Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “วัฏสงสาร...คือ มหาภัยแท้” พุทธดำรัส อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
med_med
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 29 ต.ค. 2006
ตอบ: 52

ตอบตอบเมื่อ: 30 เม.ย.2007, 9:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วัฏสงสารเป็นมหาภัย เพราะมีทุกข์กองใหญ่เหลือประมาณ

ปุถุชนสามัย ผู้มีปรกติท่องเที่ยวอยู่ภายในวัฏสงสารมหาภัยตราบใด ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้จมติดจมอยู่ในห้วงทุกข์ทรมานอยู่ตราบนั้น เป็นเวลานับชาติไม่ถ้วน! ส่วนท่านผู้บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถเห็นแจ้งแทงตลอดพระจตุราริยสัจ กำจัดอวิชชาได้เป็นครั้งแรกนี้ ท่านมีคุณวิเศษสามารถที่จะตัดกองทุกข์ใหญ่ออกไปได้มากทีเดียว โดยที่ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ ซึ่งนั้นก็หมายความว่ากองทุกข์มหาภัยกองใหญ่โตเหลือที่จักนับประมาณ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นเพราะการตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนั้น ได้ถูกบั่นทอนให้หมดสิ้นลงไป ให้เหลืออยู่น้อยที่สุด คือ เหลืออยู่อีกเพียงไม่เกิน ๗ ชาติเท่านั้น เพื่อความเข้าใจดีเรื่องนี้ ขอท่านผู้มีปัญญาพึงพิจารณาดูพระบาลีพุทธวจนะดังต่อไปนี้...

--------------------------------------------------

น้ำมหาสมุทร ๒-๓ หยาด

สมัยที่สมเด็จพระชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร อารามที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย ในเขตพระนครสาวัตถีนั้น คราวหนึ่งพระองค์ได้ตรัสเรียกพระภิกษุสงฆ์มาประชุมกันแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาตรัสถามขึ้นว่า

"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย ! สมมุติว่าน้ำในมหาสมุทรทะเลใหญ่ พึงเหือดแห้งหมดไป สิ้นไป ยังเหลือน้ำอยู่เพียง ๒ - ๓ หยาดฯ ในกรณีนี้พวกเธอจะเข้าใจว่าอย่างไรคือ น้ำในมหาสมุทรทะเลใหญ่ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไป กับน้ำ ๒-๓ หยาดที่เหลืออยู่นี้ อย่างไหนจะมากกว่ากัน ?"

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น้ำในมหาสมุทรทะเลใหญ่ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปนั้นแหละมากกว่า น้ำที่เหลืออยู่เพียง ๒-๓ หยาด มีประมาณน้อยกว่านักหนา น้ำเพียง ๒-๓ หยาดที่เหลืออยู่นี้เมื่อเทียบกันเข้ากับน้ำในมหาสมุทรที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ได้เลยพระเจ้าข้า" ภิกษุเหล่านั้นพากันกราบทูล

สมเด็จพระสรรเพชญสัมพุทธเจ้า จึงตรัสว่า "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ก็ย่อมจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน คือ ความทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไป ของบุคคลผู้เป็นอริยสาวก ซึ่งสมบูรณ์ด้วยทิฐิ รู้แจ้งแทงตลอดซึ่งธรรมวิเศษ ( ทรงหมายเอาท่านพระโสดาบันอริยบุคคล) มีประมาณมากว่า ส่วนความทุกข์ที่เหลือมีประมาณน้อย คือ ความทุกข์ที่ยังเหลืออยู่อีกเพียงไม่เกิน ๗ อัตภาพนั้นเมื่อเทียบเข้ากับกองทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยว ที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ฯ

ดูก่อนเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! การได้รู้แจ้งซึ่งธรรมวิเศษ ให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้ การได้ธรรมจักษุให้สำเร็จประโยชน์ อันยิ่งใหญ่อย่างนี้"

(พระบาลีสมุทรสูตร)


ก้อนหินเท่าเมล็ดพันธู์ผักการ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงมีพระมหากรุณาตรัสเรีกพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวง ซึ่งอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารมาประชุมกันแล้ว ตรัสถามขึ้นว่า

"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย ! สมมุติว่า ขุนเขาหิมวันต์ พึงถึงความแตกสลายหมดไป สิ้นไป ยังเหลือก้อนหินเท่าเมล็ดพันธุ์ ผักกาดอยู่เพียง ๗ ก้อนเท่านั้น ในกรณีนี้ พวกเธอจะเข้าใจว่าอย่างไร ? คือ ขุนเขาหิมวันต์ที่หมดไป สิ้นไป กับก้อนหินเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเพียง ๗ ก้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น ไหนจะมากกว่ากัน ?"

ภิกษุเหล่านั้น จึงกราบบังคมทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ขุนเขาหิมวันต์ ทั้งเขาที่หมดสิ้นไปนั่นแหละมากกว่า ก้อนหินเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่เหลืออยู่เพียง ๗ ก้อน มีประมาณน้อยนักหนา ก้อนหินเล็กเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่เหลืออยู่เพียง ๗ ก้อน เมื่อเทียบกันเข้ากับขุนเขาหิมวันต์ทั้งเขาที่หมดสิ้นไป ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ได้เลยพระเจ้าข้า"

สมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "ดูก่อนเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ก็ย่อมจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน คือ ความทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไป แห่งบุคคลผู้เป็นอริยสาวก ซึ่งสมบูรณ์ด้วยทิฐิ รู้แจ้งแทงตลอดซึ่งธรรมวิเศษ ย่อมมีประมาณมากว่า ส่วนความทุกข์ที่เหลืออยู่มีประมาณน้อย คือ ความทุกข์ที่เหลืออีกเพียงไม่เกิน ๗ อัตภาพนั้น เมื่อเทียบเข้ากับกองทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ฯ การได้รู้แจ้งซึ่งธรรมวิเศษ ให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้ การได้ธรรมจักษุให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้นะ เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย"

(พระบาลีปัพพตูปมสูตร)


ฝุ่นที่ปลายพระนขา

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทับอยู่ ณ บริเวณ พระเชตวันมหาวิหาร เขตพระนครสาวัตถี มีพระภิกษุสงฆ์แวดล้อมอยู่เป็นอันมาก พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นกาลสมควรที่จะแสดงพระธรรมเทศนาในขณะนั้น จึงทรงเอาปลายพระนขาช้อนฝุ่นขึ้นเล็กน้อย แล้วตรัสถามพระภิกษุสงฆ์ซึ่งอยู่ ณ ที่นั้นว่า

"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน? คือฝุ่นมีประมาณเล็กน้อย ที่เราเอาปลายเล็บช้อนขึ้นนี้ กับแผ่นปฐพีผืนใหญ่ อย่างไหนจะมากกว่ากัน"

พระสงฆ์เหล่านั้น จึงกราบบังคมทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! แผ่นปฐพีผืนใหญ่นี้แหละย่อมจะมากกว่านักหนา ฝุ่นมีประมาณเล็กน้อย ที่พระองค์ทรงเอาปลายพระนขาช้อนขึ้นนั้น มีประมาณน้อยเหลือเกิน เมื่อนำเอาไปเทียบกับผืนแผ่นดินใหญ่เข้า ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ได้เลยพระเจ้าข้า"

สมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ก็ย่อมจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน คือความทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแห่งบุคคลผู้เป็นอริยสาวก ซึ่งสมบูรณ์ด้วยทิฐิ รู้แจ้งแทงตลอด ซึ่งธรรมวิเศษ ย่อมมีประมาณมากกว่า ส่วนความทุกข์ที่เหลืออยู่อีกเพียงไม่เกิน ๗ อัตภาพนั้น เมื่อเทียบเข้ากับกองทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ การได้รู้แจ้งซึ่งธรรมวิเศษ ให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้ การได้ธรรมจักษุ ให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้นะ เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย"

(พระบาลีนขสิขสูตร)


น้ำที่ปลายหญ้าคา

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงมีพระมหากรุณาตรัสเรียกพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวง ซึ่งอยู่ ณ พระชตวันมหาวิหารมาประชุมกันแล้ว ตรัสถามขึ้นว่า

"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย สมมุติว่ามีสระโบกขรณียาว ๕๐ โยชน์ กว้าง ๕๐ โยชน์ ลึก ๕๐ โยชน์ มีน้ำใสเต็มเปี่ยมเสมอของสระ กาดื่มกินได้ บุรุณผู้หนึ่งพึงวิดน้ำขึ้นจากสระโบกขรณีนั้นด้วยปลายหญ้าคา! ในกรณีนี้เธอทั้งหลายจะเข้าใจว่าอย่างไร คือน้ำที่บุรุษนั้นวิดขึ้นด้วยปลายหญ้าคา กับน้ำที่ยังมีอยู่ในสระโบกขรณีนั้น ไหนจะมากกว่ากัน"

พระสงฆ์เหล่านั้น จึงกราบบังคมทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! น้ำที่ยังมีอยู่ในสระโบกขรณีนั่นซิ พระเจ้าข้า ย่อมมีประมาณมากกว่า น้ำที่บุรุษนั้นวิดขึ้นด้วยปลายหญ้าคามีประมาณน้อยนักหนา น้ำที่บุรุษวิดขึ้นด้วยปลายหญ้าคานั้น เมื่อนำเอามาเทียบกับน้ำในสระโบกขรณีแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ได้เลยพระเจ้าข้า"

สมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย ก็ย่อมจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน คือความทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไป แห่งบุคคลผู้เป็นอริยสาวก ซึ่งสมบูรณ์ด้วยทิฐิ เป็นผู้รู้แจ้งแทงตลอดซึ่งธรรมวิเศษ ย่อมมีประมาณมากกว่า ส่วนความทุกข์ที่ยังเหลืออยู่มีประมาณน้อย คือความทุกข์ที่ยังเหลืออยู่อีกเพียงไม่เกิน ๗ อัตภาพนั้น เมื่อเทียบเข้ากับความทุกข์ที่เหือดแห้งหมดสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ ฯ การได้รู้แจ้งซึ่งธรรมวิเศษ ให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้ การได้ธรรมจักษุให้สำเร็จประโยชน์อันยิ่งใหญ่อย่างนี้นะ เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย

(พระบาลีโบกขรณีสูตร)


จากหนังสือ.........โพธิธรรมทีปนี
ของท่านเจ้าคุณศรี วิสุทธิโสภณ
ที่มา :: พันทิพดอดคอม
 

_________________
ธรรมได้ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2007, 9:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาครับ สาธุ.. สาธุ
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2007, 11:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ


เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
...ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ...

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง