Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม) เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2008, 11:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม) เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่? จากพระโอษฐ์ของโคตมะพุทธเจ้า


1. ในคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร ได้กล่าวไว้ว่า

“เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงแสดงอภิญญาฤทธิ์พร้อมกับการกล่าวแสดงมหากรุณาธารณีมนตร์อันทรงอานุภาพแล้ว พระอานนท์เถระเจ้า ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระโพธิสัตว์มหาสัตว์พระองค์นี้มีนามอักษราเช่นใดฤๅ ถึงอาจกล่าวแสดงธารณีได้ปานฉะนี้ พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้มีนามว่า อวโลกิเตศวร, อโมฆบาศโลเกศวร,สหัสประภาเนตร

ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระองค์นี้ มีฤทธานุภาพไพศาลเหนือการคาด
คะเนตรึกคิด ในอดีตกาลล่วงมานับประมาณกัลป์มิได้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้
ตรัสรู้พระสรรเพชุดาญาณ พระนามว่า สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยม
ด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ จึงมีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาล
ให้บังเกิดขึ้น เพื่อยังความสุขศานติให้สําเร็จแก่สรรพสัตว์ แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )

ย้ำ! สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ มีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาล แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )
มีบทสรรเสริญสดุดีพระสัทธรรมวิทยาตถาคตใน บทมหากรุณาขมากรรม ว่า “นโมพระสัทธรรมวิทยาตถาคตเจ้าในอดีต ซึ่งคือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในปัจจุบัน”

2. ในมหากรุณาธรณีสูตร องค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้ทรงมีพระดำรัสสรุปความแก่บรรดา พุทธโพธิสัตว์ และทวยเทพในที่ประชุมว่า

"แท้ที่จริงแล้ว พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ ได้สำเร็จธรรมในขั้น "พุทธะ" เมื่อครั้งหลายแสนกัปป์มาแล้ว ทรงพระนามว่า "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" แต่ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะโปรดเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ให้มาร่วมกันฉุดช่วยเวไนยสัตว์มากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ในทะเลทุกข์ พระองค์จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีก"

ย้ำ! "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" จึงทรงหวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีกเป็นพระอวโลกิเตศวร"

สรุป

จากคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าในมหากรุณาธรณีสูตร และในคัมภีร์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไวปุลยสมบูรณอกิญจนมหากรุณาจิตรธารณีสูตร จึงยืนยันได้ว่า

1. พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม) เป็นพระพุทธเจ้านามว่า "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" หรือ “พระสัทธรรมวิทยาตถาคต” แต่พระองค์ท่านไม่ยอมเข้านิพพาน พระองค์นำความกรุณาอันยิ่งใหญ่เข้ามาไว้ในใจอีก ทั้งนี้เพื่อจะได้อยู่ในภพ 3 คอยช่วยเวไนยสัตว์มากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ในทะเลทุกข์

2. "เจิ่น ฝ่า หมิง ยู ไล้" หรือ “พระสัทธรรมวิทยาตถาคต” ทรงเนรมิต(อวตาร)หวนกลับจากพุทธภูมิลงสู่แดนโพธิสัตว์อีกเป็น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2008, 11:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมนำคำตอบของผมในเว็บพันทิพย์มาด้วย หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

คุณ : จูล่งแห่งเสียงสัน ความคิดเห็นที่ 3
คำสอน หรือ ไตรปิกฏของมหายาน ส่วนมาก แต่งเติมขึ้นเอง ภายหลัง

จากคุณ : จูล่งแห่งเสียงสัน คุณจูล่งครับ - อย่าไปกล่าวอ้างนั้นเลยครับ คำสอนของมหายาน 18 นิกายได้รับการรับรองในปฐมสังคายนา มีพระอรหันต์ขีณาสพ 500 รูปรับรอง มีพระอานนท์และพระมหากัสสะปะรวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ในการสังคายนาครั้งที่ 2 เถรวาทไม่ได้เชิญมหายานเข้าร่วม ทำการสังคายนาเอาเอง มหายานทั้ง 18 นิกายเขาก็ถ่ายทอดคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนพวกเขาต่อไป แม้ไม่ได้สังคายนาก็จริง แต่พวกเขาแต่ละนิกายก็ไม่ได้ทิ้งคำสอนของพระพุทธเจ้าไป

พอมาในพุทธศักราชที่ 6 ทั้ง 18 นิกายจึงรวมตัวกันได้ คำสอนที่ออกมาล้วนมีต้นกำเนิดมาจากในปฐมสังคายนา เขาไม่กล้าไปจาบจ้วงละลาบละล้วง เอาคำพูดของตนเองใส่พระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแน่นอน

คุณMaxymillion
=======================================
ย้ำ! สัทธรรมวิทยาตถาคต ด้วยพระมหาปณิธานที่เปี่ยมด้วยมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ มีพุทธประสงค์จะนิรมิตพระโพธิสัตว์จํานวนมหาศาล แต่แล้วจึงบังเกิดเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(องค์เดียว )
=======================================
พระโพธิสัตว์นี้ สามารถนิรมิตกันได้ง่ายๆหรือ?

คุณMaxymillionครับ - สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานิรมิตกายได้เท่าไรล่ะครับ ท่านเทศนาธรรมอยู่ในโลก แต่ก็นิรมิตกายไปเทศนาในดุสิต พรหมโลก ดาวดึงส์เต็มไปหมด


คุณ : Ck (Clarke)
นิกายดเถรวาท ไม่เชื่อหลักธรรมหลายๆอย่างของฝ่ายนิกายมหายาน เช่นเรื่องพระอวโลกิเตศวรฯ หรือกวนอิม เป็นต้น .....เพราะเข้าใจว่า มาแต่งเติมเสริมเอาเองภายหลัง.. )


คุณ Ck (Clarke) ครับ - ศาสนาพุทธเป็นศึกษาที่ต้องปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน จึงจะได้ปัญญา รู้เห็นของจริง ผมขอนำเรื่อง หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม มาลง


ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่นั่งเจริญกรรมฐานอยู่ในโบสถ์ พลันก็เห็นเซียน 8 องค์เข้ามาพูดกับท่านว่า

"พระแม่กวนอิมมารับท่านเป็นสาวกและให้ท่านปฏิบัติแบบมหายาน คือไม่ฉันเนื้อวัว เนื้อควาย และให้ฉันเจทุกเทศกาลกินเจ"

หลวงปู่ก็ไม่ยอม เถียงไปว่า.........

"พระแม่เป็นคนจีน หลวงปู่เป็นคนไทยและนับถือพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไม่ตกลงด้วย"

นับแต่นั้นมาเซียน 8 องค์ก็มาเฝ้าอ้อนวอนให้หลวงปู่เปลี่ยนใจ

จนกระทั่งวันหนึ่งเซียนทั้ง 8 องค์ก็มาหาอีกและบอกว่า

"วันนี้พระแม่กวนอิมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง พักรออยู่ข้างนอก"

หลวงปู่ไม่สนใจได้แต่หลับตาเสีย เซียนองค์หนึ่งจึงไปเชิญเสด็จพระแม่กวนอิมเข้ามาในโบสถ์ และบอกให้หลวงปู่ลืมตาขึ้น หลวงปู่ลืมตาเห็นพระรัศมีสว่างไสวและพระลักษณ์สวยงามมาก พระแม่เจ้าให้หลวงปู่เข้าเป็นสาวกทางพุทธศาสนามหายาน และประทานเสื้อกางเกงชุดพระจีนให้ใส่แทน หลวงปู่เผลอรับเสื้อกางเกงมาสวมใส่ พอกางเกงสวมมาถึงเข่า ก็รู้สึกตัวได้สติ รีบดึงกางเกงออกทิ้งไป พระแม่กลับบอกว่า

"ท่านเป็นสาวกของพระแม่แล้ว ต่อไปนี้ท่านจะต้องฉันเจทุกปี

ตามเทศกาลเจของชาวจีน"

แล้วพระแม่กวนอิมและเซียนทั้ง 8 องค์ ก็หายวับไปกับตา

พอถึงเทศกาลเจครั้งแรก หลวงปู่ไม่ยอมฉันเจ หลวงปู่ก็อาพาธหนัก พอหมดเทศกาลเจก็หาย ในปีต่อ ๆ มา ก็เป็นเช่นนี้อีก หลวงปู่ทดสอบอยู่หลายปี จนต้องหันมาฉันเจในเทศกาลเจ อาการอาพาธต่าง ๆ ก็หายสิ้น ท่านจึงฉันเจตามเทศกาลแต่นั้นมา

ทุกปีของเทศกาลเจ หลวงปู่จะแต่งชุดพระจีนในเวลากลางคืน และเมื่อหลวงปู่นั่งสมาธิ พระแม่เจ้าก็ได้พาหลวงปู่ไปเที่ยวดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตร พร้อมทั้งสอนวิชชาให้ จึงเป็นสาเหตุว่าชาวจีนทำไมจึงขึ้นกับหลวงปู่โต๊ะมากเป็นพิเศษ และหนึ่งในชาวจีนที่นับถือหลวงปู่โต๊ะมากคือ คุณพ่อของข้าพเจ้าเอง คุณพ่อและคณะศรัทธาธรรมได้ร่วมกันสร้างรูปหล่อพระแม่เจ้าร่วมกับหลวงปู่โต๊ะที่ หน้าถ้ำสิงโตทอง จังหวัดราชบุรี เป็นพระรูปกะไหล่ทองให้ศิษย์ที่นับถือพระแม่กวนอิมสักการะบูชา

ครั้นหลังเมื่อหลวงปู่กลับจากการเยือนพุทธคยาที่ประเทศอินเดีย หลวงปู่ก็เริ่มฉันภัตตาหารมังสวิรัติ คือ การเว้นเนื้อสัตว์และมันสัตว์ทั้งปวงโดยเด็ดขาดอย่างจริงจัง ตราบถึงกาลมรณภาพ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2008, 11:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำตอบของผมในเว็บเมเนเจอร์


คุณวนา

อ่านแล้วงงเป็นไก่ตาแตก ดังนี้

1) นิพพานเป็นสภาวะธรรม ไม่ใช่เขตแดนที่จะเดินเข้าเดินออก ผู้ถึงซึ่งสภาวะธรรมสูงสุด ได้แล้วก็ได้เลย ไม่ใช่การเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง พอเหลียวมาดูข้างหลังแล้วมีเกิดความเมตตาต่อสัตว์โลกก็เลยเดินทางย้อนกลับมาอีกที ตรงนี้เข้าใจผิดอย่างมากหรือเปล่า?

2) เวลาไปวัดจีนก็ดี ไปงานกงเต็กก็ดี แม้แต่ดูหนังอย่างไซอิ๋วก็ดี พระยูไล้จะอยู่เป็นประธาน เจ้าแม่กวนอิน (พระโพธิ์สัตว์) จะตั้งอยู่ในลำดับถัดลงมา ไม่ใช่องค์เดียวกันซะหน่อย

3) พระโพธิ์สัตว์ หมายถือผู้บำเพ็ญบุญอย่างไพศาล โดยตั้งจิตขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตไม่ใช่หรือ ไหงกลายเป็นว่าถึงซึ่งนิพพานแล้วแต่ยังไม่ยอมเข้าแดนนิพพาน

ขออภัยที่ต้องขอให้ไปตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่โพสท์มาด้วยค่ะ


คุณวนา ครับ

1) นิพพานกับอายตนะนิพพานเป็นคนละตัวกันครับ อายตนะนิพพานคือ ธรรมกาย

2) พระยูไล้เป็นพระพุทธเจ้าครับ เจ้าแม่กวนอิน (พระโพธิ์สัตว์) เป็นความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าที่อวตารลงมาโปรดสามภพ พวกเราทั้งหมดก็เป็นอวตารของพระพุทธเจ้าองค์ปฐม(อาทิพุทธเจ้า)ทั้งสิ้น แต่เราจะไม่พบตัวเอง ถ้ายังมีราคะ โทสะ โมหะ และความยึดมั่นถือมั่นอยู่ พูดง่ายๆ พวกเราทั้งหนดเป็นพุทธะถ้าสามารถทำจิตให้สิ้นกิเลสได้

3) "พระโพธิ์สัตว์ หมายถือผู้บำเพ็ญบุญอย่างไพศาล โดยตั้งจิตขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตไม่ใช่หรือ"

.....นั่นเป็นพระโพธิสัตว์ในความหมายของเถรวาท ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ในความหมายของมหายาน พระโพธิสัตว์ในความหมายของมหายาน ต้องเป็นอรหันต์ก่อน แต่ไม่ยอมเข้านิพพาน นำความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์เข้ามาในใจ ทำให้ยังวนเวียนอยู่ใน 3 ภพได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ratchadapa
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 05 ม.ค. 2008
ตอบ: 84
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 8:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การสังคายนาครั้งที่ 2 : มูลเหตุการแตกนิกาย

เมื่อพุทธปรินิพพานล่วงไป 100 ปี ภิกษุชาววัชชี เมืองเวสาลี ได้ตั้งวัตถุ
10 ประการ ซึ่งผิดไปจากพระวินัย ทำให้มีทั้งภิกษุที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
จนเกิดการแตกแยกในหมู่สงฆ์ พระยสกากัณฑบุตรได้จาริกมาเมืองเวสาลี และทราบเรื่องนี้ ได้พยายามคัดค้าน แต่ภิกษุชาววัชชีไม่เชื่อฟัง ภิกษุที่สนับสนุนพระยสกากัณฑบุตรจึงนำเรื่องไปปรึกษาพระเถระผู้ใหญ่ในขณะนั้นได้แก่ พระเรวตะ พระสัพกามีเถระ เป็นต้น จึงตกลงให้ทำการสังคายนาขึ้นอีกครั้ง

ภิกษุชาววัชชีไม่ยอมรับและไม่เข้าร่วมการสังคายนานี้ แต่ไปรวบรวมภิกษุฝ่ายตนประชุมทำสังคายนาต่างหาก เรียกว่า มหาสังคีติ และเรียกพวกของตนว่า มหาสังฆิกะ[6] ทำให้พุทธศาสนาในขณะนั้นแตกเป็น 2 นิกาย คือ ฝ่ายที่นับถือมติของพระเถระครั้งปฐมสังคายนาเรียก เถรวาท ฝ่ายที่ถือตามมติของอาจารย์ของตนเรียก อาจาริยวาท[7] [8]

การแตกนิกายน่าจะเกิดหลังสังคายนาครั้งที่สองนะคะ
 

_________________
พวกเธอจงยินดีในความไม่ประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหล่มกิเลส
เหมือนพญาช้างติดหล่ม
พยายามช่วยตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 9:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้าพเจ้าจำได้ว่า เคยตอบหรือเคยเขียนเกี่ยวกับ คำว่า"พระโพธิสัตว์" หมายถึงอะไร แต่ได้ถูกลบไปแล้ว ดังนั้นจึงจะไม่เขียนถึง คำว่าพระโพธิสัตว์อีก

แต่จะให้ข้อคิดสำหรับเจ้าของกระทู้ อันมักมีความคิดที่เบี่ยงเบน ชอบนำสิ่งที่ตัวเขาไม่รู้เห็น ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีจริง เป็นจริง อีกทั้งยังไม่สามารถวิเคราะห์ อนุมาน ให้เห็นเหตุ เห็นผล ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งข้าพเจ้าจะแนะนำและให้ข้อคิดดังต่อไปนี้

พระพุทธเจ้า หรือศาสดาแห่งศาสนาพระองค์ใด ก็ตาม ล้วนเป็นผู้คิดค้น ศึกษา วิจัย ฝึกตน จนสำเร็จ หรือได้ผลตามที่ได้ ค้นคว้า ศึกษา วิจัย มาดีแล้ว
ต่อจากนั้น จึงได้สั่งสอน เผยแพร่ หลักธรรมะและหลักปฏิบัติต่างๆเหล่านั้นให้กับ มนุษย์

ล้วบุคคลใดใด ที่เอาหลักธรรมะ และหลักปฏิบัติของพระพุทธเจ้า หรือศาสดา แห่งศาสนา อันเป็นผู้ค้นคว้า ศึกษา วิจัย และปฏิบัติ จนได้ผลดีแล้ว นำมาปฏิบัติ หรือปฏิบัติตาม เมื่อบุคคลนั้นๆ สำเร็จได้ เราหรือผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะเรียกบุคคลนั้นว่า พระพุทธเจ้าหรือไม่
คำตอบก็คือ ไม่เรียก
แต่จะเรียกว่า พระอรหันต์ หรือ พระโพธิสัตว์

เอาแค่นี้เพราะไม่อยากโต้เถียงกับคนมีสภาพจิตเบี่ยงเบน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 1:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณBuddhaบัวใต้น้ำครับ

ลองเปิดใจให้กว้างๆๆๆๆๆๆ การศึกษาศาสนาไม่ได้ทำโดยการอ่านและใช้สมองคิดอย่างเดียว แม้แต่ทำสมาธิและสมถะกรรมฐานก็ยังเข้าใจผิด มีมิจฉาทิฏฐิเลย พุทธศาสนาไม่ใช่จะเข้าใจได้ด้วยการอ่านตำรา แต่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ต้องปฏิบัติ วิปัสสนาด้วย จึงจะเกิดปัญญา โดยเฉพาะ เมื่อปฏิบัติจนถึงขั้นโสดาบันขึ้นไปแล้ว ไปอ่านตำราอีกครั้ง จะเข้าใจผิดไปจากตอนแรกเลย

ผมคงไม่โต้แย้งกับคุณในเรื่องนี้ เพราะเราเห็นต่างกันไม่รู้กี่ครั้งแล้วในเว็บพลังจิต ทางเว็บพลังจิตเป็นยังไงบ้างครับ คุณปราบมารบอกผมว่า วุ่นวายน่าดู เพราะพวกที่ชอบการเขียนของผม เห็นว่าทางเว็บทำผิด เพราะแบนผมไปด้วยข้อหาจาบจ้วงพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ผมจึงเข้าเว็บไม่ได้ และคนดูแลเว็บไปเอาข้อหาควบคุมความสงบมาให้ผมเพื่อให้ผมเด้งจากเว็บไปตลอดกาล ทำให้คนในเว็บไม่พอใจ

ถ้าคุณสามารถทำได้ รบกวนบอกเพื่อนสมาชิกด้วยว่า ผมอยู่ใน 4 เว็บ คือเว็บ manager เว็บลานธรรม.net เว็บdhammajak.net เว็http://community.buddhayan.com 4 เว็บก็มากพอแล้ว อย่าไปประท้วงอะไรทีมงานเว็บพลังจิตเลย เดี๋ยวจะโดนข้อหา แบนไม่ให้เข้าเว็บอีก
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 1:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณratchadapa บัวผลิหนอครับ


การสังคายนาครั้งที่ 2 : มูลเหตุการแตกนิกาย ผมขออนุญาตแยกไปตั้งกระทู้ใหม่นะครับ จะได้เป็นคนละเรื่องกับกระทู้นี้

ก่อนอื่นพวกท่านเคยสงสัยไหมว่า ในปฐมสังคายนา ปิฎกมหายานยังอยู่ร่วมกันกับเถรวาท แต่ในการสังคายนาครั้งที่ 2 เหลือเพียงปิฎกของเถรวาทเท่านั้น เพราะอะไรทราบไหม?

ในปฐมสังคายนา มีพระมหากัสสปเป็นประธาน และพระอานนท์และพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน 500 รูปเป็นผู้รับรอง พวกท่านทั้งหมดรับรอง ไม่ใช่เฉพาะพระไตรปิฎกของเถรวาท แต่รับรองปิฎกของมหายานด้วย แล้วพระไตรปิฎกของเถรวาท มันแตกต่างจากปิฎกของมหายานตรงไหนกัน? ......มันต่างกันที่จุดเริ่มต้นครับ

พระไตรปิฎกของของเถรวาท เริ่มต้นจากอวิชชา และปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านั้น เนื่องจากพระพุทธองค์ไม่ต้องการให้เราฟุ้งซ่าน เพราะจุดมุ่งหมายของนิกายนี้ให้หาทางพ้นทุกข์อย่างเร็วที่สุด เมื่อเราเข้าถึงความเป็นอรหันต์ขีณาสพแล้ว ปัญญาเราจะเปิด และเราจะรู้ความจริงทั้งหมด ดัวยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงบอกแต่เพียงว่า จิตเดิมของเราเป็นประภัสสร มีอวิชชาเข้ามา ทำให้จิตบริสุทธิ์ของเรากลายพันธุ์เป็นอื่นเท่านั้น

ปิฎกของมหายาน เริ่มต้นตอนที่เราเป็นจิตประภัสสร ก่อนที่จะมีอวิชชาเข้ามา เป็นตอนที่จิตบริสุทธิ์ของเรายังไม่ได้กลายพันธุ์ พระพุทธเจ้าชี้ชัดเลยว่า พวกเราจิตทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์เป็นประภัสสร และเป็นหนึ่งเดียวกับพระสยัมภูพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า หรืออาทิพุทธเจ้า ซึ่งก็คือ พระพุทธเจ้าต้นธาตุ(ศาสนาฮินดูและศาสนาอื่น เช่น คริสต์ อิสลาม เขาเรียกว่า "พระเจ้า" "ปรมาตมัน" "เต๋า") พระพุทธเจ้าต้นธาตุ เป็นผู้ปล่อยจิตประภัสสรต่างๆให้เป็นอิสระหลังจากพวกเราทุกจิตสร้างจักรวาลขึ้นมาแล้ว

ทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นล้วนเป็นมายาลวงจากความว่างเปล่าทั้งสิ้น หลังจากที่ จิตประภัสสรของพวกเราเป็นอิสระแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ในการใช้สังขารคิดปรุงแต่ง พอเราไปหลงติดกับสิ่งที่เราสร้างขึ้น กิเลส ตัญหา อวิชชาจึงเข้ามาในจิต ปฏิจจสมุปบาทจึงเริ่มทำงาน

เมื่อจุดเริ่มต้นต่างกันระหว่าง 2 นิกาย เป็นเหตุให้มารสามารถแทรกซึมได้ แต่มารเขาแทรกจิตของพระอรหันต์ขีณาสพไม่ได้ แทรกได้แต่จิตของสมมุติสงฆ์และปถุชนทั่วไป ที่ยังปฏิบัติไม่ถึงขั้น เนื่องจากจิตเหล่านั้นยังบริสุทธิ์ไม่พอ บารมียังไม่แข็ง จึงเข้าถึงความจริงสูงสุดไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ในปฐมสังคายนาให้แต่พระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วนเข้าร่วมเท่านั้น แม้แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโกก็ไม่ให้เข้าร่วม เพราะพวกท่านไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนฝ่ายมหายานด้วยอภิญญาของท่าน เนื่องจากพวกท่านไม่มีอภิญญา

พวกที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน จะไปมีความสามารถตรวจสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนอวิชชาได้อย่างไรกัน? เช่น เรื่องแดนสุขาวดีของพระอมิตตาภพุทธเจ้า เรื่องพระอวโลกิศวร และเรื่องพระโพธิสัตว์มหายานที่บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ จะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อใดก็ได้ แต่พวกท่านไม่ยอมเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด (เช่น พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์) และเรื่องอื่นๆ

นี่เป็นเหตุให้ในการสังคายนาครั้งที่ 2 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เมื่อพระทั่วไปเข้าร่วมสังคายนาได้ พวกเขาต่างก็เข้าใจผิดกันไปหมด อย่างเรื่องพระอีศวรโพธิสัตว์ในวิมลเกียรตินิทเทสสูตร สมมุติสงฆ์แม้แต่พระอริยะสงฆ์ระดับต้น ก็ยังไม่มีทางตีความได้ นี่เป็นเหตุผลที่ในปฐมสังคายนาให้เฉพาะพระอรหันต์ขีณาสพ ผู้มีอภิญญา 6 ครบถ้วน เข้าร่วมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราไปเปลี่ยนกฎให้สงฆ์ที่ไปเข้าร่วมได้ มหายานจึงต้องแยกกับเถรวาท สู้พวกมารไม่ได้ สมมุติสงฆ์และปถุชนเถรวาทเมื่อตีความเรื่องก่อนอวิชชาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนมหายานไม่ได้ จึงไปกล่าวหามหายานว่า ถูกศาสนาฮินดูเข้ามาแทรกซึม บ่อนทำลาย และก็ไม่ยอมรับว่า พระโพธิสัตว์กวนอิม(อวโลกิเตศวร)มีตัวตนจริง ไปบอกว่าเป็นบุคคลธิษฐาน ไม่มีตัวตน และก็ไม่ยอมรับเรื่องแดนสุขาวดีของพระอมิตตาภพุทธเจ้า รวมทั้งเรื่องพระอีศวรโพธิสัตว์ ฯลฯ ด้วย

ที่สำคัญพระโมคคัลลานะตอนหลงจักรวาล ไปพบพระอมิตตาภพุทธเจ้าในโลกอื่น สมมุติสงฆ์และปถุชนเถรวาทก็ไปตัดทิ้ง เนื่องจากตีความไม่ได้ ถ้าไปบอกว่าเป็นพระอมิตตภพุทธเจ้า ก็เท่ากับยอมรับเรื่องแดนสุขาวดี หลักฐานทางฝ่ายเถรวาทจึงเหลือเพียงพระโมคคัลลานะไปพบพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเท่านั้น แต่ไม่มีรายละเอียด รายละเอียดแท้จริงจะถูกบอกเล่าโดยพระอริยะบุคคลชั้นสูงของไทย ที่รู้เห็นด้วยฌานของท่าน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 3:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปรบมือ ขอบคุณที่ทำให้ความรู้กระจ่างแจ้งขึ้น ปรบมือ
 

_________________
นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 1:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณบัวใต้น้ำครับ ข้อกล่าวหาของคุณ ผมโดนมาในทุกเว็บครับ
กรุณาแสดงเหตุผลประกอบด้วย

" แต่จะให้ข้อคิดสำหรับเจ้าของกระทู้ อันมักมีความคิดที่เบี่ยงเบน ชอบนำสิ่งที่ตัวเขาไม่รู้เห็น ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีจริง เป็นจริง อีกทั้งยังไม่สามารถวิเคราะห์ อนุมาน ให้เห็นเหตุ เห็นผล ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งข้าพเจ้าจะแนะนำและให้ข้อคิดดังต่อไปนี้ "

ผมมีหลักฐานในพระสูตรมหายาน และเถรวาททุกครั้ง การวิเคราะห์ อนุมาน ให้เหตุผล นั้นเป็นวิธีการที่ศาสนาพุทธเรียกว่า มิจฉา
ทิฏฐิ ส่วนการหยุดคิด จิตนิ่ง เป็นวิธีการหาความจริงของสรรพสิ่ง
และทำให้เกิดปัญญา และเป็นสัมมาทิฏฐิ ได้ทั้ง โลกิยสัมมาทิฏฐิ โลกุตตรสัมมาทิฏฐิ

ส่วน การวิเคราะห์ อนุมาน ให้เหตุผล แม้ว่าวันนี้อาจจะถูก แต่ใน
อนาคตอาจผิดก็ได้ เช่น เมื่อก่อนคนคิดว่าโลกแบน ตอนหลังจึงรู้
ว่าโลกกลม เมื่อก่อนคนคิดว่า ร่างกายและสรรพสิ่งในโลกและใน
จักรวาล ล้วนเป็นสสาร หรืออัตตา เมื่อเราเข้าไปสู่จุดที่เล็กที่สุด
มันก็ต้องเป้นสสารหรืออัตตา พอวิทยาศาสตร์ควอนตัมพิสูจน์ว่า
แท้จริงอนุภาคที่เล็กที่สุดที่เป็นค้นกำเนิดของสสาร มันเป็นความ
ไม่มีอะไรเลย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 4:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นำมาฝาก
 

_________________
นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง