Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สุขที่ไร้โทษ : ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 17 ต.ค.2007, 8:24 pm
สุขที่ไร้โทษ
ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
...มองในแง่จิตวิทยา เรามักจะทำให้คนที่รักเจ็บปวด
ถ้าคนเดินผ่านหน้าไม่รู้จักมักจี่ ก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก
แต่เรามักมีปัญหากับคนที่รู้จักแล้ว
เรามักจะใช้ถ้อยคำที่เจ็บแสบทิ่มแทงคนที่เรารัก
เพื่อให้เขาเจ็บปวด เพื่อแสดงว่าเราไม่แยแสเขา
ทั้งๆ ที่เราอยากให้เขาแยแส
พฤติกรรมของเรานั้นเป็นความสับสนในตัวเอง
ทั้งที่เราอยากให้เขารัก
แต่แทนที่เราจะทำตัวให้น่ารัก
เรากลับเรียกร้องต้องการอย่างโง่เขลา
ปฏิกริยาของเราคือ เราต้องทำร้ายเขา
ทำให้คนอื่นสับสนไปกับอารมณ์สับสนของเรา
เพื่อลงโทษเขาว่า ทำไมคุณไม่รักฉัน
เราตบหน้าเขาแล้วเราดีขึ้นหรือเปล่า
สามีหรือภรรยาก็ตาม เพื่อแสดงออกว่ารัก
ก็ด้วยการข่วน หยิก ทำร้าย เตะ ถีบ ด่าทอ กลั่นแกล้ง
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าประหลาดมากๆ
เราไม่ควรหยิ่งกับคนที่เรารัก
เราอาจจะหยิ่งกับคนอื่นได้บ้าง ถ้ามีเหตุสมควร
เพราะความหยิ่งกับความรักนี้อยู่ร่วมกันไม่ได้
แต่มนุษย์ก็มีสันดานอะไรบางอย่างที่เรียกว่า
มานะ
ต้องเล่นตัว ต้องหยิ่ง ราวกับว่าหยิ่งแล้วจะมีค่า
แสดงว่าหัวใจเราไม่ซื่อ ไม่ซื่อกับความรู้สึกภายใน
ที่จริงรักก็คือรัก
เราคลั่งตัวตนหรือคลั่งผู้อื่น
เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
สับสนไม่รู้ตัวไหนเป็นตัวแท้ของเรา
เราไปไขว่คว้าหาตัวเองจากผู้อื่น
ถ้าเราสติดี เราจะพบว่าเรามีความไม่มั่นใจมากมายในตัวเอง
เรามักถามคนที่เรารักบ่อยๆ ว่า คุณรักผมหรือเปล่า
และผมเป็นคนเดียวของคุณหรือเปล่า
ถ้าเขาบอกไม่ใช่นี่นอนไม่หลับ กลัดกลุ้ม ดิ้นรน เจ็บปวด
ในเมื่อตัวเองรักตัวเองไม่ได้แล้ว เราจะให้เขารักเราได้อย่างไร
ควรแสวงหาความเข้าใจในความรักเสียก่อนที่จะพบคู่รัก
ในเมื่อเราเข้าใจความรักดีแล้ว ปัญหาจะน้อย
แต่ถ้าเราหาคู่รักก่อนแล้วค่อยๆ เรียนรู้ ความรักมันจะยุ่ง
เมื่อเรากำลังเจริญภาวนา
เรากำลังเข้าไปสู่ฐานแห่งความรัก
ความสุขที่ไร้ตัวไร้ตน
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เราปฏิเสธความสุข ความรัก
แม้จะพูดเรื่องอนัตตา เรื่องทุกข์ เรื่องไม่จีรังยั่งยืนก็ตาม
แต่ว่านั่นเป็นการพูดให้พัฒนาสติ
เพื่อรู้จักรู้แจ้งความจริง
เพราะเมื่อรู้จักความจริงแล้ว
ความรัก ความสุขที่แท้จริงก็ไม่ไปไหนเสีย
มีคนๆ หนึ่งมาหาผม เขาอยากเห็นแม่เขาดีขึ้น
ทุกครั้งที่ผมแนะนำเขาๆ โกรธขัดใจผมทุกที
เพราะว่าผมแหย่ถามว่า
แม่คุณไม่ดีตรงไหน เขาบอกว่าแม่เป็นคนขี้โกรธ
ผมก็เห็นสาเหตุได้ชัดนะว่า
คนที่จะช่วยคนโกรธยังโกรธอยู่ไม่มีทางที่จะช่วยได้เลย
ต้องคนที่เอาชนะความโกรธได้แล้ว
ความโกรธของผู้อื่นจึงจะถูกระงับลงได้
ยากมากที่เราจะรักษาหัวใจของเราให้เต็มเปี่ยม และเราจะต้องต่อสู้
ถ้าเราไม่ได้ต่อสู้ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม เราไม่ได้รักเขา เพียงเราคิดว่าเรารัก
เมื่อถึงคราวเขาบ้าๆ บอๆ
เราเกลียดส่งไปเลย เรามักจะเป็นอย่างนั้น
เรารักกันพอเขาเฉไฉหรือเขาเลวทรามลง
เราแทนที่จะยังดีเท่าเก่าแต่เราถีบส่งเลย หรือไม่ก็เกลียดชังซ้ำเติม
แล้วเราเองก็ไม่ได้ดีขึ้น แม้เราคิดว่าเราดีกว่าเขา
แต่เราก็ไม่ได้ดีกว่าเขาเท่าไหร่
เราเพียงคิดเอาเองว่า เราดีกว่าคนที่เราคิดว่าเขาเลวเท่านั้น
การรักคนที่เขารักเรานั้นง่ายนิดเดียว
เหมือนไม่ได้ให้บทเรียนอะไรที่ล้ำค่านัก
คนนั้นรักเรา เรารักเขาเท่านั้นจบแล้ว
แต่ว่าเรารักษาความรักของเราไว้ได้ต่อคนซึ่งทำร้ายเรา
นี่จึงจะพิสูจน์ว่าเราเป็นมนุษย์ที่ดีได้ เราถูกยกระดับขึ้นแล้ว
ชัยชนะนั้นต้องพิจารณาในช่วงยาว
ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น
ถ้าเราสามารถชนะศัตรูของเรา
โดยที่ศัตรูหันมารักเราได้
นั่นแหละเราชนะจริงๆ
แต่ถ้าเราทำให้ศัตรูของเราแพ้
เราข่มศัตรูของเราให้พังพินาศลงแล้ว
เราชนะในช่วงนั้นแต่เราได้สร้างศัตรูผู้แพ้ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
และตราบลมหายใจสุดท้าย แล้วเราชนะหรือเปล่า
มองให้ไกลอย่ามองใกล้ๆ มองการณ์ไกลช่วงยาวของชีวิต
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าเราไม่มีศัตรูใดๆ ในโลกนี้
เราไม่เป็นศัตรูกับโลก แต่โลกเป็นศัตรูกับเรา
พอท่านไปสอนผู้คนที่ไม่ชอบก็จะโกรธท่าน เป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้า
แต่หารู้ไม่ว่าพระพุทธเจ้านั้นไม่เป็นศัตรูเลย
ในแง่หนึ่งเราเลียนแบบพระพุทธเจ้าของเรา
เรารู้นึกว่าในหัวใจของเราไม่มีศัตรู ที่ตรงนี้เองที่เป็นฐานแห่งความสุข
ความสุขเกิดขึ้นได้ง่ายตามธรรมชาติ
ด้วยคนที่รู้สึกว่าสิ้นเวรกับชีวิตแล้ว
เดินทางมาเหนื่อยๆ ได้ดื่มน้ำแล้วรู้สึกสุขสำราญ
ได้นั่งพักใต้ต้นไม้ ได้สนทนากับเด็กๆ ก็รู้สึกเป็นสุขสำราญ
แต่ถ้าหัวใจเราผูกเวรไว้ เราอยากเก่ง เราถูกเสี้ยมสอนไว้ให้เป็นคนระห่ำ
หัวใจกระด้าง จะสุขสำราญอย่างไร้ตัวตนนั้นยาก
ความสุขของคนที่ยุ่งยากซับซ้อนนั้นไม่มีทางใดนอกจากการเบียดเบียนผู้อื่น
ได้ข่มใครให้สยบแล้วรู้สึกเป็นสุข
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ความสุข เป็นความล่มสลายของความเป็นคน
เมื่อใดที่เรารู้สึกเป็นสุขที่ทำให้คนอื่นพ่ายแพ้ยับเยิน
เรานั่นเองได้ฝากรอยแผลลึกไว้ในหัวใจ
ที่พระพุทธเจ้าท่านพูดเช่นนั้นมีความหมายลึก
สุขที่เกิดจากการให้อภัย
ดูแล้วมันจะคล้ายคนแหย คนไม่สู้คน
แต่ถ้าเรียนรู้แล้ว คนแหยนั้นเป็นอีกประเภทหนึ่ง
คือ คนโง่ดีๆ นี่เอง ขี้กลัว ไร้สติ ไร้การให้อภัย
ส่วนคนดีนั้น คือ คนอยู่เหนืออารมณ์ที่โกรธเกลียด
คือ อยู่เหนือความคิดนั่นเอง...
(คัดลอกบางตอนมาจาก สุขที่ไร้โทษ
ในหนังสือ
ช่วงชีวิต ช่วงภาวนา
โดย เขมานันทะ, หน้า ๑๐๔-๑๑๑)
หมายเหตุ
:
๑.
หนังสือช่วงชีวิต-ช่วงภาวนา
เป็นการรวบรวมจากรายการภาวนา
ด้วยรักและตระหนักรู้
ซึ่งจัดโดยชมรมพุทธฯ มหาวิทยาลัยมหิดล
และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๒๕ มีนาคม ๒๕๓๒
ณ อาศรมนวชีวัน อ.สทิงพระ จ.สงขลา
๒. ขอขอบคุณภาพ
อาจารย์โกวิท เอนกชัย
จาก
http://review.semsikkha.org/content/view/410/76/
รวมคำสอน ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44291
พิทรายา
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 19 ต.ค.2007, 12:06 pm
_________________
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 19 ต.ค.2007, 10:31 pm
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณกุหลาบสีชา
ขอบคุณสารธรรมดีดีที่มีค่า...ที่หมั่นนำมาฝากญาติธรรมเสมอ
ธรรมะสวัสดีวันพระนะคะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th