Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ภัยของกา (ธรรมสภา)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:00 am
ภัยของกา
นิทานธรรมฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
ที่เมืองพาราณสี แคว้นกาสี มีฝูงกาอยู่เป็นจำนวนมาก พระเจ้าพรหมทัตทรงรับสั่งให้จับฝูงกาฆ่าเอามันเหลว ทำให้ฝูงกาเดือดร้อนหนัก
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นพญากา บำเพ็ญเมตตาบารมีช่วยเหลือฝูงกามิให้ถูกฆ่า ส่วนพระอานนท์เกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัต
วันหนึ่ง ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัต ออกมาอาบน้ำในแม่น้ำนอกเมือง หลังจากอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวทาน้ำหอมทัดดอกไม้นุ่งผ้าใหม่ เดินทางกลับเข้าไปในเมือง
ขณะนั้นมีกาสองตัวจับอยู่บนซุ้มประตูทางเข้าไปในเมือง กาตัวหนึ่งเห็นปุโรหิตกำลังเดินทางมาจะถึงซุ้มประตู นึกสนุก จึงบอกกาอีกตัวหนึ่งว่า
เพื่อนเอ๋ย เพื่อนคอยดูนะ เดี๋ยวกันจะขี้รดหัวตาพราหมณ์คนนี้
อย่านะเพื่อน อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด กาตัวที่สองร้องห้าม
พราหมณ์คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ แต่เป็นคนมีอำนาจเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของพระเจ้าพรหมทัต การทำให้คนมีอำนาจอย่างนี้โกรธไม่ดีเลย เพราะมีแต่จะทำให้พวกเราต้องเดือดร้อน
เขาคงไม่โกรธมากหรอก เราล้อเล่นสนุกๆ ไปอย่างนั้นเอง กาตัวที่หนึ่งยังดื้อรั้น
ถ้าอย่างนั้น เชิญเพื่อนสนุกไปคนเดียวเถอะ กาตัวที่สองพูดจบ ก็บินเลี่ยงไปทางอื่น
ทันใดนั้นเอง ปุโรหิตก็เดินทางมาถึงที่ใต้ซุ้มประตู กาตัวที่หนึ่งก็ถ่ายอุจจาระรดศีรษะเขาอย่างตั้งใจ ไว้แล้วส่งเสียงร้องแสดงความดีใจและบินหนีไป
ปุโรหิตโกรธมาก ถึงขั้นผูกอาฆาตจะฆ่าพวกกาให้ได้ในวันหนึ่ง
ครั้งนั้น ที่เมืองพาราณสี นอกจากมีฝูงกามากแล้ว ยังมีฝูงแกะมากอีกด้วย ฝูงแกะนั้นชอบเข้ามากินข้าวเปลือกที่ชาวบ้านตากไว้กลางแจ้งในหมู่บ้าน คราวหนึ่ง แกะตัวหนึ่งไปกินข้าวเปลือกของผู้หญิงคนหนึ่งเข้าขณะที่นางกำลังนอนหลับ
พอตื่นขึ้นมาเห็นแกะเข้าเท่านั้น นางก็รีบตวาดเสียงลั่นจนแกะหนีไป แกะตัวนี้มากินข้าเปลือกหมดเกือบครึ่งแล้ว เราเสียหายหนัก ต่อนี้ไปจักต้องหาวิธีไล่ไม่ให้มันมา
ดังนั้นวันรุ่งขึ้นนางจึงคอยเวลาให้แกะตัวนั้นมากิน ครั้นใกล้ถึงเวลาที่แกะตัวนั้นมา นางจึงถือฟืนนั่งคอยทำทีเหมือนหลับ ครู่ต่อมาแกะก็มา เห็นนางนั่งหลับจึงเดินตรงเข้าไปกินข้าวเปลือกที่นางตากไว้ นางค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง
ขณะที่แกะกำลังกินเพลินอยู่นั้น นางก็ถือดุ้นฟืนที่กำลังติดไฟ เดินไปหวดเข้าที่กลางหลังแกะ แกะมีขนยาวมาก ไฟที่ดุ้นฟืนลุกไหม้ขนแกะอย่างรวดเร็ว
โอย..... ร้อนจัง แกะร้องพลางวิ่งหาที่ดับไฟพลาง จนกระทั่งมาถึงกระท่อมมุงด้วยหญ้าหลังหนึ่งซึ่งปลูกอยู่ใกล้โรงช้างจึงเอาร่างกายเข้าถู
(มีต่อ 1)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:07 am
ทันใดนั้นเอง เปลวไฟก็ลุกไหม้กระท่อมหญ้าแล้วลามไปไหม้โรงช้าง เปลวไฟลุกโชติช่วงแล้วตกลงมาไหม้หลังช้าง ส่งผลให้ช้างหลายเชือกมีแผลพุพองไปทั้งตัวและทุกข์ทรมานมาก หมอหลวงพยายามรักษาอย่างเต็มที่ แต่แผลไม่หาย จึงพากันไปกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบ
พระเจ้าพรหมทัตทรงวิตกกังวลมาก จึงตรัสเรียกปุโรหิตมาปรึกษา
ท่านอาจารย์ ช้างหลวงหลายเชือกถูกไฟไหม้ตัวเป็นแผลพุพอง หมอหลวงพยายามรักษากันอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ท่านอาจารย์มียาดีบ้างไหม
ขอเดชะ ข้าพระองค์ไม่มียาดีหรอก แต่ว่าพอรู้จัก ปุโรหิตกราบทูล พลันหวนคิดถึงโอกาสที่จะได้แก้แค้นพวกกาที่เคยถ่ายรดศีรษะตนเอง
ยาอะไรหรือ ท่านอาจารย์ พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามอย่างกระตือรือร้น
มันเหลวของกา พระเจ้าข้า
เมื่อทรงทราบเช่นนั้นก็รับสั่งแก่พวกอำมาตย์ทันที นับแต่นั้นมาพวกอำมาตย์ก็สั่งพวกคนใกล้ชิด ให้ช่วยกันฆ่ากาแล้วนำมันเหลวมาถวายพระเจ้าพรหมทัต ผลปรากฏว่าฝูงกาถูกฆ่าตายวันละหลายสิบตัว ฝ่ายกาที่ยังไม่ถูกฆ่าก็เริ่มอกสั่นขวัญแขวน เพราะไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงตนเมื่อไร
ครั้งนั้น ในบริเวณป่าช้าใหญ่นอกเมือง มีกาฝูงใหญ่อาศัยอยู่มีจำนวนถึง ๘๐,๐๐๐ ตัว โดยมีพญากาเป็นหัวหน้า กาฝูงนี้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสงบ ต่อมา มีกาตัวหนึ่งเห็นว่าฝูงกาในเมืองกำลังเดือดร้อนหนัก เพราะถูกพวกมนุษย์ไล่ล่าเพื่อเอามันเหลว จึงบินมาหาพญากาให้ช่วยเหลือ
ฝ่ายพญากาหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็เกิดเมตตาจิตคิดจะช่วยเหลือ เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่าพวกกาเดือดร้อน จึงบินตรงเข้าไปในพระราชวัง ขณะนั้นพระเจ้าพรหมทัตประทับนั่งบนบัลลังก์ในท้องพระโรง พญากาเข้าไปในพระราชวัง แล้วก็วิ่งเข้าไปจับอยู่ใต้พระแท่นที่ประทับนั่ง
(มีต่อ 2)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 20 ม.ค. 2005, 10:19 am
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตรียมจะลุกขึ้นไปลากพญากาออกมา แต่พระเจ้าพรหมทัตตรัสห้ามพร้อมทั้งทรงรับสั่งว่า กามันเข้าไปหลบอาศัย อย่าจับมัน
พญากาพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง พลางตั้งจิตแผ่เมตตาไปยังพระเจ้าพรหมทัต จากนั้นจึงมุดออกมาจากใต้พระแท่นที่ประทับ แล้วกราบทูลว่า
ขอเดชะ ขึ้นชื่อว่าพระราชาแล้วควรจะครองราชสมบัติแบบไม่มีอคติ ก่อนที่จะรับสั่งให้ใครทำอะไร ควรที่จะทรงใคร่ครวญให้รอบคอบก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ เพราะถ้าพระราชาทำผิดพลาดขึ้นมา คนจำนวนมากก็จะพลอยเดือดร้อน เหมือนที่พวกกาญาติของข้าพระองค์กำลังเดือดร้อนอยู่ขณะนี้
เจ้าหมายถึงพวกคนของข้าเที่ยวฆ่ากาอยู่เวลานี้ใช่ไหม พระเจ้าพรหมทัตตรัสถาม
ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พญากากราบทูล
ข้าเองสั่งให้เขาทำเพราะต้องการได้มันเหลวของกา มาทำเป็นยารักษาแผลไฟไหม้ให้พวกช้างหลวง พระเจ้าพรหมทัตทรงยอมรับ
พระองค์ทรงรู้จักยาขนานนี้หรือพระเจ้าข้า
ไม่หรอก.....ข้าไม่รู้หรอก แต่ปุโรหิตของข้าเขารู้ ข้าสั่งตามที่เขาแนะนำ
ขอเดชะ ปุโรหิตของพระองค์อาฆาตพวกกา และคิดหาทางแก้แค้น จึงทำให้เขาต้องกราบทูลเท็จแก่พระองค์ พวกกาไม่มีมันเหลวหรอก พระเจ้าข้า
พญากาได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ นับตั้งแต่มีกาตัวหนึ่งถ่ายรดศีรษะซึ่งทำให้ปุโรหิตโกรธแค้น จนถึงเรื่องที่พวกกาถูกฆ่านอนตายเกลื่อน พระเจ้าพรหมทัตทรงฟังกาเล่าแล้วสะเทือนพระทัยมาก จึงอุ้มกาขึ้นจับบนแท่นที่ประทับนั่ง แล้วรับสั่งให้เจ้าหน้าที่เอาน้ำมันมาทาปีกกา
จากนั้นจึงรับสั่งให้พระราชทานอาหารชนิดเลิศให้พญากากิน แล้วตรัสสนทนาด้วย พระองค์ได้ตรัสถามถึงเหตุผลที่ฝูงกาไม่มีมันเหลว พญากากราบทูลว่า
กาทั้งหลายเบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง แล้วมีใจหวาดหวั่นอยู่เป็นนิตย์ ดังนั้นจึงไม่มีมันเหลว
ครั้นกราบทูลถึงเหตุผลที่กาไม่มีมันเหลวแล้ว
พญากาก็ได้กราบทูลขอให้ พระเจ้าพรหมทัตทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมและรักษาศีล ๕ พร้อมทั้ง ทูลขอพระราชทานอภัยให้แก่ฝูงกาและสัตว์ทุกประเภท
พระเจ้าพรหมทัตทรงทำตามที่พญากาทูลขอ คือ ทรงปกครองแว่นแคว้นโดยทศพิธราชธรรม พระราชทาอภัยแก่สัตว์ทุกประเภท และพระราชทานอาหารแก่ฝูงกาทุกวันตลอดพระชนมายุ
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การล่วงเกินผู้มีอำนาจอย่างไม่เหมาะสมนั้น มักก่อให้เกิดภัยตกมาถึงตัวได้เสมอ เหมือนกาล่วงเกินปุโรหิตแล้ว ทำให้ฝูงกาด้วยกันได้รับภัยฉะนั้น
...................... เอวัง ......................
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 3:52 pm
อนุโมทนาครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th