Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขอความเห็นค่ะ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
siwattra
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 21 มิ.ย. 2008
ตอบ: 22

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 8:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า คือวันก่อนตักบาตร(กับพระพุทธรูป)เป็นวันพระแล้วอาหารถวาย อธิษฐานให้พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามารับอาหารที่ถวาย หลังจากธูปดับก็เอามากินเองแต่รสชาดอาหารไม่เหมือนทุกครั้ง(ครั้งก่อนๆไม่ได้เอ่ยว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า)กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้(ลองไปกินที่ไม่ถวายแต่รสชาดและกลิ่นต่างกันทั้งที่ข้าวหม้อเดียวกัน)พอตกกลางคีนตอนล้มตัวลงนอนก็รู้สึกเบาจากนั้นก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียงเป็นอยู่สักประมาณเกือบชั่วโมงก็รู้สึกว่าตัวหนักอีกครั้ง(ยืนยันค่ะว่าไม่ได้หลับและฝัน)งงกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไรก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น เพราะอะไรพอจะทราบไหมค่ะ ขอความเห็นหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ สาธุ
 

_________________
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มันผ่านไปแล้ว รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์
ลองดูอาการไปอีกสักระยะ

เปรียบดัง กระต่ายตื่นตูม เมื่อได้ยินลูกมะพร้าวตกทีแรกก็ตระหนก
วิ่งโร่ว่ามันเป็นอะไร

ทั้งนี้เพราะ เราไม่รอดู เหตุการณ์ต่อไปอย่างใจเย็น
หรือหันกลับไปทบทวนว่า มันมีร่องรอยมาอย่างไร

ลองเพิกเฉยมันไปก่อน แล้วเมื่อเกิดเหตุการณฺ์เช่นนี้อีก ผมจะอธิบายให้ฟังเองว่า มันคืออะไร
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 10:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

คือวันก่อนตักบาตร (กับพระพุทธรูป) เป็นวันพระแล้วอาหาร
ถวาย อธิษฐานให้พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามารับ
อาหารที่ถวาย หลังจากธูปดับก็เอามากินเองแต่รสชาดอาหารไม่
เหมือนทุกครั้ง (ครั้งก่อนๆไม่ได้เอ่ยว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า) กลิ่น
หอมคล้ายดอกไม้ (ลองไปกินที่ไม่ถวายแต่รสชาดและกลิ่นต่างกันทั้งที่
ข้าวหม้อเดียวกัน) พอตกกลางคืนตอนล้มตัวลงนอน ก็รู้สึกเบาจากนั้น
ก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียง เป็นอยู่สักประมาณเกือบชั่วโมงก็รู้สึกว่า
ตัวหนักอีกครั้ง (ยืนยันค่ะว่าไม่ได้หลับและฝัน) งงกับตัวเองว่า
เกิดอะไรขึ้น

ตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่
นั้น



ตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น


ที่ว่าไม่ได้คิดอะไร คุณ siwattra คงไม่นับรวมความคิดเรื่องที่เอาข้าวไป

ถวายพระพุทธรูปแล้วอิ่มใจด้วยกระมังครับ


ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น
<= คุณคิดแล้ว

ครับ นั่นล่ะที่ทำให้คุณเห็น-เป็นอย่างที่บอก

ธรรมดาครับเมื่อจิตเกิดศรัทธาเกิดปีติ จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น

ไม่มีอะไรน่าตกอกตกใจ

วิธีที่ถูกต้อง คือ เพียงเรารับรู้สิ่งนั้นๆตามที่เห็นตามที่เป็น....จบ

ไม่พึงคิดติดตามภาพนิมิตนั่นไป ซึ่งไม่แน่นอน มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ตามความคิดในขณะนั้น

เราทำความรู้สึกตัว่ให้อยู่กับปัจจุบัซึ่งกำลังนอนหรือกำลังนั่งอยู่พอ

ความคิดประมาณนี้แม้หลับก็เป็นสุข เพราะไม่ใช่เลวร้ายอะไร



(มีอุทาหรณ์พอเทียบเคียงของคุณได้พิจารณาดูครับ)


คือว่า มีปัญหาเวลานั่งสมาธิค่ะ เนื่องจากว่า เมื่อตอนเด็กๆ

(อายุประมาณ 11-12 ขวบ)

ลองหัดนั่งสมาธิตามที่เรียนมาจากห้องจริยธรรม (ในสมัยนั้น)

เป็นการนั่ง แบบ อานาปานสติ คือ กำหนดลมหายใจเข้าออก

มีครั้งหนึ่งก่อนนอน จำได้ว่า นั่งสมาธิได้สงบมาก มีความ

รู้สึกว่า ตัวเอง ลอยขึ้นไปอยู่บนเพดานห้อง มองลงมาเห็นกายตัวเองนั่ง

นิ่งอยู่ เหมือนกายกับจิตแยกออกจากกันเป็นคนละคนกัน

ด้วยความรู้สึกวูบนั้น จิตเหมือนรีบกลับเข้าร่าง


ตอนนั้นกลัวมาก, ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น และไม่กล้านั่งสมาธิอีก
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 5:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ให้ข้าวกับรุปปั้น แล้วก็อธิฐานว่าให้กับพระพุทธองค์
ท่าน...เดี่ยวก่อน ทำไมไม่ไส่บาตรพระเป็นๆ ล่ะ
พระท่านจะได้กินอิ่ม มีแรงปฏิบัติธรรมสืยทอดพระศาสนา
แล้วอธิฐานว่าได้ทำบุญเพื่อสืบทอดพระศาสนาของ
พระพุทธเจ้า....
อย่างนี้ ท่านจะอิ่มบุญมากกว่านี้

อาการที่ท่านเจอ เป็นเพื่อกิเลศหลอกให้ท่านพึงพอใจในการทำแบบนั้น
ไม่ดีเลย(ขอโทษนะ ขอด่ากิเลศในตัวท่านหน่อย ให้ข้าวหมากินยังจะดีกว่านี้เลย)

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
siwattra
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 21 มิ.ย. 2008
ตอบ: 22

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ สี บุญมาค่ะ คือดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยและก็ไกลกับวัดที่นี่มากก็เลยต้องทำกับพระพุทธรูป ต้องขอโทษหากทำให้คุณไม่พอใจ ขอโทษนะค่ะ
และขอบคุณทุกความคิดเห็น

คุณกรัชกายค่ะดิฉันเป็นคนที่เจอกับผีบ่อยมาก(เมื่อตอนช่วงอายุ17-25ปี)เห็นเกือบทุกวัน และตั้งแต่เด็กคิดแต่เรื่องบวชพอพูดก็โดนตบปากทุกครั้งจนได้บวชชีครั้งหนึ่ง7วันเจอพระอินเดียรูปหนึ่งบอกท่านว่าต้องการบวชไม่สึกแต่พ่อไม่เห็นด้วยจะบาปไหม(ตอนนั้นยังไม่มีครอบครัว)ท่านว่าไม่ต้องรีบเรื่องบวชตลอดชีวิตได้บวชแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้
อีกอย่างตอนเด็กก็เคยนั่งสมาธิ(ตอนนั้นอยู่ป.2)นั่งอยู่ในห้องเรียนธรรมมะแต่กลับเห็นเพื่อนที่อยู่ถัดไปอีก4ห้องนั่งพูดถึงดิฉันอยู่พอออกจากสมาธิหมด ชม.เรียนพอดีก็ไปที่ห้องเพื่อนถามเขาว่าพูดถึงเราอย่างนี้หรือเปล่าพวกเขางงว่าเรารู้ได้ไง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะยังเด็ก และตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้นิพพานหรืออะไรเพียงทำวันนี้มห้ดีที่สุด(ปัจจุบันถือศีล๕)อยู่ทุกวันค่ะ อยากถามว่า กรรมบถ10คืออะไรค่ะ ขอบคุณค่ะ
 

_________________
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 10:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สี บุญมา พิมพ์ว่า:
ให้ข้าวกับรุปปั้น แล้วก็อธิฐานว่าให้กับพระพุทธองค์
ท่าน...เดี่ยวก่อน ทำไมไม่ไส่บาตรพระเป็นๆ ล่ะ
พระท่านจะได้กินอิ่ม มีแรงปฏิบัติธรรมสืยทอดพระศาสนา
แล้วอธิฐานว่าได้ทำบุญเพื่อสืบทอดพระศาสนาของ
พระพุทธเจ้า....
อย่างนี้ ท่านจะอิ่มบุญมากกว่านี้

อาการที่ท่านเจอ เป็นเพื่อกิเลศหลอกให้ท่านพึงพอใจในการทำแบบนั้น
ไม่ดีเลย(ขอโทษนะ ขอด่ากิเลศในตัวท่านหน่อย ให้ข้าวหมากินยังจะดีกว่านี้เลย)

สาธุ


บางทีพระเป็นๆอาจไม่สามารถสร้างศรัทธาได้เท่ากับรูปปั้นก็ได้ครับ เพราะรูปปั้นนั้น(พระพุทธรูป)ถือได้ว่าเป็นวัตถุที่เป็นมงคล....แต่วัตถุที่มีชีวิตอาจไม่สามารถสร้างศรัทธาได้ครับ....(ขอโทษนะครับ กระผมขอด่าจิตสังขารของท่านบ้างได้ป่าวคับ.....ถึงได้ก็ไม่ด่าหรอกครับ... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ) สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
คณิจศนันท์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 15
ที่อยู่ (จังหวัด): คลองเตย กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 1:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้าพเจ้า นางสาวคณิจศนันท์ สถาพรชาญชัย และเพื่อนร่วมคณะ มีความต้องการที่จะเรียนเชิญกัลยาณมิตรผู้ที่มีใจรักในบุญ และชอบทำกิจกรรมบุญ มาร่วมกันจัดงานตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูป ณ พื้นที่เขตคลองเตย ซึ่งตามกำหนดตั้งใจว่าจะจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2551 ณ บริเวณคลองเตย จึงใคร่ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจที่จะมาร่วมจัดกิจกรรมตักบาตรติดต่อมาที่ คณิจศนันท์ (นุช) 086-3412336 boonsawoey@yahoo.com
 

_________________
ทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 1:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้นิพพาน หรืออะไรเพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุด (ปัจจุบันถือศีล๕)อยู่ทุกวันค่ะ อยากถามว่า กรรมบถ10 คืออะไรค่ะ



สาธุครับ ถูกต้องแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้เป็นผลจากการกระทำ

ของวันนี้ ฯลฯ จะเป็นเหตุเป็นผลกันและกันเรื่อยๆไป มีเหตุย่อมมีผลๆ

เหตุผลของธรรมชาติจะตรงกันเสมอครับ

ส่วนคำว่า นิพพาน ให้ถือเอาสาระว่า เรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่าง

ไม่มีความทุกข์เลย นั่นคือนิพพานเต็มขั้น หรือมีก็ลดน้อยลงๆ ก็นิพพาน

ตามขั้นลดหลั่นกันลงไปๆ มองอย่างนี้ดีกว่าครับ


คงหมายถึง กุศลกรรมบถ 10 นะครับ

กุศลกรรมบถ 10

จัดเป็นกายกรรม 3 อย่าง

1. ปาณาติปาตา เวรมณี
2. อทินนาทานา เวรมณี
3. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี


จัดเป็นวจีกรรม 4 อย่าง

4. มุสาวาทา เวรมณี
5. ปิสุณาย วาจาย เวรมณี
6. ผรุสาย วาจาย เวรมณี
7. สัมผัปปลาปา เวรมณี


จัดเป็นมโนกรรม 3 อย่าง

8. อนภิชฌา
9. อพยาบาท
10. สัมมาทิฏฐิ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง