านขอ
เศรษฐีจากต่างตระกูลดีใจมาก ที่ขอลูกสาวเศรษฐีให้ลูกชายได้สำเร็จ เขาจับมือเศรษฐีนั้นไว้แน่นพลางกล่าวขอบคุณ และให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง
จากนั้น เศรษฐีทั้งสองก็ตกลงหมั้นหมายกัน และกำหนดวันแต่งงานไว้เสร็จสรรพ ครั้นแล้วเศรษฐีจากต่างตระกูลก็ลากลับไป
ฝ่ายเศรษฐีลูกสาวสวย ครั้นเศรษฐีจากต่างตระกูลกลับไปแล้ว ก็เรียกภรรยามาปรึกษาหารือกันถึงเรื่องการจัดงานแต่งงานให้สมกับฐานะของตน
วันแต่งงานของลูกสาวเรา ซึ่งจะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีคนมาเยอะ ควรที่จะต้องจัดหาอาหารอย่างดีมาเลี้ยงรับรองแขกเหรื่อที่มาในงาน
เศรษฐีผู้สามีกล่าวกับภรรยา
ดังนั้นพี่ขอมอบงานทางด้านการจัดทำอาหารในน้องดูแล
แล้วเราจะทำอาหารอะไรเลี้ยงเขาดีล่ะ
น้องว่าทำแกงมัสมั่นหมูเลี้ยงคงจะดี
ภรรยาเสนอแนะ
พี่ว่าเข้าท่าดีเหมือนกัน เศรษฐีเห็นด้วย
เมื่อตกลงกันเช่นนั้นแล้ว สองสามีภรรยาก็ช่วยกันเลี้ยงหมูให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยให้กินอาหารชนิดซึ่งเมื่อกินแล้วจะทำให้ได้เนื้อขึ้น หมูมุณิกะเองก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจที่ได้กินอาหารชนิดดี โดยที่ตัวเองหารู้ไม่ว่าจะถูกฆ่าเอาเนื้ออยู่อีกไม่นานแล้ว
พี่มหาโลหิตะ เวลานี้สังเกตเห็นหมูมุณิกะไหม เดี๋ยวนี้อ้วนพีขึ้นเรื่อยๆ แต่ละมื้อเห็นกินอาหารดีๆ วัวจูฬโลหิตะฟ้องวัวมหาโลหิตะ
จูฬโลหิตะน้องรัก... วัวมหาโลหิตะปลอบวัวจูฬโลหิตะ
น้องอย่าริษยาหมูมุณิกะเลย เพราะขณะนี้เขากำลังกินอาหารที่เป็นเหตุให้ตัวเขาเองต้องตาย พี่อยากให้น้องพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้เถิด เราได้กินข้าวลีบกันเป็นประจำมันก็ดีแล้ว เพราะมันจะทำให้น้องอายุยืน
วัวจูฬโลหิตไม่เข้าใจความหมายที่วัวมหาโลหิตะบอกนัก แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเพราะเคารพในพี่ชายนั่นเอง แต่หลังจากนั้นมาใกล้ถึงวันงาน วัวจูฬโลหิตะก็เข้าใจ เพราะได้เห็นคนฆ่าหมูมาจับหมูมุณิกะไปฆ่า แล้วชำแหละเอาเนื้อไปปรุงอาหารเลี้ยงแขกที่มางานวันแต่งงานของลูกสาวเศรษฐี
พี่มหาโลหิตะ น่าสงสารหมูมุณิกะจังเลยนะ อยู่ดีๆ ก็ถูกเขาจับฆ่ากิน หมูจูฬโลหิตะปรารภกับวัวมหาโลหิตะ
น้องรัก... วัวมหาโลหิตะเอ่ยขึ้น
น้องเข้าใจตามที่พี่บอกแล้วใช่ไหม เศรษฐีเลี้ยงหมูมุณิกะจนอ้วนก็เพราะต้องการเนื้อ ดังนั้นอาหารที่หมูมุณิกะกินเข้าไปเท่ากับไปช่วยเร่งให้ตัวเองอายุสั้น
เข้าใจแล้ว พี่มหาโลหิตะ วัวจูฬโลหิตะรับคำ ก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวลีบ หญ้าแห้ง และฟางแห้งอย่างที่เคยกินมาต่อไป
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าหลงระเริงอยู่กับความสุขสบายที่ได้รับจนเกินไป เพราะความสุขสบายนั้นอาจนำภัยพิบัติมาให้ได้ เหมือนอย่างอาหารชนิดดีนำความตายมาให้หมูมุณิกะฉะนั้น
........................ เอวัง ........................
^^^
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2006, 7:32 am
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 12 มิ.ย.2008, 2:34 pm
ขอบคุณครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 27 ส.ค. 2008, 9:25 pm
สาธุ วัวฉลาด
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th