Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
น้ำใจเพื่อน (ธรรมสภา)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2005, 6:09 pm
น้ำใจเพื่อน
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
ในเมืองพาราณสี มีเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ อยู่คนหนึ่งชื่อ ปิลิยะ และในเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ก็มีเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ อยู่อีกคนหนึ่งชื่อ สังขะ ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นสังขเศรษฐี มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ รวมทั้ง ช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีคราวยากจนด้วย
ปิลิยเศรษฐีคาดไม่ถึงว่า ตนเองจะต้องกลายมาเป็นคนยากจนเพราะทรัพย์สมบัติทั้งหมดได้สูญสิ้นไป เนื่องจากการดูแลรักษาที่ไม่ฉลาดของตนเอง เขาทุกข์ทรมานใจมาก วันหนึ่งจึงนั่งปรับทุกข์อยู่กับภรรยา
น้องรัก บัดนี้เราได้เห็นสัจธรรมแล้ว บ้านของเราเหลืออยู่เพียงเรากับคนใช้ไม่กี่คน
ปิลิยเศรษฐีรำพัน
ที่เมืองพาราณสีเราพึ่งใครไม่ได้เลย แต่เพื่อนต่างเมืองจะช่วยเราได้บ้างไหม
ปิลิยเศรษฐีพูดถึงเพื่อนต่างเมือง
พี่หมายถึงใคร ภรรยาสงสัย
สังขเศรษฐีนั่นไงล่ะ
ปิลิยเศรษฐีพูดอย่างมีความหวัง พลอยทำให้ภรรยาของเขามีความหวังขึ้นมาด้วย ครั้นแล้วสองสามีภรรยาก็เดินทางจนมาถึงเรือนของสังขเศรษฐี ซึ่งตั้งสง่าอยู่ในเมืองราชคฤห์ ทั้งสองรู้สึกละอายไม่กล้าขอเข้าพบสังขเศรษฐี
ถ้าเขาเป็นคนดีอย่างที่พี่ว่าจริง เขาต้องไม่รังเกียจเรา ภรรยาตัดบทปลุกความกล้าให้สามี
จากนั้นสองสามีภรรยาก็ขออนุญาตเข้าพบสังขเศรษฐี คนใช้ไม่กล้านำเข้าไปในตอนแรก ก่อนที่ยังไม่ได้แจ้งสังขเศรษฐีทราบ แต่เมื่อแจ้งแล้วก็ต้องประหลาดใจที่ได้ยินสังขเศรษฐีพูดว่า
มาเลยเพื่อนเรา พาเขาเข้ามา
ครั้นคนใช้พาสองสามีภรรยาเข้ามา สังขเศรษฐีก็แสดงความดีใจกล่าวต้อนรับและเชิญชวนให้เข้าไปนั่งในห้องรับแขกที่โอ่โถง เมื่อสนทนาปราศรัยกันพอสมควรแล้ว สังขเศรษฐีก็สั่งคนใช้ให้จัดที่พักให้ปิลิยเศรษฐีและภรรยา สองสามีภรรยาก็เริ่มหายเหนื่อย ร่างกายสดชื่นขึ้นกว่าเก่า วันหนึ่งจึงถามถึงเหตุผลที่มาหาตน
ท่านมาหาข้าพเจ้าครั้งนี้มีธุระอะไรหรือ
สำคัญมากไหมเพื่อน
สำคัญมาก ปิลิยเศรษฐีพูด
ถ้าอย่างนั้น ท่านว่าไปเลย
ปิลิยเศรษฐีก็เล่าถึงความผันแปรกลายมาเป็นคนยากจนลง ท้ายสุดปิลิยเศรษฐีได้ขอให้สังขเศรษฐีช่วยกู้ฐานะตนด้วย
อย่าเสียใจไปเลยเพื่อน ข้าพเจ้ายินดีจะช่วยกู้ฐานะท่าน
สังขเศรษฐีปลอบ กล่าวจบสังขเศรษฐีก็จัดการจัดสรรปันส่วนทรัพย์สมบัติของตนออกเป็นครึ่งหนึ่ง แล้วมอบให้ไปพร้อมด้วยข้าทาสบริวาร
ขอบคุณท่านมาก ปิลิยเศรษฐีกล่าว
จากนั้นก็ไปพาข้าทาสบริวารและขนทรัพย์สมบัติ ๔๐ โกฏิ กลับไปเมืองพาราณสี แล้วสองสามีภรรยาก็กลับกลายเป็นเศรษฐีอีกครั้งหนึ่ง โดยลงทุนดำเนินกิจการอีกหลายกิจการ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติถึง ๘๐ โกฏิ
(มีต่อ)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2005, 6:20 pm
ขณะเดียวกัน สังขเศรษฐีก็กลับตกต่ำ กิจการไม่สู้ดีนัก แล้วผลสุดท้ายทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็สิ้นไป เขาต้องมายากจนจึงตัดสินใจพาภรรยาไปหาปิลิยเศรษฐี ที่เมืองพาราณสีทันที
น้องรัก รอพี่อยู่ที่ศาลากลางเมืองนี้ก่อนก็แล้วกัน สังขเศรษฐีบอกภรรยา
ครั้นแล้ว สังขเศรษฐีก็เดินไปถึงบ้านปิลิยเศรษฐี แล้วก็ขออนุญาตเข้าไปพบ ฝ่ายปิลิยเศรษฐีพอได้ทราบจากคนใช้ว่า สังขเศรษฐีมาหาก็พูดแต่เพียงสั้นๆ ว่า ให้เขาเข้ามา
สังขเศรษฐีดีใจมากที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนยิ้มรับ
ท่านมีธุระอะไรหรือ ปิลิยเศรษฐีถาม
ท่านเศรษฐี ข้าพเจ้ากับภรรยากำลังเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือท่านบ้าง สังขเศรษฐีละล่ำละลักชี้แจง
ข้าพเจ้าช่วยท่านได้ไม่มากหรอก นอกจากให้อาหารท่านไปหุงหากินเองก็แล้วกัน
ปิลิยเศรษฐีพูด พร้อมกับมอบห่อข้าวสารให้สังขเศรษฐีไป ๔ ทะนาน
สังขเศรษฐียืนงงเพราะคิดไม่ตกว่า จะรับข้าวสารที่ปิลิยเศรษฐีมอบให้หรือไม่ แต่แล้วก็ตัดสินใจรับเนื่องจากคิดได้ว่า
เรากับปิลิยเศรษฐีคบกันมานาน เราได้ช่วยเหลือเขา ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของมิตรที่ดีแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็มาจากน้ำใจของเขาซึ่งเป็นเพื่อนของเรา
สังขเศรษฐี ครั้นได้ข้าวสาร ๔ ทะนานแล้ว ก็ลากลับไปหาภรรยาซึ่งรอคอยอยู่ที่ศาลา
ท่านได้อะไรมา ภรรยาถาม
ปิลิยเศรษฐีให้ข้าวสารเรามา ๔ ทะนาน สังขเศรษฐีบอกภรรยาพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่พบปิลิยเศรษฐีให้ทราบ
ภรรยาสังขเศรษฐีเสียใจร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้
ท่านรับมาทำไม เราให้เขา ๔๐ โกฏิ แต่เขาให้เราเป็นข้าวสาร ๔ ทะนาน มันไม่คู่ควรกันเลย
ภรรยาตัดพ้อ
ช่างเถอะ น้องรัก สังขเศรษฐีปลอบภรรยา
อย่าคิดมากไปเลย อย่าให้เรื่องนี้มาทำลายไมตรีของเรากับเขาเลย
แม้สังขเศรษฐีจะปลอบโยนภรรยาอย่างไร นางก็ไม่หยุดร้องไห้
พอดีขณะนั้น
ทาสเก่าของสังขเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งถูกมอบให้มากับปิลิยเศรษฐี
เดินผ่านมาทางประตูศาลา และทันทีที่เห็นสองสามีภรรยาก็ผวาเข้าหมอบกราบลงแทบเท้าด้วยความดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจ จึงถามถึงเรื่องที่สองสามีภรรยามาที่เมืองพาราณสี ครั้นได้ทราบความจริงแล้วก็ปลอบโยนสองสามีภรรยานั้นมิให้เสียใจ
เขาพาเจ้านายเก่าทั้งสองไปบ้าน ต้อนรับอย่างดี แล้วแจ้งให้ทาสคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับตนได้ทราบถึงการมาของนายเก่า เขาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบถึงพฤติกรรมของปิลิยเศรษฐีที่มีต่อเจ้านาย แล้วชวนกันไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตเพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบข้อร้องเรียน แล้วรับสั่งให้สังขเศรษฐีกับปิลิยเศรษฐีเข้าเฝ้า
ทราบมาว่า ท่านแบ่งทรัพย์สมบัติให้ปิลิยเศรษฐีมา ๔๐ โกฏิหรือ พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามสังขเศรษฐี
ใช่ พระเจ้าข้า สังขเศรษฐีทูลรับ ไม่ใช่แต่ทรัพย์เท่านั้น ยังมีสมบัติอื่นๆ อีกทั้งคนและสิ่งของ ข้าพระองค์แบ่งให้ไปอย่างละครึ่ง เพราะเห็นใจที่เขาบากหน้าไปหาขอความช่วยเหลือ
ถึงคราวที่ท่านบากหน้ามาหาเขา เขาตอบแทนท่านดีไหม พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามอีก
ถึงตอนนี้สังขเศรษฐีนั่งนิ่ง
ทราบมาว่า ปิลิยะเศรษฐีให้ข้าวสารท่านมา ๔ ทะนาน ใช่ไหม พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามอีก
สังขเศรษฐียังคงนั่งนิ่งเงียบเหมือนเดิม
พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบได้ทันทีว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดที่พระองค์ซักให้สังขเศรษฐีตอบนั้นเป็นความจริง จึงรับสั่งให้ลงโทษปิลิยเศรษฐีด้วยการให้ยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา มามอบให้แก่สังขเศรษฐี
แต่สังขเศรษฐีกราบทูลว่า
ขอเดชะ ข้าพระองค์ไม่ต้องการทรัพย์สมบัติเขาทั้งหมดหรอก ต้องการแต่เฉพาะส่วนของข้าพระองค์ที่ให้เขามาเท่านั้น
พระเจ้าพรหมทัตทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคืนทรัพย์สินให้แก่สังขเศรษฐีตามความประสงค์ของเขา ฝ่ายสังขเศรษฐีครั้นได้ทรัพย์สมบัติคืนแล้ว ก็พาทาสบริวารกลับไปเมืองราชคฤห์ตามเดิม เขาเริ่มกิจการใหม่ด้วยทรัพย์สมบัติที่ได้คืนมานั้นจนกลับตั้งตัวได้อีกครั้งหนึ่ง
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การทำความดีด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้นย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เหมือนสังขเศรษฐีช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ได้รับผลตอบแทนที่น่าชื่นใจจากบุคคลผู้รักความยุติธรรมหลายฝ่ายฉะนั้น
................... เอวัง ...................
แพร
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2005, 8:55 pm
น่าสนใจมากค่ะ
pajaree16
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2005, 10:28 am
เรื่องนี้มีความน่าสนใจเเละมีความรู้อีกมากมายค่ะ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
ตอบเมื่อ: 02 ส.ค. 2006, 10:11 pm
สา............ธุ
แมวขาวมณี
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
ตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2006, 5:26 am
สา.....ธุ
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 06 มิ.ย.2008, 1:29 pm
เป็นข้อคิดที่ดีครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th