Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระอารามหลวง และ วัดประจำรัชกาล อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2007, 9:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พระอารามหลวง-วัดประจำรัชกาล

“วัด” ทั้งหมดทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ
(๑) วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (๒) สำนักสงฆ์

วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา คือ วัดที่มีอุโบสถเป็นที่ทำสังฆกรรม
คำว่า วิสุงคามสีมา ในที่นี้หมายถึง เขตที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้างอุโบสถ


ส่วน “สำนักสงฆ์” คือ วัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา จึงไม่มีอุโบสถ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา สถานที่ชุมนุมสำคัญของพุทธศาสนาสนิกชนหรือสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ก็คือ วัด ในประเทศไทยมีวัดเป็นจำนวนมาก ประเภทของวัดแบ่งตามสภาพฐานะมี ๓ ประเภท คือ (๑) พระอารามหลวงหรือวัดหลวง (๒) วัดราษฎร์ และ (๓) วัดร้าง

พระอารามหลวงหรือวัดหลวง คือ วัดที่พระมหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือทรงบูรณปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ พระราชทานเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาหรือแก่วัดเอง หรือมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระอารามหลวง รวมทั้ง วัดที่ประชาชนทั่วไปสร้างหรือบูรณปฏิสังขรณ์ และขอพระราชทานให้ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงด้วย เช่น วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพฯ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เป็นต้น


Image
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร


Image
วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
วัดร้างที่ไม่มีพระสงฆ์พำนักอาศัยจำพรรษา



วัดราษฎร์ คือ วัดที่ประชาชนทั่วไปสร้างหรือบูรณปฏิสังขรณ์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้สร้างวัดและประกาศตั้งวัดโดยถูกต้องตามกฎหมายจากทางราชการแล้ว และช่วยกันทะนุบำรุงวัดสืบต่อกันมาตามลำดับ วัดราษฎร์ หมายถึง วัดทั้งชนิดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และสำนักสงฆ์ซึ่งมิได้รับเข้าเป็นพระอารามหลวง เช่น วัดประสาทบุญญาวาส เขตดุสิต กรุงเทพฯ เป็นต้น

วัดร้าง คือ วัดที่ทรุดโทรมไม่มีพระสงฆ์พำนักอาศัยจำพรรษา ซึ่งทางราชการจะขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้างไว้ วัดร้างเองโดยสภาพยังเป็นนิติบุคคลอยู่โดยสมบูรณ์ และหากบูรณปฏิสังขรณ์ได้อาจยกเป็นวัดมีพระสงฆ์ต่อไป เช่น วัดไชยวัฒนาราม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น [/color]

สถาบันหลักของประเทศไทยประการหนึ่งคือ พระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่คนไทยกว่าร้อยละ ๙๐ นับถือมาแต่โบราณกาล ดังปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงความตอนหนึ่งว่า

“คนไทยในสมัยสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุนทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เมื่อออกพรรษากรานกฐินเดือนหนึ่งจึงแล้ว...”

Image
วัดอรุณราชวราราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร



ดังนั้น พระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัย จึงทรงถือเอาการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นพระราชภาระที่สำคัญยิ่ง ดังเช่นพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ องค์ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการก่อนขึ้นครองราชย์ว่า

“ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี”


เมื่อพระองค์ทรงดำรงสิริราชสมบัติได้ไม่นาน ก็ทรงสถาปนาวัดโพธิ์ อันเป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส มีอาณาเขตกว้างขวางถึง ๕๐ ไร่ ประกอบไปด้วยพระอุโบสถ พระวิหารทิศ พระระเบียง พระวิหารคด พระมหาเจดีย์ และอาคารอื่นๆ อีกหลายหลัง มีความวิจิตรงดงามยิ่ง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ก็ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ให้วิจิตรงดงามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจารึกสรรพวิชาต่างๆ ถึง ๘ หมวดลงบนแผ่นหินอ่อน ไว้ให้ประชาชนได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ ครั้นต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” พระอารามหลวงแห่งนี้จึงเป็นสมบัติของชาติที่ล้ำค่า เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเดินทางมาชื่นชมเป็นจำนวนมากไม่แพ้วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วมรกต ซึ่งเป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง อันถือว่าเป็นสุดยอดของงานศิลปกรรมของชาติไทย

พระอารามหลวงในรัชกาลต่อๆ มาก็เพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ซึ่งทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะทรงสถาปนาพระอารามหลวงขึ้นใหม่ ๓ พระอารามแล้ว ยังได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม จนอาจกล่าวได้ว่าดุจทรงสร้างขึ้นใหม่ รวมทั้ง ทรงสร้างวัดที่คงค้างอยู่ในรัชกาลก่อน ทั้ง ๒ ประการนี้รวม ๑๗ วัด อีกทั้งทรงอุปถัมภ์การก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดอื่นๆ อีกถึง ๓๓ วัด พระอารามหลวงที่ทรงสร้างเองและที่ผู้อื่นสร้างถวายจึงเกิดขึ้นในรัชกาลของพระองค์เป็นจำนวนมาก

ในปัจจุบันรัฐบาลพิจารณาเห็นว่าการยกฐานะวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเชิดชูพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ดังที่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาแต่เดิมที่เจ้านาย ข้าราชบริพาร หรือประชาชน สร้างวัดถวายและพระมหากษัตริย์ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง จึงได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการขอยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง พ.ศ.๒๕๑๘

ตามระเบียบฯ ดังกล่าว มีเกณฑ์พิจารณาหลายประการ เช่น วัดราษฎร์นั้นต้องเป็นวัดที่เป็นหลักฐานมีเสนาสนะถาวร มีปูชนียวัตถุที่เป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ เป็นวัดสำคัญของท้องถิ่น หรือเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของทางราชการเป็นประจำ หรือเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป มีพระสงฆ์จำพรรษาตั้งแต่ ๒๐ รูปขึ้นไปติดต่อกันเป็นเวลาตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไปนับจากปีปัจจุบัน ฯลฯ

เมื่อนายอำเภอและเจ้าคณะอำเภอพิจารณาเห็นว่า วัดราษฎร์ใดมีลักษณะเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว ก็จะทำรายงานขอความเห็นชอบขึ้นไปตามลำดับ จนถึงกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และมหาเถรสมาคม (มส.) แล้วจึงจะนำความขอพระราชทานยกวัดราษฎร์นั้นขึ้นเป็นพระอารามหลวงต่อไป

Image
วัดราชโอรสาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร


Image
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร



พระอารามหลวงแต่ละวัดอาจมีฐานะหรือระดับชั้นแตกต่างกันออกไป การจัดลำดับชั้นของพระอารามหลวงหรือวัดหลวงเริ่มมีขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบแบ่งชั้นพระอารามหลวงหรือวัดหลวงออกเป็น ๓ ชั้น คือ ชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี แต่ละชั้นยังแยกระดับออกไปอีกหลายระดับ โดยมีสร้อยต่อท้ายชื่อวัดตามฐานะดังนี้

พระอารามหลวงชั้นเอก ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญ วัดที่บรรจุพระบรมอัฐิ หรือวัดที่มีเกียรติอย่างสูง แบ่งออกเป็น ๓ ระดับหรือชนิด คือ

๑) ราชวรมหาวิหาร
๒) ราชวรวิหาร
๓) วรมหาวิหาร

พระอารามหลวงชั้นโท ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญ หรือวัดที่มีเกียรติ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับหรือชนิด คือ

๑) ราชวรมหาวิหาร
๒) ราชวรวิหาร
๓) วรมหาวิหาร
๔) วรวิหาร

พระอารามหลวงชั้นตรี ได้แก่ วัดที่มีเกียรติ วัดประจำหัวเมือง วัดสามัญ หรือวัดที่มีความสำคัญชั้นรอง แบ่งออกเป็น ๓ ระดับหรือชนิด คือ

๑) ราชวรวิหาร
๒) วรวิหาร
๓) สามัญ คือไม่มีสร้อยต่อท้ายชื่อวัด

แต่การแบ่งชั้น แบ่งระดับนั้น คงจะทำให้เกิดความสับสนในการทำความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ดังที่ผู้เรียบเรียงบทความนี้ไปพบพระอารามหลวงสำคัญในจังหวัดภาคกลางวัดหนึ่ง ท่านเขียนคำอธิบายว่า วัดนี้เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นวรวิหาร ซึ่งคำว่าวรวิหารนั้น เป็นระดับไม่ใช่ชั้น และความจริงวัดนั้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ระดับวรวิหาร ดังนั้นน่าจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับชั้นและระดับหรือชนิดของพระอารามหลวงเป็นความรู้รอบตัวไว้

Image
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร



การกำหนดแบ่งชนิดต่างๆ ของพระอารามหลวงเริ่มมีขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๗ ดังนี้

ราชวรวิหาร ได้แก่ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี หรือสมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์

วรวิหาร ได้แก่ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี หรือสมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมา หรือแก่วัดเอง รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์ และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงควรยกเป็นเกียรติยศ จัดว่าเป็นวัดมีเกียรติ

ราชวรมหาวิหาร ได้แก่ พระอารามชนิดราชวรวิหารที่เป็นพระอารามใหญ่โต และมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต

วรมหาวิหาร ได้แก่ พระอารามชนิดวรวิหารที่เป็นพระอารามใหญ่โตและมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต

สามัญ ได้แก่ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว เป็นวัดที่ไม่มีสร้อยต่อท้าย

พระอารามหลวงหรือวัดหลวงที่มีฐานะสูงสุด คือ ชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร มีทั้งหมด ๖ วัด อยู่ในกรุงเทพมหานคร ๔ วัด คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์), วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และวัดสุทัศนเทพวราราม ส่วนที่เหลืออีก ๒ วัดนั้นอยู่ต่างจังหวัด คือ วัดพระปฐมเจดีย์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม และวัดพระพุทธบาท ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

ชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร มีเพียง ๒ วัด คือ วัดชนะสงคราม และวัดสระเกศ


Image

ปัจจุบัน พระอารามหลวงทั่วประเทศมีทั้งหมด ๒๖๙ วัด อยู่ในกรุงเทพมหานคร ๙๐ วัด ที่เหลืออีก ๑๗๙ วัดกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูลปี พ.ศ.๒๕๕๖) นอกจากนี้แล้ว ยังมีพระอารามหลวงอีกประเภทหนึ่งที่สมควรกล่าวถึง คือ วัดประจำรัชกาล เท่าที่ถือปฏิบัติสืบกันมามีดังนี้

วัดประจำรัชกาลที่ ๑ คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

วัดประจำรัชกาลที่ ๒ คือ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)

วัดประจำรัชกาลที่ ๓ คือ วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร

วัดประจำรัชกาลที่ ๔ คือ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร

วัดประจำรัชกาลที่ ๕ คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร

วัดประจำรัชกาลที่ ๖ คือ วัดบวรนิเวศวิหาร (วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร)

วัดประจำรัชกาลที่ ๗ คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร

วัดประจำรัชกาลที่ ๘ คือ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร

วัดประจำรัชกาลที่ ๙ คือ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก

วัดประจำรัชกาลที่ ๑๐ คือ วัดวชิรธรรมสาธิต วรวิหาร (วัดทุ่งสาธิต)


Image
วัดบวรนิเวศวิหาร (วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร)
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร



ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย ที่เติบโตเจริญรุ่งเรืองในเมืองไทยมากว่า ๒,๐๐๐ ปี นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี มาจนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่พระพุทธศาสนาสามารถดำรงอยู่ได้มาเป็นเวลานานเช่นนี้ ย่อมเนื่องมาจากการทำนุบำรุงศาสนาของเจ้าแผ่นดิน หรือพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ

ตลอดยุคสมัยต่างๆ ที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์ในแผ่นดินไทยแต่ละพระองค์ต่างก็ทรงมีความเลื่อมใส และให้การสนับสนุนพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างวัดต่างๆ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางและศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธขึ้นมากมาย สำหรับในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ก็เช่นกัน พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ก็ได้ทรงสร้างหรือบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ขึ้น ด้วยเหตุนี้ ในภายหลังเราจึงยกย่องให้วัดซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงมีความผูกพันเหล่านี้เป็น “วัดประจำรัชกาล” ของแต่ละพระองค์

เหตุผลของการยึดถือวัดใดวัดหนึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลนั้น จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา ประธานชมรมสยามทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ได้ให้เหตุผลไว้ว่า “วัดซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลนั้น มักจะเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ท่านทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์ และให้ความสนใจกับวัดนี้เป็นพิเศษ หรือมีความผูกพันกับวัดนี้มากๆ เมื่อพระองค์สวรรคต พระบรมอัฐิก็จะถูกนำไปบรรจุอยู่ที่ฐานของพระประธาน แต่การประกาศว่าวัดไหนเป็นวัดประจำรัชกาลนี้ ไม่ได้มีการประกาศออกเป็นทางการ เพียงแต่เกิดจากการที่คนพูดกันว่าวัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลนี้ๆ และดูจากความผูกพันที่พระองค์ท่านทรงมีให้กับวัดนั้นๆ มากกว่า”

สำหรับในส่วนของประวัติความเป็นมาของการกลายมาเป็นวัดประจำแต่ละรัชกาล นั้น ก็นับได้ว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้ตัววัดเลยทีเดียว ความจริงแล้วการสร้างวัดประจำรัชกาล ไม่เคยมีราชประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณ พระมหากษัตริย์ทรงสร้างวัดก็เพื่อเป็นการบูชาพระพุทธศาสนา และเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ด้วยก็ได้ เช่น เป็นสถานที่พระบรมราชสมภพ เป็นนิวาสสถานเดิมของพระราชบรรพบุรุษ เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในสงคราม เป็นต้น

Image
วัดสุทัศนเทพวราราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร



การถือเป็นวัดประจำรัชกาลเป็นพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้อัญเชิญส่วนหนึ่งของพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓ ไปประดิษฐานไว้ที่ฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวรามราม และวัดราชโอรสาราม ตามลำดับ ดังนั้น จึงเป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใดเสด็จสวรรคต ก็จะอัญเชิญพระบรมราชสรีรังคารไปประดิษฐานไว้ที่วัดใดวัดหนึ่ง อันทรงสร้างหรือทรงเกี่ยวข้อง และถือเป็นวัดประจำรัชกาล

อย่างใดก็ตาม ในทางนิตินัย วัดประจำรัชกาลได้สิ้นสุดลงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โดยได้มีพระราชดำริว่า พระอารามหลวงในกรุงเทพมหานครมีเป็นจำนวนมากแล้ว และการสร้างวัดนั้นก็เพื่อประโยชน์ในทางศึกษาของเยาวชนด้วย เพราะการศึกษาของไทยแต่โบราณกาลมาก็เริ่มที่วัด ดังนั้น จึงทรงสถาปนา โรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ในปัจจุบัน ขึ้นเพื่อแทนการสร้างวัดประจำรัชกาล และให้ถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์

การกำหนดว่าวัดใดเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ และรัชกาลที่ ๘ เพื่ออาราธนาเจ้าอาวาสวัดนั้นมาในงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ จึงเป็นการกำหนดโดยทางพฤตินัยเท่านั้น นอกจากนั้นในทางปฏิบัติยังมีความเข้าใจไม่ตรงกันในเรื่องวัดประจำรัชกาลที่ ๕ กล่าวคือ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จดำรงสิริราชสมบัติเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๑๑ ปีต่อมาคือปีพุทธศักราช ๒๔๑๒ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มสถาปนา “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” ทันที เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาลตามพระราชประเพณี

Image
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ



ต่อมาในปลายรัชกาล ได้ทรงสร้างพระราชวังสวนดุสิต ขึ้นเป็นที่ประทับสำราญพระราชอิริยาบถนอกพระบรมมหาราชวัง จนกระทั่งแปรพระราชฐานมาประทับเกือบเป็นการถาวร จึงทรงบูรณปฏิสังขรณ์ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” อันเป็นวัดโบราณขึ้นอย่างวิจิตรงดงามยิ่ง เพื่อเป็นการทำผาติกรรมที่ใช้ที่ดินบางส่วนของวัดมาเป็นที่หลวง และทรงถือว่าวัดนี้เป็นวัดประจำพระราชวังสวนดุสิต ดังปรากฏในสร้อยชื่อของวัด และมีลายพระราชหัตถเลขาโปรดเกล้าฯ ไว้ว่า เมื่อเสด็จสวรรคตแล้วให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรังคารมาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีพระราชกระแสยืนยันว่าโปรดให้เป็นวัดประจำรัชกาล จึงถือกันในทางปฏิบัติว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๕

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงปฏิบัติตามพระราชนิยมพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ในการที่จะไม่สร้างวัดประจำรัชกาลขึ้นอีก ประกอบกับได้ทรงปฏิสังขรณ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นงานใหญ่ เมื่อมีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรังคารจากประเทศอังกฤษกลับมายังเมืองไทยแล้ว จึงได้แบ่งพระบรมราชสรีรังคารส่วนหนึ่งอัญเชิญมาประดิษฐานที่แท่นชุกชีฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ ดังนั้น จึงถือกันในทางปฏิบัติว่า “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๗ โดยมิได้ไปลบล้างข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงแต่ประการใด

พระอารามหลวงจึงเป็นการยืนยันถึงพระราชศรัทธาในพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา อันเป็นแบบฉบับให้บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวไทย ได้ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาในการสร้างและอุปถัมภ์ศาสนสถานให้เจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางของประชาคมแทบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอบรมบ่มนิสัยชาวไทย ให้เป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองสืบไป


สาธุ สาธุ สาธุ รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก ::
(๑) บทความเรื่องพระอารามหลวง
เรียบเรียงโดย ศ.พิเศษ ทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา

(๒) หนังสือวัดหลวงสมัยรัตนโกสินทร์ ของกรมศิลปากร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19072
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๑
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19426

วัดประจำรัชกาลที่ ๑ ถึง ๓...วัดเก่า ทำใหม่
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19404
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๓
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19388
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๔
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19383

วัดประจำรัชกาลที่ ๔-๕...สร้างใหม่ด้วยใจศรัทธา
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19364
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19342

วัดประจำรัชกาลที่ ๖-๘...ไม่สร้าง แต่บำรุง
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๗
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19364
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๘
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19319
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 4:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วัดประจำรัชกาลที่ ๙
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19317
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 8:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาบุญด้วยครับ ภาพสวยๆ อยากไปมากๆ สาธุ

Image
ที่มาของรูปภาพ : fb. ชมรมอนุรักษ์วัดไทย
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง