Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หมิ่นพระพุทธเจ้าทำไม ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่งเรื่อง...หมิ่นพระพุทธเจ้าทำไม...

นำบางส่วนมาจากเว็บ..ชาวคริสต์ ....ที่แต่งเรื่องว่า พระพม่าคนหนึ่ง ..ได้ไปเห็นพระพุทธเจ้ากำลังหมกไหม้อยู่ในนรก


...หลังจากตายไปก็ ไปในนรก ไปเจอ เจ้าปกครองที่ในนรก (king in hell ) ชื่อ ยามา หน้าเหมือนสิงโต ตัวเหมือนสิงโต หางเหมือนงูใหญ่ ก็ ถามว่าเจ้าคือใคร เจ้าที่ปกครองในนรกก็ บอกว่าเราเป็นผู้ทำลายล้างผลาญ อยู่ในนรก ไปเห็นพระพม่า ตกนรกมากมาย รวมถึงอาจรย์ ที่สอนเขาที่รถชนก็ อยู่ในนรก ก็ เลยถามผู้คุมนรกว่า อาจารย์ เป็นนักเทศพูดดี มาก ทำไมตกนรก เจ้าที่คุมนรกก็ ตอบว่า เพราะ ท่านไม่ได้เชื่อ วางใจในพระเยซูคริสต์เจ้าพระบุตรองค์ เดียวของพระเจ้า

....และไปเจอ พระพุทธเจ้า ที่พวกพวกท่านกราบ นมัสการ "This is the one you worship: Gautama [Buddha] ก็ ตกนรก ก็ เลยถามเจ้าที่คุมตกนรก ว่า ทำไมเขาอยู่ในนรก ทั้งๆที่ เป็นผู้ถือศีล บำเพ็ญเพียรภาวนา เป็นตัวอย่างที่ดี เจ้าที่คุมนรกก็ ตอบว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดี ขนาดไหน ถ้าไม่เชื่อและวางใจ ในพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ ทรงพระชนม์อยู่ อยู่ก็ตกนรก ทั้งนั้น ( ยอห์น พระเยซูคริสต์ ได้ ตรัสว่า เราเป็น ทางนั้นเป็นความจริง เป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากมากจาก เรา )

และ ไปเจอทหารพม่า ใส่ยูนิฟอร์ม ที่ฆ๋า คริสเตียนชื่อ อังซัน ที่บอกว่า เราเป็นทหาร จะไม่มีวันตาย แต่ว่าตายทรมานอยู่ในนรก และก็ ไปเจอคนหนึ่ง สูง ใหญ่ กว่าใครในนรก ชื่อ โกลิอะ หน้าผาก มีรอยหินกระแทก ( 1 ซามูเอล 17: 48 ) ซึ่งพระองค์นี้ก็ ไม่รู้ ว่าใครคือโกลีอะ เพราะไม่เคยอ่านพระคำภีร์ จากนั้นเจ้าที่ปกครองนรก ก็ บอกว่า เวลาเจ้ากลับไปเป็นคริสเตียนเจ้าก็ รู้ว่า โกลิอะคือใคร เขาตกนรก เพราะ เขาไม่ได้เชื่อในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ อยู่และได้สู้รบกับดาวิด

...ผู้คุมนรก อีกคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า เจ้ามาที่นี่ทำไม ข้าพเจ้าตอบมาเดินสำรวจนรก จากนั้นผู้คุมนรก ซึ่งมีลักษณะน่าเกลียดแบบแปลกปลาด บนหัวมีสิบเขายาวมาถึงข้างล่าง มีมีด 7 อัน ใช่เจ้าตอบถูก เจ้าควรไปจากที่นี่ ไปในที่ที่เจ้ามา เพราะเราไม่มีรายชื่อเจ้าที่นรกแห่งนี้

ดูที่มา :
http://bibleprobe.com/backfromthedead.htm

http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=gotchrist2000&topic=131



Image
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 8:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเผยแผ่ศาสนาของพวกคุณก้าวร้าวเหลือเกิดนะครับ...ทำไมต้องพาดพิงพระพุทธเจ้า
...อยากเผยแผ่ศาสนา ...ก็ทำไป ...แต่ทำไมต้องพาดพิงพระพุทธเจ้า..????

...เรื่องสวรรค์ มีสอนในทุกศาสนา แต่กระบวนการเข้าถึงในคัมภีร์ไหนมีรายละเอียดและขั้นตอนที่เป็นไปได้จริงกว่ากันละครับ...???? มิใช่เพียงแค่เชื่อส่ง ๆ กันไป ต้องมีกระบวนการเข้าถึงที่เป็นไปได้ด้วยนะครับ...

....อีกอย่าง ในคัมภีร์ไหนละครับ .. กล่าวถึงรายละเอียดของสภาพความเป็นอยู่ในสวรรค์ ได้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุด
..........พระพุทธเจ้าตรัสบอกถึง สวรรค์ว่ามีอยู่ถึง 6 ชั้น และสูงกว่านั้น มีพรหมอีก 20 ชั้น แต่ละชั้นมีสภาพความเป็นอยู่ที่แต่ต่างกัน ดูได้ใน คัมภีร์วิมานวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ 26 และ คัมภีร์อภิธรรม ปริจเฉทที่ ๖

..จะมีศาสนาไหนไหมครับที่รู้จริงได้ละเอียดถี่ถ้วนได้ถึงขนานนี้ นอกจากพุทธศาสนา ( เรื่องนี้ขอท้าให้พิสูจน์...จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของทุก ๆ ศาสนา)

ศาสนาพุทธมิได้ปฏิเสธศาสนาอื่นนะครับ ....และเชื่อมั่นด้วยว่า การได้ไปอยู่กับพระเจ้า ก็คือ การได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชนั่นเอง ...ศาสนาพุทธมิได้ปฏิเสธว่าคำสอนของศาสนาอื่นเป็นเรื่องโกหกหรอกครับ..



Image
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 8:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะ ตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา (ฮีบรู 9:27-28)

ไม่จริงละมั่ง..???

รายชื่อหนังสือที่เขียนโดยศาสตราจารย์ของฝรั่ง มีเนื้อหายืนยัน ว่าชาติหน้ามีจริงดังนี้

งานวิจัยเรื่อง . 23 ผู้กลับชาติมาเกิด โดย Ian Stevenson, M.D. (ศาสตราจารย์ น.พ.เอียน สตีเวนสัน) มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย พิมพ์โดย อภิธรรมมูลนิธิ หน้าพุทธมณฑล อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม 73170
http://www.questbooks.net/author.cfm?authornum=237 http://www.esolibris.com/articles/reincarnation/reincarnation_stevenson.php
http://www.rogerwoolger.com/pastlife.html
http://www.johnadams.net/how/index.html

Ian Stevenson, M.D. is known for his groundbreaking research into the phenomena of children who remember previous lives. From 1967-2001, Dr. Stevenson was the Director of the Division of Personality Studies at the University of Virginia. Ian Stevenson’s research into cases of children who claim to remember previous lives has taken him around the world. He employs rigorous scientific methods in his research into such cases. His Twenty Cases Suggestive of Reincarnation, published in 1966, documented 20 cases in which reincarnation was offered as the most plausible explanation for the phenomena. Dr. Stevenson is the author of many other books, including Unlearned Language (1984), Children Who Remember Previous Lives: A Question of Reincarnation (1987), Where Reincarnation and Biology Intersect (1997), and European Cases of the Reincarnation Type (2003). Available titles by Ian Stevenson:
http://www.questbooks.net/author.cfm?authornum=237

๒. ชาติภพ โดย Brian L.Weiss,M.D. ( มหาวิทยาลัยไมอามี่) จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์ แปล สำนักพิมพ์มติชน ๑๒ ถ.เทศบาลนฤมาล ประชาชื่น๑ กทม. ๑๐๙๐๐

http://www.matichonbook.com/images/cover/L470426102702.jpg
ชื่อหนังสือ : ชีวิตระหว่างภพ (Life between Life)
หมวด : สารคดี -- สิ่งลี้ลับ/ความเชื่อ
ผู้แต่ง : อรทัย เจริญชาติ
จัดพิมพ์โดย : สนพ.มติชน
พิมพ์ครั้งที่ 4 : สำนักพิมพ์มติชน กันยายน 2548
กระดาษปอนด์เหลือง ปกอ่อน
จำนวนหน้า : 267 หน้า
ขนาดหนังสือ : 14.6 cm. x 25 cm.
ISBN : 974-322-433-5

๓. ประจักษ์พยานตายแล้วเกิด โดย ดร. บุณย์ นิลเกษ โรงพิมพ์สหมิตรออฟเซท ๔๘ /๕๔ ถนนพระสุเมรุ บ้านพานถม พระนคร กทม. ๑๐๒๐๐โทร.๒๘๒๒๒๐๘ พิมพ์ครั้งที่ ๓

๔. จิตใต้สำนึกกับการระลึกชาติ โดย Jess Stearn “ทศยุทธ์” แปล สำนักพิมพ์เรืองบุญ ๑๐/๐ ม.๗ ต.บางกระสอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

๕. ๒๕ ผู้ระลึกชาติ โดย นที ลานโพธิ และคณะ สำนัก พิมพ์ธารบัวแก้ว ๒๕/๕/๕๔ ซ.หมู่บ้านเจริญรัตน์ ถ.ประชาราษฏร์ ๑๖ ต.ตลาดขวัญ จ.นนทบุรี

๖. แว่นส่องจักรวาฬ โดย พ.ต.อ.ชลอ อุทกภาชน์ ธ.บ. โรงพิมพ์รุ่งเรืองรัตน์ ๔๗ ถ.เฟื่องนคร พระนคร กรุงเทพฯ ๒๕๐๒ (นายรวล รุ่งเรืองธรรม)

เนื้อหาของหนังสือทั้ง ๖ เล่มนี้จะบอกให้รู้ว่า เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด นรก สวรรค์ มิใช่เป็นความเชื่อของชาวพุทธ แต่เป็นกฏธรรมชาติที่มีอยู่คู่โลกและจักรวาล ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะนับถือศาสนา/ศาสดาองค์ใดก็ตาม ถ้าหากเขายังมีกิเลสตัณหาในจิตใจอยู่ เขาก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่



Image
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 8:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่เคยพูดว่าไม่มีพระเจ้า .... พระเจ้าคือพระธรรม ...พระธรรมคือความจริงแท้ เป้าหมายของศาสนาพุทธ ก็คือ การบำเพ็ญจิต เพื่อให้หลุดพ้นไปจากการครอบงำของพระเจ้า




ความเชื่อ ...กับ...ความจริง เป็นคนละอย่างกันครับ แต่การพิสูจน์ทราบจนเห็นประจักษ์ ...ถึงอยากปฏิเสธ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ใช่ความจริง


แค่เชื่อ...ยังมีความเสี่ยงสูงนะครับ ...หาหนทางพิสูจน์ด้วยวิปัสสนากรรมฐาน..(มิใช่สมถกรรมฐานนะ) ..เถิดครับ..

ถ้าคุณปฏิบัติวิปัสสนา 10 วันอย่างจริงจังแล้ว ไม่ได้ผล.. คุณก็จะสามารถประกาศให้โลกรู้ได้เต็มปากว่า " ศาสนาพุทธเป็นเรือ่งเหลวไหล…….ลองดูนะครับ"

ศาสนาพุทธมิใช่ว่าปฏิเสธเรื่อง “เทพเจ้า” แต่ไม่ให้ความสำคัญและไม่ใส่ใจที่จะไปพึ่งพายึดถือน เพราะพระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่า การได้เป็นเทพหรือการไปเกิดอยู่ในวิมานในสวรรค์แล้วยังมิใช่สุขแท้สุขถาวรที่ไม่ต้องกลับมาเป็นทุกข์อีก คือ แม้จะได้เกิดเป็นเทวดาแล้วก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตกนรกบ้าง ขึ้นสวรรค์บ้าง ถ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ก็มีโอกาสที่จะตกนรกสูง เพราะคนที่เกิดมาแล้วไม่ทำบาปเลยไม่มี

ศาสนาพุทธมุ่งศึกษาแต่ในประเด็นว่าทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงได้ ไม่ต้องยอมสยบอยู่กับอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น ในที่สุดพระพุทธเจ้าก็ทรงค้นพบวิธีการนั้น นั่นก็คือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่สามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้จริงในชาติปัจจุบัน ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ด้วยตนเองในชาตินี้ ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน ซึ่งมีพระอริยเจ้าในพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ทราบจนเห็นประจักษ์แล้วนำออกเผยแผ่สืบทอดต่อ ๆ กันมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 5:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อสังเกตุ จริตของท่านMontasavi ในความคิดเห็นของข้าพเจ้า
คล้ายมีคำตักเตือนหนึ่งของหลวงพ่อชา เคยสอนลูกศิษย์ของท่านไว้ ว่า
อย่าได้เฝ้ามอง จับผิด ผู้อื่น จงเฝ้ามอง จับผิดตนเอง จะดีกว่า เพื่อพัฒนาตนเอง ปรับปรุงแก้ไขตนเองให้เข้าใกล้ นิพพาน มากขึ้น
.............................................................
เหมือนลูกที่ไปเล่นข้างนอก แล้วถูกเพื่อนแกล้ง แล้วก็มาฟ้องพ่อแม่ ว่าเพื่อนมันไม่ดี ประมาณนั้น

พ่อแม่ ก็ถามว่า ทำไมลูกไม่อยู่บ้านนั่งสมาธิ ปฎิบัติธรรม ล่ะ
ลูกตอบว่า ไม่ได้ หนูจะเอาชนะเพื่อนให้ได้
หนูจะสู้กับมัน
พ่อแม่ ก็ต้องห้าม ต้องปรามไป
......................
แต่ถ้าไม่มีพ่อแม่ ล่ะ
คือ ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อแม่จากไปหมดแล้ว
ลูก ก็ต้องเดินตามความคิดของตนเอง ผสมกับพ่อแม่
หรือความคิดของตนเอง ล้วน ๆ
........................
บทกาลมสูตร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างมาก ในเรื่องความจริง การพิสูจน์ความจริง
.........................
การล้มล้างลัทธิ ความคิดเห็น เกิดขึ้นมาในครั้งพุทธกาล แล้ว
พระพุทธเจ้า ก็ไม่พ้น เช่นกัน
แต่ด้วยความมั่นคง และธรรมชาติแห่งสัจจะ ความจริง ในปัจจุบัน ขณะนั้น เป็นคำตอบแทนคำสอนของพระพุทธเจ้า
โดยพระพุทธเจ้า ก็พยายามเลี่ยงการใช้ อิทธิฤทธิ์ แสดงต่อผู้ไม่ศรัทธา
การดับกิเลส เป็นเรื่องที่สูงส่ง จนคนธรรมดา เข้าใจได้ยาก และเป็นเรื่องที่มีกิเลสอยู่ ไม่อยาก นิพพาน เพราะมันไม่ต้องการไปเป้าหมายนั้น มันไม่สนุก มันรู้ แต่มันไม่ทำ ก็มี
..................................
เส้นทางเดินของศาสนา จึงมีมากกว่า 1 เส้นทาง
ข้าพเจ้า ไม่กล้าบอกว่า ศาสนาใด ดีที่สุดในโลก
เพราะบางรูปแบบวินัยของฆราวาส ของศาสนาอื่น ค่อนข้างเคร่งครัด กว่าศาสนาพุทธในไทย

เพราะความยืดหยุ่นสูง ของศาสนาพุทธ
ความแตกต่างการดำเนินชีวิตในเพศฆราวาส ต่างศาสนา จึงต่างระดับกัน
......................................
แต่เมื่อมาในเพศบรรพชิตแล้ว ของทางพุทธของไทย ค่อนข้างมีศีลที่เคร่งครัด มีวินัย มากกว่า บางศาสนา
แต่ก็อีกนั่นแหละ ที่พิธีการบางวัดไทย กลับมีบางอย่างที่ต่างกัน จนดูสับสน เช่นกัน ความเชื่อและศรัทธาของฆราวาส จึงเลือกที่ชอบที่จะไปหาวัด เหมือนกัน
.........................................
จะเห็นได้ว่า ไม่มีใครในพุทธศาสนา สนใจในคำสอนของศาสนาอื่น อย่างไร ศาสนาของตน ย่อมเป็นความจริง ของผู้อื่นไม่จริง
ไม่ต่างจากประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยประเทศต่าง ๆ
เมื่อมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน มักจะกล่าวถึงความมีชัยชนะของตนเหนือกว่าผู้อื่น ความด้อยสิ่งอื่นที่คลุมเคลือถือว่า ไม่เป็นความจริง
ถ้าชาวพุทธไทย พุทธฝรั่ง คิดเรื่องแบบเดียวกับนักประวัติศาสตร์ ชาตินิยม อย่างไร ของตนเอง ย่อมดีกว่า
และต่างกลับไปที่พักของตน ดำเนินตามวิถีชีวิตแห่งศาสนาของตน ต่อไป
จนกว่า มีผู้มีความคิดเห็นต่างจากศาสนาของตน จึงข้ามไปสู่ศาสนาใหม่ ที่เขาคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า
จึงถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ในเรื่องแบบนี้
ป่วยการที่จะมานั่ง ตอบคำถาม พิสูจน์ความจริงทุกประการ
วัน ๆ เราก็จะถูกกิเลส ด้านโมหะ ด้านสรรเสริญ หลอกตนเองอยู่ทุกวัน ความต้องการ เอาชนะผู้อื่น ความต้องการรู้ชัดเจน สร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ก่อนจับ พระธรรมให้มั่น ก็คงต้องตายก่อนที่จะไปถึง นิพพาน (เสียเวลามากกับเรื่องภายนอกตัว ด้วยว่ามีความสำคัญมั่นหมายแห่งพระพุทธ พระธรรม คือ ยึดติดพระธรรมมากเกินไป จนไม่เข้าใจว่า ไม่ยึดติดธรรมะ แล้วผลจะเป็นอย่างไร)
 

_________________
อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 6:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่มา : นสพ.มติชน 27 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กรมการศาสนา และมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ

......จัดสัมมนาเรื่อง "ความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย" เป็นวันที่สอง ทั้งนี้ นายอมร รักษาสัตย์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จากข้อมูลวิจัยพบว่าความมั่นคงของพระพุทธศาสนาจะมี 2 ทาง คือ ความมั่นคงภายในเกี่ยวข้องกับพุทธบริษัท ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก หากชาวพุทธทำลายกันเองจะเป็นเรื่องน่าห่วง นอกจากนี้ ยังมีความมั่นคงภายนอกที่มีศาสนาอื่นเข้ามาเผยแผ่ บางศาสนามีการบังคับให้นับถือ เช่น คนที่มาแต่งงานเป็นสามีภรรยากันต้องมานับถือศาสนาเดียวกัน แต่คิดว่าคงไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก

"ในส่วนของพระพุทธศาสนา แม้จะมีข้อมูลว่าคนไทยประมาณ 94% นับถือศาสนาพุทธ แต่ก็เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว หากความจริงตัวเลขคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาน่าจะลดเหลือประมาณ 85% เท่านั้น ขณะที่ตัวเลขของผู้นับถือศาสนาอื่นน่าจะมีเพิ่มขึ้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 6:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หลังจากตรัสรู้ มารมาทูลให้ปรินิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า

“ ดูมารผู้มีบาป! เราจักไม่ปรินิพพานก่อน, ตลอดเวลาที่ภิกษุ.... อุบาสก อุบาสิกาของเรายังไม่เป็นผู้ฉลาด ยังไม่ได้รับคำแนะนำ ยังไม่แกล้วกล้า ยังไม่เป็น พหุสูต ยังไม่ปฏิบัติธรรมควรแก่ธรรมปฏิบัติถูกต้อง ปฏิบัติตามธรรม, ยังต้องเรียน ความรู้จากอาจารย์ตนต่อไปก่อนจึงจะบอก แสดง เปิดเผย ชี้แจงพระสัทธรรมจน ข่มขี่ “ปรัปวาทะ” ที่เกิดขึ้นให้ราบเรียบโดยธรรม แล้วแสดงธรรมด้วยความน่า อัศจรรย์ได้ !เราจักไม่ปรินิพพานก่อน ตลอดกาลที่พรหมจรรย์นี้ ยังไม่ตั้งมั่นรุ่งเรื่อง แผ่ไพศาลเป็นที่รู้จักแห่งชนมาก เป็นปึกแผ่นแน่นหนา จนกระทั่งเทวดาและ มนุษย์ทั้งหลายสามารถประกาศได้ด้วยดี”

(อ้างอิง..มจร. เล่ม 10 / 102 / 115 )


เมื่อพี่น้องต่างศาสนากล่าวร้ายพุทธศาสนา การที่ชาวพุทธไม่ทำอะไรเลย หาเป็นการถูกต้องไม่ เพราะแม้พระพุทธเจ้าเองก็ทรงทำการ “ปรัปวาทะ”
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 6:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

" พุทธศาสนา...กำลังเสื่อมสูญจากเกาหลีใต้ครับ.." โดย ดร.นิติภูมิ นวรัตน์


เดิมสาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ผู้คนชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ....แต่ระยะหลังผู้คนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่กลับหันไปนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ ความนิยมเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ในเกาหลีใต้นั้น เป็นไปอย่างรุนแรง และรวดเร็ว แทบไม่น่าเชื่อ.......

คนไทยที่ทำงานในโรงงานของเกาหลีใต้ในประเทศไทย มีจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนศาสนาจากพุทธไปเป็นคริสต์


http://www.mediathai.net/module/newsdesk/newsdesk_subcat.php?board_id=18771
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 6:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บังเอิญ ข้าพเจ้า แปลคำว่า ปรัปวาทะ ไม่ได้
แต่ถ้าให้เดาความหมาย จากข้อความข้างเคียง ก็เหมือนจะแปลว่า จะสอนให้ผู้เรียน รู้ตามพระองค์ จนผู้เรียนสามารถเผยแผ่ศาสนาได้อย่างถูกต้อง พระพุทธเจ้าจึงจะดับขันธ์ปรินิพพาน ซึ่งพระองค์ก็ทำได้สำเร็จ
ทราบได้จากเกิด พระอรหันต์รวม 1,250 รูป
คำว่าพระอรหันต์ จึงไม่ใช่เป็นคำธรรมดา คือ บรรลุนิพพานแล้ว นั้นเอง
.........................
ข้อความแบบนี้เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างหนึ่ง คือ ถ้าท่านยังไม่ตายจากไป ท่านจะสอนให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง เกิดบรรลุนิพพาน ได้ตามคำอธิบายพระธรรมของท่านได้ ท่านก็หมดห่วงต่อศาสนาพุทธ ใช่หรือไม่
ความหมายคือ อย่างน้อยก็ยังมีผู้เผยแผ่ศาสนาอย่างรู้จริง ต่อไปได้
ถ้าท่านสร้างได้ถึง 100 รูป การเผยแผ่จะกลายเป็นมากขึ้นถึง 100 เท่า
ความเป็นห่วงในการเผยแผ่ การลดลงไปถึง 100 เท่า

................................
แต่ถ้าในวงการศาสนาของตนเอง ไม่มีผู้ใดบรรลุธรรมเลย ไม่มีผู้ใดบรรลุนิพพานเลย
ประกอบกับนั่งอ่านข่าวรอบด้าน ก็พบแต่ว่า ผู้อื่นกำลังโจมตี ผู้อื่นกำลังถูกปรับเปลี่ยน ผู้อื่นถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว
ผลสุดท้ายกลุ่มศาสนาของท่าน ก็ถูกกลืนกินไปเช่นกัน เหมือนน้ำมหาสมุทรท่วมทับฉับพลัน
ในหมู่พระสงฆ์ของเรา ไม่นิพพาน ไม่มีการตัดสินใจ ไม่มีผู้นำ ไม่รู้ถูกผิด ไม่รู้อะไรเลย ดังนั้น คำตอบอื่นก็ไม่ต้องถาม ให้มีคณะกรรมการ ให้มีคณะสงฆ์ที่ไม่นิพพาน อย่างไรก็ไม่ได้เชื้อแห่งพุทธ คงเหลือให้จุดประกายพุทธต่อไปได้
...................................
อีกประการหนึ่ง
ผู้ที่เป็นชาวพุทธ อยู่ท่ามกลางศาสนาอื่น ความเป็นพุทธ ดูจะอับแสง คงองอาจไม่ได้นาน
ผู้ที่เป็นชาวพุทธผู้ซึ่งถึงนิพพานแล้ว อยู่ท่ามกลางศาสนาอื่น ความเป็นพุทธ
ย่อมสว่างไสว การเผยแผ่สืบทอด หากมีขึ้น แม้นผู้อื่นนิพพานเพิ่มอีก 5 องค์ ความเป็นพุทธ ก็คงมิดับสูญ
 

_________________
อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 7:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครับ

ครั้งหนึ่ง...พราหมณ์มาอวดต่อหน้าพระพุทธเจ้าว่า..เราเป็นพราหมณ์ เป็นผู้ประเสริฐ ..เราเกิดจากปากของพระพรหม...พวกท่านยังไม่ประเสริฐเท่าเรา..???

พระพุทธเจ้า.ตรัสตอบว่า... พราหมณ์..ท่านบอกว่า "พวกพราหมณ์เกิดจากปากของพระพรหมหรือ..??? ถ้าอย่างนั้น..โยนิของแม่ท่าน ก็คือปากของพระพรหม..ลิซิ

พราหมณ์ ..""!!!!????""
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 7:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนึ่งศาสนาพุทธ มีต้นกำเนิด
ศาสนาพุทธ ไม่ได้เป็นของชนชาติใด
(อย่าลืม ไม่ใช่ประเทศไทย ไม่ได้เป็นถิ่นกำเนิดพุทธะ)
การวนเวียนนับถือศาสนาของคนในชาติต่าง ๆ จึงเกิดขึ้น
ดังนั้น ชาติ ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของศาสนา เป็นเพียงแต่ศาสนาประจำชาติ ถ้าแม้นคนในชาติไม่เห็นความสำคัญ ศาสนาประจำชาติ จึงเป็นเพียงแค่ลายลักษณ์อักษร แสดงถึงสิ่งที่คนในชาติน่าจะนับถือ ศาสนานั้น เท่านั้น

จึงอย่าได้กังวลเลยที่ศาสนาจะไปเจริญ ที่ชาติอื่น และเสื่อมโทรมลงที่ชาติอื่นที่เคยเห็นว่าศาสนานั้นดีที่สุด กิเลสคนมันไม่หยุดนิ่ง มันเห็นศาสนาเป็นโฆษณา โฆษณา ซ้ำ ๆ เดิม ๆ มันจึงไม่รู้สึกบันเทิงอารมณ์ จึงไม่จุดประกายต่อก้นบึ้งแห่งจิตของผู้นั้น
 

_________________
อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 7:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

montasavi พิมพ์ว่า:
ครับ

ครั้งหนึ่ง...พราหมณ์มาอวดต่อหน้าพระพุทธเจ้าว่า..เราเป็นพราหมณ์ เป็นผู้ประเสริฐ ..เราเกิดจากปากของพระพรหม...พวกท่านยังไม่ประเสริฐเท่าเรา..???

พระพุทธเจ้า.ตรัสตอบว่า... พราหมณ์..ท่านบอกว่า "พวกพราหมณ์เกิดจากปากของพระพรหมหรือ..??? ถ้าอย่างนั้น..โยนิของแม่ท่าน ก็คือปากของพระพรหม..ลิซิ

พราหมณ์ ..""!!!!????""


ก็ไม่ทราบว่า ท่านMontasvi นั้นกล่าว ลอย ๆ โดยไม่อ้างอิง อะไร
ถ้าเป็นคำตอบเช่นนั้น
อย่าว่าข้าพเจ้าหยาบคายนะ ต้องตอบว่า ใช่เลย คนเกิดขึ้นมาได้เพราะทางนั้น
เพราะไม่มีทางอื่น อีกแล้ว คนนะ ไม่ใช่แมว
คนไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่
ถ้าเข้าใจในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไปดูการสร้างโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซิ จะพบว่า เต็มไปด้วยการสังวาส ถือเป็นการเคารพ พรหม เทพ เสียด้วยซ้ำ
เรียกง่าย ๆว่า ยินดีต่อการเกิด
คนจึงต้องเกิดผ่านจากสิ่งนั้น หรือท่านไม่ยอมรับ
(เว้นแต่เป็นปาฎิหาริย์)
...................................................
หมายเหตุ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า พระพุทธเจ้าตรัสเช่นนั้นหรือไม่
แต่ท่านMon ช่างกล้าเป็นผู้ถ่ายทอด ข้อความ จริง ๆ
 

_________________
อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 18 ธ.ค.2007, 8:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศาสนาพุทธ มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพราหมณ์ เกิดในแถบประเทศเนปาล หรืออินเดียนี้แหละ (จำไม่ค่อยได้)
ศัพท์ ภาษาในหลักธรรม และหลักศีล ล้วนนำมาจากหลักศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และดัดแปลงเป็นบางข้อ บางข้อ ก็ยกเอามาทั้งประโยค เลยก็มี
สันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นการเขียนขึ้นภายหลัง พระพุทธองค์คงไม่ได้สอนอย่างนั้น
เอาแค่นี้นะ เพราะถ้าเขียนไป เดี๋ยวก็จะเถียงกันไม่หยุด แต่นี้ ถ้าพวกคุณไม่ศึกษา ก็คงยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่จริ๊ง ไม่จริง

แล้วก็จะเปิดเผย ณ.ที่นี้ซะเลยว่า ไอ้พวกที่มันใส่ร้ายศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นเวบฯคริสต์นั้น มันเป็นประเภท เนรคุณ อกตัญญู ข้าพเจ้าไม่อยากจะกล่าวให้เกินเลย ทั้งๆที่รู้อยู่
เมื่อข้าพเจ้าประกาศตัว ข้าพเจ้าจึงบอกว่าข้าพเจ้าไม่ใช่พุทธเจ้า เพราะมีเหตุผลสองประการ
ประการแรก ศาสนามีหลายศาสนา สิ่งที่ข้าพเจ้าค้นพบ เป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกศาสนา และรู้ว่า ศาสนาที่เกิดทีหลังศาสนาพุทธนั้น มีต้นกำเนิดมาอย่างไร แต่ก็พูดไม่ได้ อันตราย
ประการที่สอง ข้าพเจ้าไม่อยากจะทำลายศาสนาอื่นๆ อยากจะรักษาเอาไว้ทุกศาสนา ข้าพเจ้าเคยได้ให้คำแนะนำกับศาสนาคริสต์ ไปแล้ว ถึงเคล็ดวิชา การหลุดพ้นจากกิเลส ตามหลักการและวิธีการทางศาสนาคริสต์
ถ้าพวกคริสเตียน ทำไม่ได้แบบนั้น แสดงว่า พวกเขา เนรคุณ อกตัญญู แล้วพวกเขาจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมที่สุด
(ถ้าเวบมาสเตอร์ เห็นว่าไม่สมควรกล่าวก็ลบได้เลย)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
วิชชา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 พ.ย. 2007
ตอบ: 31
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่

ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2007, 12:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขาจะว่าอะไร แล้วจะเดือดร้อนทำไม? ก็กิเลสของเขา ก็อกุศลของเขา

กิเลส อกุศล ก็มีจริง ไม่แยกเชื้อชาติ ศาสนา ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม

ก็มีเหมือนกันนั่นแหละ ความโกรธเป็นของชาวคริสต์ไหม หรือความ

โกรธเป็นของชาวพุทธ ก็ไม่ใช่ของใคร แต่ความโกรธมีจริง สิ่งที่

มีจริงภาษาบาลีใช้คำว่า "ธรรมะ" จะใช้คำอื่นก็ได้ ชื่อไม่สำคัญ มี

ประโยชน์เพียงใช้เพื่อสื่อให้เข้าใจสภาพของสิ่งที่จริงในขณะนี้เท่านั้น


คำที่กล่าวอย่างนั้น แล้วท่านควรจะโกรธ ควรจะตีโพยตีพาย หรือควร

จะเดือดเนื้อร้อนใจไปกับความไม่รู้จริงของผู้อื่นไหม? เขาบอกว่า ไป

เห็นพระพุทธเจ้าตกนรก เพราะไม่เชื่อในพระเจ้าของเขา ท่านก็จะเชื่อ

ง่ายๆ คิดว่า...เขาเห็นจริงอย่างนั้นหรอกหรือ?หรือว่าท่านจะเกิดความ

เมตตาต่อผู้ที่กำลังกระทำกรรมอย่างนั้น เพราะเมื่อเหตุมีผลย่อมมี นี่

คือ ธรรมะ มีเหตุมีปัจจัย ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ แล้วจะเอามากล่าว

อ้างว่าได้ไปเห็น ได้ไปพบ


พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมบนพื้นฐานของความจริง ไม่ได้ทรงเพ่ง

โทษต่อศาสดาในศาสนาใด และไม่ทรงคิดหาโอกาสเพื่อจะลบหลู่ผู้ใด

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นพุทธบริษัทเอง ควรที่จะระลึกถึงพระพุทธคุณที่

ทรงเป็นผู้ที่หนักแน่นอย่างยิ่งในธรรมะ คือความเป็นจริงของสรรพสิ่ง


ขอแนะนำเจ้าของกระทู้นะครับว่า ข้อความที่จะชวนให้ผู้อื่นเกิดอกุศล

หากท่านจะเลี่ยงไม่โพสต์ได้จะเป็นการดีกว่า ท่านเกิดอกุศลท่านเดียว

ก็ควรจะจบเพียงเท่านั้น การทำให้ผู้อื่นเกิดอกุศลตามไปด้วยโดยเฉพาะ

ผู้ที่เป็นพุทธบริษัท แต่ไม่ได้เข้าใจพระธรรมจริงๆ ย่อมจะโอนเอนไป

ได้โดยง่ายเพราะกำลังของอกุศลจิตที่เกิด หลังจากได้อ่านในสิ่งที่ท่าน

นำมาเผยแพร่


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 357

จริงอยู่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกาผู้ปฏิบัติ

ย่อมเป็นที่รัก ที่ชอบพอพระทัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

เพราะเหตุไร.


เพราะทรงเป็นผู้หนักในธรรม.


อ่านต่อที่นี่.........
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=5802
 

_________________
ไม่มี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 22 ธ.ค.2007, 2:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่มา : นสพ.มติชน 27 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กรมการศาสนา และมูลนิธิภูมิพโลภิกขุ

จัดสัมมนาเรื่อง "ความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย" เป็นวันที่สอง ทั้งนี้ นายอมร รักษาสัตย์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จากข้อมูลวิจัยพบว่าความมั่นคงของพระพุทธศาสนาจะมี 2 ทาง คือ ความมั่นคงภายในเกี่ยวข้องกับพุทธบริษัท ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก หากชาวพุทธทำลายกันเองจะเป็นเรื่องน่าห่วง นอกจากนี้ ยังมีความมั่นคงภายนอกที่มีศาสนาอื่นเข้ามาเผยแผ่ บางศาสนามีการบังคับให้นับถือ เช่น คนที่มาแต่งงานเป็นสามีภรรยากันต้องมานับถือศาสนาเดียวกัน แต่คิดว่าคงไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก

"ในส่วนของพระพุทธศาสนา แม้จะมีข้อมูลว่าคนไทยประมาณ 94% นับถือศาสนาพุทธ แต่ก็เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว หากความจริงตัวเลขคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาน่าจะลดเหลือประมาณ 85% เท่านั้น ขณะที่ตัวเลขของผู้นับถือศาสนาอื่นน่าจะมีเพิ่มขึ้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
nattakarn
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 01 ก.ค. 2007
ตอบ: 57

ตอบตอบเมื่อ: 26 ธ.ค.2007, 8:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขาศรัทธาของเขาอย่างนั้น พวกเราชาวพุทธก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะคะ

แต่พวกเขา?? ทำไมต้องแต่เรื่องอะไรขึ้นมาขนาดนั้น

แต่อย่างไร หนูเชื่อค่ะว่ากรรมมีจริง

ใครทำเช่นไรย่อมได้เช่นนั้น ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
sittidet
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2007, 3:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคิดว่าศาสนาคริสต์ไม่ได้สอนให้ติเตียนใครแน่ครับเพราะคำสอนสูงสุดของคริสต์คือให้รักเพื่อนบ้าน
เหมือนรักตัวเอง แต่คงจะเป็นแค่คนบางคนที่เข้าถึงศาสนาของตนเองมากกว่าจึงทำบางสิ่งบางอย่างที่
ผิดคำสอนของตนเองครับ จึงเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น ผมมีความเห็นว่าทุกศาสนาสอนให้คนทำความดีสอ
นให้มีความสามัคคีไม่สอนให้มนุษย์ฆ่าฟันกันแน่นอน หรือเที่ยวดูหมิ่นระหว่างศาสนาอื่นๆแต่ที่ทำลง
คงเพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า ความจริงอย่างไรก็เป็นความจริงมันย่อมมีหนึ่งเดียวเสมอ
เข้าให้ถึงศาสนาของตนก่อนแล้วโลกนี้จะสงบเองครับ
 

_________________
ผู้ใดมีตนเป็นที่พึ่งนับว่าหาที่พึ่งอันหาได้ยาก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
sittidet
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2007, 3:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคิดว่าศาสนาคริสต์ไม่ได้สอนให้ติเตียนใครแน่ครับเพราะคำสอนสูงสุดของคริสต์คือให้รักเพื่อนบ้าน
เหมือนรักตัวเอง แต่คงจะเป็นแค่คนบางคนที่เข้าไม่ถึงศาสนาของตนเองมากกว่าจึงทำบางสิ่งบางอย่างที่
ผิดคำสอนของตนเองครับ จึงเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น ผมมีความเห็นว่าทุกศาสนาสอนให้คนทำความดีสอ
นให้มีความสามัคคีไม่สอนให้มนุษย์ฆ่าฟันกันแน่นอน หรือเที่ยวดูหมิ่นระหว่างศาสนาอื่นๆแต่ที่ทำลง
คงเพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า ความจริงอย่างไรก็เป็นความจริงมันย่อมมีหนึ่งเดียวเสมอ
เข้าให้ถึงศาสนาของตนก่อนแล้วโลกนี้จะสงบเองครับ
 

_________________
ผู้ใดมีตนเป็นที่พึ่งนับว่าหาที่พึ่งอันหาได้ยาก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลุงดำ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 พ.ย. 2007
ตอบ: 59

ตอบตอบเมื่อ: 27 ธ.ค.2007, 9:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พ่อsittidet
โลกนี้ไม่ใช่ สีขาว ไม่ใช่ สีชมพู
อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
ลุงเชื่อว่า ท่านMon ไม่ได้โกหก ท่านเป็นพระสงฆ์
สาธุ สาธุ สาธุ
พ่อsittidet ยังมีอีกมาก ที่พ่อไม่รู้ ถ้าเป็นผู้อ่านมาก
ประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ ก็มีเรื่องแก่งแย่งชิงดี กันมาก จนกลายเป็นหลายลัทธิ ในศาสนาเดียวกัน
คนที่มีกิเลส ก็คือ คนที่มีกิเลส
คนที่มีความศรัทธาสูงสุด ต่อสิ่งนั้น ก็ศรัทธาต่อสิ่งนั้น
ใครบอกว่าไม่ดี ก็ต้องตอบว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง ทั้งนั้น
ตอนนี้ ก็ พุทธก็โดน คริสต์ก็โดน
ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
พ่อsittidet ลองทำให้รวยมาก ๆ รวยทีละร้อยล้าน พันล้าน เดี๋ยวเรื่องดี ๆ เลว ๆ จะมาหาท่านเอง
กรรมแห่งการหาลาภ ก็มีอยู่มาก ท่านมองไม่เห็น เพราะท่านยังไม่เห็น นั้นเอง พ่อsittidet เอ๊ย
สงสัย สงสัย สงสัย
 

_________________
ถ้ามีเวลาว่างเกินไป ก็ไปช่วยเขาทำงานบ้าน บ้าง เอ้อ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 11:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศาสนาคริสต์ มีบัญญัต 10 ไว้ ใน 5 ข้อ คือ ศิล 5 ในพุทธ ส่วนอีก 5 ข้อ คือ การแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์ดัดแปลงนิดหน่อยจากศาสนาของโมเสส รวมแล้วมีหลักปฏิบัติแค่ 5 ข้อ ส่วนในพุทธ ของนักบวช มี 227 ข้อสำหรับภิกษุ 310 ข้อสำหรับภิษุณี ต่างกันเยอะ
พุทธะเจ้า บอกเราค้นเจอหลักในการทำให้หลุดพ้น แต่ต้องทำเอง(ยากเสียด้วย)
เยซูเจ้า บอกว่ามีคนมาบอกว่าต้องทำอย่างนี้จึงได้อยู่ในดินแดนสงบ ท่านจะไถ่บาปให้(ง่ายดี)
ศิล 5 เป็นของคนธรรมดาถึงโสดาบัน หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อย ก็เทียบได้กับศาสดาเยซูแล้ว คนธรรมดาก็คิดได้แค่กิเลสบอก ดังนั้นคนธรรมดาอย่างนักบวชของคริสต์ที่ยึดแค่ศิล 5 ก็คิดได้เท่านั้นแล
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง