Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้าชายสอนยักษ์ (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2004, 7:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



เจ้าชายสอนยักษ์.JPG


เจ้าชายสอนยักษ์
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



ครั้งนั้นในเมืองพาราณสี แคว้นกาสี มีพระเจ้าพรหมทัตเป็นพระราชา ในชาตินี้พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นเจ้าชายมหิสาสกุมาร เป็นพระโอรสพระองค์โตของพระราชา ซึ่งเกิดจากพระอัครมเหสี เมื่อเจ้าชายเจริญพระชนมายุ 3 พรรษา พระราชมารดาก็ประสูติพระโอรสอีกพระองค์หนึ่ง มีหน้าตาน่ารักผิวงาม พวกโหรจึงถวายพระนามว่า “เจ้าชายจันทกุมาร” เจ้าชายทั้งสองทรงมีความรักต่อกันมาก

หลายปีต่อมา พระราชมารดาเสด็จสวรรคต ในขณะที่เจ้าชายทั้งสองพระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ พระราชาทรงให้ความรัก และทรงหวังอย่างยิ่งที่จะให้สืบราชสมบัติแทนพระองค์ ต่อมาพระราชาทรงแต่งตั้งพระสนมรูปงามนางหนึ่งเป็นพระอัครมเหสี พระนางให้กำเนิดพระโอรสชื่อ “สูริยกุมาร”

วันหนึ่งพระราชาประทับอยู่กับพระอัครมเหสีใหม่ ตอนหนึ่งของการสนทนา พระราชาตรัสว่า “น้องหญิง ลูกของน้องน่ารัก ดูฉลาดไม่แพ้พี่ชายทั่งสอง พี่ขอให้พรไว้ หากน้องต้องการสิ่งใดให้เขาก็ขอมา พี่ยินดีให้ตามที่ขอ”

พระนางดีพระทัย มีสีพระพักตร์สดชื่น ทูลว่า “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ให้ถึงเวลาก่อน”

หลายปีผ่านไป เมื่อเจ้าชายสูริยกุมารเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่แล้ว พระอัครมเหสีจึงทูลขอพรจากพระราชาว่า “เสด็จพี่เพคะ เสด็จพี่ยังจำได้ไหมว่าเคยตรัสสิ่งใดไว้ เมื่อครั้งที่ลูกสูริยกุมารยังเยาว์อยู่ ตอนนี้ลูกก็โตแล้ว น้องจึงขอราชสมบัติให้ลูกสูริยกุมาร”

“น้องหญิงว่าอะไรนะ” พระราชาตรัสถาม

“น้องขอราชสมบัติให้ลูกสูริยกุมาร เพคะ” พระนางตรัสย้ำ

“ไม่ได้.....พี่ยกให้ไม่ได้หรอก” พระราชตรัสตอบ

“เสด็จพี่เป็นกษัตริย์แล้วต้องไม่คืนคำนะเพคะ“ พระนางท้วง

“ใช่.....พี่เป็นกษัตริย์ แต่พี่ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น ในเมื่อลูกมหิสาสกุมาร และลูกจันทกุมารก็ยังอยู่ แม้จะไม่ใช่ลูกของน้อง แต่ก็เป็นลูกของพี่ เขามีสิทธิในราชสมบัติยิ่งกว่าลูกสูริยะกุมารเสียอีก หากพี่ยกให้ ก็จะเป็นที่ครหาของคนทั่วไป“

“เสด็จพี่เพคะ เท่าที่เสด็จพี่ว่าก็มีเหตุผล แต่เหตุผลนั้นมาทีหลังพรที่ให้น้องกับลูกไว้” พระนางยืนยัน

พระราชาตรัสว่า ”เอาละน้องหญิง ขอเวลาให้พี่ตัดสินใจสัก 2-3 วันก่อน”

วันรุ่งขึ้น พระราชาทรงรับสั่งให้เจ้าชายมหิสาสกุมารและเจ้าชายจันทกุมารเข้าเฝ้า รับสั่งว่าทรงรักและห่วงใยมาก จากนั้นทรงเล่าถึงพรและคำขอพรของพระมเหสี พระองค์ปรึกษาเจ้าชายทั้งสองว่าจะทำอย่างไรดี

“เสด็จพ่อ หากเป็นความประสงค์ของเสด็จแม่ ลูกว่าก็สมควรที่น้องสูริยกุมารจะได้ราชสมบัติ ลูกกับน้องจันทกุมารจักขอออกไปอยู่ป่า” เจ้าชายมหิสาสกุมารกราบทูล

พระราชาได้ยินดังนั้น ทรงเข้าสวมกอดแล้วตรัสว่า “ลูกรักหลังจากพ่อตายแล้ว ขอให้ลูกทั้งสองกลับมาเอาราชสมบัตินั้น” พระโอรสทั้งสองก้มทราบพระบาททูลลา

ขณะนั้น เจ้าชายสูริยกุมารประทับสำราญพระอิริยาบถในสนามหน้าพระตำหนัก เห็นเจ้าพี่ทั้งสองเสด็จลงจากตำหนักพระราชบิดา มีสัมภาระเตรียมเสด็จออกจากพระราชวัง จึงเสด็จเข้าไปสอบถาม ทรงทราบว่า “จักไปอยู่ป่า” จึงปรารถนาเสด็จติดตามไปด้วย และไม่ฟังคำทัดทานจากเจ้าพี่ทั้งสองแต่ประการใด

เจ้าชายสูริยะตรัสว่า “เจ้าพี่ พระบิดาของเรายังทรงมีพระชนม์อยู่”

เมื่อไม่อาจทัดทานได้ เจ้าชายทั้งสองจึงจำยอมให้ตามเสด็จ ในการเสด็จครั้งนี้ พระราชาและพระมเหสีต่างก็ทรงทราบทั้งหมด เสด็จบ่ายพระพักตร์ไปยังป่าหิมพานต์

ระหว่างทางเสด็จดำเนิน เจ้าชายทั้งสามรู้สึกเมื่อยล้าจึงชวนกันพักที่โคนต้นไม้ข้างทาง เจ้าชายมหิสาสกุมารตรัสกับเจ้าชายสูริยะว่า “เบื้องหน้ามีสระน้ำใหญ่อยู่ มีน้ำใสสะอาดรสจืดสนิท พี่อยากให้น้องไปอาบดื่มกิน แล้วตักมาให้พี่ทั้งสองดื่มกินบ้าง” เจ้าชายสูริยะทูลรับแล้วเสด็จไปยังสระนั้น


(มีต่อ 1)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2004, 7:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เล่ากันว่า ณ สระน้ำนั้น ท้าวเวสสุวรรณได้ให้รากษสน้ำตนหนึ่งดูแลและมีผลประโยชน์ โดยจับคนที่ลงไปในสระน้ำนั้นกิน ยกเว้นผู้ที่รู้เทวธรรม นับแต่นั้นมารากษสจับคนที่ลงไปสระ แล้วถามถึงเทวธรรม ใครตอบไม่ได้ก็จะกินเสีย

เจ้าชายสูริยกุมารไปถึงสระ แล้วลงเล่นน้ำอย่างสบายพระทัย รากษสจับพระองค์ได้ ทูลถามถึงเทวธรรมว่าคืออะไร ? เจ้าชายตอบว่า “คือพระจันทร์และพระอาทิตย์” รากษสเห็นว่าเจ้าชายไม่รู้จักเทวธรรม จึงจับขังไว้ใต้สระ เจ้าชายมหิสาสกุมารเห็นพระอนุชายังไม่เสด็จกลับ จึงส่งเจ้าชายจันทกุมารไปดู เจ้าชายจันทกุมารก็ถูกจับและถามถึงเทวธรรม เจ้าชายตอบว่า “คือทิศ 4” จึงถูกจับขังไว้อีก

เจ้าชายมหิสาสกุมารเห็นพระอนุชาทั้งสองไปแล้วไม่กลับมา เชื่อว่ามีอันตรายแน่ จึงเสด็จไปยังสระน้ำนั้น ทรงเห็นว่ามีแต่รอยเท้าคนลง ไม่มีรอยเท้าขึ้น ทรงมั่นพระทัยว่าน้องทั้งสองได้รับอันตรายแน่ จึงทรงถืออาวุธยืนระวังตัวอยู่ รากษสจับตาดูอยู่ แล้วแปลงตัวเป็นชายชาวป่าเข้ามาหา ถามถึงเหตุที่ทำไมจึงไม่ยอมลงอาบน้ำ ดื่มน้ำ

มหิสาสกุมารสดับเสียงก็รู้ว่าชายคนนี้คือ รากษสปลอมตัวมา จึงตรัสถามถึงพระอนุชา “ท่านจับน้องเราไปทำไม ?” รากษสจึงเล่าถึงคำสั่งมีหน้าที่ดูแลจากท้าวเวสสุวรรณ แล้วถามเจ้าชายว่า “เทวธรรมคืออะไร ?”

ตรัสว่า “เราตอบได้ แต่ขอโอกาสอาบน้ำชำระกายให้สะอาดก่อน”

รากษสยอมตามที่เจ้าชายมหิสาสกุมารเสนอ ยอมให้สรงสนานจัดพระกระยาหารและน้ำให้เสวย แล้วทูลเชิญประทับบนตั่งที่จัดถวาย

เจ้าชายตรัสตอบว่า “เทวธรรม คือธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ได้แก่ หิริ ความละอายใจที่จะทำชั่ว และโอตตัปปะ มั่นคงอยู่ในกุศลธรรม จัดเป็นคนสวย เป็นคนงามในโลก ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นคนมีเทวธรรม”


(มีต่อ 2)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2004, 7:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รากษสฟังแล้วเลื่อมใส เพราะเป็นคำตอบที่ตรงกับท้าวเวสสุวรรณเฉลยไว้ กล่าวว่า “ท่านผู้เป็นบัณฑิต ข้าพเจ้าเลื่อมใสท่าน ยินดีคืนน้องชายให้หนึ่งคน ท่านจะให้นำน้องชายคนไหนมา”

ตรัสตอบว่า “น้องชายคนเล็ก”

รากษสกล่าวตำหนิว่า “ท่านเป็นบัณฑิต ท่านรู้เรื่องเทวธรรม แต่ไม่ได้ประพฤติตัวอย่างที่รู้เลย

“ทำไมเล่า”

“การที่ท่านนำน้องชายคนเล็กมาโดยทิ้งน้องคนโต นับว่าทำตัวอย่างที่ไม่ดี คือทำให้ผู้น้อยไม่เคารพผู้ใหญ่ น้องชายคนเล็กของท่านจะเหิมเกริมได้”

“ท่านเข้าใจผิด ข้าพเจ้ารู้ทั้งเทวธรรมและประพฤติตาม ท่านรู้ไหมน้องชายคนเล็กมีบุญคุณแก่ข้าพเจ้าและน้องชายคนโตมาก ทำให้ข้าพเจ้าทั้งสองออกมาอยู่ป่า การอยู่ป่าช่วยให้เราปลอดภัย”

จากนั้นตรัสเล่าถึงการขอและการยกราชสมบัติให้รากษสฟัง

“น้องชายคนเล็กเป็นคนดีไม่ละโมบในราชสมบัติ ยังยอมออกมาลำบากด้วย ข้าพเจ้าและน้องชายคนโตระลึกถึงความดีของเขา ฉะนั้น หากจะไว้ชีวิต ขอให้ไว้ชีวิตน้องชายคนเล็กก็แล้วกัน ที่สำคัญข้าพเจ้ากับน้องชายคนโต คงอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้ หากน้องชายคนเล็กต้องตาย เพราะจะถูกกล่าวหาว่ารุมฆ่าน้อง หากบอกว่ายักษ์กินใครจะเชื่อ”

รากษสชื่นชมยกย่องเจ้าชายเป็นอันมาก แล้วนำเจ้าชายทั้งสองมาคืน จากนั้นเจ้าชายมหิสาสกุมารทรงเตือนสติรากษสด้วยธรรมเป็นอันมาก

เจ้าชายทั้งสามพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น จนเวลาผ่านไปหลายปี วันหนึ่งเจ้าชายมหิสาสกุมารตรวจดูดวงดาวบนท้องฟ้าทรงทราบว่าพระราชบิดาสวรรคตแล้ว จึงพร้อมด้วยพระอนุชาทั้งสองเสด็จกลับเมือง

ชาวเมืองถวายการรับเสด็จอย่างสมพระเกีรยติ และอภิเษกเจ้าชายมหิสาสกุมารเป็นพระราชา ทรงตั้งเจ้าชายจันทกุมารเป็นพระอุปราช ตั้งเจ้าชายสูริยกุมารเป็นเสนาบดี ทรงดูแลรากษสให้มีความเป็นอยู่อย่างดี


นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนดีแม้จะมีมิตรชั่ว ก็พยายามทำมิตรชั่วนั้นให้เป็นคนดี และผลแห่งความดีนั้นย่อมตอบสนองให้เข้าพ้นจากความตกต่ำ



>>>>>>>>> จบ >>>>>>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
อ.ส.ม.ฝึกหัด
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 มี.ค. 2005
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2005, 8:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุสาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
^^^
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2006, 3:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 4:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ เราคนไทยรักกันไว้เถิดครับ เศร้า
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง