Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เป็นสุขทุกขณะจิต เมื่อชีวิตไม่ติดลบ (พระไพศาล วิสาโล) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 08 มี.ค.2005, 8:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เป็นสุขทุกขณะจิต เมื่อชีวิตไม่ติดลบ
โดย พระไพศาล วิสาโล


เวลากินข้าว เราไม่เพียงตักอาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสที่เราจะได้บำรุงเลี้ยงจิตใจด้วย โดยเฉพาะเมื่อเรากินอย่างมีสติ รู้จักประมาณในการกิน กินอย่างรู้คุณค่าที่แท้จริงของอาหาร และด้วยสำนึกในบุญคุณของทุกชีวิตที่นำอาหารมาให้เรา สติและสำนึกดังกล่าวจะช่วยบ่มเพาะจิตใจของเราให้งดงามและเป็นกุศล นำไปสู่ชีวิตที่สงบเย็นและมีเมตตา

เวลาหายใจ เราไม่เพียงดูดออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสที่เราจะนำเอาความสงบเย็นไปหล่อเลี้ยงจิตใจด้วย ในยามเครียดหรือเกิดโทสะ ลองหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สัก ๕-๑๐ ครั้ง จิตจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ จะพบว่าความเครียดบรรเทาลง และจิตใจหายรุ่มร้อน ยิ่งในยามปกติด้วยแล้ว การหายใจอย่างมีสติจะช่วยให้จิตสงบนิ่ง มั่นคงแต่อ่อนโยน เต็มไปด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม

เวลาเดิน เราไม่เพียงพาตัวเองไปให้ถึงจุดหมายเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสที่เราจะพาใจให้เข้าถึงความผ่อนคลาย เป็นสมาธิ เมื่อเดินอย่างมีสติรู้ตัวในทุกย่างก้าว ไม่กังวลกับจุดหมาย ไม่สนใจว่าต้องเดินอีกไกลเท่าใด ไม่เร่งเร้าว่าเมื่อไหร่จะถึง เมื่อนั้นเราจะเป็นอิสระจากระยะทางและเวลา การเดินจึงกลายเป็นการพักใจในทุกก้าว แม้กายเหนื่อย แต่ใจหาเหนื่อยไม่

ทุกอิริยาบถ ทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของร่างกายล้วนๆ แต่แท้ที่จริงแล้วมีมิติด้านจิตใจมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เป็นมิติที่มากไปกว่าการใช้สมองหรือความคิด หากเป็นมิติที่สัมพันธ์กับความปกติสุข (หรือความทุกข์) ในระดับจิตวิญญาณ ทุกขณะและทุกการกระทำของเราล้วนแยกไม่ออกจากมิติทางจิตใจ กล่าวคือล้วนส่งผลต่อจิตใจ ไม่ว่าในทางบ่มเพาะหรือบั่นทอน หล่อเลี้ยงหรือตัดรอนความสงบเย็นของชีวิตด้านใน

ชีวิตที่สนใจแต่มิติด้านกายภาพ มุ่งตักตวงความสุขทางกาย หรือความพรั่งพร้อมทางวัตถุ โดยไม่คำนึงถึงมิติด้านจิตใจ เอาแต่ปรนเปรอร่างกาย โดยละเลยการบำรุงเลี้ยงจิตใจ ชีวิตดังกล่าวย่อมเป็นชีวิตที่ยากจะพบกับความสงบสุข มีแต่จะรุ่มร้อนเพราะความอยากที่ไม่รู้จักพอ ขณะเดียวกันจิตใจก็แส่ส่ายทุรนทุรายเนื่องจากขาดความสุขที่แท้ จึงต้องดิ้นรนแสวงหาโดยนึกว่าทรัพย์สมบัติจะนำความสุขที่แท้มาให้ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง จึงต้องดิ้นรนแสวงหาต่อไปไม่รู้จบ ชีวิตเช่นนี้เป็นชีวิตที่ติดลบ แม้จะมีทรัพย์สมบัติท่วมหัวก็ตาม

มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาความสงบเย็นภายใน ความสงบเย็นแบบนี้หาซื้อไม่ได้ จะได้มาก็จากชีวิตด้านในที่เจริญงอกงาม หรือจากจิตใจที่ได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ผู้ที่เห็นคุณค่าของชีวิตด้านในย่อมแสวงหาสิ่งดีงามมาบำรุงเลี้ยงจิตใจอยู่เป็นนิจ สิ่งดีงามนั้นได้แก่ความปรารถนาดี (เมตตา) การเผื่อแผ่และเสียสละ (จาคะ) ความตั้งมั่นและความสงบใจ (สมาธิ) ความรู้ตัวและไม่หลงลืม (สติ) ความรู้ความเข้าใจในเรื่องชีวิตจิตใจ (ปัญญา) เป็นต้น

เพียงแค่หยุดคิดแล้วหันมามองดูตน เราย่อมเห็นได้ไม่ยากว่าอะไรคือสิ่งที่ชีวิตจิตใจของเราปรารถนาอย่างแท้จริง แต่ในยุคนี้ดูเหมือนว่าทำเพียงเท่านี้ก็นับว่ายากแล้ว เพราะนอกจากชีวิตจะเร่งรีบจนแทบไม่มีเวลาว่างแล้ว แม้ในยามที่มีเวลาว่าง อะไรต่ออะไรก็พากันแย่งเวลาเราไปจนหมด ไม่ว่าโทรทัศน์ วีดีโอ โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต หรือสถานบันเทิง

ยิ่งกว่านั้นก็คือกระแสเงินตราที่ไหลบ่ามาแรง โดยเฉพาะสังคมไทยใน พ.ศ.นี้ และพ.ศ.หน้า ไม่เพียงสินทรัพย์จะถูกแปรเป็นทุนเท่านั้น หากแต่สรรพสิ่งก็กำลังถูกแปรเป็นเงินตรา ขณะที่วัฒนธรรมของชาติกำลังถูกแปรเป็นวัฒนธรรมเชิงท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ คาสิโนและโต๊ะพนันบอลก็ทำท่าจะเดินตามหวย คือถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดินเพื่อเป็นขุมเงินขุมทองให้รัฐ เงินกำลังกลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของคนในชาติ และกลายเป็นเกณฑ์วัดความสำเร็จและความเจริญของทุกสิ่งตั้งแต่บุคคล องค์กร ชุมชน ไปจนถึงประเทศชาติ ใช่แต่เท่านั้นเงินยังทำท่าแพร่สะพัดสุดแต่ว่าใครจะไขว่คว้าได้แค่ไหน ไม่ว่าเงินกู้ในรูปเครดิตการ์ดที่ธนาคารแข่งกันออก เงินล้านที่หลั่งไหลสู่ชุมชนเพื่อเอาชนะความยากจน และเงินลงทุนอีกหลายแสนล้านของรัฐบาลในโครงการนับไม่ถ้วน

ในยุคที่เงินตราเป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง รวมทั้งความถูกต้อง จนแฟชั่น "นมหก" กลายเป็นเรื่องธรรมดาเพราะจำเป็นสำหรับการสร้างเมืองไทยให้เป็นตลาดแฟชั่นชั้นนำของโลก การที่ผู้คนจะแลเห็นอะไรที่ลึกซึ้งไปกว่าวัตถุเงินตรา ย่อมเป็นเรื่องยาก อย่าว่าแต่เรื่องจิตวิญญาณเลย แม้กระทั่งศักดิ์ศรี สิทธิมนุษยชน หรือสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นเรื่องโลกีย์ๆ ก็แทบไม่มีความหมายเสียแล้วเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในยามที่เงินเป็นพระเจ้านี้ สิ่งสำคัญก่อนอื่นใดคือการมีสติยั้งคิด ไม่หลงใหลไปตามกระแสและหรือลุ่มหลงกับมายาภาพ จนลืมไปว่า มีเงินมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีความหมายหากชีวิตติดลบ ติดลบเพราะหิวโหยความสงบเย็นภายใน ชีวิตเช่นนี้ว่างเปล่าเพราะหาสาระที่แท้ของชีวิตไม่เจอ ใช่หรือไม่ว่าในที่สุดชีวิตเช่นนี้ย่อมกลายเป็นชีวิตที่กัดเจ้าของ

ปีใหม่นี้ถึงแม้เงินจะปลิวว่อนในอากาศมากกว่าเดิม ก็อย่าหลงเพลินกับการไขว่คว้าเงินจนลืมชีวิตด้านในของตนเอง พึงตระหนักว่าทุกขณะและทุกอิริยาบถล้วนมีความสำคัญต่อชีวิตด้านใน ลึกลงไปในทุกกิจกรรมคือโอกาสแห่งการบ่มเพาะจิตใจและการนำความสงบเย็นมาสู่จิตวิญญาณ พยายามใช้ทุกกิจกรรมเพื่อการสร้างความไพบูลย์งดงามแก่จิตใจ แทนที่จะทุ่มเททุกหยาดเหงื่อให้กับการแสวงหาเงินตราและวัตถุสถานเดียว

ที่ขาดไม่ได้ก็คือการหาเวลาสงบๆ ให้แก่ตนเอง เพื่อไตร่ตรองมองตนและปล่อยวางจากสิ่งข้องขัดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน เวลาดังกล่าวสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเติมความสงบเย็นให้แก่จิตใจ ถ้าทำได้เช่นนี้ ชีวิตย่อมเต็มอิ่มและนำความสุขใจมาให้ทุกขณะจิต



.............................................................

คัดลอกมาจาก
http://www.budpage.com/
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2005, 12:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่ขาดไม่ได้ก็คือการหาเวลาสงบๆ ให้แก่ตนเอง เพื่อไตร่ตรองมองตนและปล่อยวางจากสิ่งข้องขัดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน เวลาดังกล่าวสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเติมความสงบเย็นให้แก่จิตใจ ถ้าทำได้เช่นนี้ ชีวิตย่อมเต็มอิ่มและนำความสุขใจมาให้ทุกขณะจิต

สาธุ สาธุ สาธุ
 
พิทรายา
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2008, 12:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 1:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณสายลม

เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง