Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ควรเกรงกลัวต่อความชั่ว (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2007, 8:29 am
ควรเกรงกลัวต่อความชั่ว
สัจจะประการหนึ่ง
ความลี้ลับในการกระทำบาปกรรมอกุศลทั้งหลายไม่มี
เพราะบุคคลกระทำกรรมไม่ว่าดีไม่ว่าชั่ว แม้จะไม่มีใครเห็นก็ต้องมีตนเองเป็นผู้รู้เห็น ทุกคนอาจปฏิเสธผู้อื่นได้ แต่จะไม่อาจปฏิเสธตนเองได้
เพราะฉะนั้นจึงได้มีพุทธภาษิตตรัสเตือนว่า
ชื่อว่าที่ลับแห่งบุคคลผู้กระทำบาปกรรม ไม่มีในโลก
เพราะฉะนั้นจึงสมควรระลึกถึงสัจจะ คือความจริงและพุทธภาษิตที่สอนให้ระลึกถึงความจริงดังกล่าว และตั้งใจละอกุศลบาปกรรมทั้งหลายทั้งในที่ลับทั้งในที่แจ้งตามสามารถ ตามรอยพระยุคลพุทธบาทแห่งสมเด็จพระบรมศาสดา ซึ่งทรงเป็นผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยประการทั้งปวง
คนโดยมากนั้นไม่กลัวความชั่ว
เพราะนึกว่าจะสามารถปกปิดความชั่วไม่ให้ผู้อื่นรู้ได้
และบางทีก็
สามารถที่จะพูดจาหรือกระทำกลับความชั่วให้เป็นความดี หรือกลับความดีให้เป็นความชั่ว
อันหมายถึงว่าทำให้คนอื่นๆ ต้องรับรองว่าเป็นความดีหรือเป็นความชั่วตามที่ต้องการได้
เมื่อเข้าใจว่าตนสามารถพลิกได้ดังนี้ จึงยิ่งทำให้เป็นผู้ไม่มี
หิริ
ความละอายใจ
โอตัปปะ
ความเกรงกลัวต่อความชั่วยิ่งขึ้น แต่อันที่จริงนั้นย่อมหนีความจริงไม่พ้น
กรรมอันใดที่บุคคลกระทำเมื่อเป็นกรรมดี
ผู้กระทำก็เป็นเจ้ากรรมดีที่กระทำนั้นและก็จะต้องได้รับผลดี
กรรมอันใดที่เป็นกรรมชั่วที่บุคคลกระทำ
ผู้กระทำก็เป็นเจ้าของกรรมชั่วนั้น และก็ต้องได้รับผลของกรรมชั่วนั้น
แต่ว่ากาลเวลาที่จะรับผลอันเป็นที่ปรากฏก็จะเป็นในปัจจุบันนี้บ้าง
ในภายหน้าบ้างหรือในเวลาที่ถัดๆ ไปจากภายหน้านั้นบ้าง
จึงอาจจะเป็นระยะเวลาที่นานอันทำให้คนทั้งปวงในปัจจุบันมองไม่เห็น
เมื่อเป็นดั่งนี้
จึงได้พากันเหยียบย่ำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งอันที่จริงเป็นการเหยียบย่ำตนเอง
เพราะว่าทุกๆ คนนั้นคนอื่นไม่สำคัญ ใครจะรับรองว่าเราดีหรือชั่วหาสำคัญไม่ ความสำคัญนั้นอยู่ที่ตัวเราเอง
เมื่อทำชั่วต้องรับชั่วเองเมื่อทำดีก็ต้องรับดีเอง และทุกๆ คนจะพบตนเองเฉพาะในวันนี้ในชาตินี้เท่านั้นหาได้ไม่ แต่ว่าจะต้องพบตัวเองของตนเองในชาติหน้าและในชาติสืบๆ ไป
เพราะฉะนั้นก็จะต้องพบผลของกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วที่ตนกระทำไว้ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้าก็ชาติถัดๆ ไป แม้ว่าจะยังไม่รู้ไม่เห็นในชาติหน้าและชาติต่อๆ ไป แต่ว่าเชื่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นดีกว่า ปลอดภัยกว่า
เมื่อกระทำดีไว้
ชาติหน้าจะมีหรือไม่มีก็คงเป็นความดีอยู่นั่นเอง
เมื่อกระทำกรรมชั่วไว้ ชาติหน้าจะมีหรือไม่มีก็คงเป็นความชั่วอยู่นั่นเอง
และเมื่อเป็นกรรมดีความจริงก็หาชั่วไปได้ไม่
เมื่อเป็นกรรมชั่วแม้ใครจะว่าดีก็หาดีไปไม่
ดีก็ต้องเป็นดี ชั่วก็ต้องเป็นชั่วเสมอ เป็นสัจจะคือความจริง
เพราะว่าอันสัจจะคือความจริงนั้น
หาได้เป็นจริงเพราะใครเข้าใจว่าจริงหรือใครว่าไม่จริง แต่เป็นความจริงที่ตัวความจริงเอง
บรรดาความจริงทุกๆ อย่างก็เป็นอยู้ดังนี้ เหมือนอย่างของจริงของเทียมที่เป็นธรรมดาโลกนี้แหละ เช่นว่าเงินแท้ ทองแท้ ใครจะว่าเทียมว่าเก๊ ก็ต้องเป็นของแท้อยู่นั่นเอง
แต่ว่าเงินปลอม ทองปลอมใครจะว่าจริง ก็ต้องเป็นของปลอมอยู่นั่นเอง เป็นจริงหรือปลอมเกิดขึ้นที่ความจริงของสิ่งนั้นเอง ฉะนั้น จึงสมควรที่จะพิจารณาให้รอบคอบและเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นศึกษาปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
พระธรรมคำสั่งสอนอันใดที่เป็นคำสั่งสอนให้น้อมเข้ามาภายใน เช่น
สติปัฏฐาน
เป็นต้น ก็สามารถปฏิบัติรู้ด้วยตนเองได้ตามควรแก่การปฏิบัติ เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่ภายใน ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ภายนอก ไม่ใช่อดีต ไม่ใช่อนาคต
: บุญ เป็นหลักใหญ่ของโลก
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2007, 11:08 am
สาธุ สาธุ สาธุจ้า...คุณ I am
ธรรมะสวัสดีค่ะ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 28 ธ.ค.2007, 4:06 pm
อนุโมทนาสาธุ ด้วยค่าคุณ I am
บัว แสนราช
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2007
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร
ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 3:28 am
สาธุ สาธุ คุณ I am
_________________
ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th