Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เลิกเหล้าด้วยการปฏิบัติธรรม (คุณท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 6:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

คุณท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ
ทำความรู้จักกับปีศาจสุราตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
จากความตั้งใจที่จะดื่มเพื่อเรียกความครื้นเครงในวงเพื่อน
การดื่มเอาสนุกติดตัวเรื่อยมาจนเข้าสู่ชีวิตการทำงาน
ปีศาจสุราออกฤทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มหนักข้อขึ้นทุกครั้งที่เกิดความทุกข์ในใจ
เมื่อหน้าที่ความรับผิดชอบที่หนักขึ้น
คุณท็อปจึงติดอยู่กับวังวนการดื่มเหล้าอย่างหนักอยู่ถึง 2-3 ปี
เพราะคิดว่านี่คือทางออก เป็นทางลัดที่ช่วยคลายเครียดที่ดีที่สุดในเวลานั้น
แต่ผลพวงจากเหล้าส่งผลเสียทั้งต่อจิตใจ
พฤติกรรม ที่ต่างยิ่งทำให้ทุกข์ซ้ำหนักเข้าไปอีก

“แม้ทุกครั้งที่กินเหล้าเราจะรู้สึกผิด อยู่ตลอดเวลา
เพราะจริงๆ แล้วรู้ตัวว่าเราใช้เหล้าเป็นที่หลบความทุกข์
หลบอารมณ์ความรู้สึกลบๆ คิดไม่ตกก็ดื่มให้ลืมๆ
บางทีเมาแล้วก็เพี้ยน อาละวาด อย่างไปทะเลาะกับคนบ้า
กลับบ้านก็นอนคลุกอยู่กับน้องหมาอย่างนี้
รู้สึกเกลียดตัวเอง ยิ่งลูกโตขึ้นทุกวันๆ เราก็ยิ่งรู้สึกแย่มากๆ เลย อายลูก
พอสารกระตุ้นมันหมด จิตใจเราจะหดหู่กว่าเดิม
ทุกข์ก็อยู่เหมือนเดิมไม่ได้หายไปไหน”

“ช่วงที่ดื่มหนักๆ กินจนคอเราเจ็บแสบไปหมด
สุขภาพแย่มาก เป็นกรดไหลย้อน เดิมเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ก็มีอาการมากขึ้น
เป็นหวัดง่าย เป็นหอบหืด หายใจจนจมูกโบ๋ จนเสียงเสีย
ตื่นมาไม่มีเสียงด้วย ไปทำพิธีกรเคยปากกระตุก
หน้าชาไปซีกหนึ่งอย่างเนี้ย รู้สึกว่าเรามันแย่มากแล้ว
คือเครื่องมือทำมาหากินจะพานเสียไปด้วยเลยตอนนั้น”

จากความรู้สึกผิดที่สั่งสมลงในใจทุกวี่วัน
ทำให้คุณท็อปเกิดฉุกใจคิดแล้วหันกลับมาตั้งหลักใหม่
ด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “นี่คือความสุขจริงๆ ของเราเหรอ
การที่ไปนั่งร้านประจำไปอยู่เป็นปี
ไปเข้าห้องน้ำก็นั่งมองวิวในห้องน้ำก็วิวเดิม
มีผนัง กรอบรูป แล้วก็แจกันใบเดิม
เริ่มรู้สึกว่านี่หรือคือความสุขที่แท้ของชีวิต
เราจะยึดการกินเหล้าเป็นหลักของชีวิตเหรอ
ก็ได้คำตอบว่า เราก็ไม่ชอบ ข้างในลึกๆมันต่อต้าน
เราน่าจะมีความสุขที่ถาวรและเสถียร เราเป็นหลักใจของบ้าน
ถ้าเราวิ่งไปหาอะไรที่ทำให้เราถดถอยลงอย่างนี้ มันจะยิ่งแย่
เพราะมันจะทำลายคนรอบๆ ข้างเราด้วย”

นี่เองเป็นที่มาที่น้อมนำให้ใจคุณท็อปคิดว่า
สักวันหนึ่งจะผลักเหล้าออกจากชีวิตให้ได้
ดังนั้นเมื่อกัลยาณมิตรที่หวังดีออกปากชวนไปปฏิบัติธรรม
เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่ทางแห่งความสุขที่แท้จริง

ปฏิบัติธรรมรักษาใจ

เมื่อเข้าสู่การปฏิบัติเต็มตัว
การฝึกเดินจงกรมเป็นด่านแรกที่คุณท็อปต้องเจอ
ซึ่งตอนแรกนั้นเธอคิดว่าง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
แต่ในที่สุดก็รู้ซึ้งว่านี่คือด่านปราบเซียน
แม้จะเดินจงกรมแบบตุปัดตุเป๋ต่อไป
โดยมีความคิดขัดแย้งลอยฟุ้งอยู่เต็มหัว
คุณท็อปก็ไม่ย่อท้อ พยายามเดินให้ดีที่สุด
จนในที่สุดกายกับใจก็เริ่มสื่อสารถึงกัน

“เดินไปจนกระทั่งรู้สึกว่าทำไม่ได้ ขนาดจะตั้งใจเดิน
ฉันจะไม่ล้ม พอจังหวะยกแล้วค้าง เอ้าเซ เซหนอ (หัวเราะ)
บังคับไม่ได้หนอ ชอบคำนี้มากเลยว่า เพราะบังคับไม่ได้จริงๆ
ก็ได้คิดว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ
ทุกอย่างฉันต้องทำให้ได้ เป็นยอดมนุษย์
ฉันอยากจะเป็นแม่ที่ดี เป็นเมียที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี
และเป็นคนทำงานที่ดี อยากดีพร้อม
เลยกลายเป็นแบกไป ทุกอย่างถึงได้เหนื่อยหนัก
ลืมหันกลับมามองตัวเอง แล้วก็เลยวิ่งไปหลบอยู่กับเหล้านั่น”

นอกจากการเดินจงกรมจะทำให้คุณท็อปเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้ว
การนั่งสมาธิด้วยการกำหนดยุบพอง
โดยดูว่าการหายใจเข้าออกเกิดการยุบการพองของร่างกาย
เกิดอาการของร่างกายอย่างไรบ้าง ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่มีค่าไม่แพ้กัน

“แม้เราจะปิดตา แต่ก็ต้องเปิดตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ต้องเปิดรับทั้งหมด เช่นปิดตา
เห็นความมืด ก็กำหนด เห็นหนอ
แล้วก็กลับมากำหนดที่ลมหายใจ
ได้ยินเสียงอะไรก็ตาม ก็ยินหนอ
แอร์เย็น ก็เย็นหนอ แล้วก็กลับมากำหนดที่ลมหายใจ
ทำแบบนี้แล้วจิตจะไม่ลงไปคลุกอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก
ที่มากระทบเยอะเท่าเดิม”

นอกจากเวลาการปฏิบัติทั้งสองรูปแบบที่คุณท็อปเล่าให้ฟังแล้ว
การใช้ชีวิตตลอดสามวันที่สถานปฏิบัติธรรม
ยังถือเป็นการปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที


สาธุ สาธุ สาธุ
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 05 มิ.ย.2008, 6:55 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 6:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

“อย่างเวลากินข้าวก็จะให้กำหนดอิริยาบถย่อย
คือ ธรรมชาติจิตเราจะรับได้ทีละขณะ
ถ้าเป็นในชีวิตประจำวัน เมื่อเราเห็นอาหาร เกิดอยากกิน
เราก็หยิบกิน แต่การปฏิบัติธรรมจะสอนให้เรากำหนด
คือ เมื่อเห็นอาหาร ก็รู้ตัวว่าเห็น
พออยากกินก็ดูที่ใจว่าอาการอยากกินมันเป็นแบบนี้
แล้วเราก็ตามดูว่ามือเรายกขึ้น เอื้อมไปตัก อ้าปาก
กินเข้าไปรู้รสก็กำหนดรสหนอ ดูสัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง
ในปากเราเป็นอย่างไร อาบน้ำ ก็ดูเหมือนกัน
เช่น ในชีวิตประจำวันเราเดินชนโน่นชนนี่
เราเห็นลูกบิด จับลูกบิด หมุนลูกบิด
เห็นห้องน้ำ อยากอาบน้ำ เปิดฝักบัว เห็นน้ำไหล น้ำโดนตัว

ถ้าเรารู้สึกตัวทั่วพร้อมจากการฝึกรู้อิริยาบถย่อยต่างๆ
เมื่อเกิดอารมณ์ความรู้สึกอะไรขึ้นกับเรา ก็จะมีสติมารับอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมีสติว่องไว ต่อมาจะช่วยให้อ่านตัวเราออกว่า เรากำลังดีใจ เสียใจ
กำลังทุกข์ สุข หลง แล้วจะเตือนตัวเองได้ว่า
สิ่งที่เกิดเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าเป็นอกุศลก็ดับซะ”

หลังจากกลับจากการปฏิบัติธรรม
เมื่อมีเวลาคุณท็อปยังใช้วิธีการฝึกจิตด้วยการเดินจงกรม
นั่งสมาธิอยู่บ้าง รวมถึงการสวดมนต์ไหว้พระ อ่านหนังสือธรรมะ
คุณท็อปบอกเคล็ดลับในการฝึกสติว่า
ที่สำคัญคือต้องฝึกบ่อยๆ จะทำให้เกิดความชำนาญ
และห้องปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดก็คือชีวิตในแต่ละวันของเรานี่เอง


หลังจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสามครั้งภายในเวลาหนึ่งปี
ธรรมะได้เข้ามาล้างใจเธอให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น
ซึ่งทำให้เธอก็ลดละการดื่มเหล้าให้น้อยลง
จนในที่สุดก็เลิกได้อย่างเด็ดขาด

วันฟ้าใส

นอกจากจะเกิดความสุขขึ้นในใจตัวเองแล้ว
ดัชนีความรักความอบอุ่นของครอบครัวก็พุ่งสูงขึ้นทุกวัน

“จิตใจตัวเองแจ่มใสขึ้นมากๆ ลูกๆ เขาดีใจกันมาก
เราไม่คิดเลยว่าลูกจะมีความสุขขนาดนี้ เห็นลูกมีความสุข
เราก็มีความสุขกับคนในบ้านที่แต่ก่อนเคยปุบปับโกรธ ขี้หงุดหงิด
ขี้รำคาญ ก็ดีขึ้น มีเมตตามากขึ้น
ทุกคนก็มีความสุข สำหรับตัวเองจากที่เคยทุกข์นาน
ทุกข์แล้ววางลงช้าหลังจากปฏิบัติธรรมก็เหมือนย่นระยะ
เมื่อทุกข์ ก็วางลงเร็ว”


เมื่อถามถึงเรื่องสุขภาพกายหลังจากหยุดดื่มเหล้า
ก็ได้ความว่าร่างกายที่ได้อยู่กับจิตใจที่ดีงาม
ก็แข็งแรงสดชื่นขึ้นตามๆ กัน

“มีพลังใจตั้งมั่นมากขึ้นว่าเราจะทำในสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้อง
ก็จะบอกตัวเองว่าทำให้ได้สิ อย่าทิ้งตรงนั้นสิ
อย่างเรื่องสุขภาพเราก็มีแรงขับให้ไปทำสิ่งดีๆ
เช่น ได้ออกกำลังกายมากขึ้น ตอนนี้แข็งแรง
โรคที่เคยมะรุมมะตุ้ม อย่างอาการภูมิแพ้ก็ดีขึ้น หวัดก็ไม่เป็น
ไปเมืองนอกเดินตัวปลิว ไม่เหนื่อยไม่แพ้อากาศเหมือนเคย
ตอนนี้แข็งแรง กลับเป็นคนเดิมแล้ว มีความสุขจ้ะ”


คัดลอกจาก...นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 232

http://www.cheewajit.com/experience.asp?page=1&hid=

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 12:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยินดีกับคุณท็อปด้วย และขอบคุณท่านลูกโป่งที่นำเรื่องดี มาให้อ่าน สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง