Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อภัยทาน กับ ธรรมทาน อันไหนคือทานสูงสุด อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2008, 9:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

อภัยทาน กับ ธรรมทาน

อภัยทาน = เป็นทานส่วนตัว ส่วนบุคคล ให้แก่ใครๆ ก็ได้ที่ล่วงเกินตน อภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้มากกว่าผู้รับ เช่น

การถูกนินทาว่าร้าย ใส่ร้าย มุ่งทำลายให้ถึงแก่พิบัติภัยต่างๆ ก็ไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ยินดีให้อภัยเพราะ การโกรธ การผูกโกรธ คือความร้อนที่เผาผลาญตนเอง ให้ร้อนรุ่มอยู่ทั้งวันทั้งคืนไม่เป็นสุข การให้อภัยทำให้เกิดความเย็นเป็นความสุข

“อภัยทาน” เป็น ธรรมบทหนึ่ง ที่พระพุทธองค์แสดงไว้ในเรื่อง การแก้โกรธ แก้ความผูกโกรธ ผู้ที่ปฏิบัติตามย่อมสามารถยังตนให้เย็น ให้สงบ จากความร้อนรุ่มของความโกรธได้

ถามว่า อภัยทานนี้ทำให้คนอื่น สัตว์อื่น พ้นทุกข์ได้หรือไม่ ตอบว่า ไม่ได้ เย็นได้ก็เฉพาะตน พ้นได้เฉพาะตนเท่านั้น

พระพุทธองค์ทรงมีพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ต่อสัตว์โลก ใครต่อใครในสมัยพุทธกาล ได้ล่วงเกินพระองค์ ทั้งนินทา กล่าวร้าย จ้างคนด่า กลิ้งหินทำร้าย ฯลฯ

พระองค์ก็ไม่ทรงโกรธ ทรงให้อภัยแก่ทุกคน อภัยทานของพระองค์นั้น อัปปมัญญา ไม่มีประมาณ แต่อภัยทานของพระองค์นี้ก็ไม่สามารถทำให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ได้

ธรรมทาน = การให้ธรรมเป็นทาน เป็นทานสูงสุด อย่างไรเรียกว่าการให้ธรรมทาน
การให้นั้นต้อง มีธรรม เสียก่อน

มีธรรม คืออย่างไร
มีธรรม ก็คือ การเป็นเจ้าของ ได้มาด้วยความรู้ ความสามารถ จากการทุ่มเทประพฤติ ปฏิบัติ รู้เห็นเข้าใจหายสงสัยในธรรมข้อนั้นๆ ด้วยปัญญาของตนเอง

ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าของเรา เมื่อท่านตรัสรู้ธรรม พระองค์ท่านตรัสสอนให้เวไนยสัตว์รู้ตามพระองค์หลุดพ้นตามพระองค์ได้ อย่างนี้เรียกว่า “ธรรมทาน”

หลวงปู่ฯ หลวงตาฯ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านบรรลุคุณธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง เมื่อเทศนาธรรมสอน เราก็เรียก “ธรรมทาน”

หรือผู้ที่เรียนจบปริญญาชั้นต่างๆ หากนำความรู้ที่ตนเล่าเรียนมานั้นไปสอนผู้อื่น ท่านก็เรียก “วิทยาทาน”

ธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้นั้นต่างหากที่ ทำให้สัตว์โลก พ้นทุกข์ พ้นโศก พ้นเวร พ้นกรรม นำตนเข้าสู่พระนิพพาน

“ธรรมทาน” นั้น ยิ่งใหญ่จริง ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม พ้นทุกข์จริง บรรลุได้จริง ธรรมทานนี้เป็นคุณแก่ผู้รับอย่างยิ่ง ธรรมทานจึงเป็นเลิศในเรื่องทาน

“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”
การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง

พุทธพจน์บทนี้ จริงแท้แน่นอน ไม่มีเปลี่ยนแปลง

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2008, 12:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน
กับ
ธรรมทาน
ให้ผลทางสภาพจิตใจ เหมือนกัน ไม่แตกต่างจากกัน บุญที่ได้จากการให้ทานทั้งสองอย่างเท่ากัน
ในที่นี้ไม่อธิบาย แต่ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาให้ละเอียดลึกซึ้ง ก็จะเกิดความเข้าใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
รุ่งลลิดา สกุลงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 ก.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): 75/8 ม.3 ม.จามจุรี 2 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120

ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2008, 9:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง ก็จะให้ดีกุศลสูงสุดก็ให้ทั้งอภัยทานและธรรมทาน สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
มีสติไว้
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
jojam
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 27 พ.ค. 2004
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2008, 4:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมทาน เป็นทาน วัตถุธรรม ผลในการให้ผู้อื่น

อภัยทาน เป็นทาน นามธรรม ผลในการละกิเลสตน

ปล.ภายในสูงสุด "อภัยทาน" ภายนอกสูงสุด "ธรรมทาน"
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

jojam พิมพ์ว่า:
ธรรมทาน เป็นทาน วัตถุธรรม ผลในการให้ผู้อื่น

อภัยทาน เป็นทาน นามธรรม ผลในการละกิเลสตน

ปล.ภายในสูงสุด "อภัยทาน" ภายนอกสูงสุด "ธรรมทาน"


ตอบ....
อันนี้ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน เพราะคุณคิดผิด เข้าใจผิดแล้ว
ทั้งสองชนิด ล้วนเป็นนามธรรม เหมือนกัน และทั้งสองชนิด ก็สามารถจัดให้เป็นรูปธรรมได้ เช่นกัน อีกทั้ง "การให้ทานทั้งสองขนิด" (และหรือ การให้ทานทุกชนิด)ก็ล้วนเป็นการให้ทานจากภายในทั้งสิ้น
ไปคิดพิจารณาให้ดี
รู้มาผิด เข้าใจผิด ก็เขียนผิด จุดนี้แหละ ที่ทำให้ศาสนาเสื่อมโทรม และมัวหมอง
ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวว่าร้ายคุณนะขอรับ เพียง ยกตัวอย่าง แบบอย่างให้ บุคคลากร ทางศาสนา ผู้เกี่ยวข้องทางศาสนา พวกวิทยากร ทางศาสนาได้เห็น ได้พิจารณาดูให้ดีว่า
คำว่า "อวดอิตริฯ " นั้น สามารถสร้างความเสื่อมโทรม ให้กับ ศาสนา สามารถสร้างความเข้าใจในทางที่ผิดๆ ทำให้ศาสนามัวหมอง ได้ ฉะนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2008, 11:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้อภัย ท่านเรียก “อภัยทาน” เป็น ธรรมหมวดหนึ่ง บทหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้เป็น “ธรรมทาน”

ผู้ใดได้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่แสดงไว้ ย่อมได้รู้เห็น ได้เข้าใจหายสงสัย ปล่อยได้ ละได้ วางได้

ถามว่า หากมีคนถึงเข้าถึงธรรมหมวดนี้ แล้วทำให้คนอื่น ท่านอื่นที่อยู่รอบข้างเข้าถึงธรรมหมวดนี้ได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้ การเข้าถึงธรรมหมวดใด บทใดนี้ เป็นเรื่องเฉพาะตน เฉพาะบุคคล คนอื่นมารู้ มาเข้าใจด้วยไม่ได้

ยกเว้นว่า ท่านนั้นจะแสดงแนวทาง ที่ท่านได้ประพฤติ ปฏิบัติ ให้คนอื่นรอบข้างได้รับทราบ อย่างนี้แหละที่เรียกว่า “ธรรมทาน” และหากท่านทั้งหลายนำไปเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติแล้ว ย่อมเข้าถึงธรรมนั้นได้เช่นกัน

พระอง์ทรงดำรงพระพุทธศาสนาไว้ถึง ๕,๐๐๐ ปี ด้วยการแสดงธรรมทุกหมวดไว้เป็น “ธรรมทาน” แก่สัตว์โลกทั้งหลาย จนถึงปัจจุบันนี้ ๒๕๕๑ ปีแล้ว ผู้เข้าถึงธรรม รู้ธรรมตามพระองค์นั้น มีอยู่เสมอ

การทำให้ตัวเองเข้าถึงธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่การทำให้อีกหลายๆ คน เข้าถึงธรรมเหมือนกับตนนั้น ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า


ขอขอบพระคุณที่ทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ครับ..


สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก

แก้ไขล่าสุดโดย I am เมื่อ 23 พ.ค.2008, 8:10 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 22 พ.ค.2008, 8:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

I am พิมพ์ว่า:
การให้อภัย ท่านเรียก “อภัยทาน” เป็น ธรรมหมวดหนึ่ง บทหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้เป็น “ธรรมทาน”


ตอบ..
ในเมื่อ ท่านเจ้าของกระทู้ ได้เข้ามาในเวบพุทธศาสนานี้แล้ว ข้าพเจ้าก็มีความคิดเห็นว่า ไม่ควรปล่อยให้ท่านเจ้าของกระทู้ หลงเข้าใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยที่ไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน มัวแต่หลงติดอยู่ จนขาดการพิจารณาหาข้อเท็จจริง ตามสภาพสภาวะจิตใจ ในตัวเอง และบุคคลอื่นๆ

ดังนั้น ท่านเจ้าของกระทู้ ควรได้ทำความเข้าใจ และคิดพิจารณา เพื่อจะได้สร้างชื่อให้กับ เวบธรรมจักรนี้ว่า เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว ย่อมได้รับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในหลักธรรม ต่างๆ อันเป็นไปตามธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะ

อภัยทาน นั้น เกิดจาก ประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจ ประกอบกับสภาพสภาวะจิตใจอันได้รับการขัดเกลาทางสังคม มาดีพอสมควร เมื่อเรามีความคิดที่จะให้อภัยในพฤติกรรม ในการกระทำ ของผู้ใดผู้หนึ่งแล้ว นั่นแสดงว่า เราได้ใช้ ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ รวมไปถึงสภาพสภาวะจิตใจ โดยการคิด อันเป็นนามธรรม เมื่อเราให้อภัยทานต่อ เขาเหล่านั้นแล้ว รูปธรรมจึงเกิด กับเรา และกับเขาเหล่านั้น คือ ความสงบสุข สันติ ไม่โกรธ ไม่เกลียด ต่อกันและกัน
ข้อสังเกต... อภัยทาน เป็นการ นำเอา ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ และสภาพสภาวะจิตใจ มาปฏิบัติ หรือมาสร้างทำให้เกิดความคิด อารมณ์ ความรุ้สึก ต่อสิ่งที่เราจะให้อภัยทาน ทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่ง ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ สภาพสภาวะจิตใจที่มีอยู่ในตัวเรานั้น จะเกี่ยวโยงสัมพันธ์ กับหลักธรรมคำสอน ในทางศาสนา เพราะหลักธรรมคำสอนในทางศาสนานั้น มีอยุ่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว

ธรรมทาน โดยทั่วไป หมายถึง การให้ ความรู้ทางศาสนา ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว ความรู้ทางศาสนานั้น เป็นความรู้ ที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่แล้วในสมองและจิตใจ อันได้รับการขัดเกลาทางสังคม เมื่อธรรมทาน คือ การให้ความรุ้ ในอันทีจะทำให้ผู้อื่นเอาไปปฏิบัติ หรือเป็นความรุ้ชี้นำแนวทางให้รู้ว่า มนุษย์ ล้วนมีอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น หรือเป็นตัวอย่างให้เกิดการปฏิบัติ ตามธรรมหรือความรุ้ทางศาสนานั้นๆ เช่น เมตตา อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าท่านเจ้าของกระทู้ และท่านทั้งหลายคิดพิจารณาให้ดี ก็จะพบว่า การให้อภัยทานนั้น แท้ที่จริง ก็คือ ความเมตตา อันเป็นหลักธรรมทางศาสนา อันเป็นสภาพสภาวะจิตใจที่มีอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว
แต่เราไม่เรียกว่า เมตตา ทาน เราเรียกว่า อภัยทาน คือ ให้อภัยผู้อื่น ในพฤติกรรม หรือการกระทำต่างๆของเขาเหล่านั้น
ดังที่ได้กล่าวไป อภัยทาน ต้องประกอบด้วยความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ สภาพสภาวะจิตใจ (เมตตา) จึงจะให้อภัยทานได้
ธรรมทาน ก็ต้อง ประกอบด้วยความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ สภาวะจิตใจ(เมตตา ในที่นี้ยกตัวอย่างเพียง เมตตา อย่างเดียว ความจริงแล้วมีหลายข้อรวมกัน) จึงจะให้ธรรมทานได้
ขอให้ท่านทั้งหลายได้อ่านและพิจารณาโดยรอบคอบ และถี่ถ้วน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
jojam
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 27 พ.ค. 2004
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2008, 5:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดยปกติทั่วๆ เมื่อไม่มีสิ่งนั้น ก็อาจจะไม่สามารถที่จะให้ ด้วยความที่ไม่มีสิ่งนั้นอยู่

แต่ส่วนธรรมะนั้น ไม่สามารถนั้นไม่อาจทำแทนให้กันได้
แต่สามารถที่จะ "จด จำ ทำแจกได้" ไม่ได้ผิดอะไร
**แม้ไม่มีธรรมนั้นอยู่ (ดังพระเถระใบลานเปล่า) ก็สามารถให้ ธรรมทาน ได้

ไม่สามารถ ที่จะเอา สภาวะปรมัตถธรรม ให้ กันได้ นี่ เอาโสดาบันไป นี่ เอาอรหันต์ไป ทำไม่ได้
** ผู้ที่ติดความเห็นผิดอยู่ แม้ใกล้ผู้แนะนำ ก็ไม่สามารถ ที่จะเข้าถึงธรรมที่แนะนำได้
(ดังพระเทวะทัตเถระ)

ปล.ส่วน "อภัยทาน" เป็นหลักธรรมใหญ่ ของ ผู้ดำเนินทาง สกิทาคามี ที่มีไว้พิจารณา..
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2008, 8:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบพระคุณทุกท่านที่แสดงความคิดเห็นครับ..
สาธุ...


สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ballad666
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 19 พ.ค. 2008
ตอบ: 10

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2008, 6:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



dhamma27.jpg


สาธุ......

*************************
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2008, 2:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน : ให้ประโยชน์และอานิสงส์เฉพาะตน
ธรรมทาน : ให้ประโยชน์และอานิสงส์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น

และเพื่อการสั่งสมและเพิ่มพูนทานบารมี
จึงควรไม่ควรละเลยเลือกเพียงอย่างหนึ่งอย่างใด

แต่ควรกระทำเท่าที่จะสามารถทำได้ในทุกโอกาสค่ะ

ขออนุโมทนาสาธุกับ คุณ I am เจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำกล่าวที่ว่า

"การทำให้ตัวเองเข้าถึงธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่การทำให้อีกหลาย ๆ คน เข้าถึงธรรมเหมือนกับตนนั้น...ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า"


สาธ...สาธุ...สาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2008, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:
อภัยทาน : ให้ประโยชน์และอานิสงส์เฉพาะตน
ธรรมทาน : ให้ประโยชน์และอานิสงส์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น

และเพื่อการสั่งสมและเพิ่มพูนทานบารมี
จึงควรไม่ควรละเลยเลือกเพียงอย่างหนึ่งอย่างใด

แต่ควรกระทำเท่าที่จะสามารถทำได้ในทุกโอกาสค่ะ

ขออนุโมทนาสาธุกับ คุณ I am เจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำกล่าวที่ว่า

"การทำให้ตัวเองเข้าถึงธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่การทำให้อีกหลาย ๆ คน เข้าถึงธรรมเหมือนกับตนนั้น...ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า"


สาธ...สาธุ...สาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ


ทึ่ยกเอาข้อแสดงความคิดเห็นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อแสดงให้เห็นระดับสมองสติปัญญา และสภาพสภาวะจิตใจของแต่ละบุคคลว่า ไม่เท่าเทียมกัน ไม่เหมือนกัน อันเนื่องจากประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจ และยังหมายรวมถึง สภาพสภาวะจิตใจที่เรียกว่าความหลง
ทำไมข้าพเจ้ากล่าวเยี่ยงนั้น
ท่านทั้งหลาย ที่ได้เขามาแวะชม จงใช้วิจารณญาณ คิด พิจารณาให้ดีว่า

อภัยทาน ให้ประโยชน์ และอานิสงค์ ทั้งตนเอง และผู้อื่นหรือไม่
ธรรมทาน ให้ประโยชน์ และอานิสงค์ ทั้งตนเอง และผู้อื่นหรือไม่

หมายความว่า ทั้งสองอย่าง ให้ประโยชน์ และอานิสงค์ ทั้งตนเองและ ผู้อื่นเหมือนกัน
เพราะ ทั้ง อภัยทาน และธรรมทาน เป็นสิ่ง ๆ เดียวกัน ไม่แตกต่างจากกัน พิจารณาดูให้ดีเถิด


ถ้าจะอธิบายเพิ่มเติม อภัยทาน ให้ด้วย ใจ และวาจา ฯ หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็น ธรรม (ซึ่ง ก็คือ ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ ฯ)

ธรรมทาน ให้ด้วยใจ และวาจา ฯ หรืออย่างใด อย่างหนึ่ง อันเป็นธรรม(ซึ่ง ก็คือ ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์) เช่นเดียวกัน
ทุกท่าน อย่าเข้าใจผิดคิดว่า การให้ธรรมทานนั้น คือการสอนธรรมะแต่เพียงรูปแบบเดียว ธรรมทานนั้น ยังสามารถเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องสอน ก็มีเยอะมาก ขอรับ
ทุกท่านทั่เกี่ยวข้องทางศาสนา ท่านสมาชิกทั้งหลายที่ไม่เข้าใจ จงได้ใช้สมองคิดพิจารณา ให้ถ่องแท้ จนเกิดความเข้าใจ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ความหลง สมองสติปัญญา ของแต่ละบุคคลนะขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2008, 1:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อุปมากับ "แมว" กับ "เสือ"
ถามว่า...แท้จริงเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวกันหรือไม่?

แม้รูปลักษณ์คล้ายกัน
หากก็ยังแตกต่างที่ขนาด อุปนิสัย และถิ่นที่อาศัย
ซึ่งเป็นตัวกำหนดให้เกิดคำจำกัดความที่เป็น "สมมติบัญญัติ" ขึ้น

ดังนั้น "แมว" จึง ย่อม แตกต่างจาก "เสือ" แม้เป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวกัน

หากพิจารณาโดยรวมในความคล้ายของลักษณะทางกายภาพ
ทั้ง ๒ ประเภท ก็ย่อมเป็นสายพันธุ์เดียวกัน....

หากพิจารณาแยกแยะในประเด็นของ
ขนาด คุณลักษณะ และอุปนิสัย ถิ่นที่อาศัย ที่แตกต่างกัน....
ทั้ง ๒ ประเภทนี้....ก็ย่อมแตกต่าง

พิจารณาจากมุมไหน .....ก็เห็นเฉพาะมุมนั้น
พิจารณาโดยรอบทุกมุม....ก็จะเห็นทุกมุม


พิจารณาโดยมีอคติ ก็ย่อมเห็นผลจาก อคติ
พิจารณาโดยปราศจากอคติ ก็ย่อมเห็นผลโดยปราศจากอคติ


สาธุ สาธุ สาธุ

อย่างไรก็ตาม...
ขอขอบคุณ ท่านผู้ใช้นามแฝงว่า "Buddha"

(อันเป็นนามที่ได้รับการบัญญัติไว้เป็นภาษาอังกฤษ
เพื่อการกล่าวขานถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระบรมศาสดาผู้ประเสริฐพระองค์นั้น)


ที่หยิบยื่นโอกาสในการสร้าง "อภัยทาน"
ให้เราๆท่านๆ ได้ซึ้งใจไว้ ณ โอกาสนี้

เอวังด้วยประการ....ฉะนี้นะคะ
สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 25 พ.ค.2008, 9:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหมือนกับจะเป็นปัจจยการ
เมื่อสิ่งหนึ่งมี อีกสิ่งหนึ่งก็ย่อมมี

เช่นเดียวกับ ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญาเป็นเลิศ แต่ถ้าไม่มี ศีล ไม่มีสมาธิ ปัญญาก็จะแค่หางอึ่ง
แต่ถึงปัญญาจะแค่หางอึ่ง ถ้าเป็นปัญญาที่ทำให้รู้จักรักษาศีล อบรมภาวนา
ปัญญาก็จะยิ่งเพิ่มพูน

ธรรมทานที่ทำไปงั้นๆเอง แบบก็อปปี้แจก ก็ยังอาจส่งผลให้รู้จักคำว่าอภัยทาน
อภัยทานที่ทำด้วยจิตที่ผ่องใสอันเป็นผลจากธรรมทาน ก็จะยิ่งมีอานิสงส์

ไม่ใช่ว่า สิ่งหนึ่งจะดีกว่าสิ่งหนึ่ง แต่เป็นการเอื้อกัน เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า


ยิ้มแก้มปริ ยิ้มแก้มปริ ยิ้มแก้มปริ
(เหมือนทำข้อสสสอบปรนัยเลยค่ะ สาธุ )
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
jojam
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 27 พ.ค. 2004
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2008, 4:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กัลยามิตร เป็นที่สุดแห่งพรรมจรรย์ เมื่อได้ฟังธรรมตามกาล และน้อมนำกระทำตามธรรมนั้น
** "ธรรมทาน" เป็นเหตุ ซึ่งนำความเจริญ ยังแก่ทางผู้ร่วมเดิน ไปร่วมกัน การที่รู้น้อยไม่ใช่ปัญหา แต่การรู้มากแต่ผิดนั้นแหละปัญหา เสียเวลาเมื่อหลงพาออกทางไป"

"ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวายในพระพุทธศาสนา
ภิกษุนั้น ย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ
ฉะนั้น ขอศัตรูทั้งหลายของเรา จงฟังธรรมกถาเถิด ขอศัตรูทั้ง
หลายของเรา จงขวนขวายในพระพุทธศาสนาเถิด ขอมนุษย์ทั้ง
หลายที่เป็นศัตรูของเรา จงคบสัตบุรุษผู้ชวนให้ถือธรรมเถิด
ขอจงคบความผ่องแผ้วคือขันติ ความสรรเสริญคือเมตตาเถิด
ขอจงฟังธรรมตามกาล และจงกระทำตามธรรมนั้นเถิด ผู้ที่เป็น
ศัตรูนั้น ไม่พึงเบียดเบียนเราหรือใครๆ อื่นนั้นเลย "
-องคุลีมารเถระ วาทะ-

ปล."อภัยทาน" นั้นแหละ เป็นประโยชน์ แก่ผู้ได้ให้อภัย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 2:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำให้ตัวเองเข้าถึงธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่การทำให้อีกหลายๆ คน เข้าถึงธรรมเหมือนกับตนนั้น ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า

ชอบประโยคนี้ ขออนุโมทนากับ คุณ I am และ คุณ กุหลาบสีชา ด้วยจ้า พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
JARUWAN_G
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 15 ส.ค. 2008
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 6:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

แต่การให้อภัยทานนั้น เป็นทานที่จะชนะใจผู้อื่นด้วยการ เอาชนะใจตนเองก่อน เมื่อชนะใจตนเองได้แล้ว เราจะได้ให้ธรรมเป็นทานแก่ผู้นั้น

ทั้ง 2 อย่าง ต้องทำคู่กันค่ะ เพื่อสำเร็จมรรคผลนิพพาน
 

_________________
ทุกอย่างแก้ไขได้ วันนี้ต้องทำให้ดีกว่าเมื่อวาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 10:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภัยทาน มีอยู่ในทุกผู้ทุกคน
ธรรมทาน มีอยู่เฉพาะผู้มีธรรม
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 10:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่ามันเขียนไม่เหมือนกัน อันนั้นแน่นอนที่สุด
เป้นปรมัตถ เถียงไม่ได้
ห้ามเถียงด้วย

55555555555555
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 10:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”
การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง

สำคัญทั้งคู่

เปรีบเทียบไม่เปรียบเทียบ อย่างไรก็เป็นทานที่ควรปฏิบัติทั้งคู่

ถ้าเปรียบเทียบแล้วปวดกบาล ก็ไม่ต้องคิดเปรียบเทียบก็ได้ครับ

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง