Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ความรัก คือ ทุกข์ จริงหรือ ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
-ต้นข้าว-
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2006, 10:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนเราทุกข์สุขอยู่ที่ใจ
โทษโน้นโทษนี่ โทษความรักทำให้ทุกข์แต่ที่จริงทุกข์อยู่ที่ใจเรา
ไม่มีใครบังคับให้เรารักใครมีแต่ใจอยากจะรักเอง
คนเราถ้าบังคับใจตัวเองได้ก็คงดี
เวลารักก็รักด้วยใจ เวลาเจ็บก็เจ็บที่ใจ คนเรามักจะไม่รักใครด้วยสมองแต่จะรักด้วยใจ ไม่ใช่ไม่มีสมองแต่คิดจะรักด้วยสมองแต่ตัดสินใจด้วยใจ
ตอนคิดด้วยสมองตรองแล้วว่าต้องทุกข์แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจด้วยใจว่าจะยอมทุกข์เพื่อวันนี้สุขใจหรือว่าอ้างว่าเพราะรักทนได้ทุกอย่างก็ตามแต่
ผลออกมาทุกข์แล้วจะโทษใครใยโทษความรักที่ทำให้เกิดทุกข์ ขำ
 
copyma
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2006, 10:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

178 ความรักทำให้คนตาบอด

ปัญหา มีคำพังเพยกล่าวไว้ว่า คามรักทำให้คนตาบอด
ดังนี้ทางพระพุทธศาสนายอมรับคำกล่าวนี้ว่า
เป็นความจริงหรือไม่เพียงใด ?
http://84000.org/true/178.html
 
สายแก้ว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2006, 10:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บรรพต อ.

:- ความรักมีอยู่ด้วยกัน ๔ อย่าง คือ
:- รักแล้วก็ทำดีด้วย
:- รักแต่ทำชั่ว
:- รักไม่ทำทั้งดีและชั่ว
:- รักด้วยทำจิตให้ผ่องใสด้วย
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.พ.2006, 6:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักไม่ได้มีแต่ในวัยรุ่นหนุ่มสาว หรอก มีทุกเพศทุกวัยนั่นแหละ แต่บางครั้งคนแก่ๆ ก็แสดงออกลำบาก กำลังทำใจอยู่ ที่จะขจัดมันให้หมดไป ให้เหลือแต่ความเมตตาและปรารถนาดี เพราะทุกข์จริงๆ เจ้าข้า
 
Pat
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 29 ธ.ค. 2005
ตอบ: 9

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.พ.2006, 10:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักกับความเห็นแก่ตัวไม่เหมือนกัน
ที่รักระหว่างชู้สาวนั้น บางทีก็เรียกว่ารักได้ บางทีก้เห็นแก่ตัว

รักคือเมตตา เมตตาคืความปรารถนาให้ตนเองและผู้อื่นเป็นสุข ถตอนที่เป้นแฟนกันแฟนบอกกับเราว่า ทุกข์ เขาขอไปมีคนใหม่ เรายอมใหม่ ถ้าเขาออกห่างเราไปแล้วเขามีสุข ถ้าเราปรารถนาให้เขามีสุขจริง เราก้ต้องบอกว่าก็ดีแล้ว อยู่กับเรามันทุกข์ ห่างกันก็ดี

แต่สำหรับคนเห้นแก่ตัวคือ ผู้ที่ต้องการร่างกาย (+ขันธ์ 5) อื่น มาปรนเปรอความต้องการของตน อันนี้เป็นการเห็นแก่ตัว ไม่ใช่รักผู้อื่น และไม่ใช่รักตนเอง

ถ้ารักตนเองมันไม่ได้ทำแบบนี้ มันไม่ไปดึงความทุกข์มาหรอก สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ คือกามตัฒนา ภวตัฒหา วิภวตัฒหา ผลคือทุกข์ ทุกข์ใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำก็ไม่อาบ ทำอะไรก็ไม่สุข เรียนก็ไม่รู้เรื่อง งานก็ไม่อยากทำ

วัยรุ่นที่บอกว่ารัก เป็นเมตตาจริงรึ ถ้าเป็นการเมตตาตัวเอง นั่นคือปรารถนาตัวเองให้เป็นสุข อันดับแรกรักษาศีลให้ดี เอาตัวเองพ้นจากความชั่วทั้งปวง

ฉะนั้นถ้ารักเป็น ไม่เห็นแก่ตัว คลายทุกข์ไปบ้าง แต่ตราบใดที่ยังมีขันธื 5 ตราบใดที่ยังมีร่างกายมันก้ยังทุกข์อยู่นั่นแหละ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
kunying
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 ก.พ. 2006
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.พ.2006, 6:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันก็มีความทุกข์เพราะความรัก แต่มันเป็นรักที่ผิดเพราะเรามีเจ้าของอยู่ แต่เจ้าของไม่เคยสนใจเราเลย เราก็ไปสนใจคนอื่น คนคนนั้นก็ไม่สนใจเราอีกอยากทราบว่าทำกรรมอะไรนักหนาจึงเป็นเช่นนี้
 

_________________
ทำดีเพื่อดีแก่โลก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวYahoo MessengerMSN Messenger
กรีนเดย์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 ก.ค. 2006
ตอบ: 9

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2006, 7:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เราคิดว่า ที่ความรักเป็นทุกข์ก็เพราะปุถุชนอย่างเราๆท่านๆ มักจะหลงไปกับมัน
จนในวันนึงที่เราจะต้องเสียมันไป เราไม่อาจจะยืนอยู่ได้ ในตอนที่เรามีความรักนั้น
เราสุข ก็จริงอยู่แต่ในเวลาที่เราเสียมันไป มันก็จะทุกข์ แต่ความคิดเรา....เพราะความรักอะไรมากๆแล้วจะทำให้เรายึดติด..ซึ่งมันก็คืออุปาทาน นั่นเอง
อุปาทาน มันเป็นทุกข์.... ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
Tori
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 ต.ค.2006, 9:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Thanks ;) _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
 
MC
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2006
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 21 ต.ค.2006, 10:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักที่เกิดจากการให้ ไม่มีทุกข์
ความรักที่เกิดจากการหวังสิ่งตอบแทน มีทุกข์
 

_________________
สะอาด สว่าง สงบ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วรากร
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 22 ต.ค. 2006
ตอบ: 5

ตอบตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2006, 9:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ว่าอะไรก็ตามหากมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์

และอะไรละที่เอาทุกข์มา ก็จิตเรานี้ละที่รับเอาทุกข์ สุข ต่างๆมา
สิ่งต่างๆ ไม่สามารถที่จะทำให้เราทุกข์ เราสุข ได้ มันก็เป็นของมันเช่นนั้น ไม่เป็นอย่างอื่นเลย จิตเรานี้ละไปสำคัญมั่นหมาย เอาเอง

ความรัก ละ ความรักเกิดจากอะไรเหลอ ความรักเกิดจากความพอใจ พอใจในสิ่งใดละ

หากเรารักใครสักคน เราลองพิจารณาดูตามธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เราก็จะรู้ว่า แล้วสิ่งที่เรารักนั้นคืออะไร กาย หรือ จิต

หากรักกายเขา เขากับเราก็เหมือนกัน ต่างกันแค่ผิวหนังภายนอก แต่ภายในเราก็ไม่ได้ต่างจากเขา และสักวันก็ต้องตายสลายไป ตามธรรมชาติ

หากเรารักจิตเขา เราจะรักได้อย่างไร ก็ในเมื่อจิตไม่ตัวตน ไม่มีรูปร่างให้เห็น จิตเขาก็เป็นเหมือนเรา

เรารักก็เพราะเราพอใจ ในกาย ในกริยา ในอาการที่ เขาแสดงออกมา เพราะเราไม่รู้ เราจึงรัก หากเรารู้ตามความเป็นจริง เราจะรักอะไรหรือ เพราะไม่มีอะไรให้ รัก หรือถูกรัก

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นธรรมะเพื่อการหลุดพ้น จาก ราคะ โมหะ โลภะ โทสะ
และธรรมที่ทรงสอนก็ด้วยพระเมตตา ต้องการให้ เพื่อนมนุษย์ พ้นทุกข์


การปฏิบัติเท่านั้นถึงจะเข้าใจในธรรมที่พระองค์สอน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
gorn_666
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 28 ต.ค. 2006
ตอบ: 22

ตอบตอบเมื่อ: 29 ต.ค.2006, 12:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าคุณสังเกตุดีๆ ความทุกข์ทั้งหลายที่คุณมี ก่อนหน้านั้นมันเป็นสิ่งที่คุณมีความสุขกับมันมาก่อนทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้คุณเป็นทุกข์ก็ตาม อย่างเช่น ถ้าคุณรักใครสักคนหนึ่ง คุณก็ต้องทำดีกับเค้า พอเค้าทำไม่ดีกับคุณคุณก็จะทุกข์ นี่เป็นโดยตั้งใจ แต่กลับกัน ถ้าเค้าก็ทำดีกลับคุณแต่ต้องมีอันต้องตายจากกัน คุณก็จะทุกข์ นี่เป็นทุกข์ที่ไม่ตั้งใจ อย่าบอกนะครับว่ารักแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคนจะไม่ทุกข์หรอก
ความรักในพุทธศาสนา ก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงให้กับพระสาวก และ พุทธมามกะ เป็นความเมตตา ครับ ไม่ใช่ความรัก
 

_________________
วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ชัย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 26
ที่อยู่ (จังหวัด): ร้อยเอ็ด

ตอบตอบเมื่อ: 31 ต.ค.2006, 12:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านครับ
เรามองแต่ว่าความรักเป็นความทุกข์ แต่แท้ที่จริง ชีวิตต่างหากคือความทุกข์ เพียงแต่ว่าเราไม่พิจารณาความทุกข์ที่เกิดกับตัวเราเองต่างหาก
เราอยู่ในท้องแม่ตั้ง 7-8 เดือน อยู่ในท่าเดียวอย่างนั้น นี่ก็ทุกข์
เรานอนมากๆ เราก็เหนื่อย ก็เลยนั่ง
เรานั่งมากๆ เราเหนื่อยเราก็ยืน
เรายืนนาน เราก็ปวดเมื่อย เราเดิน
เราเดินมากๆ เราเหนื่อย เราก็นั่ง
ชีวิตเป็นอยู่อย่างนี้ นี่เฉพาะเกิดกับเราคนเดียวเท่านั้น
แล้วที่เรายังไม่ได้คิดหรือพิจารณาอีกมาก ให้พิจารณา อริยสัจ 4 ประการ
แล้วทำจิตใจให้เป็นสัมมาทิฏฐิ เพราะมรรค 8 มีสัมมาทิฏฐิเป็นประตูสู่อริยมรรค
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับผม
ขออนุโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ
 

_________________
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 7:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



39.gif


รักฤา
 

_________________
นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 5:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หวัดดีคับ ขออนุญาตแนะนำ

แท้จริงแล้ว ความสุขก็คือทุกข์...
รู้ได้เมื่อความสุขสิ้นไปเสื่อมไป
แล้วเรายังอยากได้ อยากมี อยากเป็น ในความสุขนั้นอีก
ดังนั้นจึงเป็นทุกข์.. สุขจึงเป็นทุกข์ด้วยเหตุนี้


ขยายความว่า
ตอนมีความรัก มันทำให้มีความสุข ... อันนี้จริง
คงไม่ต้องอธิบายกันว่ามันสุขยังไง

แต่เมื่อกฎไตรลักษณ์มาเยือนมันก็ทำให้ทุกข์


อะไรคือไตรลักษณ์ ?
มันคือ ลักษณะธรรมชาติของสรรพสิ่ง 3 อย่าง
คือ มี 1.ความเกิด 2. มีการตั้งอยู่ 3. และมีดับไป
ภาษาพูดก็คือ ความรักมันเกิดขึ้นได้ มันมีระยะเวลา
และมันก็มีความสิ้นสุด

ลักษณะ 3 ประการนี้ มันเป็นสิ่งที่จริง จริงแบบสุดยอดของความจริง
กล่าวคือ เป็นจริงอยู่แล้วในอดีต ปัจจุบันก้จริงอยู่ และอนาคตก็จะจริงต่อไป
ไม่มีอะไรจริงกว่านี้ และความจริงแบบนี้ไม่มีวันเสื่อมไป
เราเรียกว่า... สัจจะธรรม หรือเรียกอีกชื่อว่า ... ธรรมะ นั่นเอง

ตอนเวลาเรามีความรัก มันก็สุขดี
แต่การมีความรัก ก็ไม่พ้นสัจจะธรรมข้อนี้

ครั้นเมื่อมันต้องจบลง
มนุษย์กลับทำใจรับไม่ได้ต่อการสิ้นสุดลงของความรัก

ยังคงโหยหา
อยากมีช่วงเวลาดีๆเหล่านั้นอีก
อยากเราก็นึกอยากย้อนเวลากลับไปมีวันนั้นกับคนคนนั้นอีก

แต่เมื่อไม่ได้ดังหวัง จึงทุกข์ใจ
ยิ่งหวังมาก อยากมาก ... ยิ่งทุกขืใจมาก
เมื่อทุกข์ใจมาก มันก็ส่งผลทางกาย
ทำให้ร่างกายพลอยเสียประสิทธิภาพไปด้วย
ทำให้เกิดความทุกข์อื่นตามมาอีกนับไม่ถ้วน

แต่เมื่อเราเข้าใจในไตรลักษณ์
รู้ว่าเราฝืนธรรมชาติไม่ได้ ฝืนความเป็นจริงไม่ได้
ย้อนเวลาไม่ได้ บงการธรรมชาติไม่ได้ กำกับจิตใจคนอื่นไม่ได้

เมื่อเรารู้อย่างนี้ เข้าใจถ่องแท้อย่างนี้
มันจึงเกิดปัญญารู้ขึ้นมา
ว่าอ๋อ แท้จริงเรากำลังติด วน อยู่แต่ในความหวังที่ไม่อาจเป็นจริง
ว่าอ๋อ แท้จริงเรากำลังวนเวียนอยู่แต่ในอารมณ์เศร้าหมองที่เกิดจาก
การเรียกความทรงจำขึ้นมาแล้วก็เอามันมากอด เอามันมาร้องไห้ เอามันมารดหัวใจให้ชุ่มชื่น เมื่ออารมณ์ถึงขีดสุดแล้วมันก้ค่อยคลายตัวลง

ว่าอ๋อ แท้จริงเรากำลังวนเวียนอยู่แต่ในความอยากจะได้ อยากจะมี อยากจะเป็น
อยาก... ในสิ่งที่เป้นไปไม่ได้อีก
ต่อสู่อยู่กับธรรมชาติของสรรพสิ่งที่มีการดับไปเป็นธรรมดา
ต่อสู่กับไตรลักษณ์ ต่อสู่เพื่อให้ได้มาความไม่ดับ ความไม่เสื่อม
การต่อสู่กับธรรมชาติแบบนี้ เปรียบเหมือนคนที่กังวลอยู่แต่กับการเข็นภูเขา
ย้ายพระอาทิตย์ บงการจักรวาล ฉะนั้น


เมื่อเราไม่รู้ดังที่กล่าวมา เราจึงยังคงทุกข์ใจ
วนเวียนอยู่อย่างนั้น ไม่มีวันจบ


แต่เมื่อรู้ดังนั้น
เราจึงตื่น ...ตื่นจากความโง่ ตื่นจากวังวนทุกข์อันนั้น
เมื่อเราตื่น เรารู้ทันธรรมชาติ เราจึงเบิกบาน

เบิกบาน .. ไม่ใช่ยิ้มเยาะ
แต่คือความผ่องใส สว่าง สงบ สะอาด ของจิตที่รู้ทันทุกข์
รู้ทันธรรมชาติของความรักที่แฝงมาในความทุกข์

ทำให้ความทุกข์อันเกิดแต่ความรักนั้น ไม่สามารถทำอะไรเราได้
หรือเมื่อเรามีความรักอีก
มันจะเป้นความรักแบบมีปัญญารู้เท่าทัน

อนึ่ง ที่พูดมาเป้นหลักการ
แต่ในการปฏิบัติ ไม่มีใครทำได้ทันทีอย่างที่ว่ามา
แต่ก็ต้องพยามทำ

เปรียบเหมือนเด็กเกิดมาใหม่ ไม่มีใครวิ่งได้
ต้องเริ่มดิ้นก่อน จึงค่อยคลาน
เมท่อคลานได้ จึงต้องไข่
เมื่อตั้งไข่ได้จึงหัดเดิน
เมื่อเดินได้จึงหัดวิ่ง

เมื่อวิ่งได้ ... มีความรู้มากแล้ว
จึงรู้ว่าเมื่อไหร่ควรวิ่ง เมื่อไหร่ควรเดิน เมื่อไหร่ควรคลาน
เมื่อไหร่ควรอยู่เฉยๆ
นี่จึงเป็นสุดยอดแห่งปัญหารู้ทันธรรมชาติของความรัก
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 4:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่ใดมีรัก ที่นี่มีทุกข์ สู้ สู้
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 3:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1เมื่อจาก คร่ำครวญแทบบ้า
2เมื่อเบื่ออยากไปให้ไกล..............
3เมื่อไม่ได้อาฆาต
4เมื่อหมด..ง....ก็ฆ่าตายยกครัว
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ย. 2008, 11:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สู้ สู้
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
นิกา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 03 ก.ย. 2008
ตอบ: 25
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 10:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าถามเรื่องความรัก มันเป็นสัจธรรมน่ะ ที่เขาบอกว่าที่ไหนมีรักที่นั้นมีทุกข์ มันเป็นคู่แฝดไปไหนไปด้วย อย่างเราน่ะ พอรู้ว่ารักปุ๊บ ก็ทำใจเลยเดี๋ยวทุกข์มันจะตามมา แต่เราต้องมีสติ คือรักแบบมีสติน่ะ แต่ก่อนรักแบบไร้สติ มองเห็นแต่ความสุขโลกใบนี้สวยจัง พอทุกข์ตามมาโลกนี้มืดจัง เศร้าสุด แต่พอเวลาผ่านไป เลยคิดได้ ถ้ารักแบบมีสติ ความรักมันก็ให้ความสุขบ้างให้ความทุกข์บ้าง แต่ดูเหมือนว่าสุขจะน้อยทุกข์จะมาก พระอาจารย์ของเราท่านบอกเสมอชีวิตน่ะ สุขน้อยแต่ทุกข์มาก ทำใจให้มั่นคงเข้มแข็งให้มากที่สุดน่ะโยม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แวะมา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ก.ย. 2008
ตอบ: 42
ที่อยู่ (จังหวัด): BKK.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ต.ค.2008, 6:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากหัวข้อกระทู้ ต้องแยกความรักให้ออกระหว่าง

1. รักแบบหนุ่มสาวที่มีความกำหนัด และราคะมาเกี่ยวข้อง รักแบบนี้สร้างความทุกข์ที่เกิดจาการยึดมั่นถือมั่น เช่น อยากได้แต่ไม่ได้ก็ทุกข์ ไม่อยากได้แต่ได้ก็ทุกข์ เป็นความรักที่ยังเห็นแก่ตัวเพราะต่างฝ่ายต่างเรียกร้องซึ่งกันและกัน

2. รักแบบเพื่อนมนุษย์ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และใช้ความเสียสละสูง อดทนต่อความคิดร้ายของผู้อื่นสูง และอดทน ข่มใจต่อความคิดร้ายของตนเอง และหาหนทางที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจ ด้วยความตั้งมั่นที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข ไม่ยึดติดว่าเมื่อให้แล้วต้องได้สิ่งใดตอบแทน

ฉะนั้นผู้ที่ตั้งกระทู้ต้องแยกแยะให้ออก ว่ารักแบบใดทุกข์ แบบใดไม่ทุกข์
 

_________________
จงระมัดระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปทำร้ายใคร
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง