Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ถามผู้รู้ ตัวหาย เหลือแต่ดวงจิต ต้องทำอย่างไรต่อจะหลุดพ้น อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สิริกร พรมทอง
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2008
ตอบ: 7

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปรบมือ อยากทราบค่ะ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ต้องการหลุดพ้น เกิด แก่ เจ็บตาย ในชาตินี้ ตอนนี้คือเวลาอยู่ที่ไหน แค่คิดว่าให้ตัวหาย เหลือแต่ดวงจิต ก็จะเป็นทันที จะหลับตาลืมตาเหมือนกันหมด มีคน mail มาบอกให้ไปหาหลวงพ่อสะอาด แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน email: sirikorn63@sanook.com ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 8:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปล่อยวางครับ ความอยากเป็นสมุทัย คุณอยากหลุดพ้นให้ได้ก็ต้องทิ้งโลกให้ได้ ส่วนที่ตัวหายนั้นกระผมเองเคยรู้สึกเช่นนั้นครับ รู้สึกตื่นเต้น ปิติ มีความสุขดี แต่ได้แค่นั้นจนสักระยะหนึ่งเมื่อพิจารณาทบทวนดูอีกทีก็พบว่าหลงเสียแล้วครับ เพราะไปยึดติดกับนิมิตที่เห็นว่าเป็นอัตตาครับ พระอาจารย์ท่านว่าให้ปล่อยวางเสียจึงไปต่อได้ แล้วก็ไปต่อได้จริงครับ

อันนี้เป็นวิธีที่ถูกจริตกับกระผมดีครับ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูได้ครับ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 11:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหลือแต่จิตก็ดูที่จิตครับ จะรู้จัก ขันธ์ทั้งห้าชัดขึ้นเรื่อย ๆ ครับ และจะสัมพัทธ์สัมพันธ์ไปถึงอายตนะ ๑๒ ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 10:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองกลับมาที่กายนะคะ สติปัฏฐาน 4 ค่ะ
ดูกายให้เห็นจิต ดูจิตให้เห็นกาย
การที่จะหลุดพ้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่ามีทางเดียวคือ อริยมรรค 8 ประการ
ลองสำรวจอริยมรรค แล้วทำไปตามนั้น ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
หลวงปู่มั่นท่านว่า ทำเหมือนเราปลูกข้าว
หมั่นรดน้ำพรวนดิน สร้างเหตุแห่งการเกิดของข้าว ผลที่ได้ก็จะเป็นข้าวเองค่ะ
 

_________________
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Lokudtradham
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2008
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 1:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตเห็นจิตอะไรๆ มันก็ขาดหมดล่ะครับ รึว่าน้องเห็นจุดสว่างอยู่บริเวณอกจุดเล็กๆน่ะ นั้นล่ะครับตัวจิต หลวงตาท่านเทศน์ให้ฟังน่ะ เจ๋ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าจะแสดงรายละเอียดให้มากกว่านี้เผื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านอื่นด้วย

รวมถึงตัวผมด้วย

ขอบคุณครับ

เศร้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
thammathai
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): สังขตธาตุ

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับคุณสิริกร

การปฏิบัติของคุณทำมาดีแล้วครับเพียงแค่นึกก็เหลือแต่จิตแล้วแสดงว่ากำลังสมาธิของคุณแก่กล้ามาก(อินทรย์ ๕และพละ๕ก็เยี่ยมมาก)
คุณต้องอาศัยข้อได้เปรียบนี้เป็นบาทฐานของปัญญาต่อไป

เมื่อพิจารณาเหลือแค่จิต
-ใช้จิตดูกาย(กายานุปัสสนา)เช่น พิจารณาว่าเป็นธาตุสี่ ของโสโครก
-ใช้จิตดูอารมณ์ว่ายังมีเวทนาอะไรอยู่อีกไหม
- ใช้จิตดูจิต(จิตตานุปัสสนา)ตรวจสอบดูว่าจิตยังมีโลภ โกรธ หลงอยู่หรือไม่เป็นอุเบกขาจิตหรือยัง ใสสะอาดดีหรือยัง
- ใช้จิตดูธรรม เช่นพิจารณาสังโยชน์ ๑๐ อริยสัจสี่(เห็นแจ้งในทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ทางดับทุกข์) เป็นต้น

โดยเฉพาะถ้าต้องการหลุดพ้นจริงๆต้องพิจารณาอริยสัจสี่ให้ดีๆจนเกิดปัญญาญาณรู้แจ้งเห็นจริง

สาธุครับ
 

_________________
เราคือใจที่บริสุทธิ์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 9:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณโปเต้

- ดูกายให้เห็นจิต

พิจารณากายคตาสติ จิตรวมแล้วระดับหนึ่ง ความรู้สึกว่าร่างกายหายไป เหลือแต่จิต ท่านจึงว่า "ดูกายให้เห็นจิต"
- ดูจิตให้เห็นกาย

พิจารณาจิต จิตรวมแล้วระดับหนึ่ง จะเห็นว่าจิตส่วนหนึ่งกายส่วนหนึ่งแยกจากกัน ท่านจึงว่า "ดูจิตให้เห็นกาย"

เมื่อปฏิบัติดังนี้จะพัวพันกับ เวทนา และ ธรรม ไปในตัว

เมื่อตัวหายให้ดูในจิต เพื่อค้น เวทนาใน(เวทนานอกอยู่ที่กาย) สัญญา สังขาร วิญญาณ ในจิต แล้วจะย้อนออกมาหารูป และ ความสัมพันธ์ระหว่างขันธ์ ๕ กับ อายตนะ ๑๒
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 12:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่สมาธิมันมากเกิน ให้ฝึกเจริญสติให้มากขึ้น จนกว่าสติเสมอสมาธิหรือมากกว่าสมาธิ อาการนี้จะหายไปเอง ขอเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิด อย่าไปชอบ อย่าไปชัง อย่าไปให้ค่าความหมายในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่งั้นคุณจะติดตรงนี้อีกนาน
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 5:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บังเอิญเจอ โป๊ะเชะ

อ้างอิงจาก:

ถาม ภาวนาบางทีตัวมันใหญ่ๆจะทำอย่างไร?

ตอบ ตัวใหญ่ๆ นั่นปิติมันเกิด บางทีมันตัวเล็กนิดเดียวบางทีมันคล้ายๆกับว่าลอยอยู่บนอากาศ บางทีตัวมันหายไปหมด

ให้กำหนดรู้อยู่เฉยๆ อย่าไปรบกวนมัน มันจะเป็นไงก็ช่างมัน ปล่อยในขณะที่มันเป็น ปล่อยมันไปเลย ทีนี้สิ่งที่มันเป็นตัวใหญ่ก็ดี ตัวเล็กก็ดี ตัวเบาก็ดี ตัวหนักก็ดี ตัวลอยก็ดี มันเป็นอาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ เมื่อเรามีสติกำหนดรู้อยู่ สติสัมปัชญญะดีขึ้นมันจะกำหนดหมายรู้ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งเหล่านั้นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ต้องไปกังวลใดๆทั้งสิ้น หน้าที่ของเรามีสติกำหนดรู้อย่างเดียว ในตอนแรกๆถ้าภาวนาแล้วจิตมันไม่อยู่มันมีแต่ความคิดฟุ้งๆๆขึ้นมา ปล่อยให้มันคิดไปเลยจนปล่อยให้มันคิดไปสุดช่วงแล้วมันหยุดเองอย่าไปบังคับมัน อย่างภาวนาพุทโธๆๆ เพียงแต่นึกพุทโธๆ อย่าไปบังคับจิตให้มันสงบ แต่ว่านึกพุทโธไม่หยุด


http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk723.html
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 6:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอแสดงความคิดเห็นครับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแล้วกันครับ

อาจเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ สมาธินี้อาจเป็นแค่ขณิกสมาธิ หรืออาจเป็นอัปปนาสมาธิ ถ้าต้องการทำวิปัสสนาก็ต้องทำสมาธิตัวนี้ให้ชำนาญ คือถอยเข้าถอยออก หรือหัดทรงสมาธินี้ให้ได้ตามที่เรากำหนด หรือไปหาหนังสืออ่านว่า การทำ วสีนั้นทำอย่างไร

เมื่อชำนาญในสมาธินี้แล้วต้องการบรรลุธรรมก็ทำตามวิธีข้างล้างนี้ครับ

-----------------------------------------------

ทำจิตให้เข้าสู่อุปจารสมาธิจนชำนิชำนาญ จากนั้นพึงยกอุปจารสมาธิไว้เสียส่วนหนึ่ง เอาจิตไว้ส่วนหนึ่ง พึงถอยเข้า ถอยออก โดยอนุโลม ปฏิโลม จนชำนาญ ใช้จิตที่มีกำลังดีแล้วแยกกายออกเป็นส่วนๆ ว่านี่คือ ผม ว่านี่คือ ขน ว่านี่คือ เล็บ ไปจนครบอาการ 32 ย้อนกลับหน้าหลังโดยอนุมาน เพ่งว่านี่คือ ธาตุ เป็นสภาวะอันมีเหตุปัจจัยเข้ามาปรุงแต่ง ว่ามิได้เป็นตัวเราของเรา

เมื่อเพ่งดูโดยพอประมาณแล้วจิตจะมีอาการอ่อนกำลังลงไป พึงยกจิตเข้าสู่อุปจารสมาธิสร้างจิตให้มีกำลัง เมื่อรู้ว่าจิตมีกำลังพอแล้ว

พึงยกจิตและอุปจารสมาธินั้นไว้เสียต่างหากอีกเหมือนเดิมแล้วกลับเข้ามาเพ่งในกายคตาฯ อันมีอาการ 32 ต่อว่า มันสักว่าเป็นธาตุ เป็นของปฏิกูล เป็นของโสโครก เป็นของน่าเกลียด เป็นอสุภะ มิใช่เป็นตัวตนของเราแต่อย่างใดสิ้น พึงดำเนินไปตามนี้ กลับหน้าหลัง โดยอนุมานทั้งเข้าสมาธิและเพ่งพิจารณาธาตุขันธ์ ดำเนินไปจยกว่ามรรคจะเข้าประชุมกันอันจะตัดกิเลสได้เสียเป็น สมุเฉทปหาน

พระอาจารย์ชัยรัตน์ สุธมฺโม
16 ธันวาคม 2544

ขออนุโมทนาในความพากเพียร

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 9:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
คุณโปเต้

- ดูกายให้เห็นจิต

พิจารณากายคตาสติ จิตรวมแล้วระดับหนึ่ง ความรู้สึกว่าร่างกายหายไป เหลือแต่จิต ท่านจึงว่า "ดูกายให้เห็นจิต"


ที่ว่า "ดูกายให้เห็นจิต" โปเต้ไม่ได้หมายถึงอย่างนี้ค่ะ
แต่หมายถึงว่า ระหว่าที่เราดูกาย ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจก็ดี หรือดูอิริยาบท ดูอสุภะ ก็ตาม
ให้เห็นเนื่องถึงจิต หรืออารมณ์ของจิตที่เกิดขึ้นไปด้วย โดยไม่ได้ทิ้งกายแต่อย่างไร

ที่ว่าดูจิตจนกายหายนั้น จากประสบการณ์ของโปเต้เอง(ไม่เกี่ยวกับท่านเจ้าของกระทู้ หรือของท่านอื่น)
เป็นการทิ้งกาย หรือทิ้งสิ่งที่เราไม่ชอบใจ พูดง่ายๆคือหนีทุกข์
เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง
กายนี้ไม่มี แต่จิตนี้ยังอยู่ ทุกข์ก็ยังคงอยู่ร่ำไป
ตราบใดที่ได้ดูจิตจนเห็นกาย คือเห็นว่าจิตยังคงยึดกาย(ไม่ว่าจะกายไหนๆ) ยังคงมีกายอยู่แม้กระทั่งในตัวของจิตเอง
แล้วกระทำให้แจ้งแก่ใจว่า ทั้งสิ่งที่ไม่ชอบใจ หรือชอบใจ ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะภายนอก หรือภายใน อันไม่ควรแก่การยึดมั่นถือมั่น ด้วยประการทั้งปวง
เมื่อได้เห็นแจ้งอย่างนี้ด้วยใจแล้ว เมื่อนั้น ใจจึงจะสลัด สำรอก สิ่งรุงรังที่ใจนั้นยึดมั่น ถือมั่นอยู่นั้นทิ้งโดยไม่เหลือ

(กำลังเพียรอย่างกระเตาะกระแตะอยู่ค่ะ ออกจะหลงรู้อยู่บ่อยๆ ยิ้มเห็นฟัน )
 

_________________
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 12:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ โปเต้

ขอบคุณครับ แลกเปลี่ยนกันนะครับ

กาเลนะ ธรรมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตมัง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง