Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
นิรทุกข์
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 30 พ.ย. 2004
ตอบ: 54

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2005, 9:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนมาสองพันห้าร้อยปีแล้วว่า "คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร" แต่ในปัจจุบันเกือบทุกสังคมทั้งย่อยทั้งใหญ่ คนพยายามแสวงหาทางแบบง่ายในเรื่องต่างๆ คือถาม ซึ่งเมื่อถามแล้วได้คำตอบตรงกับตนเองต้องการจะได้ฟังก็พอใจและยึดถือว่าถูกต้อง หากคำตอบไม่ตรงกับสิ่งที่ตนเองต้องการก็จะปฏิเสธ เรื่องบางอย่างเพียงใช้ปัญญาในการพิจารณา ตริตรอง และแสวงหาจากตำรับตำราต่างๆน่าจะมีคำตอบที่ถูกต้องตรงกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขต้องการทราบ กลับไม่ทำ ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "ขอให้ผู้รู้ตอบด้วย ขอให้ผู้รู้แนะนำด้วย ขอให้ผู้รู้.......ฯลฯ" ความเพียรชอบหายไปไหนกันหมด
 

_________________
คนธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษหรือวิเศษกว่าปุถุชนทั่วไป ยังมี รัก โลภ โกรธ หลง เป็นปกติ แต่อาจจะเบาบางไปบ้างตามอายุขัยและประสบการณ์ น่าห่วงวัยรุ่นจนถึงคนรุ่นอายุไม่เกิน35ในปัจจุบันยังเข้าใจหลายๆสิ่งผิดไปจากความจริงมาก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2005, 3:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตำรับตำราต่างๆ ก็เป็นเพียงคำตอบในระดับหนึ่ง แต่ปัญญาอันละเอียดที่จะมาพิจารณา ตริตรองคำตอบ ต้องมาจากการปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจในคำตอบนั้นๆได้อย่างลึกซึ้ง หาไม่แล้วก็เป็นเพียงคำตอบที่เป็นเพียงตัวอักษร ได้คำตอบแล้ว ปัญญาก็ยังไม่เกิด ตราบใดที่ยังไม่ลงมือฝึกปฏิบัติ



บางทีคำตอบตามตำราที่ตนได้รับรู้มา ขัดแย้งกับคำตอบที่ตนเองไม่เคยได้ยิน ก็เกิดการถกเถียง วิจารณ์ในลักษณะเดิมอย่างไม่รู้จักจบสิ้น คำตอบบางคำตอบต้องลงมือฝึกปฏิบัติ เพื่อจะได้ทราบถึงสภาวะธรรมที่แท้จริงของหัวข้อในตำรานั้นๆ จึงจะเข้าใจได้แจ่มแจ้ง



ความเพียรไม่ได้หายไปไหน แต่ไม่มีความเพียรในตนเท่านั้นเอง



ธรรมะสวัสดี



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ppj
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2005, 4:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเพียรทางธรรม เพื่อเข้านิพพาน

ความเพียรทางโลก เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2005, 5:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เพราะยุคที่เรามาเกิดในตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่กัปไขลงแล้ว คือ เป็นช่วงที่อายุเฉลี่ยของมนุษย์ ประมาณ 75 ปี และกำลังจะถอยไปเรื่อยๆ จนเหลือแค่ 10 ปี ถึงจะย้อนกลับมาขึ้นมาไหม่

ดังนั้น ถ้าจะนำยุคนี้ไปเทียบกับยุคที่มนุษย์อายุเฉลี่ยเป็น แสนปี ซึ่งหมายถึงว่ามีผู้มีบุญมาก มาเกิดเป็นจำนวนมาก ยุคนี้จึงเทียบไม่ได้แหละครับ

ในยุคต้นๆ กัปนั้น ยกตัวอย่างนะครับ แค่เรื่องความรักนี่ มนุษย์ยุคนั้น จะถือว่า ความรักเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และสูงส่ง ไม่ใช่เรื่องสำส่อน ดังนั้น มนุษย์จะมีอารมณ์กามกำเริบน้อยมาก จะสำรวมในกาม และรักเดียวใจเดียวกันทุกคน

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า คุณธรรมแต่ละด้าน ของมนุษย์ยุคนั้นจะเป็นอย่างไร



แต่มนุษย์ยุคนี้ มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่สำรวมในกาม ในขณะที่อีกหลายๆส่วนทั้งรักร่วมเพศ ทั้งเสพสังวาสแบบสวิงกิ้ง คือ เหมือนสุนัข แมว ทั้งหาคู่กันทางอินเตอร์เนต และเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แบบ กิ๊ก ฯลฯ



นี่แค่คุณธรรมเรื่องกามอย่างเดียว ยังไม่นับเรื่องอื่น มนุษย์ยุคนั้นกับยุคนี้ยังต่างกันขนาดนี้ แล้วถ้านับเรื่องอื่นๆ ด้วย จะต่างกันขนาดไหน



แต่ถึงจะมีมนุษย์ที่เป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้เรามั่นคงในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเจริญในชีวิตก็จะเข้ามาหาเรา ไม่ว่าเราจะเกิดในยุคใดก็ตาม (แต่ยุคอายุมนุษย์ เหลือ 10 ปีนี่ ยังไงผมก็อธิษฐานไม่ขอไปเกิดล่ะครับ เพราะอาจจะทานกำลังของอกุศลจิตไม่ไหว เนื่องจากสิ่งแวดล้อมของอกุศลจิตจะทวีกำลังแรงมากๆ)
 
ผู้ไม่รู้ ฯ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.พ.2005, 7:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเพียรน่ะมีทุกคนครับสำหรับผู้ที่เบื่อหน่ายต่อสังสารวัฏอันยาวนาน

แต่บางคนบางท่านอาจมีบารมีหรือวิบากกรรมต่างกันครับ อย่างว่าแหละ

ครับ การเดินทางต้องอาศัยผู้รู้ทาง ไม่ใช่จะคลำทางไปเหมือนคนตาบอด

ถ้าทุกคนเหมือนกันหมด พระพุทธองค์บรมศาสดาคงไม่แบ่งคนเป็น ๔

ประเภทหลอกครับ ( บัว ๔ เหล่า ) ถ้ายังไม่พบทางยังพึ่งตัวเองยังไม่ได้

ก็ต้อง อาศัยผู้นำทางก่อนทั้งนั้นนะครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง