Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การบำรุงพระศาสนา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 08 มี.ค.2005, 10:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

การบำรุงพระศาสนา


การบำรุงพระศาสนา ก็คือ การทำให้พระศาสนามั่นคงเจริญ เป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลกได้จริง ปัญหาว่าจะต้องทำอย่างไร คือการที่ตัวเองปฏิบัติเอง หรือช่วยเหลือกิจการพระศาสนา บำรุงวัดวาอาราม เลี้ยงพระสงฆ์ เป็นต้น ทายกทายิกาส่วนมากทำกันแต่อย่างที่ ๒ บำรุงให้พระเณรได้กินดีอยู่ดี แต่แล้วก็ไม่สนใจว่า ตัวแท้ของพระศาสนานั้นคืออะไร ธรรมะนั้นเป็นอย่างไร จะปฏิบัติตนอย่างไร เพราะเมามัวนอนใจเสียว่า ได้บำรุงพระศาสนาเป็นอย่างยิ่งได้บุญกุศลจนเหลือเฟือแล้ว จะต้องการอะไรอีกเล่า

นี่แหละคือ การบำรุงพระศาสนาชนิดที่ถ้าจะเปรียบกันให้ดีแล้ว ก็เหมือนกับ “การเลี้ยงไก่ไว้ไข่ให้สุนัขกิน” ถ้าสมมติว่า เราจะมีแต่วัดวาอารามเฉยๆ ไม่มีพระที่เป็นเหมือนหมอ ไม่มีธรรมะที่เป็นเหมือนยา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ตัวพระศาสนานั้นมันอยู่ที่ตัวการดับทุกข์ หรือตัวการปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์นั่นเอง ดังนั้น ถ้าจะบำรุงพระศาสนากันให้ถูกต้องแท้จริงแล้ว ก็ต้องบำรุงให้เกิดความดับทุกข์ ขึ้นมาจริงๆ ตามพระพุทธประสงค์ที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”

การเลี้ยงพระ ถ้าเลี้ยงให้พระอยู่ดีกินดีเกินไปโดยไม่ต้องทำอะไร มันก็กลายเป็นว่าเลี้ยงพระให้กลายเป็น หมู ถ้าใครจะเลี้ยงพระไว้สำหรับเป็นพ่อสื่อแม่ชัก มันก็เหมือนกับเลี้ยงพระให้กลายเป็น ม้า บางทีใช้พระเณรให้ทำประโยชน์แก่ตนทางวัตถุ อย่างนี้มันก็เหมือนกับเลี้ยงพระให้กลายเป็น วัว เป็น ควาย บางทีเลี้ยงพระให้กลายเป็น นกเขา ก็ได้ ที่ว่าเป็นนกเขานี้ก็คือ ให้ขันไพเราะสำหรับให้ทายกทายิกาสบายใจ บางทีก็เอาแต่บำรุงบำเรอกันเกินไป เอาแต่สนุกสนานอย่างนี้ ก็เรียกว่า เลี้ยงพระให้กลายเป็น เทวดา ไป บางทีก็เลี้ยงพระให้กลายเป็น ยักษ์ เป็น มาร กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ (อย่างนี้เป็นอันตรายแก่พระศาสนาอย่างยิ่ง)

เมื่อการบำรุงพระศาสนาที่แท้จริงอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติเอง จนได้รับผลเป็นความสะอาด สว่าง สงบเย็น ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เราทุกคนจึงมีหน้าที่ศึกษาและปฏิบัติจนได้รับผลพอสมควร จึงจะนับว่าเราได้บำรุงพระศาสนา ปัญหาว่าเราจะมีวิธีศึกษาปฏิบัติให้ลดสั้นได้อย่างไร ? ก็โดย ทำวัตร สวดมนต์แปล เพราะจะทำให้เกิดการปฏิบัติตนได้รับผลเป็นความสะอาด สว่าง สงบเย็นในชีวิต และหากท่านผู้ใดได้รับประโยชน์จากการศึกษาและปฏิบัติพอสมควรแล้ว จะนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ จะต้องหาทางทำให้แพร่หลายออกไป

นี่แหละคือ การบำรุงพระศาสนาที่ถูกต้องแท้จริง



คัดมาจาก...หนังสือสวดมนต์ ไหว้พระ สาธยายธรรม
สำนักปฏิบัติธรรมแก้วมณีนนท์นพเก้า
ต.ลาดบัวหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
 

_________________
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง