เล่าเรื่องหลวงปู่มั่น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

ตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2007, 7:57 am

มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมาหาเถระ

ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์ และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง

ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาท ได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น

ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่านแล้วจริงโปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ

จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้ เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า

เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย

ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ได้เห็นได้ยินได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน.

: แสงส่องใจ วิสาขบูชา ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สาธุ

ตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2007, 4:47 pm

สาธุ สาธุ สาธุ จ้า...คุณ I am

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2008, 3:53 am

ออกแนวบิดเบือนนะฮ่ะ

สมเด็จพระญาณสังวร ท่านเป็นสายปฎิบัติ ที่ไม่เคยมีปรากฏเลยว่า
ท่านจะสอนแนวอื่น หรือพูดเรื่องแดนนิพพาน

ท่านสอนแต่สติปัฎฐานและธรรมการปฏิบัติล้วนๆ

แล้วการปฎิบัติธรรมนั้น การที่รูปนิมิตรจะปรากฏนั้น เป็นเรื่องต่างหาก
หลวงพ่อที่ผมเคารพมากๆ
ท่านสอนมหาสติปัฎฐาน

ท่านยังบอกเลยว่า วันนึง ถ้าลูกศิษย์ติดอะไร อาจจะได้เห็นท่านมาหา
มาสอนธรรมะนะ

แต่ขอให้รู้ว่า ไม่ใช่ท่าน เพราะถ้านิพพานแล้ว ก็ไม่มีสังขารจะมาปรากฏให้เห็นแล้ว

หนักใจแทน คนสมัยนี้จริงๆ
ไม่นาน สัจธรรมจะถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ

ทางเอก คือสติปัฎฐานที่แท้ ถ้าทุกคนทำได้ ก็จะเข้าใจ
ไม่หลงไปกับภาพมายาทางจิต ซึ่งหลอกได้เนียนมาก

ไม่แปลกใจหรอก ถ้าศาสนาจะเสื่อมลงทุกวัน
และไม่นานธรรมะแท้ๆ ก็อาจจะค่อยๆ เลือนไป

ตอบเมื่อ: 01 มี.ค.2008, 4:00 am

ก็สุดแท้แต่กรรมเวรของใครนะฮ่ะ

การจะเชื่ออย่างไร ก็คงไม่ผิดมากมาย เพราะก็ยังเป็นคนที่แสวงความดี

แต่การที่ยังมีภาวะของการยึดติด ยังมีการยึดมั่น

จนแสดงออกมาเป้นภพ เป็นภาวะ แห่งการมีตัวตน

นั่นขัดแย้งกับหลักของพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง

หลักของพุทธ ปฎิบัติเพื่อละการยึด และปล่อยวางให้หมดจด

เมื่อไฟไม่มีเชื้อ แล้ว ไฟก็ต้องดับ

แต่ไฟดับ แล้ว พลังงานที่ดับ ก็กระจายไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล

แต่ไม่มีทางคงรูปไฟแบบเดิมได้ นี่คือข้อเปรียบเทียบ

ว่าที่ไม่สูญ นั้นไม่สูญอย่างไร แล้วไม่มีตัวตน ไม่มีอย่างไร

หมดเชื้อแล้วต้องหมดเหตุแห่งภพ และภาวะอย่างไร

เฮ๋อ.. คนที่ยังมีภาวะแห่งการมีตัวตน

อาจจะไม่ทุกข์ แต่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฎอีกนาน ทีเดียว

ผมรู้นะ ลูกศิษย์สายแดนนิพพานในนี้เยอะมาก

พูดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา.. ก็ต่างคนต่างเผยแพร่ละกาน

แต่ที่มาพูด เพราะทนไม่ได้ ที่รู้สึกเหมือนโดนบิดเบือน

ถ้าเป็นพระองค์อื่น ผมก็จะเฉยๆ นะ

แต่นี่ นำสมเด็จพระสังฆราชมากล่าวอ้าง น่าจะมีอะไร การันตีกว่านี้

ว่าท่านกล่าวจริงๆ

ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่า ท่านกล่าว

ตอบเมื่อ: 02 มี.ค.2008, 9:47 pm

อ้างอิงจาก:

: แสงส่องใจ วิสาขบูชา ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ขอทราบที่มาของข้อมูลเพิ่มเติมได้ไหมครับ ว่าเป็นซีดีหรือหนังสือหรือว่าอยู่ในรูปแบบใด และหาดูได้ที่ไหนบ้าง

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 8:48 am

หนังสือเล่มนี้หาซื้อได้ที่

ร้านขายหนังสือธรรมะ มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย
(อยู่ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู)
241 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ
เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร. 02-629-1417 ต่อ 106, 02-281-1085
Fax. 02-629-4015

http://mahamakuta.inet.co.th/

ชื่อหนังสือ แสงส่องใจ
ที่ระลึกวันวิสาขบูชา ๓๑ พฤษภาคม พระพุทธศักราช ๒๕๕๐ ครับ

ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 12:53 pm

หนังสือแนบ ๑

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 12:57 pm

หนังสือแนบ ๒

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:00 pm

หนังสือแนบ ๓

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:02 pm

หนังสือแนบ ๔

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:04 pm

หนังสือแนบ ๕

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:05 pm

หนังสือแนบ ๖

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:06 pm

หนังสือแนบ ๗

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 1:21 pm

ความเชื่อ ความศรัทธานั้น ต้องประกอบด้วยปัญญา

ปัญญาคือ อย่างไร ?
ปัญญานั้นคือ ความนึกตรึกตรอง ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) บางครั้งต้องมาจากการประพฤติปฏิบัติ แล้วเห็นจริงตามคำสั่งสอนนั้น ท่านจึงเรียกว่า ปัญญาที่แท้จริงในพระพุทธศาสนา

ใครเชื่ออย่างไร ? ศรัทธาอย่างไร ? เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล การโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้คล้อยตามนั้นยากนัก ขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละท่านเอง

สาธุ

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2008, 4:15 pm