Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ยาย ตา กับเต่า อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2007, 4:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นานมาแล้ว มีชาวนาผู้เฒ่าสองตายาย
เป็นคนธรรมะธรรมโม ซื่อและสันโดษ
ทำนาด้วยความขยัน หมดหน้านาก็ทำไร่
จึงพอมีพอกินไม่ยากไร้ ลูกก็ไม่มี
ชีวิตของทั้งสอง จึงสงบยิ่งนัก
พอหน้าแล้งก็จับปลาหาอาหาร ไปตามครรลองของชีวิต

วันหนึ่งโชคไม่ดี ตายายหาปลาไม่ได้เลย
จึงเดินคอตกกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
ระหว่างทาง สองตายายก็พบกับเต่าชราตาบอด
ด้วยใจเมตตาเห็นเต่าตัวแห้งนัก จึงได้ยกไปจุ่มน้ำ
และสั่งให้ไปหากินอยู่แถวนั้น
อย่าขึ้นมาหากินบนบก คนอื่นเห็นจะจับไปกินเป็นอาหาร

รุ่งขึ้นตายายก็ตกลงกันว่า จะแยกกันไปหาปลาคนละที่
ตาสะพายแหไว้บนบ่า ส่วนยายถือสวิงไป
จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรก็เหลือจะเดา
ตาจะเหวี่ยงแหไปทางไหนก็ติดแต่เต่าตาบอดตัวนั้นอยู่ร่ำไป
ปล่อยลงน้ำไปก็ไปติดที่สวิงยายอีก เป็นอยู่อย่างนี้ทั้งวัน จนตาโกรธมาก
เพราะเชื่อว่าเป็นเพราะเต่าตัวนั้น ทำให้แกหาปลาไม่ได้เลย
จึงตะโกนบอกยายว่า

"กลับเถอะยาย วันนี้กินแกงเต่ากัน"

"แกจะเอาฟันที่ไหนเคี้ยวเนื้อมัน เต่าแก่ออกอย่างนั้น"
เถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยความที่มีใจเมตตาอยู่แล้ว
ยายกับตาจึงตกลงว่าจะเลี้ยงเต่าตัวนี้ไว้ในบ้าน
โดยจะให้อยู่กับหมาที่เลี้ยงไว้หลายตัว

กลางคืนวันนั้น ตอนดึกสงัดขณะที่ตายายนอนหลับสนิท
หูก็ได้ยินเสียงเต่าคลานมาที่ริมตีนมุ้ง

"ตาตื่นเถอะ เร็วเข้าด้วย อย่านอนขี้เซาเลยน้ำจะท่วมอยู่แล้ว"

ยายตาไม่เชื่อจะนอนต่อ เต่าก็ไม่ยอมให้นอนได้ ปลุกอยู่อย่างนั้น
ในที่สุดก็อดรนทนเต่าเซ้าซี้ไม่ได้
จึงออกไปนอกบ้านหาไม้ไผ่มาต่อแพตามที่เต่าแนะนำ

จนเพื่อนบ้านแปลกใจพากันไต่ถาม ว่าจะตัดไม้ไปทำไม
ตาก็บอกไปตามตรงว่า จะเอาไปต่อแพ เพราะน้ำจะท่วม
เพื่อนบ้านฮาตึงทั้งหมู่บ้าน หาว่าตากับยายเป็นบ้าไปแล้ว
เพราะดันไปเชื่อความฝันเหลวไหล

ตาก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร ตั้งหน้าตั้งตาต่อแพไม่ฟังคำค้านของใคร
ในที่สุดแพก้เสร็จ ท่ามกลางคำเยาะเย้ยถากถางของเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาเห็น
ว่าจะต่อแพไว้ใช้บนบก

คืนนั้นก็เกิดพายุฝนอย่างหนัก ฝนตกลงมาประดุจฟ้ารั่ว
ชาวบ้านจมน้ำตาย บ้างถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป
เหลือแต่ตากับยาย ซึ่งคืนนั้นนอนบนแพที่ต่อไว้
ตามคำแนะนำของเต่าตาบอดที่เลี้ยงไว้

แพของตากับยายลอยไปตามยถากรรม
กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลแรง จนยายกับตายืนไม่ติด
พายุรุนแรงปั่นป่วน หมาทั้งหลายรวมทั้งเต่าขึ้นมาอยู่บนแพหมด
ตากับยายขอบใจเต่า แล้วให้อาหารเป็นรางวัล

จนแพลอยไปได้สักครู่ใหญ่ ก็มีงูใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาบนแพ
ตาเห็นเข้าจึงหยิบขวานจะจามงู เต่าแก่ไม่ยอม ห้ามไว้
สัตว์ป่าทั้งหลายลอยคอตามน้ำมาเป็นทิวแถว รวมทั้งเสือด้วย
ตาหยิบปืนเกือบเล็งยิงเสือที่พยายามตะกุยขึ้นมาบนแพ เต่าก็ห้ามไว้อีก
ขออนุญาตให้เสือขึ้นมาด้วย มีลิงสมทบขึ้นมาบนแพด้วยอีกตัวหนึ่ง
ทั้ง 6 ชีวิตอยู่ร่วมกันบนแพด้วยความสงบ

ในที่สุดตากับยายก็ได้ยินเสียงแว่วเหมือนคนร้องให้ช่วย
เสียงนั้นแสดงว่า เจ้าของเสียงกำลังจะสำลักน้ำและกำลังจะจมน้ำตาย
ทั้งสองจึงตรงเข้าไปช่วยฉุดชายนั้นขึ้นมาบนแพ
เต่าตาบอดห้ามอย่างไร สองยายตาก็ไม่เชื่อ
ยังให้ขอยืมเสื้อผ้าอีกด้วย เลี้ยงดูด้วยข้าวปลาอาหารตามมีตามเกิด
จนชายผู้นั้นแข็งแรงขึ้น

พอหมดพายุโหม น้ำก็แห้งอย่างรวดเร็ว
สัตว์ทั้งหลายก็ลาตายายด้วยน้ำตานองหน้า
สำนึกในบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกมันไว้
แล้วก็แยกย้ายกันไปยังป่าของตน

ตากับยายจึงได้ลงมือพรวนดินเพื่อทำสวนครัว
วันหนึ่งลิงก็เก็บขนุนมาฝากยายกับตา
ส่วนเสือก็ครุ่นคิดจะตอบแทนบุญคุณอยู่ทุกลมหายใจ
วันหนึ่งขณะที่เดินลัดเลาะไปตามชายป่า
เสือก็ได้เห็นว่ามีคนมาปลูกพลับพลา และประดับประดาอย่างสวยงาม
อีกด้านหนึ่งกำลังปรุงอาหาร ส่งกลิ่นหอมฉุย
พนักงานกำลังตักอาหารใส่ภาชนะที่ทำด้วยเงินและทอง
เพื่อจัดโต๊ะอาหาร เสือก็ทราบทันทีว่า
พระราชาหรือเจ้าชายกำลังเสด็จประพาสป่า

เสือจึงเดินทื่อเข้าไปที่พนักงานกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
พนักงานก็พากันวิ่งหนีทิ้งงานไปคนละทางสองทาง
เสือจึงคาบผ้าปูโต๊ะทั้งสี่ด้าน ตลบเอาจานอาหารไว้ตรงกลาง
แล้วคาบห่ออาหารพร้อมด้วยภาชนะอันมีค่า นำไปให้ตากับยาย
เพราะตากับยายยากจนจะได้กินอาหารดีๆ
และถ้วยชามนั้น เสร็จแล้วก็จะนำไปขายแลกเงินได้อีก

ขณะที่เสือคาบห่ออาหารมานั้นตากับยาย กำลังฟันดินอยู่ในไร่
เมื่อกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า
เห็นภาชนะและอาหารอันมีค่า ก็ตกใจ ไม่รู้ว่าใครนำมาไว้
ตากับยายจึงกินอาหารนั้น ส่วนที่เหลือก็แจกให้กับสัตว์เลี้ยง
ได้กินจนอิ่มหนำทั่วหน้ากัน

ต่อมาตากับยายไปทำไร่ตามปกติ เพราะยังไม่ถึงหน้านา
ชายคนที่ตากับยายช่วยชีวิตเอาไว้คราวน้ำท่วม ได้เดินผ่านกระท่อมของแก
และอวดว่าเขาได้รับราชการ เป็นผู้ตรวจราชการต่างพระเนตรพระกรรณ
ตากับยายได้ฟังก็ดีใจ จัดเลี้ยงต้อนรับด้วยความอ่อนน้อม
นำเอาภาชนะที่เสือคาบเอามาฝากออกมารับแขก

ฝ่ายชายใจทราม คิดแค้นและอาฆาตเต่าชราไม่หาย
ถามถึงเต่าที่เคยห้ามยายกับตาไม่ให้รับเขาขึ้นแพ
ปรากฎว่าเต่าได้ไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
ชายผู้นั้นเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ก็อุตส่าห์เดินไปหาเต่าที่ชายคลอง

ขณะนั้นเต่ามิได้ทอดทิ้งตากับยายผู้มีพระคุณเลย
เมื่อขายผู้นั้นเดินมาที่กระท่อมของตากับยาย
เต่าก็ทราบ จึงรีบคลานขึ้นมาจากน้ำจะมาเตือนตากับยาย
แต่เนื่องจากคลานเข้าไปไม่ทันการ
ชายหนุ่มใจทรามเห็นเต่าเข้าเสียก่อน จึงเอาก้อนหินทุ่มเต่ากะให้ตาย
เต่าจึงไม่มีโอกาสเตือน ได้แต่คลานหนีลงน้ำไปด้วยความบอบช้ำ

ชายเนรคุณเมื่อฆ่าเต่าไม่ได้ ก็เดินกลับไปยังกระท่อม
เพื่อไต่สวนจับผิดสองผัวเมียว่า ไปโขมยภาชนะใส่อาหารที่สวยงามมาจากไหน
ตากับยายก็บอกตามตรงว่า เสือคาบมา
เพราะวันที่เห็นของเหล่านั้นเห็นรอยเท้าเสือเต็มกระท่อมไปหมด
ชายผู้นั้นไม่เชื่อ ขู่ว่าจะนำความเข้าทูลพระราชา

ตากับยายมีความทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก
นั่งกอดเข่าปรับทุกข์กันที่ชายเรือน
เต่าตาบอดแอบมากระซิบให้หนีไป แต่ก็สายเสียแล้วไม่ทันการอีก
ชายใจทรามได้นำเจ้าหน้าที่มาที่กระท่อม
เพื่อมาจับกุมสองคนยายตาไปไต่สวนและเข้าคุก

สัตว์ทั้งหลายที่ยายกับตาเคยช่วยชีวิตไว้
ทราบข่าวก็พากันมาแอบดูยายตาเดินเข้าไปรับโทษในเมืองหลวง
ด้วยความสงสารและเจ็บแค้น
แล้วก็ประชุมหารือกัน ว่าจะช่วยยายกับตาอย่างไร
เมื่อวางแผนเสร็จแล้วก็ดำเนินการทันที

งูพิษค่อยๆ ลอบเลื้อยไปถึงห้องบรรทมของพระราชา
ซึ่งพระราชธิดากำลังสาวและสวยมาก และเป็นพระธิดาองค์เดียว
งูเลื้อยเข้าไปบนพระแท่น แล้วกัดที่ต้นแขนพระธิดา
โดยคายพิษพอแต่มิให้ตายเพียงสลบไปเท่านั้น

หมอหลวงทั้งวังถูกตามตัวมา ก็ไม่สามารถแก้พิษได้
ส่งเจ้าหน้าที่ไปตีฆ้องร้องป่าว
มีหมอเข้ามารักษาพระธิดามากมายหลายคนก็ไม่ได้ผล

ส่วนลิงคอยทีอยู่ พอได้เวลาก็ปีนเข้าไปหาตากับยายทางหน้าต่างคุก
เห็นยายกับตาถูกใส่ขื่อคา
ลิงก็ร้องไห้สงสารตายาย แล้วก็คายยาวิเศษสำหรับแก้พิษงู
ออกมาจากกระพุ้งแก้มให้ตายาย
แล้วบอกให้ไปอาสาแก้พิษงูของพระธิดา ด้วยยาวิเศษที่มอบให้นี้
จะทำการได้สำเร็จแน่นอน

ตากับยายจึงตะโกนบอกผู้คุม อาสาแก้พระธิดาให้ฟื้นคืนชีพ
แล้วตากับยายก็ทำได้สำเร็จ
พระราชาพระราชทานรางวัลอันมีค่ามากมาย
ประทานโทษให้ ทำให้ตากับยายได้รับความสุขสบายจนชั่วอายุขัย

คนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน เลวเสียยิ่งกว่าสัตว์


สาธุ ที่มา...

http://www.baanjomyut.com/library/nitan/002.html
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 12 มิ.ย.2008, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ ช่วยคนพาล แล้วไม่สำนึก และยังพาลอยู่ ควรที่จะรู้จักบุญคุณคนบ้าง ซึ่ง
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง