Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปี 2548 นี้ล่ะ ฮึ่ม ฮึ่ม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2005, 1:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





เรียกว่าเป็นกระทู้ที่ขอบ่นอย่างเดียวแล้วกันนะครับ



เพราะว่าเด็กบ้านยาง อยากเป็นพระอรหันต์แบบ ฉฬภิญโญ

ก็คือ ในขั้น ปุถุชน ต้องมีฤทธิ์ก่อน พอมีฤทธิ์แล้วค่อยมุ่งต่อมรรคผล



เด็กบ้านยางสนใจธรรมะมาก็นาน เกือบครบปี แต่ปฏิบัติจริง ๆ แทบจะนับนาทีได้

ก็เลยเป็นการตั้งกระทู้ อวด อวด ว่า เอาล่ะ ปีนี้ล่ะเฟ้ย ที่อภิญญา ๕ ต้องเป็นของเราให้ได้



ส่วนมีแล้ว จะมาอวดให้ดูไหม หรือว่าจะเหาะไปปลีกวิเวกคนเดียวที่ป่าหิมพานต์ก็อีกเรื่อง แต่เรื่อง

ตอนนี้คือ ขอบ่นเล่น ๆ ล่ะกันนะครับ



ว่าจะเริ่มปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทีไร ก็มีอันต้องแพ้กิเลสตัวเอง นอนจมแอ่งแม้งอยู่นั่น ( อ้าว เที่ยงคืน ใกล้ตีหนึ่งแล้ว ชักง่วง รู้สึกจะพิมพ์บ่นอะไรไม่ได้แล้วนะเนี่ย ) พยายามลุกออกมาทีไรก็ต้องล้มอีกทู๊กที รู้สึกว่ามรรคผลยังห่างไกลเหลือเกิน แต่ใจหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเรา ประกอบกับ เด็กบ้านยางคงไม่ใช่ นักปฏิบัติธรรม ที่จะออกบวชธุดงค์ หรือ บวชเป็นพระแล้วมุ่งสู่มรรคผล แต่เด็กบ้านยางรู้สึกว่า ตัวเองชอบแบบฆราวาสที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะหลาย ๆ เรื่อง คงไม่เหมาะธุดงค์แน่ ถ้าธุดงค์คงโดนเสือกินตายหรือไม่ก็โดนช้างเหยียบตายแต่วันแรก ขนาดนั่งสมาธิอยู่บ้านตัวเองก็กลัวผีแทบแย่ จนไม่ได้ทำสมาธิมาแล้วก็หลายสิบหน แล้วเด็กบ้านยางก็เชื่อว่า ฆราวาสก็มีสิทธิ์บรรลุมรรคผล ถึงโอกาสจะน้อยกว่าท่านที่มุ่งแสวงหาธรรมโดยการบรรพชาก็เถอะ แต่แถวบ้านเด็กบ้านยางเรียกว่า สัมปายะ พอสมควร อีกอย่างเป็นฆราวาสไม่ต้องหนักใจเรื่องอาบัตินั่น อาบัตินี้ด้วย ยิ่งเป็นพวกวิตกจริตอยู่ ถึงขั้นอานาปานสติ ที่เรียกว่าเหมาะกับพวกวิตกจริต เอาไม่อยู่ไปหลายหน ( เพราะว่าโง่ครับ ยอมรับ )



อีกอย่าง ก็ได้เจอความไม่เที่ยงในหลาย ๆ เรื่อง ล่าสุดก็ต้นปีนี้เลย ปีที่แล้ว ได้บวช พราหม์ ปฏิบัติธรรม ต้นปี ปีที่แล้วก็สมใจไปหลายเรื่อง มาปีนี้ ไหง โชคชะตาถึงไม่ได้บวชพราหมณ์ละเนี่ย ไอ้เราก็เล็งไว้แล้ว แต่บุญไม่ถึงแน่แน่ ( ถ้าปีนี้จะมีเรื่องซวยเยอะแน่เลย ) อุบาสก อุบาสิกา ที่วัดที่เคยบวชด้วยกันปีที่แล้วถามหากันจ้าละหวั่น (แก่แก่ทั้งนั้น มีเด็กบ้านยางคนเดียวล่ะครับ ที่ยังเป็นหนุ่มเอ๊าะ ๆ อยู่เขาเลยจำได้ ) ว่าแกเลิกสนใจธรรมะแล้วใช่ไหม แม้เจ้าโว้ย หามิได้พะยะค่ะ แต่บุญปีนี้คงไม่ถึง เลยอดบวชพราหม์ไป ทั้งที่ตั้งความหวังไว้เป็นหมั่นเป็นเหมาะ จะเอาฤกษ์ซักหน่อย



ปีนี้ถ้าจะมีเรื่องซวยเยอะ เท่าที่ดู ๆ ก็ท่าจะจริง



เอาล่ะ ยังไงเด็กบ้านยางก็สู้จนตัวตายล่ะ ถึงจะโดนกิเลสตัวเองพาล้มไปรอบที่ พันแปด ก็จะลุกใหม่เรื่อย ๆ พยายามไปเรื่อย ๆ มันก็คงมีพัฒนาการมั้งล่ะน่า ยังไงปีนี้อภิญญา ๕ ก็ต้องเป็นของข้าพเจ้าให้ได้ ( โลภตัวมหึมาเชียว )





ลุยยยยยยยยย



( หลาย ๆ ท่านที่อ่านคงจะงงว่ากระทู้อะไรของมันวะเนี่ย คือ มันเป็นกระทู้ของคนที่พ่ายแพ้ให้กิเลสตัวเองรอบที่ (...จำไม่ได้เยอะ ) ก็เลยเกิดเซ็ง ๆ จะไปนั่งเขียน วรรณกรรมที่ข้างห้องน้ำสาธารณะ ต่าง ๆ หรือตามที่นั่งบนรถเมลล์เด็กบ้านยาง ก็ไม่ได้มีนิสัยถึงขั้นนั้น ก็มาบ่นในเว็บธรรมะล่ะกัน ว่าแล้วก็จะก็อบไปลงอีก 2 เว็บที่เด็กบ้านยางไปสิงสถิตย์อยู่พักหนึ่ง พอได้มีกระทู้เป็นของตัวเองอีกสักกระทู้เนอะ )





แล้วมีอภิญญา เมื่อไรหรือมีเหตุการ์ณอะไรจะมาเล่าสู่กันฟังอีกล่ะกันครับ สวัสดีปี 2548 ทุกทุกคน

 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2005, 6:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตั้งใจจะเป็นอย่างไรก็ตั้งใจไปเลยครับ แล้วทำได้มากเท่าไรก็ทำครับไปเลยครับ แต่ที่ปฏิบัติแล้วท้อทำไม่ได้ตามต้องการ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ



แล้วคุณก็เรียนรู้จากสิ่งที่ประสบนั้นๆไป แต่อย่าเลิกความพยายามเสียนะครับ อย่าหยุดทำ ค่อยตรึกตรองทดลองทำไปเรื่อย หาทางแก้ปัญหาไปเรื่อยๆอย่าหยุดอย่างเดียว ทั้งศึกษากับปฏิบัติทำไปตลอด



ส่วนผลจะเป็นอย่างไรไม่ต้องสนใจ เดินไปข้างหน้าลูกเดียว แล้วอาจชำเลืองดูข้างๆบ้าง



วิธีที่จะทำไม่ให้ท้อใจ คือตั้งเป้าหมายไปทีละนิด ที่สามารถจะปฏิบัติได้ แล้วต้องรักษาสัจจะในสิ่งที่คิดจะทำ คือคิดแล้วต้องทำตามนั้น เช่นนั่งภาวนา 2 ชั่วโมง ไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ถ้านึกอย่างนี้ก็ต้องทำอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าไปนึกในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถจะทำได้ จะเสียสัจจะ



นึกว่าจะรักษาศีล 8 ในวันพระ ก็ต้องทำให้ได้ อะไรถ้าตั้งใจต้องทำ ไม่งั้นอย่าไปตั้งใจไว้ ทำไปตามลำดับไปเรื่อยๆ



ถ้ากลัวผี ผมนี่แหละตัวกลัวผี และไม่เชื่อเรื่องผีว่ามีจริง ใครว่าผีมีจริงผมเถียง แล้วในที่สุดผมก็ต้องเจอผีทุกคืนเป็นเดือนๆ กลัวจนบอกไม่ถูก ไม่อยากให้ถึงกลางคืนเลย เลยต้องเจอเพราะหนีไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผมไม่กลัวผีเลย เดินชนกับผีประจำ แล้วรู้ว่าผีแกล้งมาเดินชนผม เพื่อแสดงให้ผมรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น ผมจะได้แผ่เมตตาให้เขา



เมื่อคุณแผ่เมตตาให้ผีเมื่อใด ความกลัวคุณก็หาย ให้ผีมาปรากฏอยู่ตรงน้าก็ไม่มีความกลัว เพราะทั้งสองฝ่ายรู้สึกเหมือนเป็นมิตรกัน ถ้าผีรู้สึกไม่เป็นมิตร เขาจะส่งจิตแกล้งคุณให้คุณขนพองสยองเกล้าหวาดกลัวจนอยู่ไม่ได้ ทำให้คุณหวาดหวั่น พอแผ่เมตตา จิตของผีที่ส่งมาหลอกหลอนแกล้งนั้นหมดอำนาจถูทำลายจนหมดท่า ผีนั้นไม่มีกำลังใจที่จะทำอย่างนั้น เพราะอำนาจเมตตาที่เราแผ่เข้าไปสิงใจของผีให้อ่อนปวกเปียกหมดท่าทุกราย แล้วเราจะกลัวผีไปทำไม



ให้ผีมีอำนาจโหดร้ายขนาดไหน ก็หมดท่าทุกราย



ส่วนอภิญญานั้นจะได้ในชาตินี้หรือไม่ เป็นสิ่งบอกไม่ได้ แต่ก็ทำไปเถอะ เพราะเวลาปฏิบัติธรรมจะปรากฏเอง เราจะมุ่งว่าจะทำอภิญญาแต่จะรู้หรือว่าเวลาปฏิบัติสติปัฏฐานธรรมจะชักนำเราไปทางไหน เราต้องไปตามทำที่ปรากฏถ้าเป็นสมาธิก็เป็นไปตามอุปนิสัย ใช่ว่าเราจะไปกำหนดว่าเราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นไปเองตามอุปนิสัยแต่ละคน ในอดีตเราได้ทำอย่างไร อธิษฐานไว้อย่างไร ก็มาเป็นอุปนิสัยของเรา
 
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2005, 1:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอแนะนำให้ลองอ่านบทความ"บวชอยู่ที่บ้าน" ของท่านพุทธทาส มีอยู่ในเวปไซด์ ลองหาอ่านดูครับ
 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2005, 4:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จริงๆท่านพุทธทาสไม่ได้หมายถึงบวชจริงๆกระมัง หมายถึงคนมีลูกเมียรักษาศีล มีสติกระมัง ถ้าบวชอยู่ที่บ้านก็ไม่ต้องมีภรรยา (คงไม่หมายถึงผู้หญิงบวชอยู่ที่บ้านถ้าเป็นบวชพระ) เพราะถ้ามีภรรยาอยู่ด้วยกันก็ปราชิก



สมัยก่อนคนเป็นโสดาบันก็มีลูกเมีย มีสามี แต่ท่านไม่ได้อยู่อย่างนักบวช อยู่อย่างคนมีศีลห้าบริบูรณ์ ก็เรียกว่าบวชไม่ได้ ผมจึงไม่ได้อ่านว่าท่านพุทธทาสหมายความว่าอย่างไร



บ้านเป็นที่ตัดปลิโพธไม่ได้ เพราะคำว่า"เรือน"ก็มีความหมายชัดถึงปลิโพธ การบวชคือการตัดปลิโพธ ท่านพุทธทาสคงเพียงอุปมา มากกว่าจะพูดถึงการรักษาพรหมจรรย์จริงๆ



การบวชหมายถึงการสละเรือน ถ้ายังมีเรือน แล้วการใช้ชีวิตในเรือนอย่างนักบวชนั้นในพุทธกาลไม่มีใครทำได้สักคน นอกจากพระอนาคามี แล้วก็สละเรือนแม้จะอยู่ในเรือน เราไม่เป็นพระอนาคามีจะบวชอยู่ที่บ้านได้จริงหรือ



ผมนี่อยู่คนเดียว อยู่ที่บ้านนานๆลูกมาหาซักที แล้วไม่ยุ่งกับใครเลย เช้าไปวัด ถวายทาน สวดมนต์ทำวัตรเช้าที่วัด ไปทำงานนิดหนึ่ง ช่วงบ่ายกลับมาบ้านนั่งสมาธิบ้าง สวดมนต์บ้าง ห้าโมงเย็นเศษๆไปวัด นั่งสมาธิสวดมนต์ สองทุ่มกลับมา ทำอะไรนิดหน่อยภาวนาต่อ นอนพอตีหนึ่งตีสองก็ตื่นภาวนาสักชั่วโมง หลับไปหน่อย ตีสี่กว่าๆตื่นภาวนาอีกนิดหน่อยสักครึ่งชั่วโมง แล้วทำอะไรบ้าง ดูข่าวนิดๆ ปกติไม่ค่อยได้เปิดทีวี ตอนเช้าไปวัดอีกแล้ว เกือบห้าปีที่เป็นกิจวัตรอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่เหมือนกับบวช บวชเป็นอีกอย่างหนึ่ง



เช่นเด็ดใบไม้ก็ไม่ได้ ยืนกินอาหารก็ไม่ได้ จะไปบอกให้ใครเอาอะไรมาให้กินก็ไม่ได้ จะบอกว่าอยากกินโน้นกินนี้ก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนประเคนก็กินไม่ได้ รับหรือหยิบเงินก็ไม่ได้ ต้องปลงอาบัติ ต้องทำกิจวัตรของสงฆ์ ไม่ทำก็ไม่ได้



อยู่บ้านสบายจะภาวนาตอนไหนก็ได้ จะนอนก็ได้ จะเปิดคอมพ์ก็ได้ หิวชงกาแฟกินขนมได้ ที่บ้านไม่ใช่การบวช เราอยู่แบบฆราวาส ให้อยู่แบบสมถะยังไงก็เป็นฆราวาส ไม่ใช่นักบวช
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง