Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 3 วันแรกของการฝีกสมาธิ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 12:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
เราไม่มีชุดขาวใส่เวลาปฏิบัติเราใส่ชุดธรรมดามีสีสัน การ์ตูนบ้างเป็นอะไรหรือเปล่าคะ
เพราะว่าหาไม่มีจริง ๆ กางเกงเสื้อขาวเราก็ไม่ค่อยซื้อ แต่ว่าแม่จะส่งเสื้อยืดสีขาวมาให้อ่ะค่ะ
เราขอเองเพราะรู้สึกเหมือนว่ามันไม่สุภาพหรือเปล่า



ไม่มีปัญหาครับ

จะใส่ชุดไหนสีอะไรก็ย่อมได้ เพราะการรู้สัจธรรมมิใช่อยู่ที่เสื้อ

ผ้าครับ ยิ้ม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 12:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ตอนนอนบางวันและเวลาลืมตาขึ้นมา บางทีเหมือนน้ำตาไหล แต่ไม่ได้ร้องไห้
มันเกี่ยวกับการนั่งสมาธิไหมคะ แต่ว่าเมื่อก่อนไม่เป็นนะ..หรือว่าสายตาเราไม่ดีกันแน่..



เกี่ยวครับ ธรรมปีติค้างอยู่ วิธีแก้ก็คือกำหนดตามความรู้สึกนั้นๆ

ครับ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 5:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบพระคุณมากค่ะ ทั้งคุณ Rarm และ คุณกรัชกาย ถามทีไรต้องมาตอบให้ทุกที ขอบคุณจริง ๆค่ะ สาธุ

อ่านตอนหนึ่งที่คุณกรัชกายเขียนว่า

คุณทบทวนสิครับกระทู้แรก คุณกลัวจนไม่กล้าหลับตา

อารมณ์นั้น วันนี้ยังหลงเหลืออยู่ไหม

สมมุติว่าวันนี้มีคนมาพูดอย่างนั้นอีกคุณจะรู้สึกอย่างไร น่าจะพูดกับเขา

เหล่านั้นว่าอย่างไร


จริงเลยค่ะ...จะบอกว่าเหมือนตอนนี้คิดได้มากขึ้น เมื่อก่อนถ้าไม่พอใจ โมโห โกรธ จะพูดอะไรออกไปแบบไม่ค่อยคิด คิดแต่ว่าเราถูกๆๆ แต่พอมาถึงตอนนั้น คิดได้ว่าที่ผ่านมาเราก็คิดไม่ดีเยอะ พูดไม่ดีก็เยอะ โอ๊ยย ไม่น่าเลยเรา..แบบว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงจะไม่พูดแบบนั้นอะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่ชอบพูดแล้วไม่ค่อยคิด พอมาตอนนี้เหมือนว่าเวลาเราจะพูดอะไรมันจะมีอะไรให้เราหยุดคิดก่อนว่าควรจะพูดดีไหม...ใจเย็นลง แต่ว่าอารมณ์โกรธ โทสะ หงุดหงิด อะไรก็ยังมีอยู่บ้าง ไม่หายไปทั้งหมด...ส่วนใหญ่จะเป็นตอนลูกกวน เพราะชอบทะเลาะกัน เด๋วมาฟ้องกัน เด๋วก็ร้องแข่งกัน บอกตรงๆ บางทีปวดหัวค่ะ...แบบอยากจะกรี๊ดดด..(แต่ไม่ได้กรี๊ดนะ) แต่ก็พยายามข่มใจและความรู้สึกนั้นว่าเอาอีกแล้ว เราโกรธอีกแล้วนะ โกรธหนอๆๆๆ แต่เผลอไม่ได้นะคะ บางทีพอมันมากๆ เข้า ก็ออกอาการอีกละ..อยากรู้จังว่าถ้าปฏิบัติได้จริงๆ แล้วเนี่ยความโกรธจะหายไปเลยไหมคะ แบบว่าไม่มีเลยสักนิดอ่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โทสะแรงมาก ขี้โกรธ ขี้งอน แต่ไหนแต่ไรละ พอมาปรับตรงนี้มันก็ดีขึ้น เย็นลง แต่หายไม่หมดอ่ะค่ะ...ไม่อยากเป็นเลย อ่านที่ดร.สนองบอกว่าคนที่มีโทสะในจิต ทุกวันๆ แม้จะเล็กน้อย สะสมทุกวันๆ ถ้าไม่ฝึกจิตให้รู้เท่าทันนี่ไปลงนรกได้ เลยกลัวน่ะค่ะ มิน่าเมื่อก่อนแม่จะห่วงเรื่องอารมณ์ของเรามาก เราก็ไม่เข้าใจเพราะคิดว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรแค่เรื่องอารมณ์ต้องไปถึงนรกเลยหรือ ตอนนี้พอได้มาอ่านมาพิจารณาดูแล้วก็น่าจะจริงอ่ะค่ะ เลยกลัว.....มีวิธีกำจัดความโกรธไหมคะ แบบว่าโดยเฉพาะกับเด็กๆ เวลากวนน่ะคะ แบบว่าพูดครั้งสองครั้งสามครั้งก็ไม่ฟัง ไม่รู้เรื่อง ทะเลาะกันแบบนี้เราจะทำยังไงดีให้แบบสงบและมีเมตตากะลูกแบบไม่โกรธได้บ้าง..รักนะแต่ว่าก็หงุดหงิดรำคาญอ่ะค่ะ อายหน้าแดง

และก็เด๋วนี้จะเหมือนเรามีจิตฝ่ายดีที่จะคอยบอกและเตือนเราอยู่
เช่น สมมติเผลอคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกละ เรื่องเราบ้างคนอื่นบ้าง ก็จะเหมือนมีจิตของเราที่คอยบอกเราว่าจะคิดทำไม มันผ่านไปแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะคิดเรื่องของคนอื่นทำไม ไม่ใช่เรื่องของเราแบบนี้ พอจิตบอกแบบนี้ก็หยุดคิดอ่ะคะ แต่ก็เด๋วก็มาอีกละ แต่ว่าคิดน้อยลงจากแต่ก่อนนะคะ เมื่อก่อนนี่เป็นทั้งวันเลย เด๋วนี้ก็เป็นแต่ก็น้อยลงค่ะ..

สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งที่คุณทั้งสองคนช่วยตอบและให้ความรู้กับเราจงดลบันดาลให้คุณ Rahrm และคุณ กรัชกายจงมีความสุขและก็มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ...ไม่รู้จะตอบแทนด้วยอะไรก็ขออวยพรแทนละกันค่ะ(พูดภาษาทางธรรมไม่เป็น เลยอวยพรง่ายๆ แบบนี้เลยค่ะ) ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องความโกรธ เนี่ย ผมเคยอ่านหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสครับความตอน 1 ว่า
เมื่อ เราโกรธ ครั้งหนึ่ง จิตจะเก็บ ความโกรธไว้ 1 หน่วย ถ้าโกรธไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักระงับ หรือ วิราคะ ออกเสียบ้าง ก็จะเป็นคนมักโกรธ แล้วก็จะเป็นผูกโกรธ และอื่นๆอีกตามมาเยอะแยะหมดสรุปลงที่ อุปกิเลส 16 มาหมดเลยผมเคยโดนมาเหมือนกัน ท่านอาจารย์เตือนให้ไปดูอุปกิเลส 16 ก็เลยค่อยยังชั่วขึ้น แต่ก็ยังติดอยู่อีกมากครับ

---

ส่วนเรื่องลูกกวนนั้น ผมก็ไม่เคยมีลูกเหมือนกัน แต่ก็มีหลานเคยทำวิธีนี้ครับ คือตั้งสติ ทำความรู้สึกเต็มที่ แล้วยืนดู เฉยๆ แล้วตั้งสติ อีก ดูว่า อะไรเป็นสาเหตุแห่งปัญหาทั้งหมด แล้วก็สามารถแก้ได้ อันนี้เป็นวิธีของผมน่ะครับ

---

ส่วนเรื่องจิตงฝ่ายดีนั้นถูกต้องดีแล้ว ผมก็เคยเจอเหตุการณ์นี้มาเหมือนกันครับ

----

โปรดรักษาความเพียรด้วยชีวิตนะครับ ส่วนผมก็กำลังพยายามอยู่ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ตอนนี้คิดได้มากขึ้น เมื่อก่อนถ้าไม่พอใจ โมโห โกรธ จะพูดอะไรออกไปแบบไม่ค่อยคิด คิดแต่ว่าเราถูกๆๆ แต่พอมาถึงตอนนั้น คิดได้ว่าที่ผ่านมาเราก็คิดไม่ดีเยอะ พูดไม่ดีก็เยอะ โอ๊ยย ไม่น่าเลยเรา..แบบว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงจะไม่พูดแบบนั้นอะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่ชอบพูดแล้วไม่ค่อยคิด พอมาตอนนี้เหมือนว่าเวลาเราจะพูดอะไรมันจะมีอะไรให้เราหยุดคิดก่อนว่าควรจะพูดดีไหม...ใจเย็นลง แต่ว่าอารมณ์โกรธ โทสะ หงุดหงิด อะไรก็ยังมีอยู่บ้าง ไม่หายไปทั้งหมด...

กตัญญุตา : 23 กรกฎาคม 2008, 5:52 pm




เพิ่งปฏิบัติได้ไม่นาน ไม่กี่วันเอง รู้ทันได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วครับ

เราสั่งสมกิเลส คือ โมโห โทโสไว้ตั้งหลายปี จะว่าตั้งแต่เกิดจนโต

ก็ว่าได้ ให้เวลาบ้าง

กิเลสเป็นนามธรรม จับโยนออกช่องหน้าต่างเหมือนโยนขวดแก้ว

ไม่ได้ ยิ้ม หากจับโยนได้กรัชกายโยนออกหมดไปนานแล้วครับ ไม่

รอมาจนถึงวันนี้หรอกครับ อายหน้าแดง
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

ส่วนใหญ่จะเป็นตอนลูกกวน เพราะชอบทะเลาะกัน เด๋วมาฟ้องกัน เด๋วก็ร้องแข่งกัน
บอกตรงๆ บางทีปวดหัวค่ะ...แบบอยากจะกรี๊ดดด..(แต่ไม่ได้กรี๊ดนะ)
แต่ก็พยายามข่มใจและความรู้สึกนั้นว่าเอาอีกแล้ว เราโกรธอีกแล้วนะ โกรธหนอๆๆๆ
แต่เผลอไม่ได้นะคะ บางทีพอมันมากๆ เข้า ก็ออกอาการอีกละ..



ไม่ลองคิดมุมกลับบ้างครับว่า ดีเหมือนกันนะ ลูกทำให้เรานึกโกรธ

หรือโมโหบ่อยๆ จะได้กำหนด “โกรธหนอๆ” บ่อยๆ เท่ากับ

ว่าฆ่ากิเลสได้วันหนึ่งหลายๆ ตัว เจ๋ง


แต่หากวันไหนเหลืออดจริงๆ ก็เข้าห้องน้ำไปกรี๊ดบ้างก็ได้ ยิ้มเห็นฟัน

แต่อย่าให้ลูกได้ยินนะครับ เด๋วเค้าถามว่า แม่ แม่เข้าร้องเพลงอารัยคับ

ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
อ่านที่ดร.สนองบอกว่าคนที่มีโทสะในจิต ทุกวันๆ แม้จะเล็กน้อย สะสมทุกวันๆ
ถ้าไม่ฝึกจิตให้รู้เท่าทันนี่ไปลงนรกได้ เลย กลัวน่ะค่ะ มิน่าเมื่อก่อนแม่จะห่วงเรื่องอารมณ์ของเรามาก เราก็ไม่เข้าใจ เพราะคิดว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แค่เรื่องอารมณ์ต้องไปถึงนรกเลยหรือ ตอนนี้พอได้มาอ่านมาพิจารณาดูแล้วก็น่าจะจริงอ่ะค่ะ เลยกลัว.....


โทสะเกิดขึ้นขณะใด ก็ตกนรกในขณะนั้นเวลานั้นครับ โดยไม่ต้องรอ

ให้ตายก่อนแล้วค่อยตกหรอกครับ


คุณสังเกตได้เอง เมื่อโทสะครอบงำแล้วจิตใจเป็นไง รุ่มร้อนเหมือนถูก

ไฟนรกเผาผลาญ

เพราะฉะนั้นโทสะเป็นต้น พระพุทธเจ้าจึงเปรียบเสมือนไฟ ชื่อทาง

ธรรมว่า โทสัคคิ (ไฟคือโทสะ)

ผู้ถูกไฟคือโทสะครอบงำแล้ว ก็เหมือนตกนรกดีๆ นั่นเอง ซ้ำมองไม่

เห็นอรรถไม่เห็นธรรม

กรัชกายก็ตกบ่อยๆครับนรกขุมนี้ อายหน้าแดง
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

มีวิธีกำจัดความโกรธไหมคะ แบบว่าโดยเฉพาะกับเด็กๆ เวลากวนน่ะคะ
แบบว่าพูดครั้งสองครั้งสามครั้งก็ไม่ฟัง ไม่รู้เรื่อง ทะเลาะกันแบบนี้เราจะทำยังไงดี
ให้แบบสงบและมีเมตตากะลูกแบบไม่โกรธได้บ้าง..รักนะ แต่ว่าก็หงุดหงิดรำคาญอ่ะค่ะ



ก็อย่างที่บอก กำหนดทันก็ตัดได้เร็ว กิเลสกลัวความรู้ครับ

ค่อยๆทำไปครับ

ไม่ต้องรำคาญกิเลส โกรธก็กำหนด โกรธหนอๆๆ เราจะต้องอาศัย

กิเลสเป็นสะพานเชื่อมไปสู่นิพพานครับ ไม่มีกิเลสนิพพานหมดความ

หมายทันที

กรัชกายก็รำคาญเสียงเด็กร้องเหมือนกันครับ บางครั้งคิดว่าจะร้อง

อะไรนักหนานะน่ารำคาญ แล้วก็ร้องน่ารำคาญจริงๆด้วย

สมมุติเค้าร้องกินน้ำ ไปหยิบให้ไม่ทันใจก็ร้อง

พอเราไปตักให้อ้าว ดื่มสะ บอกไม่เอา ไม่กิน ดูสิครับเด็ก

ทำไงได้ครับลูกเรา หากเราใช้อารมณ์กับเค้า เค้าจะซึมซับสิ่ง

ที่ไม่ดีไม่งามจากเราเข้าสู่จิตใจเค้าอีก เสมือนแม่กระเตงลูกไปฟัง

เค้าด่ากัน แถวๆ ประเทศสะพานมัฆวานนั่นแหละครับ เศร้า
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 7:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
และก็เด๋วนี้จะเหมือนเรามีจิตฝ่ายดีที่จะคอยบอกและเตือนเราอยู่
เช่น สมมติเผลอคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกละ เรื่องเราบ้างคนอื่นบ้าง ก็จะเหมือนมีจิตของเราที่คอยบอกเราว่าจะคิดทำไม มันผ่านไปแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะคิดเรื่องของคนอื่นทำไม ไม่ใช่เรื่องของเราแบบนี้ พอจิตบอกแบบนี้ก็หยุดคิดอ่ะคะ แต่ก็เด๋วก็มาอีกละ แต่ว่าคิดน้อยลงจากแต่ก่อนนะคะ เมื่อก่อนนี่เป็นทั้งวันเลย เด๋วนี้ก็เป็นแต่ก็น้อยลงค่ะ..



ดีแล้วครับ แสดงว่าการปฏิบัติถูกทางและก้าวหน้าครับ

คิดอีกกำหนดอีกครับ อย่าหวั่นไหว

สุดท้ายกุศลธรรมเจริญขึ้นๆ ก็จะกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้เอง

เรากำจัดเองตามใจชอบไม่ได้หรอกครับ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 8:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งที่คุณทั้งสองคน ช่วยตอบและให้ความรู้กับเรา
จงดลบันดาลให้คุณ Rahrm และคุณ กรัชกาย จงมีความสุขและก็มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ...ไม่รู้จะตอบแทนด้วยอะไร ก็ขออวยพรแทน
ละกันค่ะ (พูดภาษาทางธรรมไม่เป็น เลยอวยพรง่ายๆ แบบนี้เลยค่ะ)



สาธุสมพรปากครับ อยากมีสุขภาพแข็ง ไม่เจ็บไม่ไข้เหมือนกัน

จะได้สมดังคำพระที่ว่า อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็น

ลาภอันประเสริฐ

ขอให้พรนี้จงสะท้อนย้อนกลับไปหาคุณด้วยนะครับ สาธุ


และเสริมคำอวยพรนั้นให้สมบูรณ์อีกหน่อยว่า ขอให้คุณมีสุขภาพแข็ง

แรง ไม่เจ็บไม่จนตลอดอายุขัยครับ สาธุ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ่านเจอจากเว็บดังตฤณ เรื่อง 7 เดือนบรรลุธรรม เจอข้อความนี้เลยนึกถึงชื่อคุณ ..

พระพุทธเจ้าสิ้นพระชนม์ เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว พระกรัชกายขององค์ท่านจากพวกเราไปแล้ว ทุกวันนี้ไม่มีใครได้โอกาสสดับพระสุรเสียงแห่งองค์ท่านอีกแล้ว..

สงสัยว่าแปลว่าอะไรเหรอคะ...อ่านตอนนี้ก็ยังไม่รู้ แปลว่า กาย หรือ ดวงจิตหรือเปล่าคะ..เดาเอาค่ะ สงสัย
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 2:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
อ่านเจอจากเว็บดังตฤณ เรื่อง 7 เดือนบรรลุธรรม เจอข้อความนี้เลยนึกถึงชื่อคุณ ..

พระพุทธเจ้าสิ้นพระชนม์ เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว พระกรัชกายขององค์ท่านจากพวกเราไปแล้ว ทุกวันนี้ไม่มีใครได้โอกาสสดับพระสุรเสียงแห่งองค์ท่านอีกแล้ว..

สงสัยว่าแปลว่าอะไรเหรอคะ...อ่านตอนนี้ก็ยังไม่รู้ แปลว่า กาย หรือ ดวงจิตหรือเปล่าคะ..เดาเอาค่ะ

กตัญญุตา: 24 กรกฎาคม 2008, 4:01 am



กรัชกาย


พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หน้า 49

ว่า กรัชกาย แปลว่า กายอันเกิดด้วยธุลีในสรีระ

กรัชกาย (กะรัดชะ) (แบบ) นาม - ร่างกาย

(บาลี. ก= สรีระ+รช=ธุลี+กาย=กรชกาย = (แปลตามรูปศัพท์ว่า )

กายอันเกิดแต่ธุลีในสรีระ

ที่เลือกใช้ชื่อกรัชกายมีที่มาครับ แลกเปลี่ยนกันเล่านะครับ

คุณจะต้องบอกแรงบันดาลใจชื่อกตัญญุตามาจาก....ด้วย ยิ้ม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 2:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จะเล่าให้ฟัง...เอ้ยให้อ่าน (เห็นว่าชอบอ่าน) แบบรวบรัดครับ



-ในสมัยพุทธกาล มีลูกชายเศรษฐีสองคนพี่น้อง

คนพี่ชื่อมหาปาละ คนน้องชื่อจุลปาละ

หลังจากพ่อแม่สิ้นบุญแล้วก็ครอบครองทรัพย์สมบัติสืบต่อมา

จนมาวันหนึ่งปาละผู้พี่ ได้ฟังธรรมชื่ออนุปุพพีกถาจากพระศาสดา

(อนุปุพพีกถา = ธรรมที่กล่าวไปตามลำดับ) คือ ทานกถา

(พรรณนาทาน) สีลกถา (พรรณนาศีล) สัคคกถา

(พรรณนาสวรรค์) โทษ- ความเลวทรามและความเศร้าหมอง

แห่งกามทั้งหลาย และอานิสงส์ในเนกขัมมะ- (ความออกไปจาก

กาม) แล้วเกิดความเลื่อมใส ศรัทธาอยากจะบวช จึงกลับ

บ้านบอกความปรารถนาของตนแก่น้อง...


แม้น้องชายจะชักแม่น้ำทั้ง 5 ห้ามปรามขอร้องไม่ให้บวชตอนนี้....ไว้แก่

แล้วค่อยบวชเถอะพี่

ทรัพย์สมบัติเรามีมากมาย อยากสร้างวัดวาอารามก็ทำได้สร้างได้ไม่

เดือดร้อน

แต่มหาปาละไม่ฟัง มอบสมบัติให้น้องแล้วตนเองก็บวช

หลังจากบวชครบ 5 พรรษาแล้ว จึงเข้าเฝ้าพระศาสดา ทูลถาม

ว่า “ธุระในพระศาสนามีกี่อย่างพระเจ้าข้า”

พระพุทธเจ้า. มี 2 อย่าง ภิกษุ คือ คันถธุระ กับ วิปัสสนาธุระ

ฯลฯ

พระมหาปาละ เลือกเรียนวิปัสสนาธุระ ทูลให้พระพระศาสดาตรัสบอก

กรรมฐานตั้งแต่ต้นจนจบแล้วจึงพร้อมด้วยเพื่อนสหธรรมิก 60 รูป ออก

เดินทางไกลถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ชายแดน

ภิกษุทั้งหมดจึงพักบำเพ็ญสมณธธรรมที่นั่น โดยมีชาวบ้านซึ่งรู้

ความต้องของภิกษุแล้วเกิดเลื่อมใสศรัทธาจึงอาราธนาให้อยู่จำ

พรรษา

ภิกษุทั้งหลายจึงอาศัยบ้านนั้นเป็นที่เที่ยวบิณฑบาตเป็นประจำ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 3:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนในการบำเพ็ญสมณธรรม พระรูปอื่นทั้งหมดเว้นมหาปาละ

ปฏิบัติธรรมด้วยอิริยาบถ 4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอน

ส่วน ท่านมหาปาละบำเพ็ญเนสัชชิกธุดงค์ เพียงอิริยาบถ 3 ยืน

เดิน นั่ง (ไม่นอน)


จนในพรรษานั้น ดวงตาทั้งสองของท่านมหาปาละเกิดฝ่ามัว

ขึ้น แม้หมอที่ปวารณาไว้ว่ามีข้อขัดข้องอะไรให้บอก ได้ทำยา

ถวาย แต่ท่านปาละไม่นอนหยอดยา ใช้นั่งหยอดเอา โรคก็ไม่

หาย

หมออ้อนวอนบ่อยๆ ว่านอนหยอดเถอะท่าน ...จึงบอกหมอว่า

เชิญหมอกลับไปก่อน อาตมาปรึกษาดูก่อนแล้วจะรู้
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เล่าลัดๆตัดถึงที่ถามแล้วนะครับ

นำบาลีมาด้วย เพื่อจะได้เห็นศัพท์ที่ถามเองเลย


เถรสฺส จ ตตฺถ เนว ญาติ น สาโลหิตา อตฺถิ เกน

สทฺธึ มนฺเตยฺย ? กรชกาเยน ปน สทฺธึ

มนฺเตนฺโต “วเทหิ ตาว อาวุโส ปาลิต กึ อกฺขี

โอโลเกสฺสสิ อุทาหุ พุทฺธสาสนํ ? อนมตคฺคสฺมึ หิ สํสารวฏฺเฏ

ตว อกฺขิกาณสฺส คณนา นตฺถิ อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ

พุทฺธสหสฺสานิ อตีตานิ เตสุ เอกพุทฺโธปิ น ปริจฺฉินฺโน อิทานิ อิมํ

อนฺโตวสฺสํ ตโย มาเส น นิปชฺชิสฺสามีติ เต มานสํ พทฺธํ ตสฺมา

จกฺขูนิ เต นสฺสนฺตุ วา ภิชฺชนฺตุ วา พุทฺธสาสนเมว ธาเรหิ

มา จกฺขูนีติ ภูตกายํ โอวทนฺโต อิมา คาถา อภาสิ


ศัพท์ กรชกาเยน ข้างบนที่คุณเห็นที่อื่นแล้วสงสัย

นำมาถามกรัชกาย


ต่อไปดู(สาระ) คำแปลบาลีด้านบนทั้งหมดว่าหลังจาก

ท่านมหาปาละเริ่มมีนัยน์ตาฝ่ามัวและทำท่าว่าจะมองไม่เห็น

(ตาบอด) ว่าหลังจากบอกให้หมอกลับไปก่อน

ท่านปาละพึงปรึกษากับใคร

ดังนี้ครับ


-หากจะมีคำถามว่า.... ก็ในที่นั้น ไม่มีญาติสาโลหิตของพระเถระ

เลย ท่านจะปรึกษากับใครเล่า ?

ตอบ...ถึงกระนั้น ท่านพึงปรึกษากับ กรัชกาย อยู่

จึงคิดว่า แนะปาลิตะผู้มีอายุ ท่านจงว่ามาก่อน ท่านจักเห็นแก่จักษุ

หรือจักเห็นแก่พระพุทธศาสนา ก็ในสังสารวัฏอันยาวไกลที่ใครรู้ไม่ได้

การคณานับตัวท่านผู้มีนัยน์ตาบอดหามิได้ และพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ก็ล่วงไปหลายร้อยหลายพันพระองค์แล้ว ในพระพุทธเจ้าเหล่านั้น

พระพุทธเจ้า แม้แต่พระองค์เดียวก็กำหนดไม่ได้ ท่านได้ผูกใจไว้เดี๋ยวนี้

เองว่า จักไม่นอน จนตลอด 3 เดือนภายในฤดูฝนนี้ เพราะฉะนั้น

ตาของท่านจักบอดหรือแตกก็ตามเถิด ท่านจงทรงแต่พระพุทธศาสนา

ไว้เถิด อย่าเห็นแก่นัยน์ตาเลย ดังนี้
เมื่อกล่าวสอนภูต

กายอยู่ ได้ภาษิตคาถาทั้งหลาย ฯลฯ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน


เมื่อท่านมหาปาละปรึกษากับตนเองอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ยอมนอนหยอด

ยา หมอจึงบอกเลิกการรักษาให้

สุดท้ายท่านก็ตาบอด เพราะผลแห่งอกุศลกรรม

คุณกตัญญุตาอยากรู้ไหมว่าผลกรรมอะไรส่งผลให้

ท่านตาบอด
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 12:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากรู้ค่ะ เล่าต่อเลยค่ะ...

ปล. ตรงบาลีหรือบางประโยคอ่านไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาและพิจารณาตาม แต่ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ปัญญาเราอาจจะเข้าใจได้ไม่ลึกซึ้งพอนะคะ แต่ชอบอ่านค่ะ ยิ้ม ..ช่วยเล่าต่อด้วยนะคะ อยากรู้ว่าเพราะผลกรรมอะไรส่งผลให้ท่านตาบอด ขอบคุณค่ะ สาธุ
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 12:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อืม ลองอ่านอีกที ที่ท่านตาบอดนี่เกี่ยวอะไรกับการที่ปฏิบัติธรรมด้วยอิริยาบถเพียง 3 อย่าง คือ ยืน เดิน นั่ง แต่ไม่นอนหรือเปล่าคะ.. สงสัย
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กตัญญุตา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 มิ.ย. 2008
ตอบ: 73

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 3:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอเล่าหน่อยค่ะ วันนี้นั่งสมาธิรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีเลย มันแปลกตั้งแต่วันสองวันนี้ เดินจงกรมเวลาก็ประมาณเท่าเดิมแต่มีเวทนา ปวดแขนมากก ก็พยายามกำหนดแต่ก็ไม่หาย บางทีหายไปแป๊บนึงก็มาอีกแล้ว เห็นหลวงพ่อท่านบอกว่าถ้ามีเวทนาให้หยุดอย่าเดินต่อให้กำหนดจนกว่าจะหาย ไม่หายอย่าเดิน..ก็ไม่รู้ทำไงมันไม่หาย..ก็เลยมานั่งสมาธิ แปลกจังนะคะ ตั้งแต่เดินจงกรมมา มีสองวันมานี้ที่ปวดแขน เมื่อก่อนเดินเวลาก็พอๆ กันทำไมไม่ปวดละคะ..งง..หรือว่าเราเกร็งเกินไปก็ไม่รู้นะ..

ส่วนตอนนั่งสมาธิ เราก็พยายามจะให้อยู่กับท้องยุบพอง แต่แล้วก็เหมือนมันไม่นิ่ง มันฟุ้งซ่าน ทั้งๆ ที่เราจะไม่คิดๆ แต่จิตกลับแว๊บไปอีกละ เราก็ดึงกลับมา กำหนดทันบ้างไม่ทันบ้าง เพราะมันเร็วจริง..แล้วเหมือนจะง่วงๆ ด้วยนะ ทั้ง ๆที่จริง ๆก่อนหน้านี้ไม่ได้ง่วง นี่ออกจากสมาธิยังง่วงเลยว่าจะใช้เน็ทคงไม่ใช้แล้ว มาโพสต์ก่อนแล้วเด๋วจะไปนอน ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยง่วงหลังจากนั่งสมาธิ วันนี้นั่งถอนสมาธิเร็วกว่าทุกวันมั๊ง เร็วไปห้านาที ร้องไห้ ทำให้รู้สึกเหมือนว่ามันน่าจะดีขึ้น แต่เหมือนทำไมตอนนั้นเหมือนจะผ่านมาได้ด้วยดี ทำได้นานขึ้น แล้วทำไมวันนี้กลับมาเหมือนมันฟุ้งๆ รู้สึกง่วง ประกอบกับร้านอาหารข้างบ้านจัดงานวันเกิด เสียงเฮหลายรอบเลย เฮที เราก็กลับมารู้ตัวที ได้ยินเสียงดังอ่ะ..วันนี้เลยรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่..ก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ทำไปเรื่อยๆ ..ทำได้เท่าที่จะทำได้...

ถามอีกนะคะ..การที่เราปฏิบัติทำไปแบบนี้เรื่อยๆ อย่างคนที่ทำเป็นปีปีนี้ยังมีความรู้สึกฟุ้ง ง่วงหรืออะไรแบบนี้เกิดขึ้นได้อีกไหมคะ สมมติว่าที่ผ่านมาก็เหมือนว่ามันไม่เป็นแล้ว เหมือนว่าเราจะผ่านมาได้แล้ว แต่แล้วจู่ๆ มันก็เป็นอีกแล้ว สรุปว่าอะไร ๆ มันก็ไม่แน่นอนใช่ไหมคะ เช่น วันนี้ไม่ปวดมาก วันนี้มีสมาธิ แต่พรุ่งนี้อาจจะปวดมาก และไม่มีสมาธิเหมือนวันนี้ก็ได้... สงสัย

ไม่มีอะไรค่ะ แค่มาเล่า

ปล. อย่าลืมเล่าต่อนะคะคุณ กรัชกายจะมาอ่านต่อค่ะ ขอบคุณค่ะ
 

_________________
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 6:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เล่าเรื่องที่ค้างต่อครับ ตัดลัดๆพอรู้ เรื่องคงพอ


สรุปว่า ท่านปาละตาบอด หลังจากเดินทางกลับแล้ว ฯลฯ มี

เหตุการณ์ที่ควรเล่าก็คือว่า ท่านปฏิบัติธรรมเป็นอาจิณ แม้ตาบอดก็ยัง

เดินจงกรม

ในวันหนึ่ง หลังจากฝนตกหยุดแล้ว ท่านออกเดินจงกรม ได้เหยียบ

แมลงเม่าตายมากมาย

พวกภิกษุเห็นเข้าก็ตำหนิว่า แหม! ท่าน ตอนที่ตาดีๆอยู่ก็นอนสะ

ครั้นตาบอด คิดจะทำประโยชน์ตน ด้วยเดินจงกรมเหยียบสัตว์ตาย

เป็นเบือ แล้วก็พากันไปฟ้องพระพุทธเจ้า

“พวกเธอเห็นหรือว่าท่านปาละกำลังทำสัตว์ตาย”

“ไม่เห็น พระเจ้าข้า”

“ก็พวกเธอไม่เห็นท่านปาละเหยียบสัตว์ตาย ฉันใด ท่านปาละ ก็ไม่

เห็นสัตว์มีชีวิตเหล่านั้น ฉันนั้น ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเจตนาเป็น

เหตุฆ่าสัตว์ของพระขีณาสพ ย่อมไม่มี”

ภิกษุเหล่านั้น จึงถามพระพุทธเจ้าว่า “ก็ในเมื่อท่านปาละมี

อุปนิสัยความเป็นพระอรหัตอยู่ แล้วไฉนจึงกลายเป็นคนตาบอด

พระเจ้าข้า”

เพราะอำนาจกรรมที่ทำไว้ แล้วเล่าบุพกรรมของท่านปาละให้ภิกษุฟัง

ในอดีตกาล มีหมอยาประจำบ้านคนหนึ่ง ได้เห็นหญิงพิการ

นัยน์ตาผู้หนึ่ง สอบถามดูก็รู้ตามองไม่เห็น จึงอาสาปรุงยารักษาให้

แต่ก็ไม่วายถามว่า จะให้อะไรเป็นค่าจ้างล่ะ


ด้วยความที่หญิงนั้น เป็นคนยากจน ไม่มีเงินทองเป็นค่ารักษา

จึงยอมเอาตัวพร้อมด้วยบุตรธิดา เป็นทาสทาสีรับใช้พ่อหมอ

หลังจากรักษาตาหายเห็น สาธุ


หมอตกลง จึงปรุงยาหยอดตาให้ นัยน์ตาหญิงนั้นก็มองเห็นเป็นปกติ

ด้วยการหยอดเพียงหนเดียวเท่านั้น


แต่หลังจากตามองเห็นเป็นปกติแล้ว กลับคิดเสียว่า

ไม่ดีกระมัง หากเราพร้อมด้วยบุตรและธิดา ไปเป็นทาสเป็นทาสีพ่อ

หมอ เค้าคงพูดจาไม่เราะกับเราคงถูกโขกถูกสับ อย่ากระนั้น

เลย เราจะโกหกพ่อหมอดีฝ่า เมื่อถูกหมอถามอาการ จึงลวง

ว่า ยังไม่เห็นเลยจ้าพ่อหมอ

เป็นหนักกว่าเก่าอีกตั้งแต่หยอดยานี้นะ ปวดจน...เมื่อคืนนอนไม่หลับ

เลย โอ้ย...ปวดๆ ร้องไห้

แต่หมอยารู้ว่า หญิงคนนี้โกหกตน คงไม่ต้องการทำตามสัญญาเป็น

แท้ อย่ากระนั้นเลย เราจะทำให้ตามันบอดเสีย กลับบ้านปรุง

ยาขนานใหม่ให้ แล้วบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็หยอดยาขนานนี้ซี้

รับรองมองเห็นแน่.

หญิงนั้น รับยามาหยอดแล้ว ดวงตาทั้ง 2 ข้าง ก็ดับวูบลง

เหมือนเปลวไฟดับลง ฉะนั้น.

หมอยาคนนั้น ได้มาเกิดเป็นพระจักขุปาละเถระนี้แล้ว.
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง