Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อยากขอคำแนะนำก่อนที่จะสายเกินไป อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนบาป
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 08 พ.ค.2007, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากขอคำแนะนำก่อนที่จะสายเกินไป

เธอท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ แต่ตอนนี้เธออยากจะทำแท้งแต่ผมอยากให้เกิดมา ตอนนี้ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้เธอไปทำแท้งแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

เรื่องมีอยู่ว่าเป็นรักต้องห้ามและเป็นการกระทำที่บาปมากที่สุด ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ผมเข้าไปตอนที่เธอมีปัญหาครอบครัวพอดี ผมกับสามีเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอมีท้องกับผมและต้องไปทำแท้งมาแล้ว 2 ครั้งและการทำแท้งครั้งที่ 2 เธอตกเลือดเกือบเอาชีวิตไม่รอดผมกลัวมาก เธอได้หย่ากับสามีและได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นกับผมประมาณ1เดือน แล้วเธอก็ต้องกลับมาบ้านเพราะเธอห่วงและคิดถึงลูก 2 คนที่ยังเล็กอยู่ แต่ก่อนกลับมาเราได้คุยกันไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอมีท้องกับผมอีกครั้งจะเอาไว้ไม่ไปทำแท้ง พอเธอกลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ1เดือน เราคุยกันว่าจะยุติเรื่องระหว่างเราให้จบลงรู้สึกผิดมากที่ทิ้งลูกสองคนไป

แต่เธอบอกผมว่าตั้งท้องกับผมได้สองเดือนแล้ว และเธอบอกว่าอยากเอาออกเพราะกลัวปัญหาจะตามมาโดยเฉพาะเรื่องลูกสองคน เธอเป็นห่วงกลัวลูกลำบากแล้วก็ไม่อยากทิ้งลูกไปอีกและเธอกลัวว่าสามีจะส่งลูกไปอยู่ต่างจังหวัดกับญาติหรือให้ไปอยู่กับปู่ย่าเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ สามีเธอทำงานเป็นกะ เช้า บ่าย ดึก ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องการไปทำแท้ง

แต่ผมก็บอกว่าอย่าทำแท้งอีกเลยเราทำผิดและบาปมามากแล้ว ให้โอกาสลูกได้เกิดมาเห็นหน้าพ่อแม่ อย่าแก้ปัญหาด้วยการไปทำลายชีวิตลูกของตัวเองอีกเลย ได้อยู่กับลูกสองคนแต่ต้องทำลายไปอีกหนึ่งชีวิตและเราก็ได้ตกลงกันไว้แล้วในเรื่องนี้ก่อนเธอกลับบ้าน ผมขอร้องเธให้เธอไปอยู่กับญาติผมที่ต่างจังหวัดจนกว่าจะคลอดลูกแล้วหลังจากนั้นทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอต้องการ แต่ยิ่งพูดออ้นวอนและขอร้องกับเธอก็ยิ่งเหมือนบอกให้เธอไปเอาออก

ผมจึงอยากขอคำแนะนำและความเห็นของท่านกับเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นคำด่าหรือสาปแช่งผมขอน้อมรับด้วยดี ช่วยผมด้วยนะครับ ได้ดูหนังไทยเรื่องโกยเถอะโยมตลกมากๆ แต่ดูจบแล้วน้ำตาไหลไม่หยุดเลยครับ ตอนนี้ผมเริ่มได้รับกรรมที่ผมเป็นคนทำแล้วครับแค่เริ่มต้นผมก็ทุกข์และทรมานเหลือเกิน อธิบายไม่ถูกแต่บอกได้เลยว่าเวรกรรมมีจริง หวังว่าเรื่องผมคงเป็นสิ่งเตือนใจทุกท่านอย่าใช้ชีวิตประมาท

ขอบคุณครับ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 12:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ทำแท้ง” พุทธศาสนามองว่าอย่างไร

ช่วงนี้มีการถกเถียงกันมากเกี่ยวกับประเด็น “ทำแท้ง” ว่าควรหรือไม่ควร โดยที่ทั้งฝ่ายเสนอ และ ฝ่ายคัดค้าน ต่างยกเหตุผลขึ้นมาถกเถียงกันฟังดูก็มีเหตุผลดีทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเสนอก็บอกว่าควรออกกฏหมายอนุญาตให้ทำแท้งได้เพราะตอนนี้ก็มีการลักลอบทำแท้งเถื่อนกันมากมาย ถึงอย่างไรก็ควบคุมกันไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมไม่ทำให้มันถูกต้องไปเสียเลย

บางคนก็ว่าในกรณีที่ตรวจพบว่าเด็กมีโรคร้ายแรงคลอดออกมาก็ทรมานเปล่าๆ อีกไม่นานก็ตาย สู้ทำแท้งไปเลยจะได้ตัดปัญหาตั้งแต่ต้นลม ฯลฯ ฝ่ายคัดค้านก็คัดค้านอย่างจริงจัง โดยให้เหตุผลว่าการทำแท้งจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กหนุ่มสาวมั่วเพศกันมากขึ้น บ้างก็ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม สรุปว่าข้อโต้แย้งเรื่องการทำแท้งนี้ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่ยุติตราบจนกระทั่งทุกวันนี้

“ทำแท้ง” พุทธศาสนาวินิจฉัยว่าสมควร หรือไม่สมควรอย่างไร ?

ถ้าจะให้ตอบก็คงจะต้องตอบตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งวินิจฉัยว่า การทำแท้งเท่ากับการฆ่ามนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะพุทธศาสนาถือหลักว่าการปฏิสนธิว่าคือจุดเริ่มต้นของการเกิดเป็นมนุษย์ คือมีจิตใจของมนุษย์เกิดขึ้นอยู่ในเซลล์ชีวิตเล็กๆ ที่ปฏิสนธินั้นแล้ว และ ภาวะแห่งความเป็นมนุษย์นี้จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อตายลง

อนึ่ง ในทางพุทธศาสนาท่านถือว่าการฆ่ามนุษย์นั้นบาปหนักกว่าการฆ่าสัตว์ดิรัจฉาน เพราะภาวะของมนุษย์ท่านถือว่าเป็นชีวิตอันประเสริฐที่ต่างจากสัตว์ดิรัจฉานทั่วไป เหตุผลคือชีวิตมนุษย์เป็นชีวิตที่มีโอกาสสามารถพัฒนาตนให้เจริญงอกงามได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ยกตัวอย่างเช่น คนธรรมดาอย่างเจ้าชายสิทธัตถะยังสามารถพัฒนาตนจนอุบัติเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เป็นต้น ดังนั้นการฆ่ามนุษย์แม้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จึงเท่ากับการตัดโอกาสของชีวิตที่จะได้พัฒนาตนต่อไป

ในเมื่อพุทธศาสนามองว่าบุตรในครรภ์แม้วันแรกก็ถือว่าเป็นมนุษย์แล้วเช่นนี้ ในการตัดสินใจว่าการทำแท้ง สมควรหรือไม่สมควร จึงเป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยเป็น กรณีๆ ไป ไม่มีคำตอบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป แต่สิ่งควรจะต้องตระหนักรู้ไว้อยู่ตลอดเวลาในการที่จะตัดสินใจว่าควรหรือไม่ควรทำแท้ง คือ ชีวิตเล็กๆ ในครรภ์นั้นได้มีภาวะของความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นแล้ว หาใช่แค่เซลล์เล็กๆ หรือก้อนเนื้อก้อนเล็กๆ อย่างที่เคยเข้าใจแต่อย่างใด

หลักฐานที่มีมาในพระไตรปิฎก และอรรถกถา
เพื่อประกอบการพิจารณาเรื่อง “ทำแท้ง”

๑. พระวินัยบอกว่าฆ่ามนุษย์เป็นบาปหนักที่สุด บาปยิ่งกว่าการฆ่าสัตว์ใดๆ ภิกษุใดฆ่ามนุษย์ ถือว่าต้องอาบัติปาราชิก หมดสิทธิเป็นสมณะอีกต่อไป ดังจะยกบาลีขึ้นมาอ้างดังต่อไปนี้

โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก อสํวาโส (วินย.๑/๑๘๐/๑๓๗)

แปลว่า ภิกษุใดจงใจพรากชีวิตมนุษย์ ภิกษุนี้เป็นปาราชิก หมดสิทธิอยู่ร่วมกับสงฆ์
(ไม่สามารถอยู่ร่วมกับภิกษุอื่นได้อีกต่อไป)

โย ภิกขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปติ อนฺตมโส คพฺภปาตนํ อุปาทาย, อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโย (วินย.๔/๑๔๔/๑๙๕)

“ภิกษุใดจงใจพรากชีวิตมนุษย์แม้แต่เพียงทำครรภ์ให้ตก ไป (ทำครรภ์ให้ตกไป หมายความว่าทำแท้งนั่นเอง) ย่อมไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นศากยบุตร”

๒. ในพระสูตรบอกว่า ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นเมื่อเกิดองค์ประกอบสามอย่าง คือ

๑. มารดาบิดาร่วมกัน
๒. มารดาไข่สุก และ
๓. มีสัตว์เข้าไปเกิด

“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด มารดาบิดาร่วมกัน ๑ (มีเพศสัมพันธ์)
มารดาอยู่ในฤดู (ช่วงเวลาไข่สุก) ๑
และคันธัพพะเข้าไปตั้งอยู่แล้ว ๑ ( มีสัตว์ที่เข้าไปเกิด )
เพราะประชุมองค์ประกอบ ๓ ประการอย่างนี้ ก็มีการก้าวลงแห่งครรภ์”
(ม.มู.๑๒/๔๕๒/๔๘๗)

๓. อรรถกถาจารย์ได้อธิบายไว้ว่า ปฐมจิตเกิดขึ้นครั้งแรกพร้อมกับ อรูปขันธ์ ๓ และกลลรูป ดังนั้นตามหลักพุทธศาสนาชีวิตจึงมีองค์ประกอบขันธ์ ๕ ครบสมบูรณ์ ณ วันที่เริ่มปฏิสนธินั่นเอง

๔. กลลรูป เป็นเซลล์ขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และจะใช้เวลานานประมาณ ๕ สัปดาห์ กว่าจะเริ่มงอกแขนขาและศีรษะ ออกมาเป็นร่างกายมนุษย์ โดยที่ขั้นตอนเจริญเติบโตกว่าที่จะงอกเป็นปุ่มปมห้าปุ่ม นี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์ ดังจะขอยกอรรถาธิบายของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) มาแสดงดังต่อไปนี้

ชีวิตในครรภ์ เป็นอย่างไร ?

ปฐมํ กลลํ โหติ กลลา โหติ อพฺพุทํ
อพฺพุทา ชายเต เปสิ เปสิ นิพฺพตฺตตี ฆโน
ฆนา ปสาขา ชายนฺติ เสา โลมา นขาปิ จํ

นี้คือคำอธิบายว่าด้วยลำดับการเกิดเป็นระยะๆ ทีละช่วงสัปดาห์ หรือช่วงละเจ็ดวันๆ ลำดับแรกที่สุดก็คือเป็น ปฐมํ กลลํ เป็นกลละก่อน

กลละนี่ถ้าเป็นศัพท์ในความหมายทั่วไปก็จะได้แก่พวกเมือก พวกโคลนตม เช่นว่าเหยียบลงไปในโคลนหรือในที่เละ แต่ในที่นี้ กลละ เป็นศัพท์เฉพาะซึ่งมีความเกี่ยวกับชีวิต และท่านใช้คำเรียกว่าอย่างนั้น ก็เพราะมีลักษณะเป็นเมือก หรือเหมือน อย่างน้ำโคลนเละๆ คือเป็นคำเรียกตามลักษณะ แต่ในกรณีนี้ ท่านหมายถึงเป็นเมือกใส ไม่ใช่ข้นอย่างโคลนตม

กลละ นี้ ท่านบอกว่าเป็นหยาดน้ำใส เป็นหยดที่เล็กเหลือเกิน เล็กจนกระทั่งในสมัยนั้นไม่รู้จะพูดกันอย่างไรเพราะยังไม่ได้ใช้มาตราวัดอย่างละเอียดถึงขนาดที่ว่าเป็นเศษส่วนเท่าไรของวิธีอุปมาว่า หยาดน้ำใสกลละนี้นะ มีขนาดเล็กเหลือเกิน เหมือนอย่างเอาขนจามรีมา จามรีที่เป็นสัตว์อยู่ทางภูเขาหิมาลัย ซึ่งมีขนที่ละเอียดมากเอาขนจามรีเส้นหนึ่งมาจุ่มน้ำมันงา แล้วก็สลัดเจ็ดครั้ง แม้จะสลัดเจ็ดครั้งแล้วมันก็ยังมีเหลือติดอยู่นิดหนึ่ง ซึ่งเล็กเหลือเกิน ท่านบอกว่านี่แหละเป็นขนาดของกลละ กลละหมายถึงชีวิตในฝ่ายรูปธรรม เมื่อเริ่มกำหนดในเจ็ดวันแรกในช่วงเจ็ดวันแรกก็เป็นกลละอย่างนี้มาก่อน ซึ่งเล็กเหลือเกิน

แล้วต่อจากกละนี้ไปในสัปดาห์ที่สองก็เป็น อัพพุทะ อัพพุทะ นี้ควรจะเรียกได้ว่าเป็นเมือกกละ คือ เป็นน้ำข้นหรือเมือกข้น ต่อจากนั้นในสัปดาห์ที่ ๓ ก็จะเป็นเปสิ คือเป็นชิ้นเนื้อ แล้วต่อจากนั้นในสัปดาห์ที่ ๔ ก็จะเป็นก้อน เรียกว่า ฆนะ ต่อจากนั้นในสัปดาห์ที่ ๕ ก็จะเหมือนกับมีส่วนงอกออกมา เป็นปุ่มห้าปุ่ม เรียกว่าปัญจสาขา นี่เป็นสัปดาห์ที่ห้า แล้วหลังจากนั้นก็จะมีผมมีขนมีเล็บกันต่อไป

(คัดจากหนังสือเรื่อง ทำแท้ง : ตัดสินอย่างไร ? หน้า ๑๒-๑๔)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 12:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณคนบาป

ไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่เมื่อสำนึกผิดชอบชั่วดียังปรากฎอยู่ในพื้นฐานจิต ก็จงอย่าก่อกรรมอย่างมหันต์อีกเลย ยุติเถิด ยินดีรับผิดชอบชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลกด้วยความเป็นบุรุษชาติอาชาไนยเถิด ลูกผู้ชายรับมาเลี้ยงดูด้วยตนเอง

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา


ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 8:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณทั้งสองทำบาปมามากแล้ว อย่าทำเพิ่มอีกเลยครับ
 
^^o^^
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 8:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำแท้งบาปมากมั้ยหนอ (พระอาจารย์สุโข กตปุญโญ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=605

กรรมออนไลน์จากการทำแท้ง (พญ.ชัญวลี ศรีสุโข)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2607

ทำแท้ง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12251

การทำแท้ง (แม่ชีทศพร ชัยประคอง)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4577

การทำแท้งถือเป็นกรรมในหมวดข้อการเบียดเบียนชีวิตหรือปาณาติบาต ผู้ที่กรรมนี้จะหากินไม่ขึ้นหาความสุขใจในชีวิตนี้ไม่ได้เลย เพราะโดนวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของตัวเองนั้นจองเวรอาฆาต ซึ่งการเกิดการตายของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณและวิบากกรรมโดยตรง

ผลกรรมอันเกิดจากการทำแท้งมี 2 ข้อคือ 1. กรรมที่ทิ้งลูกตัวเอง 2. กรรมในการฆ่าทำลายชีวิต ซึ่งอกุศลกรรมนี้พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ชัดเจนว่าผู้ที่ทำแท้งเมื่อสิ้นใจยังต้องตกนรก พ้นจากนรกจึงเกิดมาเป็นเปรต จากนั้นจะเป็นอสุรกาย ตนเมื่อมีบุญพอจะเกิดเป็นคนแต่ต้องถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแต่เล็กหรือโโนพ่อแม่ของตนในชาติต่อไปทำแท้งตัวเองเสียหรือแท้งลูกโดยอุบัติเหตุ

ส่วนกรรมจากการปาณาติบาลหรือทำลายชีวิตลูกของตัวเองนั้นจะทำให้มีอายุสั้น มีโรคภัยเบียดเบียนมาก หากินไม่ขึ้นและกรรมจากการทำแท้งมักจะก่อผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องการการทำแท้งยังต้องมีอกุศลกรรมติดตัวตามไปด้วยเช่นกัน
 
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121

ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 11:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณก็คือคุณ ใครไหนเล่าจะมาช่วยคุณได้ หากไม่ใช่ตัวคุณเอง

คุณคิดถูกแล้วที่ไม่ไปทำแท้ง เพราะจิตของเด็กนั้นก็คล้ายจิตของพระอรหันต์ บริสุทธ์เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่า จิตของเด็กนั้นเป็นเมล็ดแห่งอกุศลกรรมที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ซึ่งถือว่าบริสุทธิกว่าคนทั่วไป ส่วนพระอรหันต์นั้นท่านตัดรากทอนโคนออกหมดแล้ว หากฆ่าเด็กก็หวิดเฉียดฆ่าพระอรหันต์เลยทีเดียว

เขาออกมาไม่ใช่ว่าจะทำให้พวกคุณทั้งสองลำบาก แต่เขาออกมาเพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ของพวกคุณ เขาจะดีหรือร้ายก็อยู่ที่พวกคุณ เป็นโอกาสให้พวกคุณได้สร้างบุญกุศลแล้ว เพราะหากคุณเลี้ยงเขาดี คุณก็ได้บุญ คุณเลี้ยงเขาไม่ดี คุณก็ได้บาป รวมทั้งเขาด้วย การจะคลอดต้องวางแผนชีวิตให้ดีก่อนว่าเราจะพาเขาไปในทิศทางไหน ไม่ใช่ว่าจะทำกันอย่างเดียว คิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว ก่อนจะทำนั้น ถ้าผู้ทีมีปัญญาเขาต้องวางแผนไว้ก่อนเพื่อคิดถึงลูกที่จะตามาด้วย ไม่ใช่ว่าพอเกิดออกมาแล้วก็วุ่นกันใหญ่ แบบนี้ เขาเรียกว่าขาดทุนครับ ดีไม่ดีจะเจ๊งด้วย ระวังไว้ดีๆ


May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน
 

_________________
ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
amarita
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 พ.ค. 2007
ตอบ: 25
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร

ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 12:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้มสู้ความจริง สาธุ
 

_________________
ดีชั่วตัวทำ สูงต่ำทำตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
...
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 พ.ค.2007, 7:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าเป็นผม
วิธีการที่จะไม่ให้แม่เด็กทำแท้งคือการบอกว่าลูกในท้องเธอก็มีความรู้สึกจิตใจเหมือนกัน
เช่น การหาภาพสารคดีเด็กในท้องขณะแม่เด็กทำแท้ง ซึ่งเด็กจะกลัวหนีคีมเหล็ก

แล้วผมว่าตอนนี้คุณก็ทำดีที่สุดแล้วละครับ แม่เด็กจะทำแท้งหรือไม่ก็คงขึ้นกับบุญวาสนาเด็กเองด้วย

บุคคลใดทำชั่วไว้ในกาลก่อน ภายหลังทำความดีปิดกั้น
ย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว ประดุจดวงจันทร์ผ่านพ้นเมฆหมอก
 
อากง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2007, 1:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าจะพาไปหาแม่ชีทศพรนะ ตกใจ
 

_________________
ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คุณบาปผู้สำนึกตัว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2007, 3:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอยื่นคำขาดว่าอย่าเอาเด็กออกเลย ในเมื่อใครก็รู้ว่าการฆ่าคนเป็นบาป อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย แม้แต่ฆ่ามดก็ยังเป็นบาป ในพระวินัยพระภิกษุยังห้ามให้ภิกษุพรากของเขียวเลยหมายถึงพืช แล้วจะประสาอะไรกับชีวิตคน ซึ่งเราก็คิดว่าคุณก็คงจะรู้แล้วหละ เพียงแต่ต้องการความมั่นใจ ยังดีนะที่คุณคิดได้ ส่วนสิ่งที่ผ่านมานั้นก็จงเรียนรู้และจดจำ อย่าไปทำอีกเลย ให้มันเป็นบทเรียนราคาที่หาซื้อไม่ได้อีกแล้วที่ไหนในสามโลก

จงน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คุณเคยได้ยินมั้ยนักโทษสารภาพผิด โทษก็ลดลงครึ้งหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความหรือสนับสนุนให้ใครทำผิด แล้วมาสารภาพเอาทีหลังนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับเจตนา คือ ตัวกรรม แต่ก็อีกนั่นแหละพูดถึงเจตนา บางคนก็อ้างว่าที่ทำไปเพราะไม่ได้เจตนาทั้งๆ ที่ฆ่าเขาไปแล้ว โดยยกเหตุผลบอกว่า มันจำเป็นสารพัด

ถ้าคุณทำแท้งคุณจะได้รับกรรมอย่างทรมานยาวนานทั้งที่เด็กก็ตายไปแล้วแต่คุณกลับไม่ได้รู้สึดสบสายอกสบายใจเลย เขาจะตามมาหลอกมาหลอนในห้วงความรู้สึกของคุณ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว สู้เลี้ยงเขาไว้ดีกว่า คุณอาจจะกังวลใจ ทุกข์ทรมานไปสักพักหนึ่ง แต่นอกจานั้นคุณอาจจะมีความสุขกับลูก และครอบครัวที่อบอุ่นของคุณก็ได้ แต่ถ้ามันทุกข์ มันลำบาก คุณก็จะได้ลำบากเพียงชาตินี้ ไม่ต้องไปลำบากในนรก และภพชาติต่อๆ ไป

ยังไงซะก็ขอเป็นกำลังใจในการละชั่วมาทำดี นะ และไม่ต้องตีย่ำซำเติมตัวเองโดยไม่สร้างสรรค์นะ เพราะองค์คุลีมารท่านก็เคยฆ่าคนมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ท่านก็ยังกลับจิตกลับใจทำดีในที่สุด จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
 
อารดา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2007, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าเห็นใจนะคะแต่ว่าการทำแท้งบาปมาก ๆ เลยค่ะ อย่าทำเลยนะคะ ดังที่ได้เห็นมีตัวอย่างมากมายที่เคยไปทำมาแล้วแล้วทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข กลับมาตั้งต้นใหม่ดีกว่าค่ะ ค่อยค่อยคิด ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ได้อ่านข้อความคุณแล้วคิดว่ายังมีอีกหลายคนทีเดียวที่มีปัญหาชีวิตหนักกว่าคุณ เอาใจช่วยนะคะ หมั่นทำบุญ สวดมนต์ทุก ๆ วันค่ะแล้วชีวิตจะดีขึ้น
 
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ค.2007, 9:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนอื่น อยากให้เลิกคิดเรื่องการทำแท้งไปเลยนะคะ

เพราะบาปกรรมนี้ มีมหันต์ชนิดที่เรียกว่าสามารถส่งผลให้ทั้งชีวิตของคุณและเธอ....
ไม่เจอกับคำว่า "ความเจริญ" ในทุกด้านชั่วชีวิต

เห็นด้วยกับคำกล่าวของคุณเศษพุทธทาส ว่า

คุณควรให้โอกาสตนเองพิสูจน์บทบาทความเป็นพ่อและแม่ของคุณทั้งสอง

ด้วยการเป็นพ่อและแม่ที่ดี มีความรับผิดชอบ
ด้วยการอย่าตัดโอกาสในการเกิดของผู้เป็นลูก....

เพราะ....

เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ
เขาเป็นส่วนหนึ่งของคุณ
เขามาจากตัวคุณ

ที่สำคัญ...เขาเป็นผู้บริสุทธิ์
ถามใจตนเองว่า...คุณทำได้ลงคอเหรอคะ?

โปรดตั้งสติ และจงกล้าที่จะเผชิญกับความจริง

เริ่มจากสำนึกผิด และยังลังเลที่จะไม่กระทำ
ก็นับว่ายังมีมโนธรรมอยู่

ขั้นต่อไปโปรดระลึกไว้เสมอว่า...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้

แต่ต้องแก้อย่างมีสติ
และใช้ปัญญาให้ถูกทาง

โดยไม่ผิดทั้งกฏหมาย และศีลธรรม
และอย่ากลับไปทำซ้ำสองอีก

แก้ปัญหา...อย่าตัดปัญหานะคะ
อาจต้องใช้เวลาแก้แต่ละปมที่เชื่อมโยงกันอยู่บ้าง

แต่....

"หน้าของลูกน้อยที่รอเวลาลืมตาดูโลก"
และเป็นใบหน้าที่คุณเองก็อยากจะเห็นเป็นคนแรกๆ
น่าจะเป็นกำลังใจที่จะทำให้คุณคลี่คลายปัญหาไปทางที่ดีขึ้นในเร็ววัน...บ้างนะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุมารเฒ่า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 7:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อะไรที่จะต้องเกิดก็ต้องเกิด แม้จะห้ามไม่ให้เกิดก็จะเกิด แต่ไม่ได้ห้ามให้เกิดก็จะเกิดเลยไม่ต้องห้าม ถ้ามันไม่เกิดก็ไม่เกิดไม่ต้องห้าม แต่ถ้าจะห้ามก็ดีกว่าไม่ห้าม

สาธุ สงสัย
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2008, 4:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขำ อย่าสร้างเวรกรรมเลยครับ สงสารเด็กที่จะเกิดมาครับ ซึ้ง
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง