Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ...เผยมนุษย์เงินเดือนเครียดจัด จิตแพทย์เตือนให้มีสติ... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2008, 4:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชี้พ่อแม่เครียดมีผลกระทบเด็ก สังคมอ่อนแอ

Image

จิตแพทย์ออกโรงเตือนประชาชนให้มีสติ รู้จักยับยั้งอารมณ์ ท่ามกลางภาวะสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น
เกรงจะเกิดความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า
เผยเหล่ามนุษย์เงินเดือน เฮโลพบจิตแพทย์สาเหตุหลักเครียด
หมอเตือนพ่อแม่เครียดมีผลกระทบเด็ก


น.พ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสุขภาพจิตของคนไทย มีระดับความเครียดสูงมาก โดยมีปัจจัยพื้นฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจ สถาบันครอบครัว การแข่งขันที่สูงในเรื่องการเรียน การทำงาน
บทบาทของสถานศึกษา และศาสนา
เปรียบเสมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคมได้ เริ่มอ่อนแอลงไป


อีกทั้งในขณะนี้ ความขัดแย้งทางด้านการเมือง
บวกกับเศรษฐกิจในเรื่องของปากท้อง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ทำให้เกิดความกดดันในการดำเนินชีวิตสูงมาก
และการเริ่มกลับมาระบาดของยาเสพติดรอบใหม่
ทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ชัดจากการที่มีองค์กรบริษัทหลายแห่งติดต่อโรงพยาบาลฯ ให้ส่งเจ้าหน้าที่และจิตแพทย์ เข้าไปให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับจิตเวช


เนื่องจากพนักงานในองค์กรมีความเครียดสูง
ทำให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพงานและผลประกอบการ “แรงกดดันต่อผู้คนในการใช้ชีวิตส่วนที่แรงที่สุด
ก็คือ เรื่องของปัญหาทางด้านการเงินในครอบครัว
ที่เป็นผลลัพธ์สุดท้ายของปัญหาเศรษฐกิจ
ซึ่งเห็นได้จากการขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากผู้ใช้แรงงาน
พอมีปัญหาทางด้านการเงินแล้วสิ่งที่ตามมา
ก็คือ ความเครียดในครอบครัว
ถ้าครอบครัวไม่แข็งแรง ไม่มีความเข้าใจกัน ใกล้ชิดกัน


ผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัว ย่อมเกิดได้ง่ายและรุนแรง
คนที่มีพื้นฐานสุขภาพจิต ไม่แข็งแรง
ก็จะเกิดความเครียดและเกิดการเจ็บป่วยทางจิตใจที่รุนแรงได้
เช่น อาการวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ
ปัญหาเรื่องของการควบคุมอารมณ์ การใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่นและต่อตนเอง รวมทั้งปัญหาการฆ่าตัวตาย เมื่อรู้สึกว่าไม่มีทางออกกับปัญหาที่ต้องเผชิญ หรือบางรายอาจจะหลุดจากความเป็นจริง
เช่น มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง
เกิดปัญหาการติดเหล้า ยานอนหลับ หรือแม้กระทั่งยาเสพติด ซึ่งจะเป็นต้นเหตุนำไปสู่ปัญหาที่ยุ่งยาก
และซับซ้อนมากกว่าที่ควรจะเป็น” น.พ. ไกรสิทธิ์ กล่าว



กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์
แนะ 3 ขั้นตอน เพื่อรับมือกับความเครียดที่รุมเร้าชีวิตของแต่ละคน ดังนี้


อันดับแรกคือ ต้องตั้งหลักให้ได้ก่อน
ต้องเชื่อมั่นว่าทุกปัญหามีทางออก ไม่ใช่ทางตัน เพื่อให้ตัวเองมีความหวังไม่หมดกำลังใจข้อนี้สำคัญที่สุด
ส่วนจะแก้ไขและหาทางออกได้ช้าหรือเร็วนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง




ข้อสอง คือ การดำเนินชีวิตโดยใช้หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีประโยชน์มาก

เพราะจะช่วยลดแรงกดดันทางด้านการเงินในชีวิตของแต่ละคน โดยการพยายามกินใช้ตามกำลังของแต่ละคน ไม่เกินกำลัง ก่อหนี้ให้น้อยที่สุด สิ่งนี้จะช่วยลดเวลาของการดิ้นรน เพื่อตอบสนองความต้องการทางวัตถุ
ทำให้มีเวลาให้กับตนเอง และคนในครอบครัว
ทำให้เกิดความใกล้ชิด ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้แก่กันและกันได้



ข้อสาม นอกจาก 2 ข้อข้างต้นแล้ว
วิธีคิดที่จะช่วยลดความกดดันอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมองว่าการเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นเรื่องธรรมชาติ ปกติ ธรรมดา

รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ แต่ละคนก็อยู่ในช่วงหนึ่งของเหตุการณ์
เราจะคาดหวังให้ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้



การเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุดมีขึ้นมีลง สิ่งที่ทุกคนต้องกระทำ คือ
ต้องพยายามปรับตัว และวิธีการดำเนินชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์แต่ละช่วงให้ได้ นอกจากคำแนะนำสามข้อข้างต้น น.พ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กล่าวเพิ่มเติมถึง
วิธีการฝึกฝนในชีวิตประจำวัน 3 ข้อที่มีประโยชน์ดังนี้

1. การฝึกผ่อนคลายจิตใจในแต่ละวันเป็นสิ่งที่จำเป็น

เปรียบเทียบกับสุขภาพทางกาย คนเราทุกคนต้องอาบน้ำชำระล้างคราบสกปรก
เพื่อให้เกิดความสะอาดสบายตัวในทุก ๆ วัน
จิตใจก็เหมือนกันใน ทุก ๆ วันแต่ละคนจะมีเรื่องเข้ามากระทบจิตใจ
ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว เศร้าหมอง เครียด ไม่แจ่มใส


หากอารมณ์เหล่านี้ไม่มีการระบายออก ก็จะเกิดความเครียดสะสม
ต้องเคลียร์อารมณ์ในทุก ๆ วันออกไป
เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็ควรหาเวลาในแต่ละวัน วันละ 5 – 20 นาที ในการหยุดพักหยุดคิดเรื่องเครียดต่าง ๆ
หางานอดิเรก ฟังเพลง ชมนก ชมไม้ เลี้ยงปลา กิจกรรมที่ตนเองชอบ
รวมทั้งการฝึกผ่อนคลาย เพราะทุกคนต้องการเวลาส่วนตัว
เหมือนเวลาอาบน้ำก็เป็นเวลาส่วนตัว
หากคนเราไม่มีเวลาส่วนตัวที่จะผ่อนคลาย ก็จะทำให้เกิดภาวะเครียดได้


“การฝึกผ่อนคลายก็เหมือนการฝึกสมาธิ จะช่วยให้อารมณ์ลบไม่ขังสะสม
ทำให้ถึงจุดเดือดได้ยาก แต่ถ้าหากสะสมไว้มาก ๆ พอมีอะไรมาสะกิดนิดเดียวก็อาจจะถึงจุดเดือดและระเบิดได้ง่าย”
น.พ. ไกรสิทธิ์ กล่าวและเสริมว่า ความแข็งแรงของจิตใจและสุขภาพจิตของแต่ละคนมีพื้นฐานไม่เท่ากัน
แต่ละคนก็จะรับเรื่องหนัก ๆ ในชีวิตได้ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำอะไรเกินกำลังของตัวเอง


2. ให้พยายามสังเกตอารมณ์ตัวเองอยู่เรื่อย ๆ
ฝึกยับยั้งอารมณ์โดยการนับ 1 ถึง 100
เพราะการชะลออารมณ์ จะทำให้เรารู้เท่าทันอารมณ์และเกิดสติ
มีเวลาคิดว่า ควรจะทำอย่างไรที่จะออกจากตรงนั้นไปได้




3. ใช้เวลาหาความรู้เกี่ยวกับศาสนาหรือจิตวิทยาไปด้วย
เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนและขยายมุมมองของชีวิตให้กว้าง เพราะคนที่มีมุมมองกว้างเวลาเผชิญกับปัญหา
ก็จะมองเห็นทางออกหรือทางเลือกได้มากกว่า แล้วโอกาสที่จะรู้สึกว่าทางตันและหมดหนทางจะน้อยลง




กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ ระบุว่า เด็กและเยาวชนอาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากความเครียดของพ่อแม่ เพราะถ้าหากว่าพ่อแม่มีภาวะความเครียดสูง
โอกาสที่จะทำหน้าที่พ่อแม่ได้ดีก็เป็นไปได้ยาก
ทำให้ความเครียดลงไปสู่เด็ก ๆ ได้
หรือแม้แต่โอกาสที่ครอบครัวจะอยู่ใกล้ชิดกันนั้นก็มีน้อยลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงแต่รายได้ต่ำ ทำให้พ่อแม่เครียดวุ่นอยู่กับงานจนไม่มีเวลาดูแลลูก


ขณะที่ปัจจุบัน สิ่งยั่วยุไปทางเสียในสังคมมีมาก ทำให้โอกาสที่เด็กจะไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีก็เป็นไปได้สูง
เช่น ติดเกมส์ ชอบเที่ยวเตร่ และติดยาเสพติด
หรือบางกรณีอาจเกิดอาการว้าเหว่ ซึมเศร้า รวมไปถึงปัญหาการ ฆ่าตัวตาย ทางที่ดีแต่ละคนต้องดูแลตัวเองให้ดี และดูแลคนรอบข้าง ครอบครัว ให้ตระหนักในการฝึกสติเพื่อช่วยในการควบคุมอารมณ์ เพราะโอกาสที่จะเกิดปัญหาจากความหุนหันพลันแล่น กับคนในครอบครัวก็จะน้อยลง


ที่มา: Press Release
คัดลอกจาก...สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

http://www.thaihealth.or.th/node/4268

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง