Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ชม “เวียงกุมกาม” เมืองหลวงล้านนา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2007, 11:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ชม “เวียงกุมกาม” เมืองหลวงล้านนา

จากเอกสารพงศาวดารโยนก ระบุว่า “เวียงกุมกาม” เป็นเมืองที่ “พญามังราย” กษัตริย์แห่งโยนกนครสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงแรกของล้านนา แต่เวียงกุมกาม ก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี พญามังรายจึงโปรดให้สร้าง “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” อันมีชัยภูมิที่เหมาะสมเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่

เวียงกุมกามล่มสลายลงเพราะน้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อครั้งพม่าแผ่อำนาจเข้ามาเมื่อปี พ.ศ.2101-2317 ทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมอยู่ใต้ตะกอนดินจนยากที่จะฟื้นฟู ประกอบกับอุทกภัยครั้งนั้น แม่น้ำปิงเปลี่ยนร่องน้ำไม่ไหลผ่าน จึงถูกทิ้งร้างมานับร้อยปี จนมีความเชื่อว่าเวียงกุมกามเป็นเพียงเมืองในตำนาน

Image

เมื่อปี พ.ศ.2527 หน่วยศิลปากรที่ 4 กรมศิลปากร ขุดแต่งวิหารกานโถมที่ “วัดช้างค้ำ” ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในเวียงกุมกาม จนทำให้เรื่องราวของเมืองในตำนาน นครโบราณใต้พิภพแห่งนี้ ปรากฏเป็นจริงขึ้น

จากการศึกษาค้นคว้าของนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ต่างยืนยันและเชื่อได้ว่า ในเขตท้องที่หมู่ 11 ต.ท่าศาลา อ.สารภี อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าเวียงกุมกาม จุดสำคัญของเวียงกุมกาม มีโบราณสถานที่น่าสนใจอยู่ 5 แห่ง หลังจากที่บูรณะแล้ว โดยยังคงสภาพความสมบูรณ์ในรูปแบบของสถาปัตยกรรม ในส่วนของเจดีย์ และอุโบสถ แลดูเป็นเอกลักษณ์ สวยเด่นเป็นสง่า เหมาะแก่การศึกษาและเดินทางเที่ยวชม

Image

เริ่มที่ “วัดกานโถม” หรือ “วัดช้างค้ำ” จากเอกสารพงศาวดารโยนกระบุว่า พญามังรายโปรดให้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.1833 ลักษณะพระอุโบสถ ประกอบด้วยฐานเจดีย์กว้าง 12 เมตร สูง 18 เมตร มีซุ้มพระจำนวน 4 ทิศ ลดหลั่นเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวน 4 องค์ ส่วนชั้นบนประดิษฐานไว้จำนวน 1 องค์

อีกทั้งยังพบหลักจารึกหินทรายสีแดง ที่มีลักษณะอักษรผสมผสานกันระหว่าง อักษรมอญ อักษรไทย และอักษรสุโขทัย ที่นำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม

นอกจากนี้ในบริเวณวัดกานโถม ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์เก่าแก่ ที่อัญเชิญเมล็ดจากลังกามาปลูกไว้ และยังมีหอพญามังราย ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนในละแวกนั้นมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

Image

เมื่อเดินมาสักระยะจะพบกับ “วัดอีก้าง” ซึ่งอยู่ติดกับแนวคูน้ำคันดิน ด้านทิศตะวันตกของเมือง วัดอีก้างประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบล้านนา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว ประมาณปี พ.ศ.2060


มีต่อ >>>>>
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 27 มิ.ย.2007, 11:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถัดมาเป็น “วัดปู่เปี้ย” ตั้งอยู่บริเวณที่เข้าใจว่าเป็นแนวคูน้ำคันดิน ด้านทิศตะวันตกของเวียงกุมกาม ประกอบด้วยวิหาร เจดีย์ อุโบสถ ส่วนองค์เจดีย์มีศิลปกรรมแบบสุโขทัย และแบบล้านนารวมกัน คือมีเรือนธาตุสูงรับองค์ระฆังขนาดเล็ก อายุการสร้างเจดีย์วัดปู่เปี้ยน่าจะอยู่ในรัชสมัย พญาติโลกราช พ.ศ.1988-2068

บริเวณใกล้ๆ กันเป็น “วัดพระธาตุขาว” ตั้งอยู่บริเวณนอกแนวคูเมือง เจดีย์เป็นลักษณะกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมแบบศิลปะล้านนา อายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นฉาบด้วยปูนขาวขนาดใหญ่ เข้าใจกันว่าชื่อวัดคงเรียกตามลักษณะของพระพุทธรูปนี้

Image

สุดท้ายที่ “วัดเจดีย์เหลี่ยม” หรือ “วัดกู่คำ” เจดีย์เหลี่ยม (เจดีย์กู่คำ) มีขนาดฐานกว้าง 8 วา 1 ศอก สูง 22 วา ถอดแบบวัดจามเทพเทวี จ.ลำพูน เป็นศิลปกรรมแบบลพบุรี มีพระพุทธรูปยืนอยู่ในซุ้มทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ ยอดเจดีย์มีลักษณะแหลมขึ้นไปเป็นตุ่ม ไม่มีฉัตรเหมือนเจดีย์ทั่วไป

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2541 มีการบูรณะ โดยใช้ช่างชาวพม่า เป็นผู้ดำเนินการด้านลวดลายต่างๆ ทั้งหมด ทำให้ซุ้มพระและองค์พระจึงมีลักษณะศิลปกรรมแบบพม่า อย่างที่เห็นจนถึงปัจจุบัน

Image

อีกทั้งยังมีวัดที่บูรณะแล้วเสร็จอีก 4 แห่ง ที่มีเพียงฐานรากของอุโบสถ ไว้ให้ชมและศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็น วัดกู่ป้าด้อม วัดพระเจ้าองค์ดำ วัดพญามังราย และวัดหัวหนอง โดยวัดทั้ง 4 แห่ง มีการขุดพบโบราณวัตถุมากมาย เช่น พระพุทธรูปสำริดขนาดเล็กหลายองค์ เป็นศิลปะแบบล้านนาและเขมร ตลอดจนพระพิมพ์แบบหริภุญไชย เป็นต้น และยังมีเนินดินโบราณสถาน ที่ยังรอขุดแต่งและบูรณะอีกกว่า 11 แห่ง

เป็นที่น่าสังเกตว่า การสร้างวัดในเมืองเวียงกุมกามแห่งนี้ พระอุโบสถของวัด จะหันหน้าไปในทางทิศเดียวกันคือ ทิศของแม่น้ำปิงที่ไหลพาดผ่านเมืองทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นแม่น้ำปิงสายเก่า ก่อนที่แม่น้ำสายนี้จะไหลเปลี่ยนทิศทาง นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนในสมัยโบราณมีความผูกพันตลอดถึงความเชื่อต่อสายน้ำในชุมชน

เวียงกุมกามจากเมืองที่เคยหลับใหลกลายเป็นเพียงเมืองในตำนาน กลับฟื้นตื่นมาสะท้อนความรุ่งเรืองในอดีต

Image


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 5
เรื่องและภาพโดย สกล ทองหมี
วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5939
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง