Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
...ทำอย่างไรให้รอดจากการเลย์ออฟ...
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 11 มิ.ย.2008, 12:08 pm
การถูกให้ออกจากงานนั้น ย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
แต่ ณ ภาวะปัจจุบันที่เราไม่อาจคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจได้เลย การเตรียมรับมือไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องดีกว่า
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวแว่ว ๆ มาว่าจะมี
การปลดพนักงานออก
คุณก็อย่าตระหนกตกใจไป
ตั้งใจทำงานของเราให้เต็มที่ดีกว่า
โดยทำงานอย่างมีความสุข และกระตือรือร้นที่จะทำงาน
ให้เจ้านายเห็นว่าคุณไม่ใช่คนเฉื่อยชา
คุณควรเตรียมการเงินสำรองไว้
อย่างน้อย ๆ คุณควรมีเงินเก็บสำรองไว้สัก 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ
เผื่อเหลือยังไงก็ดีกว่าดเผื่อขาดค่ะ
หมั่นอัพเดทเรซูเม่เป็นประจำ
เพื่อที่ว่าคุณจะได้มีข้อมูลหรือผลงานล่าสุดไปเสนอให้บริษัทอื่นดูได้
หัดทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมสายงานต่างบริษัทเอาไว้บ้าง
เผื่อคุณตกงานพวกเขาอาจจะช่วยเหลือคุณได้
และ
ควรมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานที่ถูกเลย์ออฟ
เช่น การช่วยหางานให
้ เผื่อว่าคุณอยากหางานใหม่พวกเขาจะได้ช่วยคุณกลับบ้าง
ทว่าหากคุณโชคร้ายโดนเลย์ออฟจริง ๆ ให้สงวนท่าทีไว้ อย่าโวยวาย แต่ให้คุยกับเจ้านายถึงค่าตอบแทนที่คุณควรจะได้
อย่ามัวแต่โทษตัวเอง
การถูกให้ออกจากงานอาจจะเกิดจากความจำเป็นของบริษัท คุณไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าร้องไห้ฟูมฟายนานเกินเหตุ ทางที่ดีคือคุณควรพยายามหางานใหม่ทันทีที่ทำใจได้
แต่คุณก็ควรจะค่อย ๆ พิจารณางานใหม่
ที่ให้เงินเดือนตามที่คุณพอใจ ลักษณะงานถูกใจคุณ หรืออาจจะเป็นบริษัทที่มั่นคงและรู้จักการอดทนและการรอคอย อย่าสมัครเพื่อให้ได้งานเพียงอย่างเดียว
เพราะถ้าคุณสมัครงานในตำแหน่งที่คุณไม่ถนัด
คุณอาจจะอึดอัด และลำบากใจในภายหลังได้
เมื่อคุณมีโอกาสสัมภาษณ์งานใหม่
คุณควรรู้จักการโฆษณาตัวเองให้แก่บริษัทใหม่สนใจ
ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเรื่องสำคัญ
โดยต้องให้ความสำคัญกับการใช้ถ้อยคำ
ลักษณะการพูด และการวางตัวเป็นสำคัญ
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
อยู่ที่ว่าเราพยายามที่จะมองทางออกนั้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง
คัดลอกจาก...
http://variety.teenee.com/foodforbrain/8525.html
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 11 มิ.ย.2008, 12:15 pm
สิทธิในการได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง
เลิกจ้าง
คำนี้คงไม่มีใครอยากได้ยินจากปากนายจ้างของตนแน่
แต่บางที สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมันบังคับ นายจ้างจำเป็นต้องลดขนาดกิจการลง
มิเช่นนั้นก็ต้องปิดบริษัท จึงจำต้องเลิกจ้างพนักงานบางส่วน
ก็ต้องมาดูกันว่าหากเราเป็นลูกจ้างในส่วนที่ถูกแจ๊คพ๊อตนั้น
เราจะมีสิทธิอย่างไรบ้างตามกฎหมายแรงงาน และเงินที่จะได้รับนั้นจะมีจำนวนเท่าไหร่
เบื้องต้นเราจำต้องรู้ความหมายของคำเหล่านี้ให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่สับสน
การเลิกจ้าง
คือ การกระทำใด ๆ ก็ตามที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไป และไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
ค่าชดเชย
คือ เงินที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
บุคคลที่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
คือ ลูกจ้างซึ่งนายจ้างบอกเลิกการจ้างเท่านั้น
มิใช่การลาออกด้วยใจสมัครของลูกจ้าง
หรือการเกษียณอายุการทำงานก่อนกำหนดกฎหมาย
ก็ถือว่าเป็นการลาออกเองเช่นกัน
จำนวนเงินค่าชดเชยที่พึงได้รับตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
1. ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน (1 เดือน)
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 30 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
2. ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน (3 เดือน)
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 90 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
3. ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน (6 เดือน)
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 180 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
4. ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน (8 เดือน)
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 240 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
5. ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป
ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน (10 เดือน)
หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 300 วันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
ใครจะได้เท่าไหร่ ก็นับอายุงานของตัวเองกันเลยนะครับ
ถ้าทำมานานก็ได้มากหน่อย ทำไม่นานก็ได้น้อยหน่อย แต่ก็ยังมีลูกจ้างบางประเภทนะครับที่แม้ว่าจะถูกเลิกจ้าง ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย เรามาดูข้อยกเว้นดังกล่าวกันนะครับ
ข้อยกเว้นที่ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
1. ลูกจ้างลาออกจากงานด้วยความสมัครใจเอง
2. เป็นลูกจ้างประเภทกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน
และเลิกจ้างตามกำหนดเวลานั้น ซึ่งกฎหมายได้
กำหนดรายละเอียดไว้ด้วยว่า การเลิกจ้างงานแบบใดที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
2.1 การจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจ
2.2 การค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่แน่นอน
2.3 งานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน
2.4 งานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น
ทั้งนี้ การจ้างงานดังกล่าวมาข้างต้น นายจ้างและลูกจ้างต้องทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง และงานนั้นต้องทำแล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี
3. ถ้าเลิกจ้างลูกจ้างด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้
3.1 ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
3.2 จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
3.3 ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
3.4 ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้าง
อันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว
เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน
และหนังสือเตือนนั้นให้มีผลบังคับใช้ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด
3.5 ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม โดยไม่มีเหตุอันสมควร
3.6 ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
นอกจากค่าชดเชยปกติที่ได้กล่าวมานั้น
กฎหมายยังกำหนดให้มีค่าชดเชยพิเศษซึ่งลูกจ้างพึงได้รับ กรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบการไปตั้งที่อื่น อันกระทบต่อการดำรงชีวิตของลูกจ้าง และกรณีถูกเลิกจากเพราะนายจ้างนำเครื่องจักรมาใช้
และลดจำนวนลูกจ้างลง ซึ่งกรณีนี้มีการกำหนดจำนวนเงิน
และหลักเกณฑ์เฉพาะไว้ต่างหาก
ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้น ลูกจ้างและนายจ้างทั้งหลาย
ควรตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตน ในการเลิกจ้างงานหรือถูกเลิกจ้างงาน เพราะแท้จริงแล้วนายจ้างกับลูกจ้าง ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเสมอไปครับ
โกวิท เหล็กสูงเนิน
คัดลอกจาก...
http://www.bunditcenter.com/articles.php?articleId=127
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th