Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เหตุที่จิตไม่เป็นสมาธิ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ชาญวิทย์
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2008
ตอบ: 152

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2008, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



images.jpg


วันพระกลางเดือนหกหยิบยกขึ้นมาแจงในวันนี้ ถ้าไม่ใช่อธิกมาส แล้ว วันนี้จะเป็นวันส่งเสริมพระพุทธศาสนาในวันวิสาขบูชา แต่เพราะเป็นอธิกมาส วันวิสาขบูชาจึงต้องเลื่อนไปเป็นกลางเดือนหน้า ที่ถูกต้องตามดาราศาสตร์และโอกาสาสตร์ตามพระอาทิตย์ พระจันทร์เวียนโคจรรอบ ๆ โลก มีทั้งเต็มมีทั้งดับ หลายวาระ เวลาที่ผ่านมาคนเรามีทั้งขาดทั้งเกิน ถ้าเกินก็ต้องตัด แต่เราก็ไม่ทราบไม่ค่อยเข้าใจในชีวิตปฏิบัติธรรม นี้ก็ขอฝากท่านไปตีความ คิดเอาความหมายของท่านเอง


เราท่านทั้งหลายมาเจริญพระกรรมฐานดีที่สุด แต่ควรจะสืบแสวงหา แล้วก็เป็นโอกาสอันประเสริฐของท่านในวันนี้ ที่เราได้ตัดปลิโพธและกังวลมาอยู่วัดปฏิบัติธรรมดีที่สุด ปฏิบัติธรรมต้องให้เห็นพระสงฆ์องค์เจ้า รุกขเทวดาศรีมหาโพธิ์ ต้นสาละ ระลึกถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้า ให้ครบครันทันเวลา วันดีที่สุด ขอฝากท่านผู้ปฏิบัติธรรมไว้ วันอุโบสถคือวันนี้ เป็นวันที่เรารักษาจิตใจให้สดชื่น ทำใจให้ชื่นบานทำให้เกษมสำราญสักวันหนึ่งจะทำได้ไหม

ท่านทั้งหลายเรามาแสวงหาธรรมะ อาตมากล่าวย้ำมานานแล้ว ให้เข้าถึงวัด วัดที่หนึ่ง วัตถุธรรม ถ้าท่านมีธรรมะประจำจิตใจแล้ว วัตถุจะสะอาด ชีวิตจะปราศจากมลทิน จะไม่เศร้าหมองต่อไปในชาตินี้และชาติหน้า วัดที่สอง วัดอารมณ์ เราดีแต่ไปวัดอารมณ์คนอื่น ให้มันเสียโอกาสและเวลาของท่าน ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ ช่วยกันไม่ได้ ภรรยาปฏิบัติธรรม มีธรรมะประจำจิต ใช้ชีวิตที่ถูกต้องตามครรลองของชีวิตแล้ว สามีก็คงไม่ได้ ต่างคนต่างทำกัน สามีนั่งปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในวัด ภรรยาตามมา ภรรยาไม่สนใจเลย ก็ห่างเหมือนฟ้ากันดิน แน่นอนที่สุดจะไม่พบกันในชาติหน้าต่อไป อันนี้เป็นหลักสำคัญ


พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติทุกชาติ ทรงได้คู่พระบารมีของพระชินสีห์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคู่สร้างคู่สม คู่ร่วมกันมาเสียสละชีวิตให้กันได้ เหมือนพระเวสสันดรมีปัญญาสูง พระนางมัทรีสร้างความดีสนองพระองค์ท่าน สนองพระบาทสามารถทนลำบากลำบนด้วยกัน ณ ป่าหิมพานต์ ตลอดมาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่แล้วก็ต้องอดทน เนื่องมาจาก ช้างปัจจัยนาค เป็นเหตุให้พระองค์สำเร็จมรรคผล ให้เข้าสู่มรรคผลเข้าสู่พระโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในโอกาสต่อไป

ท่านทั้งหลาย คู่สร้าง คู่สม คู่อบรมจิตใจในโลกมนุษย์นี้มีคู่เดียวในโลก คือพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรกับพระมเหสี สร้างความดีทุกชาติ เจอกันทุกชาติ ทรงเสียสละกระทั่งพ่อชาลี แม่กัณหา ก็ให้เป็นทานได้ พระนางมัทรีก็หาได้ว่าไม่ ลูกทั้งสองก็ปรองดองกันเพื่อพระโพธิญาณของพระราชบิดา ทรงตัดปลิโพธได้แล้ว แม้แต่ลูก สามี ภรรยาซึ่งเปรียบดังดวงหทัยก็สามารถเสียสละได้ ท่านจะได้สำเร็จมรรคผลแน่นอน อาจจะชาตินี้ก็ได้ ถ้าท่านเสียสละอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ต้องกล่าวว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน อันนี้เป็นการบ่อนทำลายจิตใจให้ชีวิต ชีวิตจะไม่มีแบบแผนชีวิตจะลำเค็ญตลอดไป จะตกทุกข์ได้ยากตลอดทั้ง ๑๐ ชาติ หาความสบายไม่ได้เลย


พี่น้องที่รักทั้งหลาย จะเป็นทั้งบรรพชิต คือนักบวช หรือจะเป็นผู้ครองเรือน คือ ฆราวาส มีความจำเป็นในชีวิตของเขามากต้องไปประกอบอาชีพการงานเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน มีโอกาสมีเวลาสำเร็จได้ยากเพราะยังมีเรื่องกังวลสนเท่ห์ในหัวใจตลอดเวลา พระพุทธเจ้าทรงสอนเราให้มีปัญญาในตัว ปัญญานอกตัว ช่วยตัวเองไม่ได้ ช่วยคนอื่นไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสวยพระชาติถึง ๔ อสงไขย สร้างกุศลบารมีมาหลายชาติหลายกัปป์ ชาติสุดท้ายเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรให้ทานได้ทุกอย่าง ตลอดกระทั่งเพชรนิลจินดา ให้สาวสีสาวใช้ไปหมด ไม่หวังผลอะไรตอบแทนแต่ประการใด ชาติสุดท้ายนี่ก็สามารถเสียสละได้ แต่เราเป็นชาติสุดท้ายหรือชาติไหนกัน ชาตินี้ชาติหน้าเราก็ยังไม่สามารถจะแลกเอามรรคผลได้แต่ประการใด ต้องพยายามทำตลอดไป อย่าไปทิ้งขว้าง ท่านจะทราบหรือไม่ อาจจะตายในวันพรุ่งนี้ ปีนี้ ปัจจุบันทำไม่ได้ มันยุ่ง ปีหน้าคงไม่ยุ่ง ปีหน้าคงมาได้ ท่านคิดอย่างนี้กันทุกวันน่าเสียดาย ปฏิบัติให้มันถึง มันจะซึ้งใจ ถ้าไม่ถึง จิตท่านจะไม่ซึ้ง ท่านจะไม่ใฝ่ดี ท่านจะเสียสัจจะและเวลา ตามคำพูดที่พูดไปแล้วนั้นมันจะหมดโอกาสในเวลาข้างหน้า เสียดายเวลาเหลือเกิน อาตมานี้ไม่ประมาทหางานคืนยันรุ่ง ใครจะด่าจะว่าช่างเขา เขาไม่ดีเขาถึงด่าเรา ถ้าคนดีมีปัญญาจะไม่มองคนในแง่ร้าย จะไม่ด่าใคร จะด่าตัวเองทุกวัน ด่าตัวเองแก้ไขตัวเรา ชีวิตจะมีแปลน และแผนผัง จะมีทางเดินไปด้วยความถูกต้อง ไม่ใช่มาจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ แล้วท่านจะได้อะไรหรือ นั่งคุยกันเสียเวลาเปล่า ๆ แถมนินทากันด้วย ท่านทั้งหลาย ที่ปฏิบัติกรรมฐานมาเป็นเวลาน้อยบ้าง มากบ้าง ท่านมีอะไรติดขัด ท่านมีอะไรที่จะเหนี่ยวรั้งท่านได้บ้างไหม ท่านจะเดินทางได้ถูกต้องตามครรลองของชีวิตไหม ท่านได้วิถีชีวิตแล้วหรือยัง วิถีชีวิตของท่านเข้าไปในจุดมุ่งหมายอันนั้นหรือยัง อย่าประมาท ชีวิตท่านจะเป็นอกุศลกรรม จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองท่านจะต้องไปอบาย จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา จิตผ่องใสย่อมไปสุคติ ขอให้ทำด้วยความตั้งใจ และนั่งสมาธิไม่ต้องไปเอาเรื่องเอาราวกับใคร กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก ท่านจะรู้สึกนึกติดตัวภายใน ๗ วัน ท่านจะต้องได้ ถ้ายังไม่คิดกัน พูดคุยเซ้าซี้อารมณ์ก็เสียไป ท่านจะมีสมาธิได้อย่างไร จิตไม่เป็นสมาธิเพราะดังกล่าวนี้ เหตุที่จิตไม่เป็นสมาธิมีอยู่ ๗ ประการ

๑. นั่งไม่ถูกวิธี

๒. จิตเป็นกังวล กังวลเรื่องงาน

๓. เหนื่อยมาก ไปทำงานมาเหนื่อยเหลือเกิน จิตท่านจะไม่เป็นสมาธิ แต่หายเหนื่อยเมื่อยล้าเมื่อไรก็ตั้งสติให้ได้แก่นได้

๔. ป่วย อาพาธหนัก จิตท่านจะไม่เป็นสมาธิ ท่านจะอุปาทานนึกถึงเวทนาปวดโน้น เมื่อยนี้ ปวดหนอ ปวดเรื่อยอะไรทำนองนี้ จิตท่านจะขาดสมาธิทันที ถ้าไม่ฝึกไม่ปฏิบัติ ท่านจะไม่มีสมาธิเลย

๕. ราคาเกิด ขณะนั้นจิตท่านจะหายไป สมาธิจะไม่เกิด

๖. โทสะเกิด ท่านไม่สามารถแก้ไขโทสะได้ ไม่สามารถจะตั้งสติไว้ได้ สมาธิหนีไปหมด ท่านจะทำอะไรเสีย ขาดสมาธิเพราะมีโทสะ โทสะสิงสถิตในจิตใจของท่าน ปัญญาไม่เกิด แล้วท่านจะไม่มีสมาธิปฏิบัติอีก ๒๐ ปี ก็ไม่ได้ผล ไม่ได้อานิสงส์แต่ประการใด

๗. อารมณ์มากระทบ อารมณ์เกิดกระทบ สัมผัสเกิด อายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดสัมผัสมากระทบอารมณ์จึงเสีย


จิตไม่เป็นสมาธิ ไหนเลยเล่าจะมีสมาธิอวดอาตมาว่ามีสมาธิแล้ว ไม่จริง นั่งหลับตาก็ไม่รู้ว่าคนนี้สมถะหรือวิปัสสนา นั่งหลับตาอยู่ จิตออกไปโน้นไปเชียงใหม่โน่น จิตโน่นไปห่วงผัวกลัวผัวจะไปมีเมียใหม่อะไรทำนองนี้ รับรองอีกร้อยปีท่านจะไม่ได้อะไร จิตเกิดโทสะ ถ้าท่านไม่ระงับโทสะก่อนสมาธิไม่เกิดแน่นอนขาดการกำหนดจิต จะขาดสติ ขาดปัญญา ไหนเลยสมาธิจะเกิดขึ้นกับตัวท่านได้

เหมือนพระท่านบวชนั่งหลับหูหลับตาตะพึด ไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้อะไร ไม่ต้องถามครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ก็ทำไม่ได้อีกไปกันใหญ่เลย ครูก็ไม่รู้ ศิษย์ก็ไม่รู้ ความขลังของอาจารย์เลยกลายเป็นความคลั่งของลูกศิษย์ ทำไม่ได้ มันคลั่งโดยออกไปนอกลู่นอกทาง เอาดีไม่ได้ แน่นอนที่สุด ขอฝากไว้ นี่แหละจิตเป็นสมาธิไม่ได้ มีอยู่ ๗ ประการ ส่วนสาเหตุของจิตไม่สงบมีอยู่ ๘ ประการ โยมต้องกำหนดจดจำข้อนี้ไว้ก่อน จิตไม่สงบทำอย่างไรก็ไม่สงบ ถ้าไม่ฝึกมาก่อน จิตไม่มีสมาธิจะไม่มีความสงบในครอบครัวเลย สาเหตุนั้นได้แก่


๑. มีไม่พอ ตะเกียกตะกายอยู่ร่ำไป ท่านจะไม่มีความสงบในครอบครัวเลย

๒. ใช้เวลาว่างมากเกินไป ไม่เอางานเอาการ พวกประเภทนี้พวกจิตว่าง มันว่างจิตมันก็ไหลไปสู่ที่ต่ำ ชีวิตจะไร้สาระไม่สงบ

๓. ถูกเบียดเบียนจิตใจ ครอบครัวไปอยู่ในหมู่บ้านที่เขาเบียดเบียนจิตใจ จิตท่านจะไม่สงบ

๔. อวัยวะไม่ตั้งอยู่ในความปกติ ปวดท้อง ปวดหัว ธาตุทั้ง ๔ ขาดไป อวัยวะไม่ปกติ ท่านจะขาดปัญญาจะสงบได้ไหม อวัยวะไม่ตั้งอยู่ในความสงบ ยกตัวอย่างให้เห็นอย่างง่าย ๆ ก่อนสอนก็ต้องไปปัสสาวะก่อน ไม่ถ่ายอุจจาระเสียก่อน ให้มันโล่งใจแล้วสอนต่อไป หากจิตไม่สงบแล้วท่านจะสอนเด็กไม่ได้ดีเลย

๕. โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ท่านเป็นโรคสามวันดีสี่วันไข้ อยู่ในภาวะอันนั้นแน่นอนที่สุด

๖. ถูกสิ่งแวดล้อมดึงไปทางชั่ว เข้าไปอยู่ในกลุ่มคนเลว คนพาลสันดานบาป ดึงทุกวันดึงทุกเดือน ดึงทุกเวลา จะไม่เกิดมีความสงบเลย

๗. ครอบครัวไม่มีความสุข ทะเลาะกันทุกวันจิตท่านจะไม่สงบ

๘. มัวเมาในอบายมุข เล่นการพนันไม่พัก เที่ยวสรวลเสเฮฮาในสังคมตลอดรายการ จิตท่านจะไม่สงบเลย นี่แหละจำไว้ จิตไม่สงบมีอยู่ ๘ ประการ จิตไม่เป็นสมาธิมีอยู่ ๗ ประการ นี้โปรดกำหนดจำไปตีความ คิดด้วยว่าจริงหรือไม่ เขียนวิทยานิพนธ์ไว้บ้าง เรียกว่าวิทยานิพนธ์ชีวิต ชีวิตจะแร้นแค้นจะไม่มีแปลนและแผนผัง ชีวิตจะไม่ตั้งด้วยดี ความดีก็จะไม่ได้ และถ้าท่านปฏิบัติเช่นนี้ก็จะไม่มีสมาธิ คือ

๑. มองไม่ถูกวิธี
๒. จิตกังวล จิตตก

กังวลงาน กังวลอะไรต่อมิอะไร เช่น มานั่งบ่นเรื่องผัวเรื่องเมียเรื่องลูก เรื่องสารพัด ถึงต้องตัดปลิโพธกังวลเสีย มาวัดทั้งทีเอาดีกลับไปให้ได้ ทำได้ไหม บางคนมาบอกว่าหลวงพ่อคะ ฉันมาปฏิบัติ ๗ วันไม่ได้อะไรเลย นี่เพราะกังวลจัดเลย จิตไม่เป็นสมาธิ เพราะกังวล จิตต้องตัดปลิโพธกังวลเสีย เสียสละมาอยู่วัดสัก ๗ วัน หรือ ๑๐ วัน ตัดกังวลให้มันได้ ถ้าตัดไม่ได้ ถ้ามาเดินจงกรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ลูกกูไปโรงเรียนหรือไม่หนอ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ร้านค้าผู้คนแน่นบ้างหรือเปล่าหนอ ผัวกูเอาเงินไปให้เมียน้อยบ้างหรือเปล่าหนอ หมื่นปีก็ไม่ได้



ที่มา หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 11 (http://www.jarun.org/v5/th/lrule11.html)
--------------------------------------------------------------------------------
 

_________________
ธรรมะคือธรรมชาติ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง