Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปฏิบัติธรรมทำให้หายจากโรค (นางสมจิตร์ กาญจนกุล) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2007, 10:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันอายุ ๕๐ ปี เรียนจบ ป.๔ มีอาชีพรับตัดเย็บเสื้อผ้า
สามีอายุ ๖๐ ปี เรียนจบ ป.๓ อาชีพขับรถแท็กซี่ มีลูกสาว ๒ คน

ดิฉันรู้จักวัดอัมพวันและหลวงพ่อจรัญ
จากการที่ได้อ่านหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเล่ม ๑ และ ๒
อ่านจบแล้วรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก
คิดว่า สักวันจะต้องไปกราบนมัสการหลวงพ่อให้ได้
ดิฉันสนใจที่เรียนรู้การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ดิฉันได้ไปวัดอัมพวันปลายปี ๒๕๔๑
ดิฉันไปนั่งรอกราบนมัสการหลวงพ่อที่กฏิหลังเก่า
มีคนจำนวนมากนั่งรออยู่เช่นกัน
ดิฉันนั่งอยู่สักพักหลวงพ่อก็ลงมา
ดิฉันเห็นหลวงพ่อครั้งแรกก็รู้สึกปลื้มปีติดีใจจนน้ำตาไหล
วันนั้นหลวงพ่อให้หนังสือสวดมนตร์กับทุกๆ คน
ดิฉันก็นำมาสวดทุกคืนก่อนนอนไม่เคยขาด
ดิฉันอ่านหนังสือไม่ค่อยคล่องนัก
บางคำที่อ่านไม่ออกก็ถามลูกสาว
จนปัจจุบันนี้สามารถสวดได้
โดยไม่ต้องอ่านจากหนังสือสวดมนตร์แล้ว
หลับตาสวดมนตร์ก็เห็นเป็นตัวหนังสือ

ดิฉันไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานวัดอัมพวัน เมื่อต้นปี ๒๕๔๒
พร้อมด้วยลูกสาวคนเล็ก ๒ ครั้ง ในครั้งที่ ๓ ดิฉันไปคนเดียว ๗ วัน
ในวันที่ ๓ ตอนช่วงบ่าย ขณะที่ดิฉันกำลังนั่งสมาธิ
ครูผู้สอนก็ให้นั่งสมาธิคนละ ชั่วโมงครึ่ง
ชั่วโมงแรก ดิฉันปวดมาก
ดิฉันรู้สึกว่า ขาทั้งสองข้างหนักมากขยับเขยื้อนไม่ได้
ปวดหัวเข่าจนน้ำตาไหล อยากจะขยับขาก็ไม่ได้
รู้สึกเหมือนว่า มีอะไรมาทับขาอยู่
พอดีดิฉันนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อ
“ตายให้มันตายไป มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป”
ดิฉันจึงไม่ไปสนใจกับการปวดนั้นอีก
มาให้ความสนใจในลมหายใจของตนเอง
กับการกำหนดยุบหนอพองหนอแทน
สักพักจึงรู้สึกดีขึ้นคลายอาการปวดลงไป
ดิฉันเห็นผู้หญิงกำลังเอามีดเชือดคอไก่อยู่
โดยมีเด็กผู้ชายจับตัวไก่และคอไก่ไว้
ให้เด็กหญิงเชือดคอ
เด็กผู้ชายบอก เชือดคอหอยให้ขาดไม่งั้น มันไม่ตาย
เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็คือ ตัวดิฉันเอง
และเด็กผู้ชายคนนั้น ก็คือ พี่ชายของดิฉันนั่นเอง
ดิฉันจำได้ว่า ตอนนั้น พ่อดิฉันเสียไปแล้ว
ซึ่งตามปกติแล้วในเทศกาลตรุษจีนนั้น
พ่อของดิฉันจะเป็นคนฆ่าไก่เพื่อนำมาไหว้
ดังนั้นแม่จึงใช้ให้ดิฉันกับพี่ชายไปฆ่าไก่เพื่อนำมาไหว้แทน
ดิฉันก็ฆ่าไก่ในปีนั้นปีเดียว หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ทำอีกเลย
เพราะดิฉันกลัว มันเป็นภาพที่ติดตาดิฉันมาก
เพราะกว่าที่ไก่จะตายนั้นมันดิ้นทุรนทุรายมาก
เมื่ออกจากสมาธิดิฉันก็อุทิศส่วนกุศลให้กับไก่ตัวนั้น
ดิฉันจะต้องแผ่บุญกุศลไปให้ไก่ตัวนั้นทุกครั้งที่ออกจากสมาธิ

ทุกวันนี้ดิฉันหายจากโรคที่ดิฉันเป็นมาเกือบ ๓๐ ปี
คือ โรคเจ็บคอในเวลากลางคืนกับโรคกระเพาะ
ซึ่งดิฉันได้ไปรักษาเกือบทุกโรงพยาบาลในกรุงเทพ
ทั้งต้องกลืนกินแป้งเพื่อเอกซเรย์กระเพาะ
อัลตร้าซาวน์ ส่องกล้องดูในกระเพาะ
และต้องกินยาตลอดทั้งน้ำและเม็ดเวลาที่เกิดอาการปวดท้อง
ส่วนอาการเจ็บคอในเวลากลางคืนนั้นทรมานมาก
บางครั้งปวดมากจนต้องไปทำการรักษาด้วยการฉีดยา
แต่นับตั้งแต่ดิฉันไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ที่วัดอัมพวันมา ๑๗-๑๘ ครั้ง
ไม่รู้ว่าโรคเหล่านี้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ดิฉันไม่เคยคิดว่า การไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
จะทำให้หายจากโรคได้ ไม่เคยเชื่อในเรื่องนี้เลย
ที่ดิฉันมาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน
เพราะดิฉันมีความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
กระว่าจะไป เพื่อทำให้จิตใจสบายขึ้น
ดิฉันเป็นคนที่ใจร้อนมาก ลูกทำอะไรผิดเป็นต้องตี
สามีทำอะไรไม่ถูกใจก็โกรธ
บางครั้งโกรธลูกโกรธสามีเป็นสัปดาห์กว่าจะพูดกันอีก
พอได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน กลับเป็นคนใจเย็น
ถึงบางครั้งจะโกรธบ้าง แต่เพียงช่วงเวลาไม่นานนักก็จะหาย
ส่วนลูกสาวคนเล็กตั้งแต่ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ๗-๘ ครั้ง
ปัจจุบันนี้การเรียนดีขึ้น เมื่อก่อนลูกสาวคนเล็กเรียนอ่อนมาก
แต่ขณะนี้สอบได้เกรด ๓ กว่าทุกครั้ง
ในแต่ละเทอมจนเพื่อนๆ แปลกใจ
ส่วนลูกสาวคนโตก็ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเหมือนกัน
และหลวงพ่อก็ช่วยแผ่เมตตาให้สอบเข้าศึกษาต่อ
ในระดับปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้
ครอบครัวของดิฉันสวดมนตร์กันทุกคืน
สามีดิฉันขับรถแท็กซี่กลับบ้านเมื่อไหร่
ก็ต้องสวดมนตร์ก่อนทุกครั้ง
ไม่ว่าจะกลับดกดื่นแค่ไหนก็ตาม
เมื่อก่อนสามีดิฉันไม่ยอมสวดมนตร์
เขาบอกว่าเรื่องอย่างนี้อยู่ที่ใจ
ตอนหลังเขาก็นำไปปฏิบัติ
และก็สวดมนตร์ทุกเช้าก่อนไปขับรถ
ตั้งแต่สามีดิฉันสวดมนตร์ก็ขับรถมีรายได้ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ฐานะทางบ้านก็ไม่ดีนัก
แต่ดิฉันกับสามีพยายามที่จะส่งลูกให้เรียนได้สูงที่สุด
เท่าที่กำลังของดิฉันและสามีจะทำได้
เพราะดิฉันกับสามีเรียนมาน้อย
จึงอยากจะให้ลูกเรียนให้สูงๆ
เพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อกับแม่
ตอนที่ดิฉันยังไม่ได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ครอบครัวของดิฉันลำบากมาก
ทำงานหามรุ่งหามค่ำเงินก็ไม่พอใช้จ่าย
เงินหาได้ก็เอาไปเป็นค่ารักษาตัวหมด และค่าเทอมลูก
บางครั้งต้องเอาของไปจำนำ
เวลาที่มีคนมาเรี่ยไรเงินไปทำบุญทอดกฐินผ้าป่า
ก็ทำไปอย่างนั้น ไม่ได้มีจิตศรัทธาอะไร
บางครั้งทำไปแล้วยังนึกเสียดาย
แต่เมื่อดิฉันมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ความรู้สึกเหล่านี้ก็ไม่มีเหลืออยู่อีก
มีแต่อยากจะทำบุญอยากจะให้
อยากจะช่วยคนที่ลำบากกว่าเรา
ตอนนี้ครอบครัวดิฉันมีความสุขมาก
ถึงจะไม่รวยเหมือนครอบครัวอื่นๆ

ก่อนนอนทุกคืนดิฉันต้องสวดมนตร์และเดินจงกรม
นั่งสมาธิมากน้อยแล้วแต่เวลาจะอำนวย
เพราะดิฉันได้รู้สึกได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเองแล้วว่า
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น
ให้อะไรกับชีวิตดิฉันได้มากมายนัก
และดิฉันจะไม่ลืมในพระเดชพระคุณของหลวงพ่อ
ที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักกับทางสว่างแห่งชีวิตของดิฉันและครอบครัว

(นางสมจิตร์ กาญจนกุล)
๙๓/๓๔ ม.๔ ศิริวัฒนา ๒
ตำบลบางศรีเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
โทรศัพท์ ๐-๒๔๔๖-๓๒๔๖



คัดลอกจาก... หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 16


http://www.jarun.org

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง