Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทำไมต้องห้ามพูด อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
น้อม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ก.พ. 2008
ตอบ: 58
ที่อยู่ (จังหวัด): England

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.พ.2008, 11:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัยค่ะ ว่า ทำไมเวลาไปฝึกกรรมฐาน ที่มีถือศีล 8 แล้วห้ามพูดคะ และใช้ภาษาใบ้ไม่ผิดใช่ไหมคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
cat
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 21 ก.พ. 2008
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.พ.2008, 11:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตกใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
หมดตัวเราของเรา
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 01 มี.ค. 2008
ตอบ: 6

ตอบตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2008, 1:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยึดมั่นถือมั่น..พิธีรีตรองจนเกินไป..มันไม่ใช่เนื้อแท้ของพระพุทธศาสนา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2008, 5:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
สงสัยค่ะ ว่า ทำไมเวลาไปฝึกกรรมฐาน ที่มีถือศีล 8 แล้วห้ามพูดคะ และใช้ภาษาใบ้ไม่ผิด

ใช่ไหมคะ


คุณน้อมสนใจการฝึกกรรมฐานจริง ๆนะครับ คำถามจะวนๆเวียนๆอยู่กับเรื่องนี้ สาธุด้วยใจจริง

ครับ

กระทู้นี้คำถามขิคุอาโน่เน๊ะ น่ารักเหมือนเด็กๆ เพิ่งเรียนรู้โลกพบเห็นอะไรมาไม่เข้าใจก็ตั้งคำถาม

เอาอย่างนี้สิครับ ไว้ต่อไปเข้าสำนักนั้นอีก คุณน้อมลองถามสิว่า ที่ห้ามพูดด้วยเหตุผลใด

หากเค้าตอบมีเหตุผลก็ใช้ได้ครับ

ที่เค้าห้ามพูดคงประมาณว่า กลัวพวกเราจะจับกลุ่มคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ ทิ้งเวลาปฏิบัติ

กรรมฐาน ไหนๆก็เสียเวลาไปแล้ว

แล้วเมื่อมานั่งปฏิบัติกรรมฐานจิตใจจะฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องที่คุยกันนั้น เค้าจึงห้ามคุยกันเสียเลย


แต่มีเหตุจำเป็นก็พูดได้นะครับ หากไม่เป็นใบ้ เช่น ปวดท้อง ปวดหัว เดินไปถามผู้ซึ่งอยู่

ข้างๆ ว่า คุณๆ ...มียาไหม ฯลฯ พูดได้ถามได้

รึเก่งภาษามือก็ได้ครับ ถ้ามั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ความต้องการของเรา ขำ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2008, 9:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดยส่วนตัวแล้ว
คิดว่าทางวัดคงไม่ได้ถึงขนาดจะให้ปิดวาจา
เช่นเดียวกับการไปอบรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานระยะยาวหรอกนะคะ

เพียงแต่...คงอยากให้มีการสำรวมวาจามากกว่าในชีวิตประจำวันปกติเท่านั้น

ที่ว่าสำรวมวาจาคืออย่างไร และเหตุใดจึงต้องสำรวมวาจา

คือการมีสติตามรู้ กับทุกสิ่งที่เราจะพูด จะกล่าว ดังนี้

ไม่พูดเสียงดัง ตะโกนเอะอะ หรือจับกลุ่มคุยกันกัน
เพราะเป็นการรบกวนผู้ปฏิบัติท่านอื่น
และเป็นกิริยาที่ "ไม่งาม" ไม่สันโดษสำหรับผู้ปฏิบัติที่นุ่งขาวห่มขาว

ไม่พูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน
แก่การเอื้อประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม

เช่น พูดเรื่องทางโลกย์....การบำรุงกิเลสต่างๆ
อาหารร้านนี้อร่อย, เครื่องสำอาง brand นี้ใช้ดี,

หรือการนินทา เพ่งโทษ จับผิดบุคคล หรือผู้ปฏิบัติอื่น
เช่น นักการเมืองคนนี้โกงกินบ้านเมือง
ผู้ปฏิบัติคนนี้เดินจงกรมไม่ถูกต้อง เพราะเดินเร็วเกินไป ฯลฯ
อะไรทำนองนี้...

เพราะทำให้จิตมีแต่จะแส่ส่ายไหลลงต่ำ...ฟุ้งซ่าน...
ไม่สงบ ไม่เกิดประโยชน์ใดใด...
รังแต่จะเกิดโทษแก่ตนเองมากกว่า


หากจะพูดจึงควรพูดแต่น้อย
ใครถามก็ตอบได้
หรืออยากถามอะไรกับใครที่จำเป็นต้องถาม..ก็ถามได้

แต่ต้องอยู่ในลักษณะที่มีสติ สำรวมระมัดระวังวาจาเสมอค่ะ สาธุ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
น้อม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ก.พ. 2008
ตอบ: 58
ที่อยู่ (จังหวัด): England

ตอบตอบเมื่อ: 02 มี.ค.2008, 3:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถึงบางอ้อแล้วค่ะ สู้ สู้ ขอบคุณสำหรับความกระจ่างค่ะ คุณกุหลาบสีชา ตอบได้เห็นภาพมากค่ะ

เหตุที่ไม่ได้ถามทางสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะ เคยไปมา 2 ครั้ง เองในชีวิต ที่แรกก็เมื่อ 20 ปีมาแล้ว 1. ที่วัดพรมบุรี ซึ่งตอนนั้นเป็นวัยรุ่น ความสงสัยอะไรก็เก็บไว้ในใจ กลัวแม่ชีจะดุ ... คิดไปเองตามประสาเด็ก

และ 2. ล่าสุดไปที่ วัดป่าสันติธรรม (The Forest Hermitage) ที่เมือง Warwick ซึ่งวัดนี้พระฝรั่งท่านสอนค่ะ ดิฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ได้แต่ฟัง (หลายๆ เรื่องก็ไม่เข้าใจ ศัพท์อะไรเนี่ย แปลเป็นพุทธภาษาไทย ว่าไรหนอ)

ตั้งแต่มาอยู่ที่อังกฤษ ดิฉันก็ไปแต่โบสถ์คริสต์เพราะใกล้บ้าน เริ่มสวดได้คล่องแคล่วขึ้น...คำสวดของคริสต์ สนุกค่ะ ร้องเป็นเพลง

แล้วสามี(คนไทย)ติงมาว่า เราน่าจะสวดตามหลักพุทธศาสนากันดีกว่า และ กรกัปมีเรื่องทุกข์ใจ ทำให้มาถามครูกรูเกิ้ล ทำให้พบเวปนี้ แล้วได้พบ วัดป่าสันติธรรม เข้าค่ะ และมีกำลังใจ+แรงใจ ปฏิบัติ เพราะมีคนช่วยนี้แนะนี่แหล่ะค่ะ ... คาดว่ากลับยุดยาบ้านเกิดวัดใด ก็จะไปที่ วัดพรมบุรี อีกค่ะ

เรื่องเป็นฉะนี้ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 02 มี.ค.2008, 7:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่พูดภายนอก

ก็พูดภายในคนเดียวทั้งวันอยู่แล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดุสิตธานี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2008, 9:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้มเห็นฟัน คุณโรสสีชา เจ๋ง

.................................................................
แต่ว่าเคยเข้าฝึกกรรมฐานครั้งแรกประมาณนี้เช่นกัน
ครูบาอาจารย์บอกว่าไม่ควรมองหน้าใคร คุยกับใคร
หรือแม้กระทั่งการส่งสายตาออกไปนอกหน้าต่าง

ให้อยู่กับกาย และ ใจ เราเท่านั้น มาดูตัวเรา

จากคนที่ไม่รู้จักใจ ก็มารู้ ว่าใจเราวิ่งเร็วๆ วิ่งไปเรื่อย
นึกคิดเพ้อฝันไปตามที่ต่างๆ ไม่หยุด

6 วันที่ทำแบบนี้ ได้อะไรมาเยอะ เห็นอะไรมาเยอะ
วันที่ 6 ตอนส่ายๆ ครูบาอาจารย์ก็ให้พูดให้คุยได้

และเราก็คิดว่านี่คือ ฐานที่สำคัญทางธรรมะของเรา
 

_________________
“จงทำจิตให้บริสุทธิ์” ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง “ตัวของเราเอง”

แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 11 มี.ค.2008, 12:48 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 มี.ค.2008, 8:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บ่ได้เจ๋งอันใดหรอกค่า....คุณมด
ตอบไปเท่าที่พอรู้ และมีประสบการณ์มาบ้างน่ะค่ะ ยิ้มเห็นฟัน

โมทนากับทั้งคุณน้อมและคุณมดด้วยนะคะ สาธุ สู้ สู้

ภาษาพระท่านเรียกการสำรวมอายตนะทั้ง ๖
(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) นี้ว่า อินทรียสังวรณ์ น่ะค่ะ


ที่ต้องสำรวม
เพราะทวารทั้ง ๖ นี้
เป็นประตูให้จิตเกิดการรับรู้ เกิดความคิดปรุงแต่ง

เมื่อตาดู หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายได้สัมผัส
แล้วเราหากไม่มีสติตามรู้อย่างเท่าทัน
ก็จะเป็นช่องให้เกิดอกุศล
เพราะจิตก็จะเกิดการคิดปรุงแต่งไปต่างๆ นานา
ส่งออกนอกไปเรื่อย

สติเกิด..กุศลเกิด
สติเตลิด..อกุศลก็เกิด (เช่นกัน)


การปฏิบัติในช่วงเริ่มต้นแรกๆ
หากอินทรีย์ยังอ่อน
ก็จำเป็นต้องสำรวมเคร่งครัดหน่อย
เพื่อป้องกัน สติ ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเตลิด
เพราะยังไม่คุ้นชินต่อการควบคุมอินทรีย์เหล่านี้

นี่คือเหตุผลที่ครูบาอาจารย์ท่านจึงบอกว่า

ให้ดูที่ตัวเรา อยู่กับกายและใจของเราเท่านั้น
ปิดทวารได้...เป็นดี


(อย่างที่คุณมดบอกนั่นแหละค่ะ) สู้ สู้

แค่ตามดู..ให้รู้เท่าทันในตัวเอง
ก็วิ่งไล่มันแทบไม่หวาดไม่ไหวแล้ว..จริงมั้ยคะ ขำ ยิ้ม

อย่างไรก็ตาม...เมื่อปฏิบัติต่อไปจนอินทรีย์แก่กล้าขึ้นเป็นลำดับ
สติจะคอยทำหน้าที่ควบคุมกำกับ
ให้เราตามดูรู้ทันถี่ขึ้น
จนสำรวมอินทรีย์ไปเองโดยอัตโนมัติค่ะ
ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง