Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วิบากกรรมที่ทำกับชาวบ้าน : เรื่องนายมหากาล
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 19 มี.ค.2008, 4:09 pm
ในอดีตกาลมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า มหากาล
เป็นคนชอบปฏิบัติธรรม รักษาศีล
ในแต่ละเดือนเขาจะต้องรักษาอุโบสถถึง ๘ วัน
และฟังธรรมเทศนา ตลอดทั้งคืนยันสว่าง
วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังปฏิบัติธรรมอยู่นั้น
มีโจรกลุ่มหนึ่งได้แอบเข้าไปขโมยของ
ในบ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดที่เขาปฏิบัติธรรม
และได้ถือเอาสิ่งของไปมากมายหลายอย่าง
แต่ในขณะที่พวกโจรกำลังย่องออกไปจากบ้านนั้น
เจ้าของบ้านได้ยินเสียงกระทบกันของสิ่งของที่พวกโจรพากันลักถือไป
เจ้าของบ้านจึงตื่นขึ้นแล้วรีบวิ่งไล่โจรไปตามเสียงที่ได้ยินนั้น
พวกโจรรู้ว่ามีคนวิ่งตามก็ตกใจกลัว
พากันวิ่งกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง
มีโจรคนหนึ่งวิ่งมุ่งหน้าไปยังวัดที่มหากาลกำลังปฏิบัติธรรมอยู่
ช่วงนั้นเป็นเวลาใกล้รุ่ง ฝ่ายมหากาลหลังจากได้ฟังเทศน์ที่วัด
ตลอดทั้งคืนแล้ว ก็เดินออกมาที่สระโบกขรณีซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัด
แล้วไปยืนล้างหน้าอยู่ที่ริมสระโบกขรณีนั้น
ขณะเดียวกันโจรที่วิ่งหนีชาวบ้านมาอย่างกระหืดกระหอบ
ก็วิ่งมาถึงตรงที่มหากาลยืนอยู่ โจรผู้นี้เห็นท่าไม่ดี
จึงทิ้งสิ่งของต่างๆ ที่ขโมยมาไว้ตรงหน้ามหากาล แล้วรีบวิ่งหนีไป
ฝ่ายพวกชาวบ้านที่วิ่งไล่กวดโจรมานั้น
เมื่อมาถึงริมสระโบกขรณี ก็เห็นข้าวของต่างๆ วางอยู่ตรงหน้ามหากาล
จึงพากันล้อมจับตัวมหากาลไว้ เพราะเข้าใจผิดคิดว่ามหากาลเป็นโจร
แต่แกล้งทำเป็นเหมือนว่าเป็นผู้มาปฏิบัติธรรม เพื่อตบตาหลีกหนีความผิด
ดังนั้น ชาวบ้านจึงพากันรุมทุบตีมหากาล
จนกระทั่งขาดใจตายในที่สุด!!
และทิ้งศพเขาไว้ที่ริมสระโบกขรณีนั่นเอง
หลังจากชาวบ้านหลีกไปไม่นานนัก ในเช้าตรู่ของวัน เดียวกันนั้นเอง
พวกพระภิกษุสามเณรที่อยู่ภายในวัด
ได้ถือหม้อน้ำไปเพื่อจะตักน้ำที่สระโบกขรณี
ครั้นไปถึงท่าน้ำก็มองเห็นศพของมหากาลที่มีร่องรอยถูกทุบตี
อยู่ริมสระโบกขรณี ก็พากันตกใจและพูดกันว่า
อุบาสกคนนี้ฟังเทศน์อยู่ในวิหารตลอดทั้งคืน แต่มาตายอย่างไม่สมควรจะตาย
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลให้พระศาสดาทรงทราบ
เมื่อพระศาสดาได้ฟังเรื่องราวที่พวกพระภิกษุสามเณรกราบทูลแล้ว จึงตรัสว่า
อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย
นายมหากาลได้ตายอย่างไม่สมควรจะตายในอัตภาพนี้เท่านั้น
แต่เขาได้ตายอย่างสมควรแก่กรรมที่ทำไว้แล้วในกาลก่อน
พวกพระภิกษุสามเณรจึงกราบอาราธนาพระศาสดา
ให้ทรงเล่าเรื่องบุรพกรรมของมหากาลให้ฟัง พระองค์จึงทรงเล่าว่า
ในอดีตกาล ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งชายแดนแคว้นของพระเจ้าพาราณสี
มีพวกโจรกลุ่มหนึ่งซุ่มอยู่ในป่า เป็นที่น่าเกรงกลัวสำหรับชาวบ้าน
ที่จะเดินทางผ่านป่าดงแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน
พระเจ้าพาราณสีจึงทรงแต่งตั้งข้าราชการคนหนึ่งไว้ประจำอยู่ที่ปากดง
มีหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ต้องการจะเดินทางข้ามป่าดงนี้
ให้ข้ามไปได้อย่างปลอดภัย
ในทุกๆ วันเขาจะอยู่ที่ปากดง หากมีชาวบ้านมาขอให้ช่วย
พาเดินทางข้ามป่า เขาก็จะเก็บเงินจากชาวบ้าน แล้วคุ้มครองพาข้ามป่าดง
และเมื่อข้ามไปฟากไหนก็จะรออยู่ที่ฟากนั้น
จนกว่าจะมีชาวบ้านที่นั่นมาขอให้พาข้ามป่าอีก
เขาเดินทางกลับไปกลับมาอยู่เช่นนี้เป็นประจำ
ต่อมามีบุรุษคนหนึ่งซึ่งมีภรรยาสวยมาก ได้พาภรรยาขึ้นเกวียน
แล้วขับมาจนถึงปากทางที่ข้าราชการผู้นั้นดูแลอยู่
ข้าราชการคนนั้นพอได้เห็นหญิงสาวมีรูปร่างหน้าตายสวยงาม
ก็เกิดความรักความเสน่หาขึ้น
สามีของหญิงนั้นได้พูดกับข้าราชการให้ช่วยพาข้ามป่าดงไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ข้างฝ่ายข้าราชการก็บอกว่า มันมืดแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดีกว่า
บุรุษผู้นั้นจึงแย้ง ว่ายังไม่เห็นมืดเลย หากไปตอนนี้ก็ยังทัน
แม้ว่าเขาจะพยายามอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก
แต่ข้าราชการผู้นั้นก็ไม่ยอมทำตามที่เขาขอร้อง
แถมส่งสัญญาณแก่ลูกน้องว่าไม่ให้ไป
แล้วบอกให้ทั้งคู่ไปพักอยู่ที่บ้านของเขาก่อน
พร้อมสั่งให้ลูกน้องจัดเตรียมข้าวปลาอาหารให้
ทั้งๆที่สองสามีภรรยาไม่อยากจะไปพักเลย แต่ก็ขัดคำสั่งไม่ได้
จำใจต้องนอนค้างที่บ้านของข้าราชการคนนั้นก่อนหนึ่งคืน
ในบ้านของข้าราชการ มีแก้วมณีดวงหนึ่งราคาแพงมาก
เขาจึงออกอุบายให้ลูกน้องแอบเอาแก้วมณีนั้น
ไปซ่อนไว้ในเกวียนของสองสามีภรรยา
แล้วสั่งว่าในเวลาใกล้สว่างให้แกล้งทำเสียงเอะอะโวยวาย
เหมือนกับว่า มีโจรแอบเข้ามาขโมยของในบ้าน
พอถึงเวลาตามที่นัดแนะกันไว้ พวกลูกน้องก็แกล้ง
ทำเสียงเอะอะโวยวายเหมือนกับว่ามีโจรแอบเข้า
มาขโมยของในบ้านจริงๆ แล้วแสร้งทำหน้าตื่นวิ่งไปบอกข้าราชการว่า
นายๆ แก้วมณีถูกพวกโจรขโมยเอาไปแล้ว
เขาจึงแกล้งสั่งลูกน้องให้ตรวจค้นผู้ที่ออกไปจากบ้านทุกคน
ฝ่ายบุรุษที่มากับภรรยานั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
เขารีบตื่นแต่เช้า เพื่อตระเตรียมพาหนะ
ด้วยคิดว่าจะออกเดินทางแต่เช้า ขณะนั้นเองพวกลูกน้องของข้าราชการ
ก็เข้ามาขอค้นเกวียนที่เป็นพาหนะของเขา
แล้วก็พบแก้วมณีที่พวกตนแอบเอามาซ่อนไว้นั่นเอง
จึงทำทีไปบอกผู้เป็นนายว่าจับโจรได้แล้ว ข้างฝ่ายเจ้านายจึงพูดขึ้นว่า
เราเป็นถึงข้าราชการอุตส่าห์ให้ที่พัก ให้ข้าว ให้น้ำแก่พวกมัน
แต่พวกมันยังกล้าขโมยแก้วมณีของข้าอีก
พวกเจ้าจงจับบุรุษนั้นไว้แล้วฆ่ามันให้ตาย
เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย พวกลูกน้องจึงพากันจับชายผู้นั้น
มาทุบตีจนกระทั่งถึงแก่ความตายในที่สุด
จากผลแห่งการทำความชั่วครั้งนี้ของข้าราชการผู้นั้น
ทำให้หลังจากตายไปแล้ว เขาได้ไปเกิดในนรกอเวจี
ไหม้อยู่ในนรกอเวจีสิ้นกาลนาน
ถูกทุบตีจนตายอยู่อย่างนั้นถึง ๑๐๐ อัตภาพ
และเพราะวิบากกรรมที่ยังเหลืออยู่
ดังนั้น เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ชื่อว่า มหากาล
เขาจึงถูกรุมทุบตีจนตายอีก ดังเช่นกรรมที่เขาเคยทำไว้ในอดีต
การตายของเขาจึงเป็นการตายอย่างสมควรกับกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต
นี่เป็นบุรพกรรมของมหากาล
หลังจากได้เล่าเรื่องกรรมในอดีตของมหากาลแล้ว
พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่า
บาปอันตนทำไว้เอง เกิดในตน มีตนเป็นแดนเกิด
ย่อมย่ำยีบุคคลผู้มีปัญญาทราม
ดุจเพชรย่ำยีแก้วมณีอันเกิดแต่หินฉะนั้น
.........................
กรรมชั่วที่ข้าราชการคนนี้ได้ทำไว้กับชาวบ้าน
ย่อมส่งผลให้เขาได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสหลายภพ หลายชาติ
เพียงเพราะหลงใหลไปตามกิเลสตัณหาที่มาเย้ายวนจิตใจ
ในปัจจุบันอาจมีข้าราชการหลายคนที่หลงผิดคิดชั่ว
หรือเผลอทำความชั่วไปแล้วก็ตาม หากกลับใจในตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป
ก่อนที่จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก
ความดีจะช่วยทำให้ความชั่วที่เคยทำไว้เบาบางลงเหมือนกับแก้วน้ำที่มีสี
หากเติมน้ำดีลงไปมากๆ ก็จะทำให้สีในแก้วน้ำนั้นเจือจางลงได้
และหากทำดีมากๆ จนสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้
ความชั่วทั้งหลายก็จะหมดอำนาจลง
ไม่นำความทุกข์มาสู่ชีวิตเราในภพอื่นๆ อีกต่อไป
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 84 พ.ย 50 โดย มาลาวชิโร)
คัดลอกจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ที่มา :
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15293
สายลม
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
ตอบเมื่อ: 21 มี.ค.2008, 6:57 pm
<-- การ์ตูนใหม่ คลิกตรง ดูเพิ่มเติม
_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 4:19 pm
ขออนุโมทนาครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th