Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “พระพุทธเจ้ายังมีตัวตนอยู่” อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 12:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลักฐานในคัมภีร์และหลักฐานจากผู้ปฏิบัติที่ชี้ว่า “พระพุทธเจ้ายังมีตัวตนอยู่”



1... หลักฐานในพระไตรปิฎก


พระพุทธเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า


“ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม “


แต่สมมุติสงฆ์และปถุชนที่ไม่ปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ตีความพุทธพจน์บทนี้ไม่ได้
ก็เลยไปคิดว่า น่าจะเป็นการเปรียบเทียบ หรือการอุปมาอุปมัย


2... หลักฐานในพระสูตรของมหายาน


พระพุทธเจ้าตรัสอย่างชัดเจนยิ่งกว่านี้อีก พระพุทธองค์ตรัสว่า



“ เราตถาคตได้ประกาศธรรมะ ให้ปวงสัตว์ทั้งหลายเข้าถึงสภาวะนิพพานตลอดมา เรามิได้สูญหาย
และมิได้สลาย หากแต่ดำรงอยู่ในโลกนี้ เพื่อประกาศสัจธรรมอยู่นิรันดร”



3... หลักฐานจากพระผู้ปฏิบัติของไทย



หลวงพ่อคง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ปาน หลวงปู่มั่น หลวงพ่อสด หลวงปู่ขาว และพระอริยะบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะขั้นอรหันต์ ล้วนแล้วแต่สัมผัสพระพุทธเจ้าในจิตมาแล้วทั้งสิ้น


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์ว่า

" ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์เสด็จมาเยี่ยมท่าน "


หลวงปู่ตื้อ อมจลธมโน เทศน์ว่า


" มนุษย์ที่ได้เป็นพระอรหันต์ เข้านิพพานไปแล้ว พระนิพพานก็ยังมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้า
นิพพาน ก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอนุรุทธ พระอานนท์
เข้านิพพาน ก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล "


หลวงพ่อสด เทศน์ว่า


" ธรรมนั้นคือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นผู้ตรัสรู้พระธรรม พระธรรมได้เสกสรรค์ปั้นให้พระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบุคคลเรา
ระลึกถึงพระองค์ ท่านก็ควรระลึกถึงพระธรรม……..ได้เข้าถึงธรรมกาย คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ”


4... หลักฐานจากผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งในต่างประเทศ



เมื่อเดือนก่อน ผมอ่านบทความของท่านอาจารย์ชิงไห่ ท่านก็ยืนยันว่า


“พระศากยมุนีพุทธเจ้าสมัยเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ จริงๆ แล้ว
ตอนนี้ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่…… …… ในดินแดนแห่งพุทธะ ”



ผมขอสรุปบทความนี้ ด้วยข้อเขียนที่ของหลวงพ่อคง จัตตมโล ปรมาจารย์วิชาธรรมะเปิดโลกเล่าให้
สานุศิษย์ของท่านฟัง


“ ..... ท่านจึงน้อมจิตอธิษฐาน ว่าหากคุณพระพุทธเจ้ามีจริง ขอทรงมาโปรดให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรม
ด้วยเถิด ในครั้งนี้เอง ก็มีปรากฏบังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อ ท่านได้พบพระวิสุทธิสัมมาสัมพุทธเทพ
และได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐาน อาศัยบุญบารมีเก่าที่หลวงพ่อ คง เคยเป็นหลวงพ่อร่วง
ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิกถาไว้สั่งสอนปวงชนมาก่อน พระพุทธองค์จึงทรงประทานธรรมะเปิดโลกให้”


หลวงพ่อคง ยืนยันว่า



“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมโลกเขษฐ์ ได้ทรงประทานพุทธานุญาต ให้หลวงพ่อคงโปรด
แสดงธรรมะเปิดโลก แก่พสกนิกรพุทธบริษัทได้”




และหลวงพ่อคงยืนยันอีกด้วยว่า พระพุทธเจ้ายังทรงอยู่ จากข้อความที่ว่า



“ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต”
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 27 ก.ค.2008, 1:23 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 1:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมตอบคุณกรัชกายไปว่า


คุณยังอ่านจิตของคุณmes ไม่ได้ ดูคำตอบของเขานะครับ เมื่อผมพูดถึงพระอรหันต์ต่างๆที่พบเห็น

พระพุทธเจ้า ผมถามว่า เกิดจากสัญญาที่ผิดหรือเปล่า

คุณmesตอบว่า

แสดงว่า ที่บอกว่าเจอ เป็นแค่สัญญา



คุณกรัชกายถามว่า


เมื่อผมพูดถึงพระอรหันต์ต่างๆที่พบเห็น พระพุทธเจ้า

ครับ คุณพลศักดิ์รู้ได้อย่างไรครับว่าว่าท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์

คุณอ่านจิตของพระอรหันต์ได้หรอครับ
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 27 ก.ค.2008, 1:25 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 1:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมตอบว่า


"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต) ผู้ใดเห็นเรา(ตถาคต) ผู้นั้นเห็นธรรม"


ผู้ที่เห็นธรรมแท้จริงขั้นสูงสุด ก็คือพระอรหันต์ ผู้ที่รับรองว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ คือ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ศาสนาพุทธเถรวาท ถ้าฝึกวิชาสติปัฏฐาน 4 ธรรมดา เขาจะยังไม่พบพระพุทธเจ้า ต่อเมื่อเข้าสู่
โสดาบันแล้ว บางท่านจะพบพระพุทธเจ้า เป็นธรรมขันธ์ สอนในจิต แต่เขายังไม่มั่นใจว่า นั่นคือ
พระพุทธเจ้า แต่เมื่อก้าวสูงขึ้นไปถึงขั้นอนาคามี และอรหันต์ พระพุทธเจ้าจะแสดงทั้งธรรมกาย
และธรรมขันธ์ให้เขาพบเห็น

หลักฐานในพระสูตรของมหายาน พระพุทธเจ้าตรัสอย่างชัดเจนยิ่งกว่าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต อีก


พระพุทธองค์ตรัสว่า


“ เราตถาคตได้ประกาศธรรมะ ให้ปวงสัตว์ทั้งหลายเข้าถึงสภาวะนิพพานตลอดมา เรามิได้สูญหาย
และมิได้สลาย หากแต่ดำรงอยู่ในโลกนี้ เพื่อประกาศสัจธรรมอยู่นิรันดร”
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 8:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุครับอาจารย์พลศักดิ์

ผมอยากถามว่าการได้พบพระพุทธเจ้านั้นเป็นการพบด้วยจิต ไม่ใช่ด้วยตาใช่ไหมครับ แล้วท่านมาปรากฏเป็นพระรูป หรือสรีระอย่างไร

แล้วถ้าผมอยากเห็นพระพุทธเจ้าต้องทำอย่างไรครับ เป็นอรหันต์แล้วหรือครับ...

ขอบคุณอาจารย์ครับ ซึ้ง
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 11:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
แต่สมมุติสงฆ์และปถุชนที่ไม่ปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ตีความพุทธพจน์บทนี้ไม่ได้
ก็เลยไปคิดว่า น่าจะเป็นการเปรียบเทียบ หรือการอุปมาอุปมัย


คำว่าสมมุติสงฆ์ในประโยคเช่นนี้ ผู้กล่าวคนเดียวกันนี้ กล่าวในต่างกรรมต่างวาระ หลายครั้งมาก

ผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจได้ว่า

พระสงฆ์ปัจจุบันคื่อสมมุติสงฆ์ เป็นผู้ขาดความรู้ ขาดธรรมะ ถึงแม้ว่าในที่นี้จะกำกับเฉพาะลงไป

แต่การกล่าวคำว่าสมมุติสงฆ์แทนคำว่าพระสงฆ์มีเจตนาที่ต้องการดูถูกดูแคลนพระภิกษสงฆ์แน่นอน

พระภิกษุที่เป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชน

แม้แต่ท่านปอ.ปยุตโตก็เคยถูกกล่าวล่วงเกินอยู่เนืองๆ

ขอถามชาวพุทธที่ตรงนี้ว่า

เราจะยอมให้มีคนกล่าวย่ำยี่พระภิกษุอีกต่อไปหรือไม่

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกแล้ว

ผมต้องแสดงออกมาให้เห็น

ไม่ยอมรับพฤติกรรมก้าวร้าวต่อพระสงฆ์ของพวกทุรชน

ใครอย่ามาเอาพระพุทธธรรมเป็นของเล่น

ผมเล่นไม่เลิกแน่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 11:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต้องพูดว่า พระพุทธเจ้ายังอยู่ แต่ไม่ใช่มีตัวตน คำว่า ธรรมจะเอาตัวตนที่ไหน เพราะว่า ธรรมนั้นเป็นจริงเสมอไป เป็นอกาลิโก จิตที่แตกออกก็เป็นธรรมทั้งสิ้น ก็ไม่ได้เถียงนะ

มีอยู่แต่ไม่ใช่ตัวตน

ถ้าจะให้ดี ใบไม้ควรเอาวิธี ไปให้ถึงมาสอน ไม่ใช่เอาแต่พูดว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนอยู่ในแดนสุขาวดี ให้ไปศึกษาวิธีการไปถึงจุดนั้นแล้วเอามาเผยแผ่ให้คนอื่นได้อ่าน

ผมอยากจะให้ใบไม้หาข้อมูลให้ผมอย่างหนึ่ง คือ

พระโสดาบัน มีกี่แบบ และ พระโพธิสัตว์มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร อย่างละเอียด การเป็นพระโสดาบันมีอยู่ในพระโพธิสัตว์หรือไม่
นั้นแหละ ช่วยหามาให้ผมอ่านหน่อย
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 5:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฌาณ พิมพ์ว่า:
สาธุ สาธุครับอาจารย์พลศักดิ์

ผมอยากถามว่าการได้พบพระพุทธเจ้านั้นเป็นการพบด้วยจิต ไม่ใช่ด้วยตาใช่ไหมครับ แล้วท่านมาปรากฏเป็นพระรูป หรือสรีระอย่างไร

แล้วถ้าผมอยากเห็นพระพุทธเจ้าต้องทำอย่างไรครับ เป็นอรหันต์แล้วหรือครับ...

ขอบคุณอาจารย์ครับ ซึ้ง



พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว พระองค์เป็นธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ สอนอบรมโลกุตตรธรรมอยู่
ในจิตของเรา ท่านจะมาสอนธรรมให้คุณทางจิต ดังเช่นสอนธรรมให้พระโฮมหมัด และพระเยซู

ท่านที่ฝึกวิชามโนมยิทธิ หรือวิชาธรรมกาย เขาสร้างนิมิตองค์พระอยู่ในกาย พระพุทธองค์ก็ใช้
ภาพนิมิตนั้นติดต่อกัเขา แค่ถ้าคุณไม่สร้างนิมิตเป็นองค์พระ พระพุทธองค์
อาจจะติดต่อคุณเป็นรูป
ของคน หรือสัตว์ หรือรูปเจ้านายของคุณ ฯลฯ ก็ได้ แต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 5:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"mes"ครับ




พระภิกษุจริงๆต้องปฏิบัติ แต่ท่านปอ.ปยุตโต ไม่ได้ปฏิบัติ ไปเขียนหนังสือ จึงสอนผิดๆถูกๆ

ผมถือว่า ท่านเป็นแค่นักปราชญ์ที่ใช้สมองตีความพระไตรปิฎก จึงตีความผิดๆถูกๆ ทำให้สัทธรรม
ปฏิรูปแผ่หลายออกไป

แต่ผมไม่เคยกล่าวล่วงเกินท่านนะครับ เพียงแต่ไม่เชื่อสิ่งที่ท่านสอนเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้
ใช้กาลามสูตร
ผมขอยกมา 2 ข้อ

- อย่าเชื่อถือเพราะผู้พูดเป็นคนน่าเชื่อถือได้
- อย่าเชื่อถือโดยนับถือว่าผู้นั้นเป็นสมณะ เป็นอาจารย์ของเรา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 5:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"ขันธ์" ครับ


สิ่งที่ผมพูดตรงตามนิยามเรื่องอัตตาในอนัตตลักขณสูตร ผมจึงต้องพูดตรงๆไปเลยว่า
พระพุทธเจ้ายังอยู่มีตัวตนอยู่ อายตนะนิพพานเป็นอัตตา
เป็นธรรมกาย เป็นอสังขตธาตุ

ประเด็นอื่นของคุณขันธ์ ผมขอไม่พูดและไม่ถกในกระทู้นี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 6:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณ"mes"ครับ

พระภิกษุจริงๆต้องปฏิบัติ แต่ท่านปอ.ปยุตโต ไม่ได้ปฏิบัติ ไปเขียนหนังสือ จึงสอนผิดๆถูกๆ

ผมถือว่า ท่านเป็นแค่นักปราชญ์ที่ใช้สมองตีความพระไตรปิฎก จึงตีความผิดๆถูกๆ ทำให้สัทธรรม
ปฏิรูปแผ่หลายออกไป

แต่ผมไม่เคยกล่าวล่วงเกินท่านนะครับ เพียงแต่ไม่เชื่อสิ่งที่ท่านสอนเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้
ใช้กาลามสูตร ผมขอยกมา 2 ข้อ

- อย่าเชื่อถือเพราะผู้พูดเป็นคนน่าเชื่อถือได้
- อย่าเชื่อถือโดยนับถือว่าผู้นั้นเป็นสมณะ เป็นอาจารย์ของเรา


คุณไปกล่าวหาท่านว่าไม่ปฏิบัติ คุณทราบได้อย่างไร

แล้วที่ว่าท่านใช้สมองตีความผิดๆถูก ต้องไม่ใช้สมองใช่ไหม หรือคุณไม่ใช้สมอง คุณคิดตัดสินเอง หรือมีสถาบัน สมาคม คณะสงฆ์รับรอง

คุณยกกาลามสูตร์มาก็ดีแล้ว จะได้แสดงว่าคนเขาไม่เชื่อคุณเพราะอะไร

อย่าไปกล่าวหาใครว่าเป็น สัทธรรมปฏิรูปตามคนอื่นเขา

ความเห็นที่คุณเขียนออกมา ที่คุณพยายามทำให้แปลกให้แตกต่าง

เป็นไม่ได้แม้แต่สัทธรรมปฏิรูป

ดูจากคนที่ออกมาคัดค้าน มีกี่คนที่เชื่อคุณ

ตำราของท่านปอ. ปยุตโตเขาเชื่อถือกันทั่วโลก

คุณลองพิมพิ์ของคุณออกเผยแพร่บ้างซิ ดูจะมีใครอ่านของคุณกี่คน
 


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 27 ก.ค.2008, 6:34 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 6:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว พระองค์เป็นธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ สอนอบรมโลกุตตรธรรมอยู่
ในจิตของเรา ท่านจะมาสอนธรรมให้คุณทางจิต ดังเช่นสอนธรรมให้พระโฮมหมัด และพระเยซู

ท่านที่ฝึกวิชามโนมยิทธิ หรือวิชาธรรมกาย เขาสร้างนิมิตองค์พระอยู่ในกาย พระพุทธองค์ก็ใช้
ภาพนิมิตนั้นติดต่อกัเขา แค่ถ้าคุณไม่สร้างนิมิตเป็นองค์พระ พระพุทธองค์
อาจจะติดต่อคุณเป็นรูป
ของคน หรือสัตว์ หรือรูปเจ้านายของคุณ ฯลฯ ก็ได้ แต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น



ขอหลักฐานอ้างอิง ที่มาของข้อความข้างต้น

จะได้ไม่ใช่เป็นแค่คิดเอาเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 6:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณ"ขันธ์" ครับ


สิ่งที่ผมพูดตรงตามนิยามเรื่องอัตตาในอนัตตลักขณสูตร ผมจึงต้องพูดตรงๆไปเลยว่า
พระพุทธเจ้ายังอยู่มีตัวตนอยู่ อายตนะนิพพานเป็นอัตตา
เป็นธรรมกาย เป็นอสังขตธาตุ

ประเด็นอื่นของคุณขันธ์ ผมขอไม่พูดและไม่ถกในกระทู้นี้



คุณขันธ์ว่า อัตตา เป็น อสังขตธาตุ หรือไม่ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 6:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
ท่านที่ฝึกวิชามโนมยิทธิ หรือวิชาธรรมกาย เขาสร้างนิมิตองค์พระอยู่ในกาย พระพุทธองค์ก็ใช้
ภาพนิมิตนั้นติดต่อกัเขา แค่ถ้าคุณไม่สร้างนิมิตเป็นองค์พระ พระพุทธองค์
อาจจะติดต่อคุณเป็นรูป
ของคน หรือสัตว์ หรือรูปเจ้านายของคุณ ฯลฯ ก็ได้ แต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น



ขอหลักฐานอ้างอิง ขอเป็นพระไตรปิฎก

ไม่ใช่คิดเอาเองแล้วนำมาเผยแพร่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 6:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว พระองค์เป็นธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ สอนอบรมโลกุตตรธรรมอยู่
ในจิตของเรา ท่านจะมาสอนธรรมให้คุณทางจิต ดังเช่นสอนธรรมให้พระโฮมหมัด และพระเยซู

ท่านที่ฝึกวิชามโนมยิทธิ หรือวิชาธรรมกาย เขาสร้างนิมิตองค์พระอยู่ในกาย พระพุทธองค์ก็ใช้
ภาพนิมิตนั้นติดต่อกัเขา แค่ถ้าคุณไม่สร้างนิมิตเป็นองค์พระ พระพุทธองค์
อาจจะติดต่อคุณเป็นรูป
ของคน หรือสัตว์ หรือรูปเจ้านายของคุณ ฯลฯ ก็ได้ แต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น



แล้วพระพุทธเจ้าองค์แรกใครสอน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ratchadapa
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 05 ม.ค. 2008
ตอบ: 84
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 7:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อเขียนของท่านเจ้าของกระทู้เรียกได้ว่า เป็นเครื่องทดสอบขันติของคนอ่านอย่างดีเยี่ยมค่ะ หลายกระทู้ต่อเนื่องมาแล้ว

มองเห็นใจที่เดือดขึ้นมา ที่ท่านลบหลู่ดูถูก ยกตนข่มท่าน พระสุปฏิปัณโณที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซ้ำแล้วซ้ำอีก หลายครั้งหลายหน

มองเห็นความแตกต่างระหว่างผู้ประทุษร้าย และผู้ไม่ประทุษร้าย

ไม่รู้ทำไม ใจแว๊บไปนึกถึงบทกวีนี้ เพียงแต่ขอบังอาจแปลงข้อความที่ขีดเส้นใต้ ไปเป็นคำว่า"พระปยุต"

"ใครดูถูกดูหมิ่นศิลปะ อนารยะไร้สกุลสถุลสัตว์
ราวลิงค่างเสือสางกลางป่าชัฏ ใจมืดจัดกว่าน้ำหมึกดำ
เพียงกินนอนสืบพันธุ์นั้นฤา ชื่อว่าสิ่งประเสริฐเลิศล้ำ
หยาบยโสกักขฬะอธรรม เหยียบย่ำทุกหย่อมหญ้าสาธารณ์
ภพหน้าอย่ามีรูปมนุษย์ จงผุดเกิดในร่างดิรัจฉาน
หน้าติดดินกินขี้เลื้อยคลาน ทรมานทุกข์ร้อนร้ายนิรันดร์เอย ฯ "

ความโกรธดับไปแล้ว เหลือแต่จะไปแผ่เมตตาให้ไปสุคติเท่านั้น
 

_________________
พวกเธอจงยินดีในความไม่ประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหล่มกิเลส
เหมือนพญาช้างติดหล่ม
พยายามช่วยตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 10:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกท่านครับ



พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตนเป็นที่พึ่ง ธรรมเป็นที่พึ่ง" ตน=อัตตา
และพระองค์ตรัสด้วยว่า เธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่งอย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด

ตนก็คือธรรม ธรรม คือ ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ หรืออายตะนนิพพาน

อัตตา = เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่แปรปรวน บังคับให้เป็นไปได้ดังใจ สิ่งนี้คือธรรมกาย


ลักษณะของ อสังขตธรรม ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงอสังขตะลักษณะไว้ว่า

ไม่ปรากฏความเกิด ๑
ไม่ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑
เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑


ด้วยเหตุนี้ อสังขตธรรม(ธาตุ) ก็คือ อัตตา เพราะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย อายตนะ
ของอสังขตธาตุ เรียกว่า อายตนะนิพพานคือ ธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ค.2008, 10:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณratchadapa คุณmess และคุณขันธ์ครับ



พวกคุณเชื่อในกฎแห่งกรรมใช่ไหม ถ้าผมเลวเช่นที่หลายคนต่อว่าจริง กฎแห่งกรรมจะจัดการผมเอง

กรุณาอย่ามีอกุศลจิตในการศึกษาธรรมะขั้นโลกุตตระธรรมเลยครับ ไม่เช่นนั้น จิตอกุศลจะปิดบังความรู้ทางธรรม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
thammathai
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): สังขตธาตุ

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับทุกท่าน ขอร่วมสนทนาด้วยครับ

อ้างอิงจาก:
“ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม “


พุทธพจน์นี้ตรัสกับพระวักกลิ

๕. วักกลิสูตร
ว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า
เล่มที่ ๑๗


พระวักกลิ เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถุ ได้ศึกษาศิลปะวิทยา จบไตรเพท

ตามความนิยมของลัทธิพราหมณ์
บวชเพราะอยากชมพระรูปโฉม
ศรัทธาเลื่อมใสและรักใคร่ไม่รู้จักเบื่อ
หน่าย ในการดูพระวรกายพระพุทธเจ้า พยายามวนเวียนมาเฝ้าดูอยู่เป็นนิตย์ ผลที่สุดก็เกิดความคิดว่า

“ถ้าเราบวชก็จะได้ตามดูพระวรกายของพระพุทธองค์ ได้อย่างใกล้ชิดและตลอดเวลา”

เมื่อท่านบวชแล้วก็มิได้ใส่ใจในการที่จะศึกษาพระธรรมวินัย ไม่มีการสาธยายท่องบ่น ไม่บำเพ็ญเพียรพระกรรมฐาน ทุกวันเวลามีแต่มัวเมาเฝ้าดูพระรูปโฉมของพระพุทธองค์มิได้ละเว้น พระพุทธองค์เองก็มิได้รับสั่งว่ากล่าวแต่ประการใด ในเบื้องต้น

ครั้นกาลเวลาผ่านไป
พระองค์ตรัสเตือนให้พระวักกลิ เลิกละการเที่ยวติดตามดูร่างกายอันจะเน่าเปื่อยนั้นเสีย และทรงชี้ทางให้ท่านกลับมาใส่ใจบำเพ็ญสมณธรรมด้วยพระดำรัสว่า:-

“ดูก่อนพระวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม”

ธรรมในที่นี้หมายถึงอะไร...ก็พบพุทธพจน์บทหนึ่งกล่าวว่า

" ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็น
ธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นปฏิจจสมุปบาท "


ธรรมในที่นี้คงหมายถึง ปฏิจจสมุปบาท

จึงกล่าวใหม่ว่า...

" ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้น
เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม "


จิตที่เห็นปฏิจจสมุปบาทอย่างนี้เรียกว่า เห็นธรรม เห็นพระพุทธเจ้าองค์จริง ตัวกระแสแห่งความเกิดและดับทุกข์นั้น ก็เป็นตัวพระธรรมจริง
ตัวผู้ปฏิบัติอย่างนั้นอยู่ก็เป็นพระสงฆ์จริง

ดังนั้น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่ตัวการเห็น และการปฏิบัติสำเร็จ ในเรื่องปฏิจจสมุปบาท

การเห็นนั้นใช้อะไรเห็น...

จักษุมี 5 ประเภทนี้คือ

1) มังสจักษุ

2) ทิพยจักษุ

3) ปัญญาจักษุ

4) พุทธจักษุ

5) สมันตจักษุ

ตาของพระวักกลิที่จะเห็นทั้งธรรมและพระพุทธเจ้าด้วยนั้น จะเป็นตาเนื้อ/มังสจักษุไม่ได้ ...

จะต้องเห็นด้วยตาภายในคือ อาจจะเป็น ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ พุทธจักษุ หรือสมันตจักษุก็ได้

อย่างไรก็ดี พุทธจักษุกับสมันตจักษุนั้นสงวนไว้สำหรับพระพุทธองค์โดยเฉพาะ

ดังนั้นตาของพระวักกลิที่จะเห็น "ธรรม" ได้ก็คือ ทิพยจักษุหรือปัญญาจักษุ ที่เกิดจากการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทเท่านั้น

สาธุ
 

_________________
เราคือใจที่บริสุทธิ์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 9:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ กรัชกายรอคำตอบคุณพลศักดิ์ที่กระทู้นี้ 2 วัน

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16759&postdays=0&postorder=asc&start=20

ก็ไม่ตอบ คิดว่าไม่เข้าเน็ตสะอีก

เห็นว่าประจำอยู่ที่นี่ จึงตามมาร่วมแจมด้วยตามจังหวะและโอกาส

ไม่เป็นไรนะครับ สนทนากันตามทิฏฐานุทิฏฐิของแต่ละคนๆ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2008, 9:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณ"mes"ครับ
พระภิกษุจริงๆต้องปฏิบัติ แต่ท่านปอ.ปยุตโต ไม่ได้ปฏิบัติ ไปเขียนหนังสือ จึงสอนผิดๆถูกๆ
ผมถือว่า ท่านเป็นแค่นักปราชญ์ที่ใช้สมองตีความพระไตรปิฎก จึงตีความผิดๆถูกๆ ทำให้สัทธรรม
ปฏิรูปแผ่หลายออกไป
แต่ผมไม่เคยกล่าวล่วงเกินท่านนะครับ เพียงแต่ไม่เชื่อสิ่งที่ท่านสอนเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้

ใช้กาลามสูตร
ผมขอยกมา 2 ข้อ

- อย่าเชื่อถือเพราะผู้พูดเป็นคนน่าเชื่อถือได้
- อย่าเชื่อถือโดยนับถือว่าผู้นั้นเป็นสมณะ เป็นอาจารย์ของเรา



ฯลฯ

พระพุทธศาสนาสอนว่า ไม่ควรปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำรา หรือ

อย่าเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์ คือ อย่าเชื่อตำรางมไป

บางท่าน ตีความเลยไปว่า พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้เชื่อตำรา

หรือ อย่าเชื่อตำรา

ความจริง ทั้งการเชื่อตำรา และการไม่เชื่อตำรา ถ้าทำโดย

ขาดวิจารณญาณ ก็สามารถเป็นความงมงายได้ด้วยกันทั้งคู่ คือ

เชื่ออย่างงมงาย และ ไม่เชื่ออย่างงมงาย
ทางปฏิบัติ

ที่รอบคอบและไม่ผิดในการไม่เชื่อตำราก็ คือ ไม่ให้เป็นการไม่เชื่อ

อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะตัดสินหรือ แม้ตัดขาดกับตำรา ควร

ศึกษาให้ชัดเจนตลอดก่อนว่า ตำราว่าอย่างไร ดูว่าท่านพูดไว้อย่างไร

ให้เต็มที่ก่อนแล้ว ต่อนั้นจะตีความหรือเห็นต่างออกไปอย่างไรก็ว่า

ของเราไป โดยเฉพาะท่านผู้เขียนคัมภีร์ทั้งหลาย ล้วนล่วงลับ

ไปสิ้นแล้ว ท่านเสียเปรียบ ไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาแสดงความเห็นหรือ

คอยตามโต้เถียงเรา เราจึงควรให้โอกาสโดยไปตามค้นหาแล้วพา

ท่านออกมาพูดเสียให้เต็มที่ เมื่อรับฟังท่านเต็มที่แล้ว เราจะ

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็นับว่าได้ให้ความเป็นธรรมแก่ท่าน

แล้วพอสมควร

ฯลฯ

(พุทธธรรม หน้า 927 เพียงบางส่วน)
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง