Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ศาสนากับสังคมการเมืองในมาเลเซีย (ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2007, 9:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ศาสนากับสังคมการเมืองในมาเลเซีย
โดย ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์



แม้จะเป็น สังคมพหุนิยม (pluralist society) ประกอบด้วยชาติพันธุ์ซึ่งมีวัฒนธรรมที่หลากหลายอยู่ถึงกว่า 60 ชาติพันธุ์ แต่มาเลเซียก็มีนโยบายแบ่งแยกประชากร 25 ล้านคนอย่างเปิดเผย ระหว่างพลเมืองที่เป็น "ภูมิบุตร" กับ "มิใช่ภูมิบุตร" ภูมิบุตรคือพลเมืองเชื้อสายมาเลย์ (ร้อยละ 64) ที่มีวัฒนธรรมพื้นเมืองของแหลมมาลายูและบอร์เนียว (ในเขตมาเลเซีย) ซึ่งได้รับสิทธิทุกอย่างในฐานะประชากรเต็มขั้น ส่วนผู้ที่มิใช่ภูมิบุตรคือพลเมืองเชื้อสายจีน (ร้อยละ 27) และเชื้อสายอินเดีย (ร้อยละ 8) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมาจากวัฒนธรรมที่อยู่นอกแหลมมลายู ถูกจำกัดสิทธิในหลายประการและกลายเป็นประชากรชั้นสอง

แม้จะเป็นประเทศประชาธิปไตยและมีพลเมืองถึงร้อยละ 35 ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม แต่มาเลเซียก็ประกาศให้อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ มีการจำกัดการสร้างวัด (พุทธศาสนา) และโบสถ์ (คริสต์ศาสนาและศาสนาอื่น) อย่างเข้มงวด พลเมืองมุสลิมไม่สามารถเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นได้ และการเผยแผ่ศาสนาอื่นแก่ประชากรมุสลิมเป็นสิ่งต้องห้าม

อาณาจักรศรีวิชัย

ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7-14 ดินแดนปาเลมบังทางใต้ของเกาะสุมาตราเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรสำคัญทางทะเลที่ชื่อว่า "ศรีวิชัย" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีเมืองหลวงชื่อ มลายู (Melayu) เมืองนี้อาจเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมมาเลย์ อาณาจักรศรีวิชัยครอบคลุมแหลมมลายู หมู่เกาะสุมาตรา หมู่เกาะชวา และบอร์เนียวตะวันตก อาณาจักรศรีวิชัยได้รับการสนับสนุนทั้งจากจีนและอินเดีย โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและพุทธศาสนามหายานจากอินเดียเป็นกระแสหลัก

ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรศรีวิชัยพ่ายแพ้แก่อาณาจักรมัชปาหิตแห่งชวาซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์ ผู้ลี้ภัยจากศรีวิชัยได้อพยพขึ้นไปทางเหนือจนถึงหมู่เกาะเรียวลิงคะ เกาะสิงคโปร์ และในที่สุดได้จัดตั้งเมืองมาลักกาขึ้น (ประมาณปี ค.ศ.1400) มาลักกาเจริญรุ่งเรืองอยู่นานถึงหนึ่งศตวรรษในฐานะศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรม แต่มาลักกาก็ต้องส่งเครื่องบรรณาการให้แก่ทั้งจีน มัชปาหิต และกรุงศรีอยุธยา

ในทางปฏิบัติแล้วมาลักกามีอิสระในการปกครองตนเอง การส่งเครื่องบรรณาการเป็นเพียงสัญลักษณ์ของความสวามิภักดิ์เท่านั้น และทำให้อาณาจักรเหล่านี้ส่งพ่อค้ามาติดต่อค้าขายด้วย ชุมชนจีนได้ก่อตั้งขึ้นและกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสังคมมาลักกา ชาวจีนจึงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์มาเลเซียมาตั้งแต่เริ่มต้น

การแผ่ขยายของอิสลาม

ประมาณปี ค.ศ.1407 พระเจ้าปาร์ไบสุรา กษัตริย์แห่งมาลักกาหันไปเข้ารีตศาสนาอิสลาม แล้วเปลี่ยนพระนามเป็นสุลต่านมูฮัมมัดชาห์ แต่ราษฎรส่วนใหญ่ยังคงนับถือพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ต่อมาถึงแผ่นดินสุลต่านมัลโมชาห์ มาลักกาขยายอำนาจตีได้เมืองกำปา ปะหัง อินทคีรี แล้วโปรดให้ทำลายพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์เสียสิ้น บังคับราษฎรให้เข้ารีตอิสลาม แหลมมลายูและหมู่เกาะบริเวณนั้นจึงกลายเป็นดินแดนอิสลามนับแต่นั้น ยุคทองของมาลักกาสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1511 เมื่อโปรตุเกสได้ใช้อาวุธปืนที่เหนือกว่าเข้ายึดครองเพื่อครอบครองเส้นทางการค้าของมาลักกา

ในปี ค.ศ.1514 ผู้ปกครองบรูไนเข้ารีตนับถือศาสนาอิสลาม สร้างความสัมพันธ์กับราชวงศ์มาลักกาเก่า และเริ่มต้นพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า "วัฒนธรรมบรูไน-มาเลย์" ขึ้น โดยมีสุลต่าน (sultan) เป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจ สุลต่านเป็นผลรวมของวัฒนธรรมฮินดูในเอเชียอาคเนย์ กับแนวคิดอิสลามจากตะวันออกกลาง ทำให้สุลต่านเป็นเสมือน "สมมุติเทพ" ผู้มีอำนาจทั้งทางฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายศาสนจักร

ความสัมพันธ์กับรัฐไทย

ราชอาณาจักรไทยซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ได้ครอบคลุมดินแดนในแหลมมาลายูตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 ราชวงศ์จักรีของไทยได้แผ่อำนาจลงมาทางใต้ ครอบคลุมดินแดนปัตตานี กลันตัน เคดาห์ เปรัก และตรังกานู ปัตตานีจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย ทำให้เกิดชนกลุ่มน้อยมาเลย์มุสลิมขึ้นอย่างถาวรในดินแดนประเทศไทย

ในปี ค.ศ.1909 ภายใต้แรงกดดันของลัทธิอาณานิคม ประเทศไทยได้ยกดินแดนทางเหนือของแหลมมลายู อันรวมถึงเคดาห์ เปอร์ลิส กลันตัน และตรังกานู ให้อยู่ในความดูแลของประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1943 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศญี่ปุ่นได้คืนรัฐทั้งสี่ให้แก่ประเทศไทย แต่เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามรัฐทั้งสี่ก็ตกเป็นของอังกฤษอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1945

การกำเนิดของมาเลเซีย

ในปี ค.ศ.1957 สหพันธรัฐมาลายาได้ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ และปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบอังกฤษ โดยมีพระราชาธิบดีจาก 9 รัฐผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาเป็นกษัตริย์ครั้งละ 5 ปี และภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ ตวนกูอับดุลราห์มาน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ต่อมามาลายา สิงคโปร์ ซาราวัค และซาบาห์ ได้รวมเข้าด้วยกันเป็นมาเลเซีย แต่ความไม่ลงตัวของปัญหาเชื้อชาติกลายเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1965 ลีกวนยู ได้บรรลุข้อตกลงแยกประเทศสิงคโปร์ออกจากมาเลเซีย

ปี ค.ศ.1969 ชาวมาเลย์ได้ก่อเหตุจลาจลบุกทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินของชาวจีนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ การจลาจลดำเนินอยู่ 4 วัน มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และทรัพย์สินถูกทำลายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน วิกฤตการณ์ทางเชื้อชาติและศาสนาครั้งนี้ ทำให้อำนาจต่อรองของชาวจีนและชาวอินเดียในมาเลเซียลดลงเป็นอย่างมาก รัฐบาลมาเลเซียดำเนินนโยบายสร้างรัฐมาเลย์อย่างเปิดเผย ผลประโยชน์ของชาวมาเลย์กลายเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และพรรคอุมโน (UMNO-United Malays National Organisation) กลายเป็นพรรคการเมืองที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในมาเลเซีย

ทางสองแพร่ง :
รัฐมาเลย์ที่ทันสมัยหรือรัฐอิสลามที่เคร่งจารีต


วัฒนธรรมศาสนาของชาวมาเลย์ที่เคยสงบมาช้านาน ได้ถูกขบวนการ ดักวาห์ (dakwah) ปลุกระดมเพื่อให้มาเลเซียเป็นรัฐอิสลาม รัฐบาลมาเลเซียต้องออกกฎหมายควบคุมองค์กรทางศาสนาและคำสอนขององค์กรเหล่านี้ รัฐบาลต้องใช้อำนาจเป็นครั้งคราวเพื่อปราบปรามบุคคลที่ต้องการสร้างความแตกแยกทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มพาส (Pas) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่เน้นนโยบายสร้างรัฐอิสลาม

ภายใต้การนำของมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีคนที่สี่ โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามถูกเพิกถอนเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เพื่อให้นักเรียนจำนวนกว่า 126,000 คน กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาตามปกติของรัฐ โรงเรียนเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นแหล่ง "ล้างสมอง" (ตามคำพูดของมหาธีร์เอง) ที่บิดเบือนคำสอนทางศาสนาเพื่อผลทางการเมือง ทำให้เด็กมุสลิมกลายเป็นคนนิยมความรุนแรง นอกจากนี้มหาธีร์ยังพยายามแยกศาสนาออกจากหลักสูตรของโรงเรียน โดยให้ไปเรียนศาสนาในวันหยุดและจะต้องไม่มีเนื้อหาทางการเมืองปะปนอยู่ด้วย นับเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะควบคุมการสอนอิสลามในมาเลเซีย

ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ค.ศ.2001 ในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงภายใน เพื่อควบคุมตัวมุสลิมหัวรุนแรงที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รัฐบาลตะวันตก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลสหรัฐ) ลดการวิพากษ์วิจารณ์มาเลเซียลง


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ หน้าต่างความจริง
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10746
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.พ.2008, 9:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2008, 1:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สู้ สู้ สาธุ สู้ สู้ สาธุ ยิ้ม


อนุโมทนาบุญ จ้า สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง