Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หงษ์ทองให้ลาภ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หงษ์ทองให้ลาภ

นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา


ที่เมืองพาราณสี แคว้นกาสี มีครอบครัวหนึ่งเป็นครอบครัวของคนวรรณะพราหมณ์ นับว่าโชคดีมากเพราะมีหงษ์ทองมาหาแล้วสลัดขนทองคำไว้ให้คนในครอบครัวนั้นนำไปขายเลี้ยงชีวิต

ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นพญาหงษ์ทอง ตัวนั้น

ก่อนเวลาที่ล่วงเลยมาครั้งนั้น พญาหงษ์ทองเกิดเป็นผู้นำของครอบครัวนั้น มีลูกสาว ๓ คน ชื่อ นันทา นันทาวดี และสุนทรีนันทา ต่อมาเมื่อลูกสาวทั้ง ๓ คนนั้นแต่งงานไปหมดแล้วครอบครัวนั้นจึงเหลือเพียงสามีกับภรรยา ไม่นานสามีก็ล้มป่วยและตายไปเกิดเป็นพญาหงษ์ทอง มีร่างกายสูงใหญ่สง่างามทั่วทั้งตัวมีขนสีทอง

พญาหงษ์ทองนั้นระลึกชาติได้ วันหนึ่งได้สำรวจดูตัวเองเห็นลักษณะสง่างามและมีขนสีทองต่างจากหงษ์ตัวอื่นๆ จึงคิดว่า

“เราจุติจากโลกไหนจึงเกิดเป็นหงษ์ทอง”

พญาหงษ์ใคร่ครวญไปก็ทราบว่า “จุติมาจากมนุษย์โลก”

จึงใคร่ครวญต่อไปก็เห็นว่า “ครั้งเกิดเป็นมนุษย์นั้นเรามีครอบครัว มีภรรยา ๑ คน และมีลูกสาว ๓ คน”

จึงใคร่ครวญต่อไปอีกว่า “ขณะนี้ลูกและเมียของเราเป็นอยู่อย่างไร ทำมาหากินอะไรเลี้ยงชีวิต”

ก็ได้ทราบว่า “ขณะนี้ลูกและเมียลำบากมากต้องรับจ้างคนอื่นเลี้ยงชีวิต”

ครั้นทราบอย่างนี้แล้ว พญาหงษ์ทองจึงคิดช่วยเหลือโดยคิดเห็นว่าที่ร่างกายของตนเองมีขนเป็นทองคำซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนทองคำทั่วไป เขาคิดว่า “ถ้าเราจักให้ขนแก่ลูกและเมียครั้งละ ๑ ขน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้พวกเขาเป็นอยู่ได้อย่างสบาย”

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว วันหนึ่ง พญาหงษ์ทองจึงบินไปจับอยู่ที่ท้ายครัวแสดงตัวให้ทุกคนได้เห็น ภรรยาและลูกสาวซึ่งตอนนี้มาอยู่ด้วยกันแล้วเห็นพญาหงษ์ทองเข้าก็รู้สึกประหลาดใจที่มีนกสวยงามมาจับที่บ้านของตนเองจึงถือเป็นมงคลอย่างมาก

ลูกสาวคนหนึ่งถามพญาหงษ์ว่า “พ่อบินมาจากไหน”

“บินมาจากที่ไม่ไกลนี้เอง” พญาหงษ์ตอบ

“นานทีปีหนบ้านนี้ไม่เคยมีนกสวยงามอย่างพ่อบินมาเกาะเลย วันนี้นับว่าโชคดี พ่อบินมาเกาะบ้านนี้ต้องการอะไร”

“ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากมาเยี่ยมพวกเธอ” หงษ์ทองตอบชัดถ้อยชัดคำ

“บินมาเยี่ยม” ลูกสาวอีกคนหนึ่งอุทาน

“แปลก.....นกมาเยี่ยมคน” ลูกสาวคนที่สามพูดบ้าง

“นกเอ๋ย เจ้าพูดเก่งน่ารักเหลือเกิน” แม่พูดพลางจ้องมองไปที่พญาหงษ์ทอง ขณะเดียวกันพญาหงษ์ทองก็จ้องมองมาที่ภรรยาของตน

พญาหงษ์ทองสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เขายังจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้หรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ภรรยาและลูกทุกคนก็เงียบสงบและมองดูพญาหงษ์ทองอย่างพินิจพิเคราะห์

“นกตัวนี้น่ารัก มองดูแล้วอบอุ่นใจ” ทุกคนคิดเหมือนกันฝ่ายพญาหงษ์ทองเมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบจึงเปิดเผยตัวเองให้ทุกคนได้รู้จัก

“ฉันคือสามีของเธอนะ” เขาหันมาพูดกับภรรยา จากนั้นก็หันมาพูดกับลูกสาวทั้งสาม “ฉันคือพ่อของเธอเอง”

ทุกคนได้ยินอย่างนั้นแล้วรู้สึกตื่นเต้นและคอยตั้งใจฟัง พญาหงษ์ทองพูดต่อ “ฉันตายแล้วไปเกิดเป็นหงษ์ทอง ระลึกชาติได้จึงมาหาพวกเธอก็เพื่อจะเยี่ยมเยียนถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกคนสบายดีหรือ”

“ไม่สบายเลย ตั้งแต่ท่านจากไป ฉันกับลูกก็ต้องไปรับจ้างทำงานเลี้ยงชีวิต พอกินกันไปวันหนึ่งๆ ท่านเล่าสบายดีหรือ” ภรรยาตอบและถามแทนลูกสาว

“สบายดี” พญาหงษ์ทองตอบ “ฉันก็เป็นห่วง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะมาหาบ่อยๆ มาแต่ละครั้งก็จะสลัดขนให้ครั้งละ ๑ ขน พวกเธอเอาขนฉันซึ่งเป็นทองคำนี้ไปขายเลี้ยงชีวิตก็แล้วกันนะ”

ว่าแล้วพญาหงษ์ทองก็สลัดขนให้ ๑ ขนแล้วบินจากไป

ภรรยากับลูกสาวก็นำขนทองคำนั้นไปขายเลี้ยงชีวิต

หลังจากวันนั้น พญาหงษ์ทองก็มาเยี่ยมภรรยากับลูกสาวสม่ำเสมอ มาแต่ละครั้งก็สลัดขนไว้ให้ ภรรยากับลูกก็ได้อาศัยขนนั้นเลี้ยงชีวิตทำให้ครอบครัวมีความสุขขึ้นพ้นจากความยากจนกลายมาเป็นมั่งคั่ง

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยู่มาวันหนึ่ง ภรรยาไม่มั่นใจว่าพญาหงษ์ทองจะมาตลอดไปหรือไม่ และถ้าหากไม่มาตนเองกับลูกก็จะไม่ได้ขนไว้ขาย ฐานะของครอบครัวที่ดีขึ้นก็จะกลับยากจนลงอีก

ดังนั้นจึงเรียกพวกลูกมาปรึกษา

“ลูกเอ๋ย พ่อเจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานซึ่งแม่ไม่รู้ว่าจะมาหาเราตลอดไปหรือไม่ ถ้าต่อไปไม่มา พวกเราก็ยากจนลงเพราะฉะนั้นแม่ว่าเวลาที่พ่อเจ้ามา แม่จะจับถอนขนเอาไว้ให้หมดเลยดีไหม”

“อย่าเลย แม่ อย่าเลย” พวกลูกสาวห้ามปราม “ พ่อเป็นนกต้องอาศัยขน ถ้าแม่จับพ่อถอนขนเสียแล้วพ่อจะบินได้อย่างไรมันทำให้พ่อลำบาก”

ภรรยา แม้พวกลูกสาวจะไม่เห็นด้วย ก็ไม่ว่าอะไร แต่ใจของนางคิดที่จะทำอย่างนั้นให้ได้ ทั้งนี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะยากจน ดังนั้นวันหนึ่ง เมื่อพญาหงษ์ทองมาหา นางจึงบอกให้เขามาใกล้ๆ ด้วยความรักและปรารถนาดี

พญาหงษ์ทองมิทันได้คิดถึงภัยอันตรายจึงเข้ามาใกล้ภรรยา แล้วทันใดนั้นนางก็ได้รวบตัวพญาหงษ์ทองไว้แล้วจับถอนขนจนเกลี้ยง ฝ่ายพญาหงษ์ทองก็มิได้ขัดขืนอะไร คงสู้ข่มความเจ็บปวดไว้

นางดีใจมากที่ถอนขนพญาหงษ์ทองไว้ได้หมด แต่ครั้นหยิบขึ้นมาดูใหม่นางก็รู้สึกประหลาดใจที่ขนนั้นกลายเป็นขนธรรมดาไม่ได้เป็นทองคำอย่างแต่ก่อน ทั้งนี้เพราะนางไม่ทราบความจริงว่า ขนทองของพญาหงษ์ทองนั้นหากใครนำไป โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมให้จะกลายเป็นขนธรรมดา

พญาหงษ์ทองเมื่อถูกถอนขนหมดแล้วก็ไม่สามารถกางปีกบินได้ ภรรยาจึงจับขังไว้ในตุ่มใหญ่แล้วคอยเอาข้าวน้ำให้กินจนกระทั่งขนงอกขึ้นมาใหม่

พญาหงษ์ทองครั้นขนปีกงอกแล้วจึงบินกลับไปที่อยู่แล้วไม่ยอมกลับมาเยี่ยมภรรยากับลูกสาวอีกเลย

ฝ่ายภรรยากับลูกสาวทั้งสาม เมื่อไม่ได้ขนทองขายก็ไม่มีรายได้ ฐานะของครอบครัวเริ่มยากจนลงอีก และผลสุดท้ายก็ต้องกลับไปรับจ้างเขาทำงานเลี้ยงชีวิตเหมือนอย่างเคย

นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความอยากร่ำรวยเป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ความอยากร่ำรวยมากเกินไปจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนถือว่าเป็นความอยากที่ผิดและมีผลทำให้ผู้อยากมากเกินไปเดือดร้อนได้ในภายหลัง เหมือนภรรยาของพญาหงษ์ทองอยากรวยมากจนถึงขั้น เบียดเบียนพญาหงษ์ทองแล้วตนเองก็พบความวิบัติในที่สุด


----- จบ -----
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 2:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ชอบมากครับ ยิ้ม
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง