Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บาปในศีล 5 อยู่ที่เจตนา ถ้าเป็นหน้าที่ ก็ไม่ได้เป็นบาป อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 4:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากกระทู้เรื่อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรับประทานเนื้อสัตว์หรือไม่ ผมขอแยกกระทู้มา

เพื่อชี้ให้เห็นว่า บาปในศีล 5 อยู่ที่เจตนา ถ้าเป็นหน้าที่ ก็ไม่ได้เป็นบาป แต่ถ้าจิตคิดเป็นอกุศล
ตอนที่กระทำกรรมนั้นลงไป บาปจึงจะเกิดขึ้น

ผมตอบคุณ varittra ในกระทู้นั้นว่า

คุณ varittra ครับ

พระพุทธเจ้าทรงรับประทานเนื้อสัตว์ครับ ก็ตามแต่ใครจะเอาอะไรมาถวาย เป็นผักก็ได้ เป็นเนื้อก็ได้

คุณลองคิดดูครับว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงสอนสาวก (พระ) ว่า พระที่ไปคิดว่า ชาวบ้านเขา
ต้องฆ่าสัตว์เพื่อมาถวาย พระฉันอาหารนั้นลงไป ท่านก็ผิดแล้ว ต้องมีอกุศลจิตติดตัวไป แม้ว่า
ท่านไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นด้วยตัวเอง

แล้วทำไม พระพุทธองค์ท่านก็ยังฉันอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เสมอ พระองค์มิได้หยุด หรือห้ามสาวกมิให้ฉัน

คำตอบก็คือ

เพราะพระพุทธองค์ท่านรู้ความจริงว่า บาปกรรมก็คือ การกระทำโดยเจตนาในจิตที่คิดเป็นอกุศล
ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ก็ไม่มีบาปเกิดขึ้น พระพุทธองค์ท่านจึงไม่นำความคิดที่เป็นอกุศล
มาใส่ลงไปในจิตของตัวเอง


ผมตอบคุณ"ชัยพร พอกพูล"ไปด้วยว่า



คุณ"ชัยพร พอกพูล"ครับ


ผมเพิ่งเข้าในในเว็บนี้เดือนเดียว ไม่ได้ติดตามกระทู้ของคุณ เกี่ยวกับเรื่องการทำงานเป็นคนฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์

ผมขอแสดงความเห็นดังนี้

การฆ่าสัตว์ตามหน้าที่ไม่ได้เป็นบาป ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ขนาดเพขรฆาตฆ่าคนตามหน้าที่
ยังไม่เป็นบาปเลย ผมขอยกเรื่องราวของพระสารีบุตรที่สอนเพชรฆาตมาอ้าง

พระสารีบุตรสอนเพชรฆาต โดยพระสารีบุตรถามเพชรฆาตที่มีอาชีพฆ่าคนว่า "ท่านฆ่าเอง หรือ ทำตามคำสั่ง
ใคร"


เพชรฆาตตอบว่า "ข้าพเจ้า ทำตามคำสั่งพระราชา"

พระสารีบุตรย้อนถามว่า "เมื่อท่านไม่ฆ่าเอง แล้วจะมีบาปด้วยหรือ" (เป็นคำถาม ไม่ได้โกหก)

เพชรฆาตเคราแดง เข้าใจไปเองว่า เออ งั้นคงไม่เป็นบาป แล้วก็สบายใจ ใจน้อมจนเข้าถึงธรรมพอดี

แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องพระพุทธเจ้าสอนสาวกไม่ให้ไปคิดว่า ชาวบ้านไปฆ่าสัตว์มาเพื่อบิณฑบาตร

จิตใต้สำนึกจะบอกคุณเองว่า บาปหรือไม่บาป เป็นหน้าที่หรือเป็นเจตนาที่คุณฆ่าเอง ถ้าเป็นหน้าที่ก็
ไม่บาป
สำคัญที่คุณต้องไม่นำบาปมายัดใส่ตัวคุณเองเท่านั้น
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 31 ก.ค.2008, 5:07 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 4:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตสำนึกและใต้สำนึกของคน ณ เวลาที่ทำกรรมนั้น จะติดสินเองว่า การกระทำนั้นเป็นกุศลและเป็นบุญ
หรือเป็นอกุศลหรือเป็นบาปกันแน่ ถ้าจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของเขามันขัดแย้งกัน
มโนธรรมในจิต จะไปตัวชี้ขาดว่า เรื่องนี้เป็นกุศลหรืออกุศล เป็นบาปหรือเป็นบุญกันแน่

เพื่อความเข้าใจให้กระจ่างชัดขึ้น ผมขอยกตัวอย่างสัก 3 เรื่องมาวิเคราะห์


ตัวอย่างที่หนึ่ง

วัยรุ่นชายคนหนึ่งข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง เขาคิดว่า มันมันสะใจและตื่นเต้นมาก จิตของเขาไม่
คิดว่า มันเป็นอกุศลแต่อย่างใด แล้ววิญญาณของเขาจะต้องรับโทษด้วยหรือ เรื่องนี้ผมคิดว่า
ใจของวัยรุ่นคนนั้น จิตของเขาเป็นอกุศลตั้งแต่ต้นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะเขาทำการเบียดเบียนคนอื่น
เขารู้อยู่ในจิตสำนึกและในจิตใต้สำนึกด้วยว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด และเป็นบาป เขาจะปากแข็งอย่างไร
ก็หลอกใจส่วนลึกและส่วนตื้นที่เป็นมโนธรรมของตัวเองไม่ได้ แม้ว่าเขาจะพยายามบอกตัวเองว่า
จิตเขาไม่ได้เป็นอกุศล แต่จริงๆมันเป็น เจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เป็นตัวก่อให้เกิดวิบากกรรม

ตัวอย่างที่สอง

ผมเคยดูหนังไทยมาเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นคุณเท่งแกเล่นเป็นพระ วันหนึ่งพระเท่งเห็นผู้คนกำลัง
รุมกระทืบคนๆหนึ่งอยู่ พระเท่งไม่รู้จะห้ามอย่างไร ก็เลยตะโกนว่า “ ตำรวจมา ตำรวจมา ”
เจตนาในจิตใต้สำนึก เพื่อช่วยชีวิตคนที่ถูกรุมกระทืบอยู่ ส่วนในจิตสำนึกก็ไม่ได้คิดเป็นอกุศล
ถามว่า นี่ผิดไหม

ตอบได้ทันทีว่าไม่ผิด เจตนาของจิตก็คือกรรม เจตนาในจิตใต้สำนึกที่เป็นกุศุล ย่อมนำไปสู่สวรรค์
หรือเทวภูมิ นอกจากนี้จิตสำนึก ก็ยังไม่ได้คิดเป็นอกุศลหรือเป็นบาปด้วย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 5:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตัวอย่างที่ 3

เป็นเรื่องทหารที่ฆ่าคนเพื่อชาติในยามสงคราม ทหารจะไม่ตกนรกจากบาปนั้น เพราะเจตนาของเขา
ต้องรบเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติ
มโนธรรมของเขาบอกว่า เรื่องนี้เขาต้องทำอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ แม้ว่ามันอาจขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเขา ที่บอกว่าการฆ่าคนเป็นบาป จิตของเขาแบ่งเป็น 2 ฝัก 2
ฝ่าย จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบุญก็คงไม่ใช่ แต่จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบาป ก็คงไม่เชิง

สมมุติว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องฆ่าหัวหน้าข้าศึกคนหนึ่งให้ได้ เพื่อให้สงครามยุติ
จะได้กลับบ้านกัน
เขาเลยลุยเข้าไปฆ่านายทหารฝ่ายข้าศึกคนนี้ การฆ่าคนครั้งนี้ มโนธรรมในใจ
ของเขาชี้ชัดว่า มันเป็นกุศลและเป็นบุญ เพราะเขายอมสละชีพโดยไม่เสียดาย
ทั้งนี้เพื่อให้สงครามได้ยุติ

แต่โชคร้ายที่ทหารที่ฆ่าคนบางคน อาจจะตกนรกจากเหตุอื่นก็ได้ เพราะกลุ่มคนที่ไม่ชอบธรรม
นั้น เขามีอำนาจและปืนอยู่ในมือ เขาได้ใจ เลยกระทำการอย่างอื่นไปด้วย เช่น ทรมานข้าศึกเพื่อ
ความสะใจ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น หรือข่มขืนลูกสาวชาวบ้านไปด้วย เพื่อความสนุกของตนเอง
เมื่อตายไป เขาเลยต้องไปตกนรก เนื่องจากเหตุต่อเนื่องเหล่านี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 9:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
จากกระทู้เรื่อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรับประทานเนื้อสัตว์หรือไม่ ผมขอแยกกระทู้มา

เพื่อชี้ให้เห็นว่า บาปในศีล 5 อยู่ที่เจตนา ถ้าเป็นหน้าที่ ก็ไม่ได้เป็นบาป แต่ถ้าจิตคิดเป็นอกุศล
ตอนที่กระทำกรรมนั้นลงไป บาปจึงจะเกิดขึ้น

ผมตอบคุณ varittra ในกระทู้นั้นว่า

คุณ varittra ครับ

พระพุทธเจ้าทรงรับประทานเนื้อสัตว์ครับ ก็ตามแต่ใครจะเอาอะไรมาถวาย เป็นผักก็ได้ เป็นเนื้อก็ได้

คุณลองคิดดูครับว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงสอนสาวก (พระ) ว่า พระที่ไปคิดว่า ชาวบ้านเขา
ต้องฆ่าสัตว์เพื่อมาถวาย พระฉันอาหารนั้นลงไป ท่านก็ผิดแล้ว ต้องมีอกุศลจิตติดตัวไป แม้ว่า
ท่านไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นด้วยตัวเอง

แล้วทำไม พระพุทธองค์ท่านก็ยังฉันอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เสมอ พระองค์มิได้หยุด หรือห้ามสาวกมิให้ฉัน

คำตอบก็คือ

เพราะพระพุทธองค์ท่านรู้ความจริงว่า บาปกรรมก็คือ การกระทำโดยเจตนาในจิตที่คิดเป็นอกุศล
ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ก็ไม่มีบาปเกิดขึ้น พระพุทธองค์ท่านจึงไม่นำความคิดที่เป็นอกุศล
มาใส่ลงไปในจิตของตัวเอง


ผมตอบคุณ"ชัยพร พอกพูล"ไปด้วยว่า



คุณ"ชัยพร พอกพูล"ครับ


ผมเพิ่งเข้าในในเว็บนี้เดือนเดียว ไม่ได้ติดตามกระทู้ของคุณ เกี่ยวกับเรื่องการทำงานเป็นคนฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์

ผมขอแสดงความเห็นดังนี้

การฆ่าสัตว์ตามหน้าที่ไม่ได้เป็นบาป ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ขนาดเพขรฆาตฆ่าคนตามหน้าที่
ยังไม่เป็นบาปเลย ผมขอยกเรื่องราวของพระสารีบุตรที่สอนเพชรฆาตมาอ้าง

พระสารีบุตรสอนเพชรฆาต โดยพระสารีบุตรถามเพชรฆาตที่มีอาชีพฆ่าคนว่า "ท่านฆ่าเอง หรือ ทำตามคำสั่ง
ใคร"


เพชรฆาตตอบว่า "ข้าพเจ้า ทำตามคำสั่งพระราชา"

พระสารีบุตรย้อนถามว่า "เมื่อท่านไม่ฆ่าเอง แล้วจะมีบาปด้วยหรือ" (เป็นคำถาม ไม่ได้โกหก)

เพชรฆาตเคราแดง เข้าใจไปเองว่า เออ งั้นคงไม่เป็นบาป แล้วก็สบายใจ ใจน้อมจนเข้าถึงธรรมพอดี

แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องพระพุทธเจ้าสอนสาวกไม่ให้ไปคิดว่า ชาวบ้านไปฆ่าสัตว์มาเพื่อบิณฑบาตร

จิตใต้สำนึกจะบอกคุณเองว่า บาปหรือไม่บาป เป็นหน้าที่หรือเป็นเจตนาที่คุณฆ่าเอง ถ้าเป็นหน้าที่ก็
ไม่บาป
สำคัญที่คุณต้องไม่นำบาปมายัดใส่ตัวคุณเองเท่านั้น


ขออนุญาตต้องแย้งกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

อยากให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้มองหลายๆมุม

บาปหรือไม่จริงอยู่ครับว่าอยู่ที่เจตนา แต่เรื่องการทำหน้านี้นั้นเป็นเหมือนข้ออ้างมากกว่าครับ เพชรฆาตไม่ใช่ว่าเลือกมาทำอาชีพนี้ด้วยเพราะเห็นแก่เงินหรือครับ อาชีพอื่นก็มีเยอะแยะ

พระที่ไปคิดว่า ชาวบ้านเขา
ต้องฆ่าสัตว์เพื่อมาถวาย พระฉันอาหารนั้นลงไป ท่านก็ผิดแล้ว ต้องมีอกุศลจิตติดตัวไป แม้ว่า
ท่านไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นด้วยตัวเอง --> อันนี้พระพุทธองค์ก็ทรงห้ามให้ มิให้ฉันเนื้อที่ภิกษุสงสัยว่าเขาฆ่ามาเพื่อถวายตนโดยเฉพาะ เพราะถ้าภิกษุนั้นสงสัยแล้วแต่ก็ยังทาน นั่นทำให้ภิกษุยินดีในการฆ่านั้นมาเพื่อตน ก็ต้องเป็นอกุศลสิครับ

บาปกรรมก็คือ การกระทำโดยเจตนาในจิตที่คิดเป็นอกุศล
ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ก็ไม่มีบาปเกิดขึ้น พระพุทธองค์ท่านจึงไม่นำความคิดที่เป็นอกุศล
มาใส่ลงไปในจิตของตัวเอง ---> อันนี้ไม่ใช่เพราะพระพุทธองค์ไม่นำความคิดที่เป็นอกุศลมาใส่ลงในจิต แต่เป็นเพราะมันไม่มีอกุศลเกิดขึ้นอยู่แล้วต่างหากครับ

ส่วนเรื่องพระสารีบุตร ผมขอยกมา

เพชรฆาตเคราแดง "เข้าใจไปเองว่า เออ งั้นคงไม่เป็นบาป "แล้วก็สบายใจ ใจน้อมจนเข้าถึงธรรมพอดี

ที่พระสารีบุตรถามนั้นเพื่อทำให้เพชรฆาตเคราแดงหยุดความสับสนในจิตก่อน เพื่อจะได้น้อมธรรม แล้วบรรลุธรรมได้ มิใช่ ไม่บาป แล้วจะน้อมเข้าถึงธรรมได้ ต้องแยกประเด็นนะครับ พระสารีบุตรมิได้เอ่ยเลยด้วยว่าไม่บาป

จิตใต้สำนึกจะบอกคุณเองว่า บาปหรือไม่บาป เป็นหน้าที่หรือเป็นเจตนาที่คุณฆ่าเอง ถ้าเป็นหน้าที่ก็ ไม่บาป ---> จิตใต้สำนึกนั้นต้องอยู่บนรากฐานของความถูกต้องด้วยสิครับ ไม่งั้นจิตใต้สำนึกของแต่ละคน คนละมาตรฐาน บาปกรรมก็มิต้องมาตรฐานไปด้วยรึครับ ส่วนเรื่องหน้าที่ นั้น
คนเราทุกคนเลือกทางเดินได้ เลือกที่จะทำหน้าที่ ซึ่งยังผลให้เกิดความเดือนร้อนแก่ผู้อื่น จะไม่บาปได้อย่างไรครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 9:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
จิตสำนึกและใต้สำนึกของคน ณ เวลาที่ทำกรรมนั้น จะติดสินเองว่า การกระทำนั้นเป็นกุศลและเป็นบุญ
หรือเป็นอกุศลหรือเป็นบาปกันแน่ ถ้าจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของเขามันขัดแย้งกัน
มโนธรรมในจิต จะไปตัวชี้ขาดว่า เรื่องนี้เป็นกุศลหรืออกุศล เป็นบาปหรือเป็นบุญกันแน่

เพื่อความเข้าใจให้กระจ่างชัดขึ้น ผมขอยกตัวอย่างสัก 3 เรื่องมาวิเคราะห์


ตัวอย่างที่หนึ่ง

วัยรุ่นชายคนหนึ่งข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง เขาคิดว่า มันมันสะใจและตื่นเต้นมาก จิตของเขาไม่
คิดว่า มันเป็นอกุศลแต่อย่างใด แล้ววิญญาณของเขาจะต้องรับโทษด้วยหรือ เรื่องนี้ผมคิดว่า
ใจของวัยรุ่นคนนั้น จิตของเขาเป็นอกุศลตั้งแต่ต้นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะเขาทำการเบียดเบียนคนอื่น
เขารู้อยู่ในจิตสำนึกและในจิตใต้สำนึกด้วยว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด และเป็นบาป เขาจะปากแข็งอย่างไร
ก็หลอกใจส่วนลึกและส่วนตื้นที่เป็นมโนธรรมของตัวเองไม่ได้ แม้ว่าเขาจะพยายามบอกตัวเองว่า
จิตเขาไม่ได้เป็นอกุศล แต่จริงๆมันเป็น เจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เป็นตัวก่อให้เกิดวิบากกรรม

ตัวอย่างที่สอง

ผมเคยดูหนังไทยมาเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นคุณเท่งแกเล่นเป็นพระ วันหนึ่งพระเท่งเห็นผู้คนกำลัง
รุมกระทืบคนๆหนึ่งอยู่ พระเท่งไม่รู้จะห้ามอย่างไร ก็เลยตะโกนว่า “ ตำรวจมา ตำรวจมา ”
เจตนาในจิตใต้สำนึก เพื่อช่วยชีวิตคนที่ถูกรุมกระทืบอยู่ ส่วนในจิตสำนึกก็ไม่ได้คิดเป็นอกุศล
ถามว่า นี่ผิดไหม

ตอบได้ทันทีว่าไม่ผิด เจตนาของจิตก็คือกรรม เจตนาในจิตใต้สำนึกที่เป็นกุศุล ย่อมนำไปสู่สวรรค์
หรือเทวภูมิ นอกจากนี้จิตสำนึก ก็ยังไม่ได้คิดเป็นอกุศลหรือเป็นบาปด้วย


ตัวอย่างที่หนึ่งขอเสริมครับ
เจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เป็นตัวก่อให้เกิดวิบากกรรม
เจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล มิอาจตัดสินด้วยใจตัวเองได้ว่าเป็นอกุศล ไม่เป็น อกุศล หากเป็นไปเพื่อความเบียนเบียนแก่ตนเองหรือผู้อื่น ย่อมเป็นอกุศลแน่นอน ไม่เว้นว่าเป็นหน้าที่หรือไม่ใช่

ตัวอย่าที่สองขอเสริมครับ

พระเท่งเจตนาดีครับ เป็นกุศลที่ต้องการช่วยเหลือคน แต่วิบากกรรมที่พูดปดก็มีนะครับ คือโดนคนร้ายแค้นเอาได้ แต่แน่นอนครับ กรรมที่เกิดขึ้นด้วยเจตนาแห่งกุศล ไม่หนักหนาเท่ากับเจตนาแห่งอกุศล
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 9:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
ตัวอย่างที่ 3

เป็นเรื่องทหารที่ฆ่าคนเพื่อชาติในยามสงคราม ทหารจะไม่ตกนรกจากบาปนั้น เพราะเจตนาของเขา
ต้องรบเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติ
มโนธรรมของเขาบอกว่า เรื่องนี้เขาต้องทำอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ แม้ว่ามันอาจขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเขา ที่บอกว่าการฆ่าคนเป็นบาป จิตของเขาแบ่งเป็น 2 ฝัก 2
ฝ่าย จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบุญก็คงไม่ใช่ แต่จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบาป ก็คงไม่เชิง

สมมุติว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องฆ่าหัวหน้าข้าศึกคนหนึ่งให้ได้ เพื่อให้สงครามยุติ
จะได้กลับบ้านกัน
เขาเลยลุยเข้าไปฆ่านายทหารฝ่ายข้าศึกคนนี้ การฆ่าคนครั้งนี้ มโนธรรมในใจ
ของเขาชี้ชัดว่า มันเป็นกุศลและเป็นบุญ เพราะเขายอมสละชีพโดยไม่เสียดาย
ทั้งนี้เพื่อให้สงครามได้ยุติ

แต่โชคร้ายที่ทหารที่ฆ่าคนบางคน อาจจะตกนรกจากเหตุอื่นก็ได้ เพราะกลุ่มคนที่ไม่ชอบธรรม
นั้น เขามีอำนาจและปืนอยู่ในมือ เขาได้ใจ เลยกระทำการอย่างอื่นไปด้วย เช่น ทรมานข้าศึกเพื่อ
ความสะใจ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น หรือข่มขืนลูกสาวชาวบ้านไปด้วย เพื่อความสนุกของตนเอง
เมื่อตายไป เขาเลยต้องไปตกนรก เนื่องจากเหตุต่อเนื่องเหล่านี้


ทหารทำหน้าที่รบเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แค่ทำเพื่อปกป้องประเทศ อาจไม่ตกนรก แต่วิบากกรรมมีนะครับ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจองเวรได้ ทำให้อายุสั้นได้

มิเช่นนั้นทุกคนในโลกนี้ก็จะเอาข้ออ้างนี้มาทำสงครามกัน โดยโกหกตัวเองว่าไม่บาป เพียงเพื่อผลประโยชน์ของพวกตนเอง(ประเทศตนเอง)
โดยลืมไปว่าอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายเหมือนตน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 9:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สุดท้ายครับ

ขอขอบคุณกระทู้ของคุณ พลศักดิ์ จริงๆครับ

ที่ให้ข้อคิดแก่ผม
ให้ผมได้คิดทบทวนข้อธรรมต่างๆ

จริงๆนะครับ ผมรู้สึกได้มุมมองอะไรหลายๆอย่าง

สาธุ สาธุ สาธุ

ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 12:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



พระพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาคือตัวกรรม

เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม


ดังนั้น ความตั้งใจของเราทางกาย วาจา ใจ ทำอกุศลลงไป อกุศลเจตนา นั้น คือ กรรมที่เป็นบาป

แต่ถ้า ความตั้งใจของเราทางกาย วาจา ใจ เป็นการเสียสละเป็นกุศล แม้ว่าสิ่งนั้นจะผิดศีล 5
กุศลเจตนาที่เราทำผิดศีล 5 ลงไป กรรมในการผิดศีล 5 นั้นกับกลายเป็นบุญใหญ่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่
ยากที่ผู้ที่ท่องจิตศีล 5 แบบนกแก้วนกขุนทอง จะสามารถเข้าใจได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 12:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



ผมจะเล่าเรื่องจริงให้คุณฟัง

มีแม่ชีคนหนึ่งท่านถอดจิตได้ ท่านลงไปดูในนรก พบพระยายมราชกำลังตัดสินความวิญญาณผู้หญิง
คนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงคนนั้นคบชู้(ขายตัว) ทำผิดศีลข้อ 3 พระยายมราชถามว่า ทำไมเจ้าทำลงไป
คือ ไปขายตัว

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า "สามีพิการไม่มีเงิน และไม่ได้ทำงาน แล้วสามีก็อนุญาตให้ขายตัวในครั้งนี้ได้"

พระยายมราชถาม "และในครั้งอื่นล่ะ เจ้าขายตัวทำไม ขออนุญาตสามีไหม"

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า " ไม่ได้ขออนุญาต แต่จนใจ ไม่มีเงินค่าเทอมลูก"


พระยายมราชตรวจดูก็พบว่าเป็นเรื่องจริง หญิงคนนั้นยากจนมาก แล้วสามีก็มาประสพ
อุบัติเหตุ ทำให้ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย เธอได้ไปหางานทำ แต่ก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจแบบนี้


พระยายมราชตัดสินให้ผู้หญิงคนนั้นไปเกิดเป้นนางฟ้าชั้นดาวดึง จากการทำผิดศีล 5 ที่มีเจตนาเป็นกุศล

เรื่องนี้แม่ชีก็งง แต่ท่านก็เล่าให้คนอื่นๆฟัง แล้วเขียนหนังสือออกมาด้วย ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าชื่อหนังสืออะไร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 2:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณเมธีครับ



ผมจะเล่าเรื่องจริงให้คุณฟัง

มีแม่ชีคนหนึ่งท่านถอดจิตได้ ท่านลงไปดูในนรก พบพระยายมราชกำลังตัดสินความวิญญาณผู้หญิง
คนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงคนนั้นคบชู้(ขายตัว) ทำผิดศีลข้อ 3 พระยายมราชถามว่า ทำไมเจ้าทำลงไป
คือ ไปขายตัว

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า "สามีพิการไม่มีเงิน และไม่ได้ทำงาน แล้วสามีก็อนุญาตให้ขายตัวในครั้งนี้ได้"

พระยายมราชถาม "และในครั้งอื่นล่ะ เจ้าขายตัวทำไม ขออนุญาตสามีไหม"

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า " ไม่ได้ขออนุญาต แต่จนใจ ไม่มีเงินค่าเทอมลูก"


พระยายมราชตรวจดูก็พบว่าเป็นเรื่องจริง หญิงคนนั้นยากจนมาก แล้วสามีก็มาประสพ
อุบัติเหตุ ทำให้ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย เธอได้ไปหางานทำ แต่ก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจแบบนี้


พระยายมราชตัดสินให้ผู้หญิงคนนั้นไปเกิดเป้นนางฟ้าชั้นดาวดึง จากการทำผิดศีล 5 ที่มีเจตนาเป็นกุศล

เรื่องนี้แม่ชีก็งง แต่ท่านก็เล่าให้คนอื่นๆฟัง แล้วเขียนหนังสือออกมาด้วย ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าชื่อหนังสืออะไร




เรื่องที่คุณเอามาฝากผมไม่ได้ปักใจเชื่อนะครับว่าเป็นจริงหรือเปล่า

แต่ถ้าจริง เรื่องนี้ก็บ่งชัดแล้วนี่ครับ

กรรมจากการขายตัว ก็ทำให้ต้องตกนรก

เจตนาที่ช่วยเหลือ สามี ลูกและครอบครัว ก็เป็นกุศล ภายหลังถึงได้ไปสวรรค์

ไม่ได้หมายความว่า ผลของการผิดศีล โดยกุศลจิต จะทำให้ไม่มีผลกรรม

บุญ ส่วน บุญ บาป ส่วน บาป สิครับ

อีกอย่าง ทำไมขอทานบางคนถึงไม่ต้องเป็นขโมยล่ะครับ

เพราะอะไรล่ะ เพราะว่าเขาเลือกได้ไงครับ

ส่วนคุณผู้หญิงในเรื่อง ถึงแม้เป็นกุศลจิตที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัว

แต่แทนที่จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม

กลับเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดี

จริงอยู่กุศลจิตได้ผลบุญ แต่เจตนาที่เลือกที่จะ ขายตัว นั้น เป็นบาปแน่นอนครับ

อีกเรื่อง เรื่องเจตนาคือกรรม น่ะ ถูกต้องแล้วครับ

ตัวอย่าง คุณเจตนาที่จะเป็นเพชรฆาต เพื่อฆ่าคน คุณก็มีเจตนาฆ่าคนอยู่แล้ว เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง (เพื่อเงิน เพื่องาน เพื่อราชา เพื่อครอบครัว เพื่อสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง)

ถูกแล้วที่กรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเจตนา

แต่ผมว่าคุณกำลังตีความคำว่าเจตนา ผิดไปนะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 2:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อีกอย่าง แม่ชีก็โดนมารหลอกได้นะครับ อิอิ

ขอยืมประโยคยอดฮิต คุณพลศักดิ์มาหน่อยละกันนะครับ

สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 2:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"เมธี"ครับ




เรื่องที่คุณเอามาฝากผมไม่ได้ปักใจเชื่อนะครับว่าเป็นจริงหรือเปล่า .....ไม่เป็นไรครับ

แต่ถ้าจริง เรื่องนี้ก็บ่งชัดแล้วนี่ครับ

กรรมจากการขายตัว ก็ทำให้ต้องตกนรก....คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมว่า 98%ของคนที่ตายไป ต้องไปชำระ
ความที่สำนักพระยายม ที่นั่นไม่ใช่นรกครับ เป็นที่ชำระความดีความชั่ว ถ้าชั่วพระยายม ก็ส่งเขาลงนรก


เจตนาที่ช่วยเหลือ สามี ลูกและครอบครัว ก็เป็นกุศล ภายหลังถึงได้ไปสวรรค์....ไม่ใช่ครับ
พระยายมตัดสินให้เขาไปสวรรค์ชั้นดาวดึงเลย แล้วหญิงคนนั้นก็ไม่ได้ตกนรกด้วย



อีกอย่าง ทำไมขอทานบางคนถึงไม่ต้องเป็นขโมยล่ะครับ

เพราะอะไรล่ะ เพราะว่าเขาเลือกได้ไงครับ.....แล้วหญิงคนนั้นเลือกได้หรือครับ ผัวมาถูกรถชนจน
พิการ
เขาหางานทำไม่ได้ ลูกก็ต้องจ่ายค่าเทอม

ส่วนคุณผู้หญิงในเรื่อง ถึงแม้เป็นกุศลจิตที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัว

แต่แทนที่จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม

กลับเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดี.....คุณอย่ามั่วเลย และอย่าไปเก่งกว่าพระยายมราช จะให้ทุกคนมี
โอกาสดีๆเสมอ มันเป็นไปไม่ได้ เราถูกกรรมกำหนดให้ต้องทำอาชีพอะไร /b] [b]ขอทานที่ไม่ขโมย
เพราะเขาถูกกรรมกำหนดให้เขาเป็นขอทาน แล้วมีโอกาสหาเงินได้



จริงอยู่กุศลจิตได้ผลบุญ แต่เจตนาที่เลือกที่จะ ขายตัว นั้น เป็นบาปแน่นอนครับ.....ผมยังยืนยันว่า
อย่าไปตัดสินคนอื่นโดยเอาการยึดศีล 5 อย่างเคร่งครัดงมงายเหมือนคุณเลย
ถ้าคุณเป็น
พระยายมราชมีหวัง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็อาจต้องตกนรก เพราะท่านทอดทิ้งลูกเมีย ไม่สนใจบ้านเมือง
พระโพธิสัตว์กวนอิมก็ต้องตกนรก เพราะท่านดันควักลูกตาตนเองออกมาทำยาให้พ่อ

อีกเรื่อง เรื่องเจตนาคือกรรม น่ะ ถูกต้องแล้วครับ

ตัวอย่าง คุณเจตนาที่จะเป็นเพชรฆาต เพื่อฆ่าคน คุณก็มีเจตนาฆ่าคนอยู่แล้ว เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง (เพื่อเงิน เพื่องาน เพื่อราชา เพื่อครอบครัว เพื่อสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง)

ถูกแล้วที่กรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเจตนา

แต่ผมว่าคุณกำลังตีความคำว่าเจตนา ผิดไปนะครับ.....ผมตีความไม่ผิดหรอกครับ ผมเข้าถึงโลกุตตระธรรมแล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใบไม้พูดถูกแล้วครับ การไม่เจตนา นั้นแหละไม่ผิด
เพราะว่า จิตไม่มีอกุศล
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"เมธี"ครับ


ผมเคยไปดูหนังฝรั่งเรื่อง คอนสแตนติน พระเอกชื่อ คอนสแตนติน เขาเคยฆ่าตัวตายสมัยวัยรุ่น
โชคดีที่ตายไปแล้ว แต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ คอนสแตนตินคนนี้เลยกลับใจ หันมาทำหน้าที่ไล่ผีและปีศาจ
ร้าย แต่ทว่าพระเจ้าก็ไม่ได้ให้อภัยเขา เพราะว่าเขาไล่ผีปีศาจและทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง
คือ เพื่อให้พระเจ้ารับเขาขึ้นสวรรค์ และไม่ลงโทษเขาที่เขาเคยฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น
โดยแท้จริง แม้ว่าการกระทำของเขา ใครที่เห็นต้องบอกว่า คนๆนี้เป็นคนดีมากๆ

อยู่มาวันหนึ่ง เขาไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถูกผี ปีศาจ และพญามารที่อยู่ในร่างของเทพ
รุมกันทำร้าย คอนสแตนตินรู้ว่า ไม่มีทางสู้พวกนี้ได้แน่ เขาเลยฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่ 2 เพื่อล่อ
ให้ซาตานหรือพญามารอีกตน ออกมากำจัดพญามารที่อยู่ในร่างของเทพ ซึ่งก็สามารถกำจัดได้
การฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 นี้กลับไม่ได้เป็นบาป แต่กลับกลายเป็นบุญและกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่พญามาร
จะนำร่างของเขาไปลงนรกไม่ได้ เพราะเขาได้เสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง และ เขายังยอมตกนรก
ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
จากการฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 เพื่อช่วยเหลือคนอื่น

ท่านอย่าดูถูกคำสอนของศาสนาอื่น หรือแม้แต่ความคิดของผู้สร้างหนังเรื่องนี้ พระเจ้าแท้จริง(คือ
พระพุทธเจ้า) พระองค์ท่านทรงสอนและชี้นำอยู่ในจิตของทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา


คุณจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของคุณ ผมสรุปว่า บาปหรือบุญอยู่ที่เจตนาของจิตณ เวลานั้นว่า
เป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล ผิดศีล 5 อาจจะไม่บาป ซ้ำยังอาจจะเป็นบุญด้วย ถ้าจิตนั้นเป็นกุศลในตอน
ที่ทำลงไป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณ"เมธี"ครับ




เรื่องที่คุณเอามาฝากผมไม่ได้ปักใจเชื่อนะครับว่าเป็นจริงหรือเปล่า .....ไม่เป็นไรครับ

แต่ถ้าจริง เรื่องนี้ก็บ่งชัดแล้วนี่ครับ

กรรมจากการขายตัว ก็ทำให้ต้องตกนรก....คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมว่า 98%ของคนที่ตายไป ต้องไปชำระ
ความที่สำนักพระยายม ที่นั่นไม่ใช่นรกครับ เป็นที่ชำระความดีความชั่ว ถ้าชั่วพระยายม ก็ส่งเขาลงนรก


เจตนาที่ช่วยเหลือ สามี ลูกและครอบครัว ก็เป็นกุศล ภายหลังถึงได้ไปสวรรค์....ไม่ใช่ครับ
พระยายมตัดสินให้เขาไปสวรรค์ชั้นดาวดึงเลย แล้วหญิงคนนั้นก็ไม่ได้ตกนรกด้วย



อีกอย่าง ทำไมขอทานบางคนถึงไม่ต้องเป็นขโมยล่ะครับ

เพราะอะไรล่ะ เพราะว่าเขาเลือกได้ไงครับ.....แล้วหญิงคนนั้นเลือกได้หรือครับ ผัวมาถูกรถชนจน
พิการ
เขาหางานทำไม่ได้ ลูกก็ต้องจ่ายค่าเทอม

ส่วนคุณผู้หญิงในเรื่อง ถึงแม้เป็นกุศลจิตที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัว

แต่แทนที่จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม

กลับเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดี.....คุณอย่ามั่วเลย และอย่าไปเก่งกว่าพระยายมราช จะให้ทุกคนมี
โอกาสดีๆเสมอ มันเป็นไปไม่ได้ เราถูกกรรมกำหนดให้ต้องทำอาชีพอะไร /b] [b]ขอทานที่ไม่ขโมย
เพราะเขาถูกกรรมกำหนดให้เขาเป็นขอทาน แล้วมีโอกาสหาเงินได้



จริงอยู่กุศลจิตได้ผลบุญ แต่เจตนาที่เลือกที่จะ ขายตัว นั้น เป็นบาปแน่นอนครับ.....ผมยังยืนยันว่า
อย่าไปตัดสินคนอื่นโดยเอาการยึดศีล 5 อย่างเคร่งครัดงมงายเหมือนคุณเลย
ถ้าคุณเป็น
พระยายมราชมีหวัง แม้แต่พระพุทธเจ้าก็อาจต้องตกนรก เพราะท่านทอดทิ้งลูกเมีย ไม่สนใจบ้านเมือง
พระโพธิสัตว์กวนอิมก็ต้องตกนรก เพราะท่านดันควักลูกตาตนเองออกมาทำยาให้พ่อ

อีกเรื่อง เรื่องเจตนาคือกรรม น่ะ ถูกต้องแล้วครับ

ตัวอย่าง คุณเจตนาที่จะเป็นเพชรฆาต เพื่อฆ่าคน คุณก็มีเจตนาฆ่าคนอยู่แล้ว เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง (เพื่อเงิน เพื่องาน เพื่อราชา เพื่อครอบครัว เพื่อสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง)

ถูกแล้วที่กรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเจตนา

แต่ผมว่าคุณกำลังตีความคำว่าเจตนา ผิดไปนะครับ.....ผมตีความไม่ผิดหรอกครับ ผมเข้าถึงโลกุตตระธรรมแล้ว


แหม คุณพลศักดิ์ ก็โกรธไปได้ ผมแค่แสดงความคิดเห็นผมเองครับ

สำนักพระยายม นั้น พระพุทธเจ้าคงไม่ได้กล่าวไว้มั้ง หรือผมไม่เคยอ่านเจอเองนะ

ผู้หญิงคนนั้นเลือกได้นะครับ จะเป็นขอทานหรือเป็นหางานอย่างอื่นทำก็ยังมีทางเลือก ไม่งั้นคนที่พิการบนโลกนี้ไม่ต้องไปขอทานกันหมดทุกคนหรือครับ

ผมไม่ได้มั่วครับ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ อีกอย่างผมไม่ได้เก่งกว่าพญายมราชหรอกนะ (ถ้าท่านมีจริง) และผมก็ไม่ได้ถือศีล 5 อย่างเคร่งครัดงมงายด้วย ต้องดูที่เจตนาสิครับ ถ้าผมเจตนาผิดศีล ผมก็บาป ผมไม่มีเจตนาผมก็บาป โดยไม่ต้องมีข้ออ้างว่าผมขโมยนะ เพราะบ้านผมจน ผมฆ่าสัตว์นะ เพราะผมต้องทำมาหากิน อย่างนี้เรียกว่างมงายหรือเปล่าครับ

ทุกๆมีโอกาสไม่เท่ากันหรอกครับในชาตินี้ เพราะผลกรรมที่คุณทำมาในชาติก่อนๆและชาติปัจจุบันส่งผลให้คุณต้องมีตัวเลือกน้อยครับ แต่คุณเลือกที่จะเป็นคนดีได้ครับ

สละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
สละชีวิต เพื่อรักษาธรรม

เคยได้ยินไหมครับ

ผมก็พูดไปแล้วนิครับ ว่าบุญ ส่วนบุญ บาปส่วนบาป เจตนาทำผิดเพราะกุศลจิต บุญก็อาจมากกว่าบาป ไม่ต้องตกนรก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีบาปนี่ครับ

ที่คุณบอกว่าคุณตีความไม่ผิด เพราะคุณเข้าโลกุตตรธรรมแล้ว

ฟังดูเหมือนมีเหตุผลนะครับ

อีกอย่างคนที่เข้าระดับโลกุตตรธรรมแล้ว คงไม่ต้องบอกคนอื่นมั้งครับ

ไม่เคยเห็นมีคนไหนถึงโลกุตตรธรรมแล้ว แสดงตนเองด้วยตนเองเลย

ขอโทษด้วยนะครับ ที่แย้งคุณไป แต่ผมเห็นไม่ตรงกับคุณเรื่องนี้จริงๆ

สาธุ สาธุ สาธุ
ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"เมธี"ครับ



สละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
สละชีวิต เพื่อรักษาธรรม


พูดอะไร เขียนอะไร ให้ไพเราะยังไงก็ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ในความเป้นจริง เวลาในการ
ตัดสินใจ และโอกาสในการตัดสินใจของแต่ละคนไม่ท่ากัน บางคนต้องตัดสันทันที

อีกอย่างคนที่เข้าระดับโลกุตตรธรรมแล้ว คงไม่ต้องบอกคนอื่นมั้งครับ

ไม่เคยเห็นมีคนไหนถึงโลกุตตรธรรมแล้ว แสดงตนเองด้วยตนเองเลย


คุณเคยฟังคำเทศน์ และธรรมะของผู้ที่เข้าถึงโลกุตตระธรรมไหม หลวงปู่มั่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อสด
หลวงพ่อฤาษี ฯลฯ คุณไม่เคยไปอ่านหรือศึกษาคำสอนของท่านเลยมั้ง ไปอ่านแต่คำสอนของพระบ้า
ตำราที่ไม่ยอมปฏิบัติ และท่องจำยึดถือคำสอนผิดๆ จนทำให้ไม่มีการพัฒนาทางธรรม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณ"เมธี"ครับ


ผมเคยไปดูหนังฝรั่งเรื่อง คอนสแตนติน พระเอกชื่อ คอนสแตนติน เขาเคยฆ่าตัวตายสมัยวัยรุ่น
โชคดีที่ตายไปแล้ว แต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ คอนสแตนตินคนนี้เลยกลับใจ หันมาทำหน้าที่ไล่ผีและปีศาจ
ร้าย แต่ทว่าพระเจ้าก็ไม่ได้ให้อภัยเขา เพราะว่าเขาไล่ผีปีศาจและทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง
คือ เพื่อให้พระเจ้ารับเขาขึ้นสวรรค์ และไม่ลงโทษเขาที่เขาเคยฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น
โดยแท้จริง แม้ว่าการกระทำของเขา ใครที่เห็นต้องบอกว่า คนๆนี้เป็นคนดีมากๆ

อยู่มาวันหนึ่ง เขาไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถูกผี ปีศาจ และพญามารที่อยู่ในร่างของเทพ
รุมกันทำร้าย คอนสแตนตินรู้ว่า ไม่มีทางสู้พวกนี้ได้แน่ เขาเลยฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่ 2 เพื่อล่อ
ให้ซาตานหรือพญามารอีกตน ออกมากำจัดพญามารที่อยู่ในร่างของเทพ ซึ่งก็สามารถกำจัดได้
การฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 นี้กลับไม่ได้เป็นบาป แต่กลับกลายเป็นบุญและกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่พญามาร
จะนำร่างของเขาไปลงนรกไม่ได้ เพราะเขาได้เสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง และ เขายังยอมตกนรก
ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
จากการฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 เพื่อช่วยเหลือคนอื่น

ท่านอย่าดูถูกคำสอนของศาสนาอื่น หรือแม้แต่ความคิดของผู้สร้างหนังเรื่องนี้ พระเจ้าแท้จริง(คือ
พระพุทธเจ้า) พระองค์ท่านทรงสอนและชี้นำอยู่ในจิตของทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา


คุณจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของคุณ ผมสรุปว่า บาปหรือบุญอยู่ที่เจตนาของจิตณ เวลานั้นว่า
เป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล ผิดศีล 5 อาจจะไม่บาป ซ้ำยังอาจจะเป็นบุญด้วย ถ้าจิตนั้นเป็นกุศลในตอน
ที่ทำลงไป


ผมก็ได้ไปดูมาเหมือนกันครับหนังเรื่องนี้ ก็สนุกดี

ตามหลักพุทธศาสนานะครับ ผลบุญที่เขาได้ทำไว้ส่งผลให้เขาได้ขึ้นสวรรค์ ก็ถูกต้องแล้วนิครับ แล้วหลังจากหมดผลบุญล่ะครับ ผลจากการที่เขาฆ่าตัวตาย ก็ให้ผลสิครับ แต่ก็อย่างที่ผมพูดไปหลายทีแล้ว ไม่จำเป็นต้องตกนรกเสมอไป แต่ผลยังมีอยู่

เปรียบเหมือน เกลือในโอ่งใบใหญ่มีอยู่แต่อาจเหมือนไม่มี
(อันนี้เปรียบเทียบนะครับ จริงๆอาจแค่แก้ใบหนึ่งที่มีก้อนเกลืออยู่)
ขึ้นอยู่กับผลบุญผลบาปน่ะครับ

ผมก็เปล่าดูถูกใครๆนะครับ

บาปหรือบุญอยู่ที่เจตนาของจิตณ เวลานั้นว่า
เป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล ผิดศีล 5 อาจจะไม่บาป ซ้ำยังอาจจะเป็นบุญด้วย ถ้าจิตนั้นเป็นกุศลในตอน
ที่ทำลงไป ---> ผมว่าคุณสรุปว่า บาปหรือไม่ บุญหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามีเจตนากำกับหรือไม่ จะดีกว่านะครับ

เช่น ถ้าทำกุศล แต่ไม่มีเจตนาของจิต ก็ไม่ได้บุญ
ทำอกุศล แต่ไม่มีเจตนาของจิต ก็ไม่บาป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณ"เมธี"ครับ



สละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
สละชีวิต เพื่อรักษาธรรม


พูดอะไร เขียนอะไร ให้ไพเราะยังไงก็ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ในความเป้นจริง เวลาในการ
ตัดสินใจ และโอกาสในการตัดสินใจของแต่ละคนไม่ท่ากัน บางคนต้องตัดสันทันที

อีกอย่างคนที่เข้าระดับโลกุตตรธรรมแล้ว คงไม่ต้องบอกคนอื่นมั้งครับ

ไม่เคยเห็นมีคนไหนถึงโลกุตตรธรรมแล้ว แสดงตนเองด้วยตนเองเลย


คุณเคยฟังคำเทศน์ และธรรมะของผู้ที่เข้าถึงโลกุตตระธรรมไหม หลวงปู่มั่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อสด
หลวงพ่อฤาษี ฯลฯ คุณไม่เคยไปอ่านหรือศึกษาคำสอนของท่านเลยมั้ง ไปอ่านแต่คำสอนของพระบ้า
ตำราที่ไม่ยอมปฏิบัติ และท่องจำยึดถือคำสอนผิดๆ จนทำให้ไม่มีการพัฒนาทางธรรม


แหม ผมก็เอามาจากคนอื่นแหละ ไม่ได้แต่งเองหรอกครับ

เรื่องการตัดสินใจ นั้นส่วนนึงก็มาจาก กรรมที่ทำอยู่บ่อยๆนั้นเองน่ะครับ
เช่นปกติผมฆ่าสัตว์เล็กๆบ่อยๆ พอถึงเวลาต้องฆ่าสัตว์ใหญ่ ผมก็ตัดสินใจฆ่าได้ทันทีเลย โดยไม่ต้องคิดนาน สติสัมปชัญญะไม่ทันที่จะรู้ดีรู้ชั่ว

ผมก็เคยฟังธรรมะมาบ้างนะครับ ท่านเองก็ไม่เคยบอกว่าท่านถึงโลกุตตระนี่ครับ แต่ธรรมะของท่านลึกซึ้ง อันนั้นน่ะแน่นอนครับ
ผมแค่หมายถึงว่า ที่คุณบอกว่าคุณถึงโลกุตตระนั้นน่ะครับ
ทำไมคุณถึงแสดงตนเองว่าคุณถึงล่ะครับ

ขนาดพระสุปฏิปันโน ท่านยังไม่เคยบอกเลยว่าตัวท่านเองระดับไหน

หรือจริงๆแล้ววคุณไม่ได้ถึงหรอกครับ แค่คิดเองเอง

คุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณละกันครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 3:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้อ ลืม

ยินดีที่ได้สนทนาธรรมด้วยนะครับ

ขอโทษด้วยถ้าทำให้อารมณ์ร้อน ผมไม่ได้มีเจตนายั่วยุนะครับ

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2008, 4:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมธี พิมพ์ว่า:
อ้อ ลืม

ยินดีที่ได้สนทนาธรรมด้วยนะครับ

ขอโทษด้วยถ้าทำให้อารมณ์ร้อน ผมไม่ได้มีเจตนายั่วยุนะครับ

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

สาธุ สาธุ


ถ้าคุณทำให้อารมณ์ผมร้อน และโกรธ แบบที่คุณคิดว่าผมเป็นอย่างนั้น ผมจะขอบพระคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง