ทำดี ทำไมจึงมองไม่ดี

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 3:16 pm

ทำไมเราทำดีกับใครซักคนตั้งมากมาย แต่พอเห็นข้อไม่ดีของเรานิดเดียว ก็เห็นมันเป็นเรื่องใหญ่โต และก็มองเราไม่ดีอยู่ดี ถึงแม้เราจะช่วยเหลืออะไรเขามากมาย จนเราต้องเดือดร้อน

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 4:09 pm

ละเว้นชั่วทำดีให้ใจผ่องแผ้ว
ครบถ้วนแล้วจึงงดงามตามคำสอน
ทำดีแต่ไม่ยึดมั่นหมั่นสังวร
พ้นทุกข์ร้อนสุขศานติ์เบิกบานใจ

ทำความดี...มอบแด่ธรรมชาติ
ธรรมประกาศความจริงอันยิ่งใหญ่
ทำดี...แล้วปล่อยวางทุกอย่างไป
อย่าเผลอไผลมี"ตัวกู...ผู้คนดี"

ตรงประเด็น

ทำดีนั้น ....ดีแล้วครับ
แต่ถ้ายังทุกข์อยู่ ก็แสดงว่ายังวางใจไม่ถูกครับ

เรื่อง ทิฏฐิความเห็นของบุคคลอื่นนั้น เรา-ท่าน เอามาเป็นประมาณไม่ได้ครับ
ท่านเจ้าคุณ นรรัตน์ท่านเตือนเอาไว้ ถ้าใส่ใจกับทิฏฐิความเห็นคนอื่นมากเกินไป เราจะเป็นทุกข์เสียเอง
เราทำดีแล้ว ดีก็อยู่ในสิ่งที่เราทำ.... จะไปเต้นตามความเห็นของบุคคลอื่น เราจะทุกข์เอาน่ะครับ

ในโอวาทปาฏิโมกข์ หลังจากละเว้นชั่วทั้งปวงแล้ว ให้ต่อด้วยการทำดีให้ถึงพร้อม....
และข้อสุดท้ายที่สำคัญมาก คือ ทำใจให้ขาวรอบ-ผ่องแผ้ว
ต่อให้ทำดีมากแค่ไหน ถ้ายังไม่รู้จักการปล่อยวางอารมณ์ ก็ทุกข์น่ะครับ.... ทุกข์ทั้งๆที่ทำดีนั่นล่ะ

ขอให้พ้นทุกข์น่ะครับ

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 5:14 pm

นำโอวาทธรรม ท่านเจ้าคุณนรรัตน์มาฝากครับ

"คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้

จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม

นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้

ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราแลคนอื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา

บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวลกลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ"

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 5:49 pm

กล่าวได้ดี สาธุ

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 6:25 pm

ตรงประเด็น พิมพ์ว่า:

นำโอวาทธรรม ท่านเจ้าคุณนรรัตน์มาฝากครับ

"คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้

จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม

นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้

ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราแลคนอื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา

บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวลกลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ"

..........................................................
ขออนุโมทนา....สาธุ

ข้าพเจ้าขอกล่าวเสริม

เมื่อท่านทั้งหลายเห็นว่า การกระทำ การพูด การคิด ในสิ่งที่ดีแล้ว และเห็นว่าไร้กิเลสแล้ว
การดำรงอยู่ตามเหตุข้างต้น ถือเป็นกุศล

แต่หากพฤติกรรมยังคงมีกิเลส อยู่ มีโมหะ อยู่ เหมือนในตัวละคร นางเอก นางร้าย
การดำรงอยู่ตามเหตุข้างต้น ถือเป็น อกุศล ทั้งสองฝ่าย (อย่าได้หลงตนเอง)

ตอบเมื่อ: 28 พ.ย.2007, 6:49 pm

อย่าคิดมากเลยค่ะ ขอให้คิดให้น้อยลง แล้วเอาเวลาไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่าทำตัวให้ว่าง ให้จิตให้ใจของเราจดจ่ออยู่กับเนื้องานที่เรากำลังทำอยู่นะค่ะ สู้ สู้

ตอบเมื่อ: 29 พ.ย.2007, 1:13 am

ผมอาจจะกล่าวเป็นหัวข้อธรรมไม่ค่อยเก่ง แล้วท่านอื่นๆ ก็ได้ตอบไปบ้างแล้ว
ผมขอกล่าวแบบโลกๆ แล้วกันนะคับ
ผมเคยอ่านเจอมาว่า เรามักจะตัดสินคนอื่นจากการกระทำ แต่ตัดสินตนเองจากเจตนา
ซึ่งผมว่ามันก็ค่อนข้างจริงนะคับ เราทำดีไว้มากก็จริง แต่เมื่อเราผิดพลาด(ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ)
สิ่งดีๆ ที่ผ่านมาเค้าก็สามารถมองให้เป็นตรงข้ามได้หมดแหละครับ
ฉะนั้น อย่าคิดมากเลยครับ ขอเพียงเรามีเจตนาที่บริสุทธิ์
ผมว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นการทดสอบใจเราแหละครับ ว่าเจตนาดีแค่ไหน
ถ้าเจตนาดีจริงๆ แม้จะโดนเข้าใจผิดไปบ้างก็ไม่ควรท้อนะครับ
คนเราต้องโดนทุบโดนทึ้งบ้างครับ ถึงจะแกร่ง

ต่างคนต่างความคิดครับ ตัวเราเองเรายังไม่ค่อยจะเข้าใจ
การพยายามเข้าใจคนอื่นมันยิ่งยากกว่าเป็นไหนๆ คับ

ตอบเมื่อ: 30 พ.ย.2007, 4:59 pm

ถ้าอยากมีความสุขทุกๆ วัน อย่าหวังสิ่งต่อไปนี้จากผู้อื่น คือ
๑. ความเอาอกเอาใจ
๒. ความสำนึกถึงบุญคุณ
๓. คำยกย่องสรรเสริญ
๔. ให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการให้เป็น

จงทำสิ่งต่อไปนี้
๑. แสวงหาความรู้อยู่เสมอ
๒. เข้าสู่ความสงบ
๓. หาโอกาสทำความดีเท่าที่โอกาสอำนวย
๔. ลดความต้องการให้เหลือน้อยที่สุด เท่าที่จำเป็นจริงๆ

นำมาจาก อาจารย์ วศิน อินทสระ

ตอบเมื่อ: 09 ม.ค. 2008, 6:17 pm

อืม..ได้คำแนะนำที่ดี ๆ จากทุกท่าน น่าเลื่อมใสค่ะ

เราเคยประสบปัญหานี้มาก่อน "ความผิดตัวเองเท่าเส้นผม ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา"

แทบเป็นแทบตายกับปัญหาที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ...แต่ต้องถูกโยงไปด้วยสายงาน....

มีสติไว้แก้ปัญหานะค่ะ อยู่กับตัวเองให้มาก ๆ พิจารณาในสิ่งที่ทำว่าถูกต้องแล้ว

แล้วจะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ

ตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 11:03 pm

เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังหน้าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดีเพียงส่วนเดียว อย่ามีเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเอย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง สาธุ ท่านพุทธทาส